ฟุเอ๊ เกิดใหม่ก็เก่งภาษาสุดๆซะแล้วค่ะ 18 สรุปขี้โม้อ๋อ

Now you are reading ฟุเอ๊ เกิดใหม่ก็เก่งภาษาสุดๆซะแล้วค่ะ Chapter 18 สรุปขี้โม้อ๋อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

“มีสายมาจากโรงเรียนหรอจ๊ะ เขาพูดว่าไงบ้าง?”

“อ่ะ ใช่ค่ะ คือเขาบอกว่าหนูได้ห้องธรรมดา”

 

ฉันบอกแม่ไปอย่างงั้นในตอนที่เธอถึงบ้าน คุณแม่ก็ดูช็อคเหมือนกันที่ได้ยินฉันพูดอย่างนั้น บางทีเธออาจจะจินตนการว่าฉันจะได้ห้องที่สูงที่สุด

 

“โอเคจ๊ะ งั้นอย่างแรกเลยก็คือ ไม่ต้องกังวลนะจ๊ะ สำหรับลูก แม่เชื่อว่าลูกไปห้องดีๆได้แน่นอน”

 

ฉันหัวเราะออกมา “หนู ก็คิดอย่างงั้นเหมือนกันค่ะ”

 

ฉันคิดว่ามันไม่มีทางหรอกนะ เมื่อลองคิดกลับไป ตอนที่ฉันรับสายนั้นดูเหมือนว่า

 

 

 

* * *

 

[อยากจะมาเป็นเด็กห้องพิเศษของเราไหม?]

 

“คะ?”

 

 

ไม่ๆ ฉันว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

 

ฉันคิดไปอย่างนั้น

 

ฉันรู้ว่าฉันสอบเป็นยังไงบ้าง

 

แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าคะแนนตอนสอบมันต้องไม่ดีพอที่จะได้เป็นเด็กห้องพิเศษด้วยซ้ำ

 

หรือว่าคะแนนภาษาอังกฤษของฉันมันจะเหนือความคาดหมายกันนะ?

 

แต่ถึงยังไงฉันก็คือว่ามันต้องไม่พอที่จะทำให้ฉันกลายเป็นเด็กพิเศษได้สิ มันต้องมีพวกเด็กที่เก่งกว่าฉันแล้วได้คะแนนเหมือนกันแน่ๆ

 

แต่ในตอนที่ฉันฟังเรื่องราว ฉันก็เข้าใจวิธีการทำงานของระบบ

 

เธอได้อธิบายว่า เด็กห้องพิเศษไม่ได้วัดจากคะแนนที่ได้ แต่มาจากการคัดเลือกที่ต้องผ่านเงื่อนไขพิเศษ

 

ซึ่งมีอยู่ 2 เงื่อนไข

 

เงื่อนไขแรกก็ นักเรียนที่สมัครคอร์สต้องสอบเข้าโรงเรียนมัธยมที่เข้ายากให้ได้

 

อีกอย่างก็คือ ต้องได้เกรดสูงๆ ในตอนที่สอบหลังจบคอร์สฤดูร้อน

 

ในอีกความหมายก็คือ ฉันเข้าใจสิ่งที่เขาพูดมาถูก มันหมายถึง

 

[เธอมีโอกาศที่จะได้เป็นเด็กห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนนั้น]

 

นี่ฉันคิดถูกใช่ไหมเนี่ย?

 

นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกไหม?

 

ไม่มีเด็กคนไหนรู้สึกแย่ตอนโดนบอกว่ามีพรสวรรค์ ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายของครอบครัวเหมือนกันที่อยากได้ยินว่า ลูกของคุณเป็นอัจฉริยะ

 

ฉันพนันเลยว่าโอกาศมันไม่เป็นศูนย์หรอก ใช่ไหมล่ะ?

 

ฉันผิดหวังนิดหน่อย เพราะมันไม่ตรงกับความคาดหวังของฉัน

 

นั่นมันเป็นแค่เหยื่อล่อเฉยๆ

 

ใช้คำพูดว่า เด็กห้องเรียนพิเศษ (เด็กทุน) เพื่อเป็นเหยื่อล่อเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนนั้นเลย.

 

คุณแม่เองก็เล็งที่ให้ฉันไปเรียนอยู่แล้วด้วย

 

ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าพวกนั้นบอกกับครอบครัวและเด็กว่ามีพรสวรรค์เหมือนกันอยู่แล้วทุกคน

 

เพราะยังไงแล้ว ทั้งหมดมันก็เป็นแค่คำพูด

 

เพราะยังไงการที่ได้เป็นเด็กห้องพิเศษและได้เข้าโรงเรียนมัธยมต้นที่ยากๆ มันเป็นผลดีต่อโรงเรียนอยู่แล้ว

 

และถึงจะทำไม่ได้ โรงเรียนก็ยังทำเงินจากค่าคอร์สตอนจบได้อยู่ดี

 

พวกพ่อแม่เองก็ยินดีที่จะให้ลูกติวฟรีเพื่อที่จะได้เป็นเด็กห้องพิเศษ

 

มันไม่น่าตกใจเลยซักนิดที่ครอบครัวจะหันหลังกลับจากเห็นค่าธรรมเนียมแพงๆ แต่ก็ยังจะลองโดยที่คิดไว้ว่า แค่ตอนนี้เท่านั้น

 

เด็กพิเศษจะมีอยู่ 2 ประเภท

 

A เป็นเด็กที่โรงเรียนจ่ายให้ทั้งหมด B เป็นนักเรียนที่โรงเรียนจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ถ้ามีคนมาบอกฉันอย่างงั้นฉันก็จะได้ 1 จากในนั้นแหละ

 

เพราะคนที่ลงทุนไป ก็หวังว่าอยากให้สิ่งที่ลงทุนไปดีขึ้นใช่ไหมล่ะ

 

แถมการที่ลงเงินไปแล้วมันก็ยากที่จะเอากลับมา

 

เงินส่วนนั้นจะถูกแช่แข็งเอาไว้ จนกว่าจะถึงเดือนกุมพาพันธ์ตอนที่สอบเข้าได้จบลง

 

และก็แน่นอน พวกครูเหล่านั้นเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก

 

มันก็เป็นแค่พื้นฐานของระบบเศรษฐกิจที่อยากให้ลูกค้ามาลองก็แค่นั้น

 

 

* * *

นั่นแหละคือความจริง

 

ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะคาดหวังมันนิดนึงตอนที่พวกเขาพูดงั้น แบบ ฉันเก่งนะอะไรงี้

 

กลับมาดีกว่า

 

วันนี้ฉันได้คอแลปกับวีทูบเบอร์ของประเทศเกาหลี

 

และฉันกำลังเล่นเกมที่ปกติฉันจะไม่ค่อยเล่นนั้นคือเกม fps ที่มันเป็นภาษาเกาหลี

 

 

<ผมเข้าใจดีเลยล่ะ พวกวิชาการในเกาหลีเองก็เดือดมากๆ ถึงมันจะไม่มีการสอบเข้าพวกม.ต้น หรือ ม.ปลายก็เถอะ แต่เพราะโรงเรียนเป็นที่ๆเรียน มันเลยไม่มีพวกชมรมเหมือนของญี่ปุ่น>

 

<เป็นงั้นเองหรอคะเนี่ย..?>

 

<ใช่ครับ ในตอนที่ผมเป็นเด็นม.ปลาย ผมจะกังวลในวันสอบเสมอ และในวันสอบเองคนทั่วทั้งประเทศก็จะส่งเสียงเชียร์ให้กับพวกนักเรียน>

 

 

 

 

>나는 시험이 싫습니다. (ผมเกลียดการสอบ)

 

>ตอนนี้ผมก็ยังไม่อยากสอบเลยล่ะครับ ถึงแม้จะให้เงิน 10 ล้านวอนก็เถอะ

 

>ตอนสอบผมเกือบจะมาสายแล้ว ผมเลยต้องนั่งรถของตำรวจเพื่อมาสอบเลย

 

<อะไรนะคะ รถตำรวจ?>

 

 

>ตอนที่ผมกลับบ้าน มีชายแก่ที่ไหนก็ไม่รู้มาขี่มอเตอร์ไซค์พาผมกลับบ้านด้วย

 

>ผมยังฝันร้ายตอนที่ผมเกือบสายอยู่เลย

 

 

<ทุกคนคนมีเวลาที่ลำบากกับการสอบเหมือนกันสินะคะเนี่ย..>

 

<เดียวนะ อิโรฮะจังไม่ได้อ่านคอมเม้นของผมเป็นอังกูลหรอ?>

 

<อ่ะ ค่ะพึ่งเห็น งั้นเดียวอ่านเลยนะคะ>

 

 

>งั้นแสดงว่าตอนนี้อ่านได้แล้วสินะ

 

>จริงดิ๊? ในลองอ่านให้ฟังหน่อย

 

 

>ผู้จัดการโรงงานซีอิ๊วคือผู้จัดการโรงงานคัง และผู้จัดการโรงงานมิโซะคือผู้จัดการโรงงานช้าง

(간장공장의 관리자는 강공장의 관리자이다. 그리고 된장 공장장은 코끼리 공장장이다.)

 

 

 

 

 

<หัวหน้าโรงงานซีอิ๊วคือผู้จัดการโรงงานคัง และหัวหน้าโรงงานมิโซะคือผู้จัดการโรงงานช้าง>

(간장공장의 관리자는 강공장의 관리자이다. 그리고 된장 공장장은 코끼리 공장장이다.)

 

 

 

>!?!?!?

 

>นี่อิโรฮะจังพูดเกาหลีได้ดีกว่าคนเกาหลีอย่างผม ?

 

>ลิ้นพันหมดแล้วจ้า

 

<อะไรหรอทุกคน มันเป็นคำที่พูดยากหรอ?>

 

 

 

กันจัง กอนจัง กอนจัง จัง อุนคัง กอนจังจังกยิโก, เทนจัง กอนจัง กอนจังจัง อุนชาน กอนจังจังกยิดา…

( TL : ? )

 

ว๋าา พูดอยากจังเลย

 

ฉันไม่รู้เลยนะ ว่าเมื่อกี้ฉันพูดเร็วขนาดนี้

 

แล้วฉันพูดเร็วได้ไงเนี่ย ก็การร้องเพลงของฉันมันกากซะขนาดนั้น ?w?

 

 

 

(TL : ในส่วนของหัวหน้าโรงงานซีอิ้ว มันเป็นประโยคที่คล้ายๆคำพ้องเสียงกับอ่ะครับ มันก็ประมาณนี้)

 

ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงกันไหมครับ ? กลับมาแล้วครับ เย้ เย้ เย้ แต่พรุ่งนี้ยังมีสอบนะ wwwww

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด