อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 52 ถึงเวลาโต้กลับแล้ว
ตอนพิเศษ 52 ถึงเวลาโต้กลับแล้ว
ตอนพิเศษ 52 ถึงเวลาโต้กลับแล้ว
ทว่าในวินาทีต่อมา นางก็หรี่ตาลงเล็กน้อย พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงถอนมือกลับคืน
“ลวี่หลัว เป็นเจ้านี่เอง ข้าตกใจหมด” เยียนจือเอ่ย แล้วกลับไปยืนข้าง ๆ เผยตัวหลานสุ่ยชิงออกมา
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาเป็นสาวใช้ตัวสูงโปร่งผู้หนึ่ง รูปโฉมไม่สะดุดตามากนัก นางทำความเคารพหลานสุ่ยชิงเล็กน้อยพอเป็นพิธี จากนั้นถามยิ้ม ๆ “อนุหลัวได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนโยวหราน จึงให้บ่าวมาแสดงความยินดีกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ”
หลานสุ่ยชิงเลิกคิ้วขึ้นแล้วแย้มยิ้มออกมา “ความสามารถด้านข่าวสารของอนุนับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
“เรื่องใหญ่เพียงนี้ เกรงว่าทั่วทั้งจวนหลานนับแต่บนลงล่างคงไม่มีใครไม่รู้นะเจ้าคะ” ลวี่หลัวนับว่าไม่แข็งกร้าวแต่ก็ไม่ถ่อมตัวจนเกินไป เอ่ยขึ้นเบา ๆ “อนุหลัวให้บ่าวมาถามว่าถึงเวลาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
หลานสุ่ยชิงหรี่ตาลง สายตาเหม่อมองออกไปไกลแสนไกล จากนั้นกล่าวด้วยเสียงลุ่มลึก “ใช่ ถึงเวลาโต้กลับแล้ว”
ลวี่หลัวได้ยินดังนั้น สายตาของนางพลันลุกโชนขึ้นมา ราวกับเลือดร้อนระอุในอกของนางกำลังปะทุ ระลอกแล้วระลอกเล่า โหมกระหน่ำสาดซัด บางทีความรู้สึกเช่นนี้คงถูกกดไว้นานเกินไป เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จึงรู้สึกเดือดพล่านขึ้นมา
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ จะต้องถ่ายทอดคำพูดนี้ให้อนุหลัวอย่างชัดเจนกระจ่างแจ้งแน่นอน”
หลานสุ่ยชิงพยักหน้า “เจ้าไปบอกอนุหลัว ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป สองพี่น้องจินซื่อถูกไท่ฮูหยินลงโทษให้ไปทบทวนตนเองที่ห้องพระหนึ่งเดือน ไม่อาจออกมาข้างนอกได้ ระยะเวลานี้จะคว้าหัวใจบิดาของข้าไว้ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสามารถของนางกับอนุฉีแล้ว โอกาสเช่นนี้มีเพียงครั้งเดียว หากรอให้จินซื่อหวนกลับคืนมา เกรงว่าพวกนางสองคนจะไม่มีโอกาสได้เฉิดฉายอีกแล้ว”
รองเจ้ากรมหลานมีภรรยาห้าคน นอกจากอู๋ซื่อ สองพี่น้องจินซื่อแล้ว ก็มีอนุหลัวที่แต่เดิมเป็นสาวใช้ และอนุฉีที่รับเข้ามาในภายหลัง
อนุหลัวเป็นคนซื่อตรงและรับผิดชอบหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี นางคอยปรนนิบัติรับใช้รองเจ้ากรมหลานอย่างสงบเสงี่ยม ต่อมานางตั้งครรภ์ จึงได้เลื่อนขั้นเป็นอนุ
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นจะถูกฆ่าตั้งแต่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกเสียอีก ซึ่งคนที่ลงมือก็คือจินซื่อ ถึงแม้อนุหลัวจะเป็นคนซื่อตรง ทว่าความหวังทั้งหมดของนางฝากฝังไว้กับลูกของตน บัดนี้ลูกถูกคนสังหาร คนที่นางเคียดแค้นชิงชังและอยากฉีกกระชากให้เป็นชิ้น ๆ มากที่สุดก็ย่อมเป็นสองพี่น้องจินซื่อ
ในตอนที่นางเพิ่งสูญเสียลูกไป นางร้องห่มร้องไห้โวยวาย เรียกชื่อจินซื่อซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมหยุด ทว่าในตอนนั้นจินซื่อทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน ทั้งยังเพิ่งคลอดบุตร ใจของรองเจ้ากรมหลานล้วนอยู่ที่พวกนางหมดสิ้น จะมีเวลามาสนใจอนุหลัวได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้อนุหลัวจึงไม่เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป หลังจากล้มลงวันนั้น รองเจ้ากรมหลานก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในห้องของนางอีก นางเริ่มตัดขาดจากโลกภายนอกกลายเป็นตะเกียงน้ำมันหน้าพระพุทธรูป(1) ทว่าความเกลียดแค้นในใจนางยังคงไม่จางหายไป โดยเฉพาะเมื่อเห็นภาพจินซื่อเชิดหน้าชูคอหยิ่งผยองวันแล้ววันเล่า มองดูลูกสาวของนางเติบใหญ่ขึ้นมาอย่างยโสโอหังในทุก ๆ วัน ในทางกลับกันไฟแค้นในใจนางโหมกระพือรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้จะเป็นตะเกียงน้ำมันหน้าพระพุทธรูปไปก็ไร้ประโยชน์
แต่ข้างกายของนางนอกจากลวี่หลัวสาวใช้คนสนิทแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นคนที่จินซื่อจัดหามา ทำให้นางมีชีวิตแบบปากกัดตีนถีบ ทุกการเคลื่อนไหวของนางล้วนอยู่ภายใต้การจับตามอง อยู่อย่างทุกข์ทรมาน
ส่วนอนุภรรยาฉีเป็นคนขี้ขลาด เป็นเพราะดวงตางดงามคู่นั้นที่มักเป็นประกายระยิบระยับอยู่เสมอราวกับกระต่ายน้อยที่กำลังตื่นกลัว ทำให้รองเจ้ากรมหลานรักใคร่นางอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ทว่านางขี้ขลาด ภายใต้ความร่วมมือกดดันของสองพี่น้องจินซื่อ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะแย่งชิงความโปรดปราน ถึงแม้รองเจ้ากรมหลานเป็นฝ่ายย่างกรายเข้าไปในห้องของนาง นางก็ยังกลัวว่าวันพรุ่งจะถูกสองพี่น้องจินซื่อแก้แค้นเอา
เป็นเพราะนิสัยใจคอของอนุภรรยาทั้งสองคน หลายปีมานี้จินซื่อจึงคอยกดข่มพวกนางอยู่ตลอด ทำให้พวกนางไม่มีโอกาสโต้กลับแม้แต่น้อย
รองเจ้ากรมหลานก็เริ่มลืมเลือนพวกนางไปทีละนิด และด้วยการเอาอกเอาใจของสองพี่น้องจินซื่อ เขาก็แทบจะไม่ย่างกรายเข้าห้องของพวกนางแล้ว
เพียงแต่เมื่อสองปีก่อน ในตอนที่สองพี่น้องจินซื่อกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ รองเจ้ากรมหลานหลังจากร่ำสุราจนเมามายก็ได้เหยียบย่างเข้าในเรือนของอนุฉี หลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนคืนนั้น อนุฉีจึงตั้งครรภ์ขึ้นมา ถึงแม้หลังจากกลับมาแล้วสองพี่น้องจินซื่อจะโกรธเคืองมาก แต่ก็ยังคงแอบให้คนจัดยาบำรุงให้อนุฉีดื่ม เพราะเหตุนี้รองเจ้ากรมหลานจึงรู้สึกผิดต่อสองพี่น้องจินซื่อ ไม่เคยไปพบอนุฉีอีกเลย
อนุฉีนับว่ายังโชคดีที่สามารถรักษาเด็กในท้องของนางเอาไว้ได้ ในตอนที่นางตั้งครรภ์นางมีปฏิกิริยาตอบสนองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น กินเวลาหลายเดือนกว่าคนอื่นจะรู้ อนุฉีจึงทั้งดีใจและกังวลในเวลาเดียวกัน
อย่างไรเสียนางก็รู้เรื่องที่ลูกของอนุหลัวถูกฆ่า นางจึงกลัวมากว่าลูกของตนจะถูกฆ่าเช่นเดียวกัน
ถึงตอนนี้นางนึกถึงหลานสุ่ยชิงขึ้นมา ถึงแม้ว่าอนุฉีจะขี้ขลาด แต่บางครั้งความนึกคิดของนางก็กระจ่างชัด
หลายปีมานี้ จินซื่อมีความสามารถที่จะทำร้ายนางและอนุหลัวจนไม่อาจเข้าใกล้รองเจ้ากรมหลานได้ก็จริง แต่ถึงแม้จะพยายามมากเพียงใดก็ไม่อาจสั่นคลอนสถานะภรรยาเอกของอู๋ซื่อได้ อุบายแล้วอุบายเล่า อย่างมากไท่ฮูหยินและรองเจ้ากรมหลานก็ทำได้เพียงลดอาหารการกินและเครื่องนุ่มห่มของพวกนางแม่ลูก
อีกทั้งทั่วทั้งจวนหลาน หากนางอยากปกป้องคุ้มครองลูกของตน ก็ทำได้เพียงพึ่งพวกเขาแล้ว
ดังนั้น นางจึงไปหาหลานสุ่ยชิง
หลานสุ่ยชิงประหลาดใจเล็กน้อย ทว่านางยังคงหาทางออกให้อนุฉี ให้นางร่วมมือกับอนุหลัวหาข้ออ้างออกจากจวนหลาน
อนุหลัวดีใจกับข่าวดีที่คาดไม่ถึงนี้ ตัวนางเองไม่มีลูกแล้ว ทั้งไม่มีความแค้นอันใดกับอนุฉี กลับกันยังหวังให้เด็กคนนี้คลอดออกมา หากออกมาเป็นบุรุษ นั่นก็ถือว่าเป็นการตบหน้าจินซื่อฉาดใหญ่ ทั้งยังสามารถแก้แค้นให้ลูกของนางได้
ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้นไม่นาน อนุฉีจึงใช้ข้ออ้างว่านางฝันร้ายทุกวัน อยากไปผ่อนคลายจิตใจที่คฤหาสน์อีกแห่งสักเดือนหนึ่ง ซึ่งอนุหลัวก็ใช้โอกาสนี้ขอออกไปพักหนึ่งเช่นกัน
สองพี่น้องจินซื่อแทบรอให้พวกเขาออกไปจากจวนหลานแทบไม่ไหว อย่างไรเสียเมื่อรองเจ้ากรมหลานไปเยี่ยมบ้านอนุฉีไม่กี่เดือนก่อนก็ทำให้พวกนางรับรู้ถึงวิกฤต เดิมทียังคิดว่าจะกำจัดพวกนางไปเลยหรือไม่ แต่พวกนางกลับเป็นฝ่ายขอไปพักที่คฤหาสน์เองเช่นนี้ จึงถือว่าหลบเลี่ยงเคราะห์ร้ายไปได้
ในหมู่บ้านมีคนไม่มากนัก อีกทั้งล้วนเป็นคนซื่อสัตย์และรับผิดชอบหน้าที่ตนเอง อนุหลัวเคยเป็นสาวใช้ของรองเจ้ากรมหลาน เดิมทีก็เป็นสาวใช้ของจวนหลาน จึงมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับสาวใช้ในคฤหาสน์ ด้วยเหตุนี้ อนุฉีจึงใช้ชีวิตอยู่ที่คฤหาสน์เช่นนี้ และคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย
เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ในตอนที่หลานสุ่ยชิงได้ยินข่าวนี้ ในใจค่อนข้างรู้สึกซับซ้อน ถึงอย่างไรจวนหลานก็ยังไม่มีหลานชาย นับแต่นี้เป็นต้นไปเด็กคนนี้บางทีอาจจะเป็นหลานชายคนโตของจวนหลาน เพียงแต่เด็กคนนี้เกิดจากอนุของพ่อนาง และแม่ของนางยังไม่มีลูกชายแม้แต่คนเดียว ดังนั้นสถานะในจวนภายหน้าของนาง……จึงยังคงหมิ่นเหม่
ตรงกันข้ามอู๋ซื่อกลับมีความสุขมาก แล้วยังเอ่ยกับนาง “นี่เป็นเรื่องดี เจ้าจะกังวลขนาดนั้นไปทำไม? ร่างกายของแม่เจ็บป่วยมานานหลายปี อนาคตไม่สามารถมีลูกได้อีกแล้ว ฉีซื่อไม่เหมือนจินซื่อตรงที่นางมีลูกชาย เทียบกับจินซื่อแล้วการมีลูกชายนับว่าดีกว่ามากนัก”
หลานสุ่ยชิงฟังคำปลอบโยนของนาง เห็นว่าสีหน้าของนางมีความสุขจริง ๆ จึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกเศร้าอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
ท่านแม่ของนางมักจะมีความคิดเช่นนี้กับอนุของท่านพ่อเสมอ บางทีหลายปีมานี้อาจทะเลาะเบาะแว้งกับท่านพ่อจนยอมแพ้โดยสิ้นเชิงแล้วก็เป็นได้
ทว่า ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง……
………………………………………………………………………………………………………………………….
(1)ตะเกียงน้ำมันหน้าพระพุทธรูป หมายถึงมีชีวิตที่โดดเดี่ยว
สารจากผู้แปล
แผนดีมาก ผูกมิตรกับอนุอีกสองคนของพ่อให้มาคานอำนาจจินซื่อ แสดงให้เห็นว่าสุ่ยชิงไม่ได้โง่เลย
ไหหม่า(海馬)
Comments