สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายบทที่ 845 หน่วยกล้าตายอาณาจักรเหลียง

Now you are reading สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย Chapter บทที่ 845 หน่วยกล้าตายอาณาจักรเหลียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 845 หน่วยกล้าตายอาณาจักรเหลียง

บทที่ 845 หน่วยกล้าตายอาณาจักรเหลียง

มู่ซืออวี่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เฝ้ามองแสงจันทร์ข้างนอก

ซางจือสวมเสื้อคลุมลงบนตัวนางแล้วกล่าวว่า “ฮูหยิน คืนนี้ไม่สงบนัก ท่านอย่าได้ยืนอยู่ตรงนี้เลยนะเจ้าคะ อันตรายยิ่งนัก”

“เจ้าได้ยินเสียงต่อสู้อยู่ที่สวนด้านหน้าหรือไม่?”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”

“อีกฝ่ายคงจะติดกับดักแล้ว”

“นายน้อยเตรียมการมาเนิ่นนาน ค่อย ๆ ล่ออีกฝ่ายให้มาติดกับดักทีละก้าว คืนนี้จะต้องจัดการได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

“อีกฝ่ายเชี่ยวชาญการใช้พิษ พวกเราอาจไม่ใช่ฝ่ายได้เปรียบ หากพวกเราล่อมันออกมาได้ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ” มู่ซืออวี่เอ่ย “หวังเพียงว่ายาพิษร้อยชนิดที่ท่านหมอติงเตรียมไว้ให้จะมีประโยชน์”

เสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก “ว่ายน้ำหนีไปแล้ว ว่ายน้ำหนีไปแล้ว!”

ซางจือเอ่ยกับเจ๋อหลาน “เจ้าอยู่ที่นี่ปกป้องฮูหยิน ข้าจะไปดูหน่อย”

มู่ซืออวี่ได้กลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศจาง ๆ จึงเอ่ยว่า “พวกมันใช้น้ำมันด้วย”

ท้องฟ้าฝั่งตรงข้ามมีแสงไฟเรืองรองปรากฏขึ้นมา

อีกฝ่ายคิดจะเผาพวกเขาทั้งหมดให้ตายอยู่ในสำนักตรวจการ

“ฮูหยิน…” ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้หนึ่งวิ่งเข้ามา “ฮูหยิน ที่นี่อันตรายเกินไป รีบตามข้าน้อยออกไปจากที่นี่เถิดขอรับ”

“ใต้เท้าของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ใต้เท้าไม่เป็นไร เพียงแต่ยังออกไปตอนนี้ไม่ได้จึงให้ข้าน้อยมาพาฮูหยินล่วงหน้าออกไปเสียก่อน”

“ได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้านำทางไป”

“ขอรับ ฮูหยินเชิญทางนี้…”

มู่ซืออวี่หันกลับไปส่งสัญญาณให้เจ๋อหลาน

เจ๋อหลานชักดาบอ่อนออกมาจากเอวแล้วแทงเข้าไปที่คนผู้นั้นทันที

คนผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว

“ฮูหยิน นี่ท่านกำลังทำอะไร?!”

“เจ้าหยุดเล่นละครได้แล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตัวเจ้ามีกลิ่นน้ำมัน! อีกอย่าง เสื้อผ้าที่เจ้าใส่ก็เป็นของผู้อื่นกระมัง? มันไม่พอดีตัวเจ้าแม้เพียงนิด”

คนผู้นั้นหยุดเสแสร้งแล้วยิ้มเยาะ “สมกับเป็นฮูหยินอัครมหาเสนาบดี ช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง เพียงแต่ ไม่ว่าฉลาดเพียงใด สุดท้ายวันนี้ก็เป็นวันตายของเจ้า!”

เจ๋อหลานยืนขวางหน้ามู่ซืออวี่แล้วเริ่มสู้กับคนผู้นั้น

มู่ซืออวี่ก้าวถอยหลัง ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงอันตรายจึงเบี่ยงตัวไปข้าง ๆ

ธนูลูกหนึ่งพุ่งมาทางจุดที่นางยืนอยู่เมื่อครู่

คนผู้หนึ่งยืนอยู่บนหลังคา ในมือถือธนูกับลูกธนูไว้

“ฮูหยินลู่ ศีรษะของท่านมีราคาหนึ่งแสนตำลึงทอง เทียบแล้วมีค่ามากกว่าสามีของท่านเสียอีก”

“ขอบคุณจริง ๆ เป็นเกียรติของข้าแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่มีคุณสมบัติพอที่จะได้ศีรษะราคาแพงเช่นนี้ไป อย่างน้อยเจ้าก็… ทำไม่ได้”

คนผู้นั้นกระโดดเข้ามา

มู่ซืออวี่ยกแขนขึ้นบังและยิงเข็มที่ทำอย่างประณีตจำนวนมากออกไป

คนผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบโดยพลัน

ขณะนี้เจ๋อหลานกำลังต่อสู้ติดพัน ปลีกตัวมาปกป้องมู่ซืออวี่ไม่ได้ เมื่อเห็นเช่นนี้จึงกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว

นางผิวปาก

ไฟเริ่มลุกลามใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ

สำนักตรวจการเต็มไปด้วยเสียงแห่งความวุ่นวาย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงผิวปากในครั้งนี้

ไม่ว่าอาวุธลับของมู่ซืออวี่จะร้ายกาจหรือมีจำนวนมากเพียงใด ท้ายที่สุดก็ต้องถูกใช้ออกไปจนหมด

คนผู้นั้นทะยานเข้ามาหานางอีกครั้ง

เจ๋อหลานถูกขวางเอาไว้ ได้แต่เฝ้ามองมือสังหารคืบคลานเข้ามาใกล้มู่ซืออวี่มากขึ้นเรื่อย ๆ นางตะโกนออกไปอย่างร้อนรน “ฮูหยิน!”

มู่ซืออวี่แสยะยิ้มให้มือสังหาร ทั้งยังกล่าวว่า “อยากจะได้ศีรษะราคาหนึ่งแสนตำลึงทอง ไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น”

สิ้นคำ นางก็ดึงเชือกที่อยู่ข้าง ๆ

ปัง! กล่องเหล็กกล่องหนึ่งหล่นลงมาจากด้านบนร่วงลงครอบมือสังหารผู้นั้นทันที

ในเมื่อนางมาที่สำนักตรวจการแล้ว ย่อมไม่ได้มาอย่างไร้ประโยชน์! หลังจากใคร่ครวญสถานการณ์ทางฝั่งลู่ฉาวอวี่ ฮูหยินลู่จึงเริ่มลงมือเตรียมพร้อม นางใช้เวลาหลายชั่วยามในการติดตั้งกลไกทั้งหมดนี้

แน่นอนว่าเวลานั้นมีจำกัดจึงทำได้เพียงกลไกง่าย ๆ เท่านั้น กล่องเหล็กกล่องนั้นก็หาได้จากสำนักตรวจการ เดิมทีเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทรมาน

เจ๋อหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อเห็นดังนี้มือสังหารอีกคนจึงจู่โจมหนักกว่าเดิม

เมื่อครู่นี้เจ๋อหลานถูกดึงความสนใจไปจึงถูกมือสังหารแทงเข้าหนึ่งดาบ

“ฮูหยิน ท่านรีบไปเถิด!” เจ๋อหลานกุมแขนตนเองไว้

คนในกล่องเหล็กยังคงฟาดฟันอยู่ข้างใน พยายามจะเจาะให้ทะลุกล่องเหล็กออกมา อย่างไรก็ตามกลไกที่มู่ซืออวี่เป็นคนติดตั้งเอาไว้จะปล่อยให้เขาได้มีโอกาสนั้นได้อย่างไร? อย่างไรเสียเพื่อที่จะช่วยฟานหยวนซีจับเสือ กลไกที่นางใช้ในตอนนั้นก็คล้ายกับกลไกตอนนี้ แม้กระทั่งเสือก็หนีไม่พ้น นับประสาอะไรกับคนธรรมดาทั่วไป

“เหล่าหลิว ไม่ต้องสนใจข้า ฆ่าสตรีนางนั้นซะ” ชายในกล่องเอ่ยกับมือสังหารอีกคน

‘เหล่าหลิว’ แทงเจ๋อหลานหนึ่งดาบ เจ๋อหลานย่อมไม่อาจขวางเขาได้ บัดนี้เมื่อไม่มีผู้ใดขวางแล้ว ผู้ที่เขาต้องจัดการมีเพียงมู่ซืออวี่เท่านั้น

ฉึก! กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งเข้ามา

ลู่อี้ทะยานมาจากฝั่งตรงข้าม

ครั้นมือสังหารเห็นลู่อี้ สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนฉับพลัน

การที่ลู่อี้มาอยู่ตรงนี้ได้ หมายความว่าพี่น้องของพวกเขาล้มเหลวแล้ว

ลู่อี้ต่อสู้กับมือสังหาร จากนั้นไม่นาน มือสังหารก็พ่ายแพ้ อีกทั้งยังพยายามหลบหนีไป

ลู่ฉาวอวี่รุดเข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ เข้าควบคุมมือสังหารผู้นั้นในทันที

ส่วนมือสังหารอีกคน แน่นอนว่าย่อมถูกพวกเขาคุมขังเช่นกัน

“หักขากรรไกรพวกมัน อย่าได้ปล่อยให้พวกมันกัดลิ้นฆ่าตัวตาย” ลู่อี้ออกคำสั่ง

ลู่ฉาวอวี่สะบัดมือ ส่งสัญญาณให้คนของเขานำตัวมือสังหารออกไป

“ท่านพ่อ ท่านแม่ ไฟที่นี่ลุกลามหนักเกินไป อีกฝ่ายใช้น้ำมัน คงดับไฟไม่หมดชั่วระยะหนึ่ง พวกท่านออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”

“เจ้ากลับไปก่อน คืนนี้ทั้งคืนข้าจะไปไต่สวนคนพวกนั้นกับฉาวอวี่” ลู่อี้เอ่ย

เมื่อมู่ซืออวี่กลับมายังสกุลลู่ ทั่วทั้งร่างก็หมดเรี่ยวแรง

“อย่างไรเสียข้าก็แก่แล้ว ร่างกายของข้าเคลื่อนไหวไม่ได้ดั่งใจนึกอย่างเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้คลื่นลมอะไรล้วนพบเจอมาหมด แต่ก็ยังไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนวันนี้” มู่ซืออวี่นอนแช่น้ำร้อน “ข้าเกรงว่าที่ไฟโหมแรงจะดับไม่ได้ง่ายเพียงนั้น”

“บ่าวเป็นห่วงว่ามือสังหารและผู้สมรู้ร่วมคิดจะยังไม่ถูกจับทั้งหมด เช่นนี้นายท่าน คุณชายใหญ่ และฮูหยินอาจจะมีอันตรายได้ทุกเมื่อ”

“กังวลแล้วมีประโยชน์อะไร? อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องนั้น พักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถิด! จริงสิซางจือ เจ๋อหลานได้รับบาดเจ็บ เชิญท่านหมอมาแล้วหรือยัง?”

“ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ พอกลับมาถึงจวน พ่อบ้านก็ส่งคนไปเชิญท่านหมอทันที ตอนนี้คงทำแผลเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”

แสงเพลิงปลุกผู้ที่อยู่ละแวกข้างเคียงให้ตื่นขึ้นมา

ทุกคนร่วมมือร่วมแรงกันดับไฟจึงควบคุมไฟไว้ได้ในที่สุด

แน่นอนว่าบ้านที่อยู่ใกล้สำนักตรวจการล้วนไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป ทรัพย์สินเหล่านั้นที่ถูกเผาจึงเป็นของราชสำนักทั้งหมด

สำนักตรวจการไม่อาจอยู่ที่นี่ได้อีก ทำได้เพียงหาที่อื่นเป็นสถานที่ทำงานชั่วคราว ส่วนที่ที่ถูกไฟไหม้นั้นก็ยื่นคำร้องให้ราชสำนักจัดสรรเงินสำหรับการซ่อมแซม

ฟ่านหยวนซีไม่อยู่ในเมืองหลวง ว่าราชกิจช่วงเช้าสามวันครั้งจึงถูกยกเลิก มีเพียงตอนเกิดเรื่องสำคัญเท่านั้นที่จะจัดให้มีว่าราชกิจช่วงเช้า โดยผู้ดำเนินการเป็นลู่อี้ ดังนั้นผู้ที่นั่งบนบัลลังก์มังกรตอนนี้จึงต้องเป็นฟ่านซวี่

ลู่อี้และลู่ฉาวอวี่ไต่สวนมือสังหารเพียงชั่วข้ามคืนและพบว่าพวกเขาเป็นหน่วยกล้าตายที่อาณาจักรเหลียงส่งมา

หน่วยกล้าตายเหล่านี้ไม่เพียงคิดจะสร้างความวุ่นวายให้ราชสำนักของอาณาจักรฮุ่ยเท่านั้น ทว่ายังต้องการขโมยแผนกำลังรบ โชคดีที่แผนกำลังรบอยู่กับลู่อี้มาโดยตลอด ไม่มีผู้ใดสามารถหาสิ่งที่ลู่อี้ต้องการซ่อนได้

ลู่ฉาวอวี่ลากร่างกายที่เหนื่อยล้าของเขากลับไปที่จวนลู่

เขายืนอยู่บนสะพาน มองดูกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากเบื้องหน้า

ชายหนุ่มกำลังนึกถึงคดีล่าสุด พลันรู้สึกราวกับบางอย่างตกหล่นไป

“ใต้เท้าลู่น้อย” สิงเจียซือเดินเข้ามาพร้อมกับตะกร้าดอกไม้ “ดูเหมือนท่านต้องการพักผ่อน เหตุใดจึงยังยืนอยู่ตรงนี้เล่าเจ้าคะ?”

“เจ้าได้ยินแล้วหรือ?”

“สำนักตรวจการเกิดเพลิงไหม้ ทุกคนในเมืองหลวงล้วนต้องรู้เรื่องนี้กระมัง”

ชาวบ้านรู้เพียงว่าเกิดเพลิงไหม้ ทว่าไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเกิดเพลิงไหม้

“ดูเหมือนว่าใต้เท้าลู่น้อยจะมีเรื่องคิดไม่ตก” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าช่วยอะไรท่านได้หรือไม่?”

“หากอยู่ดี ๆ วันหนึ่งก็มีแมลงมากมายโผล่มาในถังข้าวสาร เจ้าว่าเป็นเพราะเหตุใด?”

“เช่นนั้นย่อมเป็นเพราะไม่ได้ดูแลให้ดี ปล่อยให้แมลงฉกฉวยประโยชน์ได้” สิงเจียซือเอ่ย

“ไม่ผิด นี่เป็นสิ่งที่ข้าละเลยไป” ลู่ฉาวอวี่พึมพำกับตนเอง “การจัดการของอาณาจักรฮุ่ยเข้มงวดเพียงนี้ จู่ ๆ หน่วยกล้าตายมากมายกลับปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นได้อย่างไร? ต้องมีหนอนบ่อนไส้!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด