วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์ 1271 คุณสำคัญยิ่งกว่า
กู้ชิงหลีนั่งลงตรงหน้าถังอี้เฉินก่อนในที่สุดจะเอ่ยออกมาหลังชะงักไปชั่วขณะ “ผมรู้ว่าคุณป้าไม่ค่อยชอบผมและอาจถึงขั้นมีอคติกับผม ถึงผมจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมคุณป้าถึงได้รู้สึกอย่างนั้นและไม่พอใจในตัวผมก็ตาม ผมหวังว่าจะได้นั่งคุยกับคุณป้าเพื่อจะได้ชี้แจงทุกอย่างให้กระจ่างน่ะครับ
“ไม่อย่างนั้น มันคงจะทำให้คุณแม่กับจื่อเหยียนลำบากที่ต้องเป็นคนกลาง”
“เธอรู้ตัวสินะ” ถังอี้เฉินว่าเข้าให้ “ถ้าอย่างนั้นขอฉันถามเธอหน่อย เธอเคยมาที่โรงพยาบาลนี้มาก่อนหรือเปล่า”
“นี่เป็นครั้งแรกของผมที่มาที่นี่ครับ”
“แต่ฉันมั่นใจว่าเคยเห็นเธอมาที่นี่กับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อมาทำแท้ง” ถังอี้เฉินสวนกลับ “ไม่บ่อยนักที่ฉันจะได้เห็นผู้ชายอย่างเธอที่นี่หรอกนะ ถึงจำเธอได้ไงล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้ชิงหลีก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย “คุณป้าครับ งั้นคุณป้าจำได้ไหมครับว่าวันนั้นอยู่ช่วงไหน”
“เมื่อไม่นานมานี้เอง ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”
กู้ชิงหลีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “จื่อเหยียนเป็นแฟนคนแรกและคนเดียวของผม ผมเป็นอาจารย์มาหลายปี ใช้ชีวิตอยู่แต่ที่ทำงานกับที่บ้าน แล้วก็ไม่เคยพัวพันใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหน ถ้าผมมีผู้หญิงคนอื่นผมมั่นใจว่าจื่อเหยียนคงรู้ไปแล้ว เพราะเธอคอยตามดูผมมาตั้งสี่ปีนะครับ”
“เธอเลยจะบอกว่าฉันเข้าใจผิดงั้นเหรอ” เธอถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
“คุณป้าครับ ถ้าคุณป้าเห็นผมที่โรงพยาบาล ผมมั่นใจว่าทางโรงพยาบาลมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ให้คุณป้าตรวจดูได้ครับ”
“งั้นก่อนที่ฉันจะไปตรวจดู เธอไม่ต้องมาวอแวกับฉัน มันมีแต่จะทำให้ฉันไม่ชอบหน้าเธอมากขึ้น”
“ได้ครับ” เขาพยักหน้ารับ “งั้นผมฝากดูแลจื่อเหยียนด้วยนะครับ”
พูดจบเขาก็ลุกออกไปอย่างไม่ให้ถังอี้เฉินเกลียดขี้หน้าตัวเองไปมากกว่านี้ เขาทำตามที่รับปากไว้ แม้กระทั่งยามที่ถังอี้เฉินมาตรวจอาการที่ห้องของโม่จื่อเหยียน เขาก็ไม่ได้ปริปากพูดสักคำ มันยิ่งทำให้เธอสบายใจกับเขามากขึ้น
อย่างน้อยการควบคุมอารมณ์ของเขาก็ไม่ได้แย่นัก
แน่นอนว่าหลังจากถังหนิงรู้ว่าถังอี้เฉินสงสัยในตัวลูกเขยตัวเอง เธอรู้ว่าอีกฝ่ายย่อมต้องคิดกับเขาเช่นนั้น เธอจึงบอกโม่ถิงให้ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและขอให้เขาสืบประวัติของกู้ชิงหลี
คนในตระกูลโม่ต่างมีเหตุผลที่จะเชื่อในความบริสุทธิ์ใจของกู้ชิงหลี หากแต่พวกเขาต้องทำให้ถังอี้เฉินเชื่อด้วยเช่นกัน
เมื่อโม่จื่อเฉินรู้เรื่องนี้ ไม่ทันที่โม่ถิงจะได้ตามสืบประวัติของกู้ชิงหลีเขาก็ส่งข้อมูลมาให้ถังหนิง “ตอนที่ผมรู้ว่าจื่อเหยียนสนใจในตัวกู้ชิงหลีครั้งแรก ผมก็ไปสืบประวัติเขาแล้วครับ แม่จะเอาข้อมูลนี้ไปให้ป้าดูก็ได้นะครับ
“ชิงหลีเป็นคนที่เราสมควรเชื่อใจจริงๆ นะครับ”
ถังหนิงรับข้อมูลมาและอ่านประวัติของกู้ชิงหลีคร่าวๆ มันละเอียดเสียจนเธอรู้เรื่องราวในวัยเด็กของเขาด้วยซ้ำ
จากข้อมูลนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าเหตุใดโม่จื่อเหยียนถึงได้ชอบพอกู้ชิงหลีมากนัก เขาเป็นผู้ชายที่ผ่านความยากลำบากมามากมาย หากแต่ก็ยังมีจิตใจที่อ่อนโยน ไม่แปลกที่โม่จื่อเหยียนจะเห็นว่าเขาน่าดึงดูด
“โอ๊ะ ป้าคนนี้นี่ เมื่อก่อนป้าก็ไม่ได้ชอบเห็นแม่มีเรื่องกับถังเซวียน ป้าก็เลยเลี่ยงความขัดแย้งแล้วอยู่ที่แต่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน ไม่ยอมเลือกข้างไหนนี่ครับ แต่ป้าก็ยังอดที่จะต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไม่ได้สินะครับ”
“ป้าของลูกก็เป็นอย่างนั้นมาตลอดนั่นแหละ” ถังหนิงหัวเราะ
เธอเอาข้อมูลติดมือไปที่โรงพยาบาลด้วย
ทว่ากู้ชิงหลีนั้นได้ถูกถังอี้เฉินต่อว่าไปเรียบร้อยแล้ว
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่เคยทำดีกับเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ตัดพ้อแต่อย่างใด
เขาไปเอาความอดทนมาจากไหนกัน
ไม่นานถังหนิงก็มาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับประวัติของกู้ชิงหลีก่อนยื่นมันให้ถังอี้เฉิน “ต่อให้พี่จะไม่เชื่อสิ่งที่กู้ชิงหลีพูด แต่ฉันมั่นใจว่าพี่เชื่อในการสืบของไห่รุ่ยกับจื่อเฉินนะคะ ถ้าจื่อเฉินไม่ได้คัดค้านความสัมพันธ์นี้ พี่ก็ไม่น่าสงสัยว่าตัวเองเข้าใจผิดไปหรือเปล่านะคะ”
ถังอี้เฉินสูดหายใจลึกและรอชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพลิกดูข้อมูล เธออ่านทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ “เด็กคนนี้ผ่านเรื่องทั้งหมดนี้มาเหรอ”
“พี่ถึงได้ควรปฏิบัติกับเขาให้ดีกว่านี้ไงคะ ด้วยฐานะทางการเงินของเขา เขาเป็นคนดีมากแล้วก็ซื่อสัตย์จนมีแต่จื่อเหยียนจริงๆ นะคะ”
ถังอี้เฉินถอนหายใจก่อนพยักหน้าให้ในท้ายที่สุด “ฉันเข้าใจแล้ว…”
ความจริงแล้วการกระทำของกู้ชิงหลีก็สมควรแก่การได้รับแต้มต่อมาตั้งแต่แรก
เขาทั้งใส่ใจโม่จื่อเหยียนและเคารพถังหนิง ส่วนการปฏิบัติของเขากับถังอี้เฉินนั้น…
แม้ว่าความคิดของเธอออกจะไร้เหตุผลเต็มที เขาก็ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจสักครั้ง ดังนั้นหลังจากถังอี้เฉินอ่านข้อมูลทั้งหมดเธอก็เริ่มมองกู้ชิงหลีเปลี่ยนไป
“ถ้าพี่รู้ว่าตัวเองกล่าวหาเขาผิดๆ ก็ควรไปขอโทษเขานะคะ”
“แต่ฉันมั่นใจว่าฉันเห็นเขาวันนั้นนี่”
“คนเราหน้าคล้ายกันได้ค่ะ พี่มั่นใจว่าคนที่เห็นคือกู้ชิงหลีขนาดนั้นได้ยังไงล่ะคะ”
“ช่างเถอะ ครั้งนี้ฉันผิดเอง โอเคไหม”
เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องไปตรวจอาการ ถังอี้เฉินจึงเดินเข้ามาในห้องโม่จื่อเหยียนก่อนเอ่ยกับกู้ชิงหลี “ถูกของเธอ ฉันเข้าใจผิดเธอไปเอง”
กู้ชิงหลีส่ายหน้าคล้ายบอกว่าเขาไม่ได้ถือโทษ ในขณะที่โม่จื่อเหยียนยกยิ้มและบอก “ป้าคะ หนูแทบจะรู้ว่าพี่สี่อยู่ที่ไหนบ้างในช่วงตลอดสี่ปีที่ตามดูเขาค่ะ ฉะนั้นตั้งแต่ที่ป้าบอกว่าเขาพัวพันกับผู้หญิงคนอื่น หนูเลยเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อไงคะ”
“โชคดีที่หลานไว้ใจเขามากขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นป้าคงได้เป็นคนน่ารังเกียจที่สร้างความร้าวฉานให้พวกเธอแล้ว”
“พี่สี่ไม่คิดอย่างนั้นหรอกค่ะ” เธอกล่าว “ว่าแต่อาการหนูเป็นยังไงบ้างเหรอคะ”
“ใช่ครับ คุณป้า อาการของจื่อเหยียนเป็นยังไงบ้างครับ”
เมื่อพูดถึงอาการของจื่อเหยียน ถังอี้เฉินพลันมีท่าทีจริงจังขึ้นมา “สองวันที่ผ่านมา เราพบว่าเนื้องอกของหลานมีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้น..”
“มันเป็นเนื้อร้ายเหรอครับ” เขาถามพลางลุกขึ้น
“เราจะคอยเฝ้าดูอาการไปอีกสองวัน ถ้ามันยังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ต้องเตรียมใจว่าจะต้องเอาเด็กออก…”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น โม่จื่อเหยียนกำผ้าห่มตรงหน้าแน่นพร้อมดวงตาที่เริ่มแดง “ป้าคะ หนูไม่มีทางเลิกอื่นนอกจากทำแท้งเลยเหรอคะ”
“หลานคิดว่าไงล่ะ หลานจะมีลูกอีกคนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะมองข้ามสุขภาพของตัวเองไม่ได้นะ มันไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นคำเตือนต่างหาก”
กู้ชิงหลีถือโอกาสนี้กุมมือโม่จื่อเหยียน “อย่ากลัวไปเลยนะครับ ฟังคุณป้าท่านเถอะ โอเคไหม”
โม่จื่อเหยียนสูดหายใจลึก เธอไม่อาจปล่อยวางได้ อย่างไรเสียก็เป็นหนึ่งชีวิตและที่สำคัญที่สุดยังเป็นลูกของเธอกับกู้ชิงหลี
“พี่สี่คะ…”
“หลานเป็นคนตระกูลโม่ จะผ่านเรื่องเล็กๆ อย่างนี้ไปไม่ได้เหรอ” ถังอี้เฉินท้าทาย
“ฉันทำได้แน่นอนค่ะ” โม่จื่อเหยียนเอ่ยขณะจับมือกู้ชิงหลีเอาไว้ “ป้าคะ ทางนี้ไม่เป็นไรเลยค่ะ ป้ากลับไปทำงานต่อก็ได้นะคะ”
ถังอี้เฉินพยักหน้า อย่างไรเสียกู้ชิงหลีก็อยู่เคียงข้างเธอจึงคิดว่าเขาคงสามารถปลอบใจเธอได้
“พี่สี่คะ ฉันเก็บลูกคนนี้ไว้ไม่ได้จริงๆ เหรอคะ”
“คุณสำคัญยิ่งกว่าครับ” เขาบอกกลับเสียงหนักแน่น
Comments