ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น 936 แอบกระทำลับหลัง + 937 คนโปรดคนใหม่
ตอนที่ 936 แอบกระทำลับหลัง
เฮ่อเหลียนชิงซดน้ำแกงไปครึ่งชามแต่ก็ยังรู้สึกหิวอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างตัว “ตักข้าวให้ฉันอีกครึ่งจาน”
“ครับ!”
ลูกน้องของเขาใช้ความอดทนเป็นอย่างมากที่จะสามารถควบคุมความตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ แล้วตักข้าวใส่ในจานเล็กครึ่งหนึ่ง และวางลงตรงหน้าเฮ่อเหลียนชิง
“พี่หมิงซุ่น ข้าวสวยนี่อร่อยมากเลย ต่อให้ไม่มีกับข้าวฉันก็สามารถกินหมดได้เป็นจาน ๆแน่ะ”
เหมยเหมยไม่ได้พูดเกินความจริง ข้าวที่ฟาร์มแห่งนี้เม็ดแน่นขาวใส มันเงา เหมือนดั่งเม็ดไข่มุกก็มิปาน แถมยังให้รสชาติที่หวานและเหนียวอยู่ในปาก ชีวิตทั้งสองภพชาติของเธอรวมกันก็ยังไม่เคยได้กินข้าวที่มีรสชาติอร่อยขนาดนี้เลย
เธอกินข้าวในจานนั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว และใช้สองมือยกชามไปตรงหน้าเหยียนหมิงซุ่นพร้อมกับพูดจาออดอ้อน “ฉันยังอยากกินอีก…”
ทุกครั้งที่เหมยเหมยออดอ้อน ปลายเสียงนั้นจะลากยาวมาก และยังพูดซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คนฟังรู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรง จะพูดปฏิเสธอะไรก็พูดไม่ออก
แน่นอนว่าเป็นแค่เฉพาะกับผู้ชาย…
และเป็นกับผู้ชายทุกคนยกเว้นแค่เฮ่อเหลียนชิง
เฮ่อเหลียนชิงมองเหยียนหมิงซุ่นที่วุ่นวายอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่เงียบ ๆ และหัวเราะร่าราวกับคนโง่เสียสติ เขาจึงหัวเราะเยาะในใจ
เหอะ อีกหน่อยรอให้ถูกสวมเขา ถึงเวลานั้นแกจะต้องร้องไห้!
ในเมื่อเรียกเขาว่าพ่อแล้วจะยังไงก็ต้องคอยเป็นห่วง และต้องคอยช่วยหาลูกสะใภ้ที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ใจกว้าง ดูแลครอบครัว และมีเหตุผลให้กับลูกชาย ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นหน้าที่ของเขา
ในอีกสองสามวันหลังจากนี้ค่อยให้คนไปเสาะหาหญิงสาวในเมืองหลวงที่มีอายุเหมาะสม แล้วเขาเองก็จะคอยช่วยคัดสรรให้
วัยรุ่นจะไปเข้าใจอะไร มองเพียงแค่รูปลักษณ์หน้าตาไม่ดูความสามารถ แต่กลับไม่รู้ว่าการหาภรรยาสักคนโดยอาศัยเฉพาะแค่หน้าตานั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะพิจารณา ความประพฤติต่างหากที่จะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ผู้หญิงที่มีแค่ความสวยงามแบบนั้นยิ่งไม่ควรขอแต่งงานเป็นที่สุด!
เหยียนหมิงซุ่นตักข้าวให้เหมยเหมยอีกครึ่งจาน “กินให้มันน้อย ๆหน่อย เดี๋ยวก็อิ่มจนจุกอีกหรอก”
เหมยเหมยส่งยิ้มหวานให้เขา ราดน้ำแกงลงไปในข้าวเล็กน้อย คลุกเคล้าด้วยช้อน “ข้าวราดน้ำแกงอร่อยที่สุดแล้ว”
เธอทำเสียงฮึดฮัดและยัดข้าวคำโตเข้าปากอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงคีบหอยขมขึ้นมาดูดกิน เหยียนหมิงซุ่นคีบเอาน่องไก่ในจานตนไปวางไว้ในจานของเหมยเหมย
“กินน่องไก่นี่เข้าไปด้วย อย่าเอาแต่กินหอยขมอย่างเดียว เผ็ดขนาดนี้ไม่ดีต่อกระเพาะ”
เหมยเหมยกัดน่องไก่ไปครึ่งหนึ่ง ที่เหลือส่งกลับคืนไปให้กับเหยียนหมิงซุ่นอีกครั้ง พร้อมกับยิ้มตาหยีให้เขา “เรากินกันคนละครึ่งนะ”
เหยียนหมิงซุ่นเองก็ยิ้มตาม พลางสอดมือลงไปใต้โต๊ะและกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ พร้อมทั้งเขี่ยบนฝ่ามือของเธอไปด้วย
เหมยเหมยจึงยื่นขาออกไปเหยียบเบา ๆที่เท้าของเขา
ทั้งคู่ต่างคิดว่าไม่มีใครรู้เห็นจึงนึกสนุกอยู่แบบนั้น แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆเหล่านั้นได้อยู่ในสายตาของเฮ่อเหลียนชิงทั้งหมด
“อะแฮ่ม…”
เฮ่อเหลียนชิงกระแอมออกมาเสียงดัง “กินข้าวก็คือกินข้าว รักษากฎหน่อย มือเท้าอยู่ให้มันดี ๆด้วย!”
เหมยเหมยดึงเท้ากลับอย่างรวดเร็ว เหยียนหมิงซุ่นเองก็รีบชักมือกลับและเริ่มทานอาหารกันอย่างจริงจัง เหมยเหมยกินเนื้อไก่ที่ได้กัดไปเมื่อครู่ ดวงตาเป็นประกายวาววับ
พูดขึ้นอย่างมีความสุข “เนื้อไก่ก็อร่อยแหะ พี่หมิงซุ่นกินเยอะ ๆหน่อยสิ เนื้อไก่มีสารอาหารมากที่สุดแล้ว”
เธอจัดการกับน่องไก่ในชามอย่างรวดเร็วและง่ายดาย พร้อมทั้งคีบตับไก่มาอย่างสำราญใจ กินด้วยความเอร็ดอร่อย และมองฝั่งตรงข้ามที่มีเฮ่อเหลียนชิงนั่งกลืนน้ำลายอยู่
เหตุใดแม่สาวน้อยผู้นี้กินอะไรเข้าไป ก็ทำให้เขารู้สึกว่ามันอร่อยมากเป็นพิเศษ…
อยากกินมาก…
เฮ่อเหลียนชิงเองก็ตักน้ำแกงมาราดบนข้าว คลุกเคล้าเพื่อให้ข้าวแช่ในน้ำแกง พอตักเข้าปากไปสักพัก กลับไม่ได้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากอ้วก เขาลองเคี้ยวดู…กินข้าวคำแรกหมดแล้ว…ไม่ได้อ้วก
เขาดูดกินหอยขมอีกครั้ง พร้อมกับทานข้าว ในที่สุดเขาก็กินข้าวชามเล็กหมดไปโดยไม่รู้ตัว หลอดอาหารและกระเพาะอาหารที่เหือดแห้งมานานกลับมารู้สึกเบิกบานอีกครั้ง และนั่นยังช่วยเสริมสร้างพละกำลังให้เขามากยิ่งขึ้น
ร่างกายดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก!
………………………………………………..
ตอนที่ 937 คนโปรดคนใหม่
ภายใต้แรงดึงดูดของเหมยเหมย เฮ่อเหลียนชิงไม่เพียงกินข้าวหมดไปถึงครึ่งชาม ยังกินน่องไก่ก่อนหน้านั้นเข้าไปอีกเกินกว่าครึ่งโดยไม่อ้วกออกมาแม้แต่น้อย
ภายใต้ความพยายามของพวกเขาทั้งสอง หอยขมจานนั้นก็ถูกจัดการไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงแค่หอม ขิง กระเทียมและพริก
เหมยเหมยกินข้าวหมดไปหนึ่งชามกับอีกครึ่ง และยังกินเนื้อไก่กับหอยขมเข้าไปอีกไม่น้อย กินอิ่มจนพุงกางจนถึงกับเรอออกมาเสียงดังถึงสามครั้งติด
“อิ่มมาก…เอ๊อะ…”
เธอลูบวนที่หน้าท้อง รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย ครั้งแรกที่มาเป็นแขกก็กินจนพุงกางขนาดนี้ อีกสักพักเฮ่อเหลียนชิงต้องบอกว่าเธอไม่มีความเกรงใจเป็นแน่
แต่เฮ่อเหลียนชิงกลับไม่ได้พูดอะไร เพราะเขาเองก็อิ่มจนพุงกาง…
กระเพาะอาหารที่หยุดทำงานมาหลายสิบปี จู่ ๆ กลับยัดอาหารเข้าไปตั้งมากมาย จนสุดท้ายก็เกิดปัญหาขึ้นมาจนได้ เมื่อเฮ่อเหลียนชิงเกิดอาการปวดท้องขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดออกมา เขาไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าของเหยียนหมิงซุ่นและคนอื่น ๆ
“บอกให้ในครัวต้มชาที่ช่วยย่อยมาให้ที” เหยียนหมิงซุ่นเห็นถึงความผิดปกติของเฮ่อเหลียนชิงจึงออกคำสั่ง
ชาช่วยย่อยนั้นใช้เวลาต้มอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็ถูกยกเข้ามาให้ เฮ่อเหลียนชิงและเหมยเหมยต่างก็ถูกบังคับให้ดื่มเข้าไปคนละแก้ว สรรพคุณถือว่าไม่เลวเลย ใช้เวลาไม่นานอาการปวดท้องก็หายไป
“คุณชายหมิง บ้านซื้อได้เพียงแค่ห้าหลัง ที่เหลือนั้นคนอื่นไวกว่าจึงได้ไปก่อน”
ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามารายงาน ในแววตาฉายแววความไม่สบายใจอยู่เล็กน้อย เพราะพวกเขาไม่ได้จัดการธุระให้สำเร็จจึงเกรงว่าจะถูกคุณท่านลงโทษเอาได้
เหยียนหมิงซุ่นขมวดคิ้วแน่น พลางถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“เพราะบ้านเหล่านั้นไม่ได้มีคนกลางคนเดียวกัน ช่วงเช้าพวกกระผมเข้าไปซื้อกับคนกลางคนแรกเป็นจำนวนห้าหลัง ที่เหลืออีกหกหลังนั้นเป็นของคนกลางอีกคน ซึ่งในตอนเช้าพวกกระผมได้ทำเรื่องซื้อขายบ้านห้าหลังนั้นเอาไว้แล้ว และตอนบ่ายก็ได้นัดจ่ายเงินกับอีกคนไว้ แต่พอตกบ่าย คนกลางที่ขายบ้านกลับโทรมาหาเพื่อแจ้งว่าบ้านได้ถูกคนอื่นซื้อไปแล้ว หนำซ้ำยังบอกอีกว่าตัวเขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ” ลูกน้องตอบ
“ทำไมถึงไม่มีทางเลือกล่ะ?” เหยียนหมิงซุ่นหัวเราะเยาะไปที
ลูกน้องคนนั้นมองเฮ่อเหลียนชิงแวบหนึ่งอย่างมีลับลมคมใน พร้อมกัดฟันพูด “เพราะว่าคนที่ซื้อบ้านเป็นคนของเฮ่อเหลียนเช่อ”
เฮ่อเหลียนชิงที่กำลังหลับตาพักเหนื่อยก็ลืมตาขึ้นมาในทันที แล้วหันไปมองยังลูกน้อง “พูดมาตั้งแต่ต้นจนจบสิ”
ลูกน้องยิ้มให้กับตัวเองด้วยความขมขื่น รู้อยู่แล้วว่าหากคุณท่านได้ยินชื่อเฮ่อเหลียนเช่อจะต้องเป็นแบบนี้
เฮ่อเหลียนเช่อและหนิงเฉินเซวียนนับว่าเป็นเขตหวงห้ามของคุณท่าน ใครหน้าไหนก็ไม่อาจพูดถึงได้
“คนที่ซื้อบ้านไปนั้นไม่น่าจะเป็นตัวของเฮ่อเหลียนเช่อเอง แต่คงมีความสัมพันธ์กันแบบผิวเผิน เพราะตัวเขานั้นได้ใช้อำนาจคุกคามต่อคนกลาง คนกลางจึงจำต้องขายบ้านไป”
“คนที่ซื้อบ้านเป็นใครมาจากไหน?” เหยียนหมิงซุ่นถาม
“เหมยซูหาน ว่ากันว่าเป็นคนโปรดคนใหม่ของเฮ่อเหลียนเช่อ ที่เอาแต่โอนอ่อนผ่อนตามเขาไปเสียหมด”
เหมยเหมยใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพียงแค่ได้ยิน ‘คนโปรดคนใหม่’ คำนี้ก็รู้สึกว่ามันไม่น่าฟังเอาเสียเลย
แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะข้องเกี่ยวพัวพันกับเหมยซูหานในทุก ๆอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้เขาถูกผู้ชายคนหนึ่งคอยเลี้ยงดู มิหนำซ้ำยังเป็นพวกวิกลจริตอีกด้วย
อยู่ร่วมกับคนอย่างเฮ่อเหลียนเช่อ เปรียบเสมือนการไต่เชือกเหล็กบนหน้าผาสูงใหญ่ก็มิปาน หากไม่ระวังก็สามารถร่วงตกลงมาจากหน้าผาได้ กระดูกอาจจะถูกบดเป็นผงธุลี
เฮ่อเหลียนชิงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่น่าฟังนัก เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าเหมยซูหานเป็นใคร
ถึงอย่างไรช่วงโปรโมชั่นของความสัมพันธ์นั้นอย่างมากก็แค่เพียงครึ่งปี แต่เขาสนใจศักดิ์ศรีของตัวเองมากกว่า
บัดนี้ลูกชายของเขาต้องเสียหน้าให้กับเด็กเลี้ยงในสังกัดของเฮ่อเหลียนเช่อ ความรู้สึกเช่นนี้เขาไม่อาจกล้ำกลืนมันลงไปได้
“มีเพียงไอ้ลูกเวรนั่นที่เที่ยวไปใช้อำนาจบาตรใหญ่แบบนั้นได้เหรอ? นี่ฉันอบรมสั่งสอนพวกแกให้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์หรือ? อับอายขายขี้หน้าเป็นที่สุด!”
เฮ่อเหลียนชิงดูท่าจะเป็นเพราะพึ่งกินจนอิ่มจึงอารมณ์ดี น้ำเสียงดังขึ้นกว่าปกติมากจนทำให้แสบหู แก้วหูก็สั่นสะเทือนดังวิ้ง ๆระงม
เหมยเหมยอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดหูไว้ พลันใจก็ตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
คงจะไม่วางมวยกันขึ้นมาหรอกใช่ไหม?
……………………………………………….
Comments