การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 319 พวกแกเริ่มก่อน
บทที่ 319 พวกแกเริ่มก่อน
บทที่ 319 พวกแกเริ่มก่อน
หลังจากถังซวงไปรับถังเซวี่ย ทั้งสองก็เดินกลับบ้านด้วยกัน พร้อมถามถึงการบ้านของถังเซวี่ยระหว่างทางด้วย
“เสี่ยวเซวี่ย ช่วงนี้เจอปัญหาอะไรไหม ถ้ามีตรงไหนที่ทำไม่ได้ บอกฉันมาได้เลยนะ”
ถังเซวี่ยได้ยินเช่นนี้ ก็รีบตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ช่วงนี้ฉันไม่เจอปัญหาหนักอะไร ถ้ามีคำถามที่ทำไม่ได้จริง ๆ จะถามพี่แน่นอน ตอนนี้ฉันอ่านมาเยอะแล้ว และแบบเรียนมัธยมต้น ปีสองก็ค่อนข้างง่ายด้วย”
ได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ดีแล้ว”
ความจริงเธอรู้ตั้งแรกแล้วว่าถังเซวี่ยฉลาดมาก และแตกต่างจากเธอ ถังเซวี่ยไม่เคยอ่านหนังสือเรียนมาก่อน ทว่าเธอเรียนรู้ได้เร็วมาก และเข้าใจความรู้เป็นอย่างดี ดังนั้นคราวนี้เธออยากเลื่อนระดับชั้น เธอที่เป็นพี่สาวก็จะสนับสนุนอย่างเต็มที่
เมื่อสองพี่น้องมาถึงบ้าน ก็พบว่าเฮ่อหลานผู้เป็นแม่ไม่อยู่บ้าน คุณนายจิงจึงบอกด้วยรอยยิ้ม “พ่อแม่ของพวกหลานไปเดินตลาดน่ะ พอดีเฮ่อหลานชอบลานบ้านเล็ก ๆ หลังหนึ่ง จึงออกไปพร้อมกับพ่อพวกหลาน”
“ช่วงนี้คุณแม่หาลานบ้านเล็ก ๆ สวย ๆ มาตลอด ในที่สุดก็เจอที่ชอบสักทีน่ะ”
สองพี่น้องรู้ว่าเฮ่อหลานอยากหาลานบ้านเล็ก ๆ มาสร้างโรงงานเย็บปักในเมืองหลวง เมื่อรู้ว่าคุณแม่หาที่เหมาะได้แล้ว เธอก็รู้สึกดีใจแทนแม่มาก
จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงกลับมาพร้อมกัน
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ ถังเซวี่ยอดถามด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “แม่คะ แม่กับพ่อไปดูบ้านมาเป็นยังไงบ้าง?”
“เราตรวจดูเรียบร้อยแล้วล่ะ ลานบ้านเล็กหลังนั้นไม่เลว เลยตกลงซื้อไปแล้วน่ะ”
ถังซวงได้ยินเช่นนี้ก็อดยินดีไม่ได้ “ดีแล้วค่ะ ที่มีลานบ้านดี ๆ ความจริงแล้วซื้อเพิ่มอีกหน่อยก็ได้นะคะ” ตอนนี้ทั้งสามแม่ลูกมีเงินไม่น้อย ฉวยโอกาสตอนบ้านราคาถูกในตอนนี้ ยังสามารถซื้อได้อีกตั้งหลายหลัง
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง เฮ่อหลานก็ชำเลืองมองเธอ “นี่ลูกคิดว่าเราซื้อผักกาดขาวกันอยู่หรือไงจ๊ะ จะได้ซื้อเพิ่มอีกสองสามหลังง่าย ๆ โรงงานเย็บปักในตอนเริ่มแรกจะต้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก ดังนั้นลานบ้านเล็ก ๆ นั้นก็เพียงพอแล้วนะ”
ถังเซวี่ยหัวเราะตาม “นั่นสิคะพี่ ซื้อไปทำไมตั้งเยอะแยะ”
ถังซวงเหลือบมองถังเซวี่ย และกล่าว “วันหน้าต่อให้ปล่อยเช่าไป ก็ยังได้ค่าเช่า แบบนั้นไม่ดีหรือ เสี่ยวเซวี่ย รอว่างเมื่อไหร่ฉันจะพาเธอไปดูบ้าน และซื้อให้เธอหลังหนึ่งเลย”
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของถังซวง ถังเซวี่ยรีบโบกมือเอ่ย “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจะเอาบ้านไปทำอะไร”
ถังซวงได้ยินแบบนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงแต่เธอก็ตัดสินใจจะซื้อบ้านให้ถังเซวี่ยในเมืองหลวงหนึ่งหลังไปแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ในอนาคตบ้านหลังนั้นก็จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน หากไม่ซื้อตอนนี้จะให้ไปซื้อเมื่อไร
ระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกัน คุณชายจิงกับคนอื่น ๆ ก็กลับมากันหมดแล้ว ทั้งครอบครัวทานอาหารเย็นด้วยกัน จากนั้นก็กลับห้องใครห้องมัน
วันรุ่งขึ้น หลังจากถังซวงไปส่งถังเซวี่ยแล้ว ก็มุ่งตรงไปยังโรงเรียนตัวเองทันที ทว่าเมื่อเดินไปสักพักหนึ่ง เธอก็ถูกขวางทางไว้
“เธอนี่เอง มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า”
ถังซวงมองกัวเฟยน่าที่อยู่ตรงหน้า พร้อมถามอย่างเฉยเมย ในขณะเดียวกันก็มองสำรวจพวกผู้ชายที่อยู่ด้านหลังกัวเฟยน่าอย่างใจเย็น ผู้ชายพวกนี้ล้วนมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่เป็นมิตร
เมื่อเห็นท่าทีเฉยชา ห่างเหินของถังซวง กัวเฟยน่าก็รู้สึกโกรธจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ถังซวง เป็นเพราะแก ถ้าไม่ใช่เพราะแก เรื่องของฉันกับจิงเหวินรุ่ยคงเป็นไปด้วยดีไปนานแล้ว ทำไมแกถึงต้องมาขัดขวางฉันนัก จับเรื่องในร้านอาหารวันนั้นเอาไว้ไม่ปล่อยเสียที”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ถังซวงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไว้ไม่ไหว
“กัวเฟยน่า เธอคงไม่คิดว่าทุกอย่างเป็นความผิดของฉันหมด และตัวเธอเองไม่ผิดเลยหรอกใช่ไหม”
“มันเป็นความผิดแกอยู่แล้ว ถ้าแกไม่พูดมาก ป้าเมิ่งกับจิงเหวินรุ่ยจะไม่ยอมรับฉันได้ยังไง ทั้งหมดเป็นเพราะแก นังสารเลว จงใจทำลายอนาคตของฉัน”
เมื่อได้ยินคำพูดหยาบคายออกมาจากปากกัวเฟยน่า ถังซวงตบหน้าเธอทันทีโดยไม่ลังเล
เพี้ยะ…
เสียงตบดังกังวาน จนกัวเฟยน่าหน้าหัน ในชั่วพริบตานี้ เธอตกตะลึง จนได้สติกลับมา เธอก็ระเบิดอารมณ์ที่คลุ้มคลั่งอยู่ภายในทันที
“ถังซวง นังสารเลว แกกล้าตบฉันหรือ วันนี้แกตายแน่ ฉันจะให้แกได้ชดใช้อย่างสาสม”
เดิมทีกัวเฟยน่าแค่อยากข่มขู่ถังซวงให้กลัวเท่านั้น แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของจิงเจ้อหรง แต่อย่างไรตอนนี้ก็ยังเป็นคนของตระกูลจิง เธอไม่กล้าทำอะไรเกินเลยแน่นอน แต่การตบของถังซวงในครั้งนี้ ทำให้ความเกรงกลัวทั้งหมดของเธอมลายหายไป เธอเสียสติ เธอแค่อยากจะรักษาหน้า ในขณะเดียวกันก็อยากสั่งสอนถังซวงให้รู้ซึ้งด้วย
“พวกแกยืนบื้อทำอะไรกันอยู่ รีบจับนังสารเลวนี่ให้ฉันสิ”
ผู้ชายที่ติดตามกัวเฟยน่าอยู่ข้างหลังมองถังซวงด้วยสายตาน่ารังเกียจ และหนึ่งในนั้นถามอย่างขวานผ่าซาก “เฟยน่า ผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยชะมัด หลังจากจับได้แล้ว พวกเราพี่น้องขอมีความสุขสักหน่อยได้หรือเปล่า” เมื่อเอ่ยมาถึงตอนนี้ ชายคนนี้ยังยิ้มหยาบโลนออกมา
เมื่อกัวเฟยน่าได้ยินเช่นนี้ สติที่ปลิวไปไกลในตอนแรกก็ค่อย ๆ กลับมา
เธอเหลือบมองคนเหล่านั้นอย่างลังเล ก่อนเอ่ย “ไม่ได้ พวกแกแค่จับเธอเอาไว้ก็พอ”
“หึ… ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นคนตัดสินใจแล้ว ยังไงผู้หญิงคนนี้พวกเราจองแล้ว”
เดิมทีพวกเขาแค่ทำงานรับเงินเท่านั้น ทว่าถังซวงสวยเกินไป พวกเขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน หากพลาดวันนี้ไป ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะมีโอกาสได้เจออีกไหม อีกทั้งเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะไม่กล้าพูดออกไปเพราะจะเป็นเพียงแค่การทำให้ตัวเองขายหน้าเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวต่อผลที่ตามมาแต่อย่างใด
เมื่อเห็นท่าทางต้องได้ของคนเหล่านั้น กัวเฟยน่าจึงกลอกตา และเอ่ยไปตรง ๆ “ฉันแค่อยากให้พวกแกจับมันเท่านั้น พวกแกจะทำอย่างอื่นก็เรื่องของพวกแก ถึงตอนนั้นอย่ามาปัดความผิดให้ฉันแล้วกัน”
ใช่สิ เธอจะกังวลอะไร ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับถังซวงจริง มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เธอแค่ต้องการขู่ถังซวงให้กลัว ไม่ได้ต้องการทำอะไรเธอจริง ๆ สักหน่อย สุดท้ายต่อให้เกิดเรื่องขึ้น มันก็เป็นความผิดของผู้ชายพวกนี้
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของกัวเฟยน่าก็สดใสขึ้นมา นัยน์ตายังแฝงไปด้วยรอยยิ้มร้าย
เห็นคนตรงหน้าไม่กี่คนหารือวิธีทำให้เธอขายหน้าราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ถังซวงก็หัวเราะดังลั่น
“ฮ่าฮ่าฮ่า… พวกแกนี่ไม่สนกฏหมายบ้านเมืองจริง ๆ เลยนะ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน เป็นพวกแกที่เริ่มลงมือก่อน”
เมื่อเห็นถังซวงหัวเราะลั่น กัวเฟยน่าคิดแค่ว่าเธอหวาดกลัวจนถึงขีดสุด จึงดูประหลาดใจเล็กน้อย
ส่วนผู้ชายพวกนั้นก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้แปลก แต่ใครใช้ให้เธอมีหน้าตาสะสวยกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาแทบอยากพุ่งเข้าไปหาไม่ไหว
พลัก… ตุบ…
แต่แค่ช่วงเวลาตะลึงงัน คนพวกนั้นก็นอนอยู่บนพื้นทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังมีอีกสองคนที่หมดสติไป
ในขณะที่ถังซวงยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีร่องรอยใด ๆ และใบหน้านั้นก็เย็นชาจนเย็นเยียบถึงกระดูก
“กรี้ด…”
กัวเฟยน่าที่กว่าจะรู้ตัวก็ได้สติกลับมา ก็ไม่สามารถหยุดกรีดร้องได้ เธอเพิ่งเห็นอะไรไป ทำไมถังซวงไม่เป็นอะไรเลย แต่คนเหล่านั้นล้มกองอยู่กับพื้นทั้งหมด เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หนวกหูชะมัด”
ถังซวงบีบคอกัวเฟยน่า ให้เธอหยุดกรีดร้อง ในขณะเดียวกันก็ยิ้มพร้อมเคลื่อนเข้าไปใกล้หูของกัวเฟยน่า และเอ่ยอย่างแผ่วเบา “จุ๊จุ๊… ทำไมเธอถึงยืนกรานที่จะเข้ามาหาเรื่องฉันล่ะ เดิมทีฉันไม่คิดจะเอาความเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอาหารวันนั้นเลยนะ แต่เธอก็ยังตื๊อมาหาเรื่องฉันให้ได้แบบนี้อีก”
—————————————————-
Comments