ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 275-2 เวลาไม่เคยรอใคร (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 275-2 เวลาไม่เคยรอใคร (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 275 เวลาไม่เคยรอใคร (2)

คาดหวังกับแพลตฟอร์มอิสระเล็กๆ ภายในมหาวิทยาลัยให้ไปหลอมรวมกับมหาวิทยาลัยทั้งเก้าสิบเก้าแห่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง

แต่หากเป็นการร่วมมือของสถาบันศึกษาระดับสูงแต่ละแห่ง ยังคงมีความหวัง

อย่างเช่นหนานเจียงและเซี่ยงไฮ้ เขาและฟางผิงต่างควบคุมอำนาจบางส่วนในมหาวิทยาลัย เรื่องนี้ยังพอจัดการได้

พูดคุยเรื่องนี้แล้ว หวังจินหยางจึงเอ่ยว่า “เตรียมจะทะลวงขั้นสี่แล้ว?”

ฟางผิงส่ายหัว ครุ่นคิดเล็กน้อย “ยังต้องรออีกหน่อย รอหลังจากผมฟันเจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของขั้นสามได้แล้ว ค่อยทะลวงอีกที”

“จำเป็นหรือไง?”

“จำเป็น”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำเรื่องอะไรต้องมีความเสมอต้นเสมอปลาย อีกอย่างอันดับหนึ่งและอันดับสามไม่เหมือนกัน ผมเป็นที่หนึ่งของขั้นสาม ถูกยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นที่หนึ่งถึงจะเป็นจุดสนใจ ทำให้ทุกคนเห็นความสำคัญ ทำให้ได้รับประโยชน์จากชื่อเสียงได้ ทั้งจะครองความได้เปรียบเรื่องการแข่งขันในอนาคตได้มากขึ้น พี่หวังลองคิดดู ตอนนี้ชื่อเสียงของพี่มีมากกว่าผมหรือเปล่า? บางทีในโลกผู้ฝึกยุทธ์ พี่อาจมีชื่อเสียงไม่น้อย แต่ในสังคมนี้กลับมีคนทั่วไปเยอะกว่า”

“ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่มีกี่คนที่รู้จักพี่ รอผมกลับไปเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาใหม่เปิดเทอม ผมแค่โบกมือทักทาย บางทีสมาคมของผมอาจจะรับสมาชิกใหม่ได้กว่าครึ่งใหญ่แล้ว เพราะฟางผิงคนนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เป็นแบบนี้หลายปีต่อไป นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้รู้จักแค่ผม ไม่รู้จักสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ผมก็สามารถแทนที่ในตำแหน่งของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นสมาคมที่ผมสร้างขึ้นเอง นี่ไม่เหมือนกับสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เป็นแบบนี้ต่อไป รอสมาชิกพวกนี้เรียนจบ ผมขึ้นชื่อว่าเป็นประธานของพวกเขา คนแรกและคนเดียวตลอดไป นั่นมีอิทธิพลกับพวกเขาแล้ว เส้นสาย แวดวง และอิทธิพลจะเพิ่มมากขึ้นตาม บางทีตอนที่ผมยังเป็นนักศึกษาก็อาจจะสร้างอิทธิพลให้ทั่วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้อย่างแท้จริงแล้ว”

หวังจินหยางมองเขาอย่างลึกล้ำ ผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยว่า “นายทะเยอทะยานไม่น้อย”

“ผมไม่ได้ทะเยอทะยาน”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมแค่ปกป้องตัวเอง ภายใต้สถานการณ์ที่ถ้ำใต้ดินรออยู่ตรงหน้า ผมทำได้แค่พยายามเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ตัวเองสามารถครอบครองพลังที่มากกว่านี้ ไม่ใช่ดึงดันยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างเพราะถูกยั่วยุ ผมต้องการได้รับข้อมูลที่มากกว่านี้ ต้องการทรัพยากรมากกว่านี้ ไม่ใช่รอแต่คนอื่นมาชี้แนะทีละเล็กทีละน้อยถึงจะค่อยรู้ได้”

“ความลับของถ้ำใต้ดินที่ลึกลงไปกว่านั้น พวกเราเข้าใจจริงๆ หรือเปล่า? การตัดสินใจและแผนของรัฐบาล พวกเรามีสิทธิ์ล่วงรู้ข้อมูลก่อนหรือไม่? นอกจากผมต้องการรับรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ยังอยากเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง ทั้งเข้าไปมีส่วนร่วม บางทีพี่อาจจะบอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่สนใจเรื่องอำนาจ แต่ไม่มีอำนาจ พี่จะสามารถพึ่งความคิดตัวเองเปลี่ยนแปลงหนานเจียงได้อย่างนั้นเหรอ? ผีมือและอำนาจต่างเป็นสิ่งจำเป็น นี่ถึงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ใช่คนที่ใช้เป็นแต่กำลัง”

หวังจินหยางไม่พูดอะไรอีก ไม่รู้ว่ายอมรับเรื่องพวกนี้โดยปริยายหรือคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายยืดยาว

พวกเขาไม่ได้คุยเรื่องพวกนี้อีก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามและขั้นสี่พูดคุยในประเด็นนี้ หากถูกเผยแพร่ออกไปคงทำให้คนขำเสียเปล่าๆ

ในสถานการณ์ที่มีปรมาจารย์นับร้อย ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่างมีสิทธิ์อะไรจะไปเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง?

แต่ทั้งสองคนต่างมีความเชื่อมั่นสูงทีเดียว ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร ปรมาจารย์…เป็นเรื่องไม่เร็วก็ช้านี้เท่านั้น!

ปลายเดือนกรกฎาคม ฟางผิงกลับไปหยางเฉิง

เวลานี้เขาเริ่มเก็บตัวมากขึ้น ออกไปไหนมาไหนน้อย ไม่เผยหน้าค่าตา เบื้องบนของหยางเฉิงบางส่วนแทบไม่รู้ว่าฟางผิงกลับมาหยางเฉิงแล้ว

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่กลับบ้านนี้ เพราะค่าทรัพย์สินเหลือน้อย ฟางผิงจึงจำเป็นต้องพึ่งตัวเองในการขัดเกลาวิชาและฟื้นฟูร่างกาย ปราณสามารถอาศัยการนอนหลับพักผ่อนและกินข้าวเพื่อฟื้นฟูได้

ทั้งสามารถใช้พลังจิตใจเคลื่อนย้ายอนุภาคพลังงานเพื่อฟื้นฟูได้เช่นกัน

แต่พลังจิตใจกลับต้องอาศัยการนอนหลับพักผ่อนเพื่อฟื้นฟู

แม้ว่าจะพัฒนาไปอย่างช้าๆ แต่ไม่กี่วันผ่านไป ฟางผิงพบว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การเคลื่อนย้ายของพลังจิตใจกลับคล่องแคล่วมากขึ้น ปราณก็เคลื่อนย้ายราบรื่นมากขึ้น เจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง ฟางผิงศึกษาทบทวนและฝึกฝนมาโดยตลอด สงบจิตสงบใจ หลีกหนีจากความวุ่นวาย การพัฒนาก็ไม่ช้าอีกต่อไปแล้ว

ชั่วพริบตาเวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่เดือนสิงหาคม

วันที่ 5 สิงหาคม

หนานเจียงเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมขนาดเล็ก

ผลกระทบไม่ใหญ่มาก แต่ระยะห่างจากหยางเฉิงไม่ไกล อยู่ที่เมืองรุ่ยอันซึ่งอยู่ติดกับรุ่ยหยาง

ภัยพิบัติน้ำท่วมทำให้เทือกเขาย่อยของเขาชางซานเกิดโคลนถล่ม แม้ว่าภูเขาทรุดตัวลงไม่ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียแก่เศรษฐกิจและผู้คนมากมาย แต่วันนั้นหลายคนกลับไม่เห็นว่ากลางอากาศมียอดฝีมือหลายคนกำลังเหาะสำรวจเหตุการณ์แถบนั้นด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

ด้านฟางผิง ตั้งแต่ทะลวงพลังจิตใจห้าร้อยเฮิรตซ์ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งและอ่อนแอของอนุภาคพลังงานแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้

วันที่ 5 สิงหาคมนั้นฟางผิงรับรู้ได้อย่างชัดเจน อนุภาคพลังงานของหยางเฉิงมีความเข้มข้นขึ้นอยู่บ้าง

“อุโมงค์ทางเดินเปิดออก พลังงานถูกปลดปล่อย!”

ฟางผิงตระหนักได้ถึงจุดนี้ทันที

ตอนที่สัมผัสได้ว่าอนุภาคพลังงานเพิ่มมากขึ้น ฟางผิงก็ถลาตัวออกจากห้องขึ้นไปที่ระเบียงมองสำรวจท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายทันที ไม่นานฟางผิงก็มั่นใจว่าสัมผัสของตัวเองไม่ผิดเพี้ยน!

“อนุภาคพลังงานของหยางเฉิงเข้มข้นมากขึ้น!”

“อุโมงค์ทางเดินเปิดออกที่ไหนกัน?”

“หยางเฉิงงั้นเหรอ? ไม่ ถ้าอยู่ในหยางเฉิง น่าจะไม่ได้เพิ่มแค่นี้ แต่หยางเฉิงสามารถรับรู้สภาวะของอนุภาคพลังงานนี้ได้อย่างชัดเจน หมายความว่าระยะห่างไม่ไกลจากหยางเฉิงมาก!”

ฟางผิงรีบกลับเข้ามาในบ้าน ไม่ทันได้สนใจคำถามของคนในบ้าน รีบโทรศัพท์ออกไปหาคนบางส่วนทันที

ไม่นานก็รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่รุ่ยอัน

สายสุดท้ายฟางผิงโทรหาตาเฒ่าหลี่ ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจว่า “ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ใกล้จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายแล้ว พวกอาจารย์ของมหาวิทยาลัยน่าจะกลับมาเร็วๆ นี้ แต่ต่อไปต้องเผชิญหน้ากับเมืองตงขุยและเทียนหนานสองเมือง เซี่ยงไฮ้จะมีความกดดันมากขึ้น ถ้ำใต้ดินหนานเจียง…แม้ว่าจะเกิดการปลดปล่อยพลังงาน อย่างน้อยสามเดือน อย่างมากครึ่งปี อุโมงค์ทางเดินถึงจะเปิดออก!”

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง ถามว่า “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่สามารถให้ความสนับสนุนหนานเจียงได้?”

“ผู้เฒ่าหลิวน่าจะอยู่ที่นั่น แต่คนอื่นๆ เกรงว่าคงจะไม่ได้”

ฟางผิงไม่พูดอะไรอีก ทางหนานเจียงปรากฏอุโมงค์ทางเดิน ต่อให้ดึงกำลังคนออกมาไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่อาจนั่งอยู่เฉยๆ เช่นกัน แต่ยิ่งยอดฝีมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือมากเท่าไหร่ หนานเจียงก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงเช่นกัน

หากแรงสนับสนุนมีน้อย ถูกทหารของถ้ำใต้ดินทะลวงออกมาจากอุโมงค์ทางเดินเข้าสู่โลกมนุษย์ บางทีเมืองรุ่ยอันอาจจะหายไปจากแผนที่แล้ว

หยางเฉิงห่างจากเมืองรุ่ยอันไม่ถึงแปดสิบกิโลเมตร ขับรถหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ใกล้กันเกินไป

“บางทีอาจต้องย้ายบ้านแล้ว!”

ฟางผิงพึมพำ ใกล้ขนาดนี้ เขาไม่วางใจจริงๆ

หากทางเดินถูกบุกทะลวงก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว

“ย้ายไปเซี่ยงไฮ้งั้นเหรอ?”

ก่อนหน้านี้ฟางผิงคิดจะซื้อบ้านที่เซี่ยงไฮ้มาโดยตลอด แต่เพราะต้องใช้เงินจึงไม่ได้ซื้อบ้านไว้ ตอนนี้คงต้องเตรียมพร้อมสักหน่อยแล้ว

“สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ประเทศจีนมีแค่ถ้ำใต้ดินปักกิ่งเท่านั้นที่สร้างเมืองมนุษย์ขนาดใหญ่เอาไว้ นอกจากจะสามารถป้องกันภัย ยังเตรียมพร้อมที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมได้…”

ส่วนสถานที่อื่นๆ จะมีปากทางเข้าถ้ำปรากฏหรือเปล่า ฟางผิงไม่ได้คิดเรื่องนี้

ทางเข้าถ้ำกำลังเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่ว่าอยู่เท่าเดิม สถานที่พวกนั้นบางทีอาจจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ย้ายเข้าไปตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ต่างกัน

“ปักกิ่ง…ฉันไม่คุ้นเคย ญาติพี่น้องพรรคพวกก็ไม่อยู่ทางนั้น หากจะย้ายก็มีแค่เซี่ยงไฮ้เท่านั้น”

“เซี่ยงไฮ้…”

ฟางผิงพึมพำ ตกลงจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือเปล่า?

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาย้ายไปได้จริงๆ น่ะเหรอ?

พ่อเขาเป็นรองผู้อำนวยการที่ศาลาว่าการ น้องสาวเรียนอยู่ที่นี่ ตอนนี้เขาก็เป็นความภาคภูมิใจของเมืองหยางเฉิง

ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของจางติ้งหนานหรือไป๋จิ่นซานตัดสินใจโดยพลการ ตอนนี้คนหยางเฉิงมีใครไม่รู้บ้างว่าฟางผิงถือกำเนิดจากหยางเฉิง ทั้งพ่อแม่ครอบครัวต่างอยู่ที่นี่กันหมด หากจู่ๆ ย้ายออกไป คนธรรมดาคงไม่รู้เรื่องราวอะไร แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับสูงคงจะเดาจุดประสงค์ของเขาออกแน่นอน

ถ้ำใต้ดินยังไม่ทันปรากฏขึ้น ฟางผิงจะหอบคนในบ้านหนีไปซะแล้ว คนแบบนี้มีคุณสมบัติเป็นหนึ่งในบุคคลแนวหน้าของโลกผู้ฝึกยุทธ์ในอนาคตได้งั้นเหรอ?

ฟางผิงครุ่นคิดยกใหญ่ สุดท้ายจึงตัดสินใจจะซื้อบ้านที่เซี่ยงไฮ้ก่อน

ถ้ำใต้ดินปรากฏขึ้น เขาจะมาหนานเจียงเพื่อดูสถานการณ์ด้วยตัวเอง

หากคิดว่าอันตราย จะพาครอบครัวไปอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ส่วนเวลานั้นคนอื่นจะมองยังไง เขาไม่สนใจเช่นกัน

หากสามารถป้องกันได้ อันดับแรกมนุษยชาติจะสร้างฐานทัพไว้ที่ถ้ำใต้ดิน แบบนั้นยังไม่ย้ายก็ได้

ตอนนี้บนโลกมีอันตรายทุกหนทุกแห่งเช่นกัน ย้ายไปเซี่ยงไฮ้ ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ถูกบุกทะลวงออกมาวันไหนก็พูดยากเหมือนกัน

ยิ่งไปกว่านั้นอุโมงค์ทางเดินใหม่ปรากฏ ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ ยังคงปิดผนึกได้ ไม่เหมือนอุโมงค์ทางเดินของเซี่ยงไฮ้พวกนี้ที่มั่นคงมานานแล้ว

เหตุผลที่หนานเจียงไม่ได้ครุ่นคิดเรื่องปิดผนึก ประเด็นสำคัญอยู่ที่พลังงานของทางเดินถ้ำใต้ดินยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากครั้งนี้ถูกปิดผนึก ครั้งหน้าก็จะเสถียรแล้ว ไปเจอกับทางเข้าอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็กลายเป็นสองทางเดินเปิดขึ้นพร้อมกัน วุ่นวายกว่าเดิมแล้ว

ฉวยโอกาสที่ทางเข้าต่อไปเปิดออกในช่วงสั้นๆ วางรากฐานก่อนที่ทางเข้าอีกแห่งจะปรากฏให้มั่นคงกลับจะมีความหมายมากกว่า

อุโมงค์ทางเดินบางส่วนที่เปิดมานานแล้ว ตอนนี้ล้วนอยู่อย่างมั่นคง อยากจะปิดผนึกไม่อาจทำได้แล้ว

“ปัญหาเยอะจริงๆ!”

ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ ความกระวนกระวายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

———————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด