ตำนานเทพกู้จักรวาล 762 ไฟสวรรค์ผลาญโลกหล้า
“บ้านนอกเข้ากรุง!”
เอี๋ยนจิ่วซีเห็นฉินมู่พุ่งมาตรงหน้าเขาก็หัวเราะด้วยเสียงอันดัง “โอรสศักดิ์สิทธิ์ให้พิภพ เจ้าน่ะเป็นบ้านนอกเข้ากรุงอย่างแท้จริง ถึงกับกล้าเข้ามาสู้หัวชนฝากับข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังเจ็บแล้วไม่จำพอ! เจ้าไม่รู้หรือว่าสายเลือดของพระแม่ธรณีนั้นแข็งแกร่งทรงพลังขนาดไหน!”
ฉินเฟิงชิงกล่าวอย่างรีบเร่ง “น้องชาย เจ้าเตี้ยนี่แข็งแกร่งมาก ทักษะเทวะของเขาพิลึกพิสดารมาก และเขาก็ใช้กระบี่ดีๆ สองเล่มที่หนักอึ้งอย่างไร้ปานเปรียบ เขาทำให้ข้าเจ็บปวดไม่ใช่น้อย”
ร่างกายของเอี๋ยนจิ่วซีเปล่งแสงเทวะแห่งสนามแม่เหล็กออกมา และทันใดนั้นเทวานุภาพแห่งพลังแม่เหล็กก็พวยพุ่ง เมื่อฉินมู่ถลันเข้าไป เขาก็พลันรู้สึกราวกับว่ามีดาวเคราะห์จำนวนมากมายไร้ประมาณกดทับลงมาบนร่างกายของเขา ทำให้กายเนื้อของเขาหนักอึ้งอย่างสุดกู่ในทันที
ทักษะเทวะสนามแม่เหล็กของเอี๋ยนจิ่วซีพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เทวะสองเล่มที่เขาคว้าจับเอาไว้ในมือ เขาฟันลงไปที่สามเศียรหกกรของฉินมู่พลางแย้มยิ้ม “เจ้าทำอะไรไม่ได้หรอก หรือคิดว่าทำได้? พระแม่ธรณีคือมารดาของข้า และข้าก็ได้สืบทอดสายเลือดของนาง ในช่วงปีวันที่รุ่งโรจน์ของข้า ใครจะกล้าต่อกร”
“ทักษะเทวะสนามแม่เหล็ก?”
ฉินมู่ยกมือหนึ่งขึ้นมาด้วยความยากลำบาก และแขนของเขาก็หนักอึ้งเป็นล้นพ้น เขาแทบจะยกมันขึ้นมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
แสงกระบี่ของเอี๋ยนจิ่วซีมาถึงใบหน้าของเขาแล้ว ฉินมู่คำรามออกไป และพลังฝ่ามือของเขาก็ระเบิดออกมา แท่งผลึกไฟสวรรค์โถมซัดออกไปอย่างเกรี้ยวกราด และเริ่มจะปริแตก ในเสี้ยวพริบตา ไฟสวรรค์ที่อยู่ในรูปทรงแก้วผลึกก็ปรากฏอยู่ทุกหนแห่งในรัศมีหลายพันลี้!
กระบี่เทวะสนามแม่เหล็กของเอี๋ยนจิ่วซีแทงทะลุผลึกไฟสวรรค์ในจังหวะนี้ เทพครองดาวมหาตะวันร้องออกมา “รัชทายาทจิ่วซี อย่าไปแตะแท่งผลึกพวกนั้น! ถอยออกมาเร็วเข้า”
แต่มันสายไปเสียแล้ว
เมื่อกระบี่เทวะสนามแม่เหล็กของเอี๋ยนจิ่วซีแทงทะลุผ่านแท่งผลึกไฟสวรรค์แท่งแรก พลานุภาพของไฟสวรรค์ก็ระเบิดปะทุไปแล้ว เพลิงไฟอันเกรี้ยวกราดได้หลอมละลายกระบี่เทวะสนามแม่เหล็ก และแรงระเบิดอันน่าสยดสยองก็จุดสันดาปแท่งผลึกอื่นๆ ในบริเวณรอบข้าง ยิ่งสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปอีก
ตูม ตูม ตูม
ผลึกไฟสวรรค์เกือบทั้งหมดระเบิดออกไปในเวลาเดียวกันโดยมีเอี๋ยนจิ่วซีอยู่ที่ใจกลางการระเบิด มิติอวกาศแหลกทำลายเป็นชิ้นๆ ในเสี้ยวจังหวะนี้ และไฟสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวก็ลุกลามเข้าไปในส่วนลึกของห้วงมิติ ท้องฟ้าและผืนดินล้วนแต่หลอมละลาย เผยให้เห็นชั้นมิติอวกาศที่ยังคงถูกแผดเผา
พื้นดินสะเทือนเลื่อนลั่นเมื่อลูกไฟใหญ่มหึมาค่อยๆ ลอยขึ้นไปยังท้องฟ้าเพื่อแผดเผาทุกสรรพสิ่ง แม้กระทั่งปราณมารใต้พิภพและผืนปฐพีใต้เท้าของภูติบดีก็ถูกเผาไหม้ทะลุ
ลูกไฟขยายขนาด และระเหิดทุกสิ่งที่อย่างที่มันพุ่งผ่าน เหลือไว้เพียงรูโหว่ที่เรียงร้อยต่อกันมากมาย รอบๆ รูโหว่ว่างเปล่าเหล่านั้นคือชั้นมิติอวกาศหลายชั้นอันถูกเผาไหม้
นั่นคือฤทธานุภาพของเทพสรรพชีวิต
เทพสรรพชีวิต พระแม่ธรณี และภูติบดี พวกเขาล้วนแต่ควบคุมพลังอำนาจที่แตกต่างกันไป และพวกเขาก็เป็นตัวตนอันดึกดำบรรพ์ที่สุดในโลกหล้า
ฉินมู่ใช้เต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งไฟสวรรค์เพื่อทลายฝ่าเต๋าอันยิ่งใหญ่แห่งสนามแม่เหล็กของเอี๋ยนจิ่วซี แต่เอี๋ยนจิ่วซีมิได้มีชื่อเสียงกลวงเปล่า เขาถึงกับใช้รังสีแสงแม่เหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนเพื่อปกป้องร่างกายของตนเอง การระเบิดได้ทลายผ่านชั้นรังสีเทวะของเขามาหลายต่อหลายชั้น แต่ไม่อาจทำอันตรายแก่นแท้ของเขาได้
ไฟสวรรค์อันคลุ้มคลั่งห้อมล้อมเขา และแม้แต่รังสีเทวะก็ยังคงหลอมละลายอยู่ในไฟสวรรค์ รังสีแสงเหล่านี้แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้
ในเพลิงไฟ ฉินมู่ถือกระบี่ในมือข้างหนึ่งและแทงออกไป แสงกระบี่ทะลวงทะลุรังสีเทวะสนามแม่เหล็ก และส่งเสียงคริ้งสดใสเมื่อแทงเข้าไปโดนใจกลางหว่างคิ้วของเอี๋ยนจิ่วซี
อักษรรูนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปรอบๆ หว่างคิ้วของเอี๋ยนจิ่วซี และป้องกันขัดขวางกระบี่เอาไว้ อักษรรูนสนามแม่เหล็กของเขาเปราะแตกภายใต้พลานุภาพของแสงกระบี่ และแสงกระบี่ก็แทงเข้าไปในหว่างคิ้ว คืบแทงไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก
เอี๋ยนจิ่วซีล่าถอย และไฟสวรรค์ก็แผดเผา จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขากำลังถูกเผาไหม้
เอี๋ยนจิ่วซีคำรามอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อควันสีเขียวลอยพวยพุ่งออกมาจากร่างที่ถูกเผาผลาญของเขา เสียงหวีดหวือดังมาจากท้องฟ้าเมื่อเทพครองดาวมหาตะวันพุ่งผ่านไฟสวรรค์เพื่อไปคว้าจับตัวฉินมู่
กายเนื้อของฉินมู่ย่อหดลงอย่างรวดเร็ว และเขาก็กลับมาที่ขนาดร่างธรรมดา เทพครองดาวมหาตะวันคว้าจับอะไรไม่ได้เลย และเขาก็รีบกระพือปีกเพื่อแปรเปลี่ยนเป็นเทพเจ้าร่างคนหัวนก เขามีขานกงอกอออกมาสามขาและมีปีกอันคมกล้าประดุจมีดเทวะ เมื่อเขาปั่นหมุนไป เขาก็ใช้ปีก กรงเล็ก จะงอยปาก และทุกวิธีการเพื่อโจมตีฉินมู่อย่างดุดัน!
เขาได้ประจักษ์ถึงพลานุภาพแห่งไฟสวรรค์ และรู้ว่าไม่อาจเอาชนะฉินมู่ได้ในวิชาอัคคี ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้ทักษะเทวะแม้แต่น้อย ในทางตรงข้าม เขาเข้ามาต่อสู้ประชิดตัว
แม้ว่าเขาจะตายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็ยังคงแข็งแกร่งอย่างสุดกู่ เขานั้นเป็นเทพบรรพกาลที่โด่งดังในยุคสมัยหลงฮั่น และในแง่การต่อสู้ประชิดตัวแล้ว เขาก็แทบจะไม่เคยกริ่งเกรงผู้ใด
ขนนกของเขาดุจกระบี่ ปีกประดุจมีดดาบ กรงเล็บเหมือนกับตาขอ และจะงอยปากของเขาก็ละม้ายกับหอกทวน แต่ละส่วนในร่างกายของเขาคืออาวุธ อันสามารถคร่าชีวิตฉินมู่ได้อย่างง่ายดาย!
“โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ในการสู้ประชิดตัว!”
เทพครองดาวมหาตะวันดูเจิดจรัสประดุจสายรุ้ง และเขาก็ร้องออกไป “พันขนนกมหาตะวัน เฉือนฟันทฤษฎีปริศนา!”
ขนนกนับไม่ถ้วนบนปีกของเขาบินออกไป และพวกมันก็พุ่งฉวัดเฉวียนราวกับกระบี่บินเพื่อสร้างรูโซมเลือดในร่างของฉินมู่
เทพครองดาวมหาตะวันเขย่าปีก ขนนกหนึ่งพันของเขาก็ย้อนกลับมากลายเป็นปีกสองข้างของเขาอีกครั้ง ปีกทั้งสองหมุนตวัดอย่างรวดเร็วเฉือนตัดไปยังฉินมู่
อาการบาดเจ็บบนร่างของฉินมู่ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว และมือของเขาก็เคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ เพื่อป้องกันการโจมตี เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามันโม้เป่าวัว ”
เทพครองดาวมหาตะวันหัวใจเต้นโครมคราม เมื่อเขาได้ยินคำว่าวัว เงาร่างอันทะมึนน่าเกรงขามของเทพหัววัวก็ผุดขึ้นมาในห้วงคิดของเขาอย่างระงับไว้ไม่อยู่
เขานั้นเคยพ่ายแพ้มาก่อน แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว ในปีศักราชแรกของหลงฮั่น เขาถูกกระทืบโดยแม่ทัพทองคำหนิวเปิ่น ผู้ซึ่งใช้เพียงมือเปล่า
นั่นเป็นความอับอายและความอัปยศเกินธรรมดา!
หลังจากนั้น ความสำเร็จเชี่ยวชาญในไฟเทวะสุริยันของเขาก็เพิ่มพูนสูงขึ้นและสูงขึ้น เขามั่นใจว่าเขาเหนือล้ำไปกว่าหนิวเปิ่นแล้ว และหมายที่จะแก้แค้น แต่ทว่า เขาไม่เคยหาตัวหนิวเปิ่นพบ
ฉินมู่ปล่อยมือออกเพื่อต่อสู้กับเขา แต่กระบี่ที่อยู่บนหว่างคิ้วของเอี๋ยนจิ่วซียังคงปักอยู่ที่นั่น เอี๋ยนจิ่วซีถูกไฟสวรรค์แผดเผา และเขาล่าถอยไปกรูดๆ แต่กระนั้น ฉินมู่ก็ตามติดไปอย่างไม่ลดละ
การโจมตีของเทพครองดาวมหาตะวันยิ่งมากก็ยิ่งรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่อาจจะทะลุฝ่าวงป้องกันของฉินมู่เข้าไปได้
ในตอนนั้นเอง เอี๋ยนเชียนจ้งก็ทะลวงฝ่าไฟสวรรค์มาและเข้าร่วมการต่อสู้
“มังกรรำแห่งต้าเอี่ยน!”
มังกรอัคคีจำนวนมากแสยะเขี้ยวอวดเล็บไปรอบๆ เอี๋ยนเชียนจ้ง ทะลวงเข้าๆ และออกร่างกายของเขา ราวกับว่าเขาคือมารเทวะที่มีมังกรอัคคีมากมายเติบโตอยู่ภายในร่าง ไม่ว่าจะเป็นเทวนุภาพหรือทักษะเทวะของเขา พวกมันก็ล้วนแต่น่าสะพรึงกลัว!
เทพครองดาวมหาตะวันถอนหายใจโล่งอก เอี๋ยนเชียนจ้งเป็นตัวตนระดับบัลลังก์จักรพรรดิก่อนที่เขาจะตายลงมา เขามีความสำเร็จอันสูงส่งในทักษะเทวะอัคคี และเป็นจ้าวครองดินแดนคนหนึ่งในแดนใต้พิภพ ดังนั้นเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าไฟสวรรค์จะเผาไหม้ตน
เทพครองดาวมหาตะวันและเอี๋ยนเชียนจ้งร่วมมือกันโจมตีฉินมู่ ร่างของเอี๋ยนเชียนจ้งย่อหดลงไปและกลายเป็นขนาดเท่าๆ กับฉินมู่ ทั้งคู่โจมตีเขาอย่างดุร้ายจากทั้งซ้ายและขวา แต่ฉินมู่ยังคงสามารถสกัดขัดขวางการโจมตีของทั้งสองคนเอาไว้ได้ กระบี่นั้นยังคงปักอยู่ที่หน้าผากของเอี๋ยนจิ่วซี และแสงกระบี่ก็ได้แทงเข้าไปในกะโหลกของเขาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งสี่คนเคลื่อนฝีเท้าอย่างบ้าคลั่ง และการโจมตีทุกรูปแบบก็สร้างเสียงกัมปนาทอันน่าแตกตื่น
ทันใดนั้น เสียงเพลงขลุ่ยก็ดังมาจากท้องฟ้า และเทพเจ้าในชุดขาวราวหิมะก็เหาะลงมาเหยียบไฟสวรรค์ด้วยเท้าเปล่า เขาเหินลงจากท้องฟ้าด้วยมืออันถือขลุ่ยหยกเอาไว้ และนิ้วของเขาก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อเล่นท่วงทำนองอันผ่อนคลาย
“นั่นคือศิษย์ของเทพสรรพชีวิต นักบุญหั่วอวิ๋นแห่งสภาสวรรค์!”
เอี๋ยนเชียนจ้งปีติยินดี และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่วงทำนองอันล้ำเลิศ หรือว่านี่จะเป็นคีตาวิเศษไฟสวรรค์ผลาญเผา”
นักบุญหั่วอวิ๋นเล่นขลุ่ยหยก และคีตาวิเศษไฟสวรรค์ผลาญเผาก็ถูกเล่นออกมา คลื่นเสียงได้ชักนำไฟสวรรค์และค่อยๆ ยักย้ายไฟสวรรค์ให้ไปโจมตีฉินมู่
เทพครองดาวมหาตะวันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยการช่วยเหลือของนักบุญหั่วอวิ๋น พวกเราก็สามารถกำราบโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพได้ละ!”
นักบุญหั่วอวิ๋นเคลื่อนไหว ขณะที่ทั้งสี่คนวิ่งตะบึงไป เขาก็ห้อมล้อมพวกเขาทั้งสี่ในไฟสวรรค์ และเพลงขลุ่ยก็รินไหลออกมาอย่างเสนาะหู เสียงแห่งธรรมชาติเข้ามาปะทะพวกเขาจากทุกทิศทาง
ขณะที่นักบุญหั่วอวิ๋นกำลังเล่นคีตา ดวงตาที่สามของฉินมู่ก็เปิดออก และลำแสงลำหนึ่งพุ่งออกไป มันกวาดผ่านคอของนักบุญหั่วอวิ๋น
นักบุญหั่วอวิ๋นตกตะลึง และศีรษะของเขาก็ร่วงหล่น
ฉินเฟิงชิงรีบเอื้อมมือเข้าไปคว้าร่างทั้งสองซีกของจิตวิญญาณดั้งเดิมของนักบุญหั่วอวิ๋น เขายัดพวกมันเข้าไปในปาก แล้วส่งเสียงเรอออกมาด้วยความพึงใจ
แย่ละ ข้าอิ่มเสียแล้ว
ทารกหัวโตกลายเป็นว้าวุ่น เมื่อครู่เขาเพิ่งกินเทพีอู่จีไป และไม่ทันที่เขาจะย่อยนางได้หมด เขาก็กินนักบุญหั่วอวิ๋นเข้าไปอีก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับกายเนื้อของเขาโป่งพองและอาหารก็แน่นเต็มท้อง
ยังมีอาหารจานเด็ดอีกหลายจาน ข้าจะทำอย่างไรดี
ความคิดของเขาปั่นป่วนไปหมด
ข้างนอกไฟสวรรค์ ตัวตนโบราณอื่นๆ อีกร้อยมองอยู่แต่ไกลๆ ไม่กล้าเข้าไปข้างใน
ไฟสวรรค์นี้เข้มข้นดุดันจนเกินไป และพวกเขาส่วนใหญ่เป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ปราศจากกายเนื้อ ไฟสวรรค์สามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่จิตวิญญาณดั้งเดิม อันเป็นสาเหตุว่าทำไมจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ตกลงมายังแดนใต้พิภพ มิอาจเดินทางไปยังแดนปริศนาได้หลังจากความตายของพวกเขา
ร่างกายของเทพสรรพชีวิตห่อหุ้มไปด้วยไฟสวรรค์ทั้งหมด ดังนั้นดวงวิญญาณและจิตวิญญาณดั้งเดิมจึงไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น ดวงตาของยอดฝีมือขั้นตำหนักชิดฟ้าตนหนึ่งก็เป็นประกาย และเขาตะโกนไป “พวกเขาต่อสู้จนหลุดออกมาจากไฟสวรรค์แล้ว!”
คลื่นเพลิงไฟโถมซัดและพวยพุ่งไปไกลกว่าหนึ่งพันลี้ มันคือทักษะเทวะของฉินมู่ เทพครองดาวมหาตะวัน และเอี๋ยนเชียนจ้งที่ให้งูไฟแลบเลียออกมาข้างนอก
ถัดจากนั้น เงาร่างของพวกเขาก็ต่อสู้กันออกมาจากไฟสวรรค์ ตัวตนบรรพกาลมากมายรีบเหาะเข้ามา เพื่อจะเห็นว่าแสงกระบี่ของฉินมู่ได้แทงทะลุศีรษะของเอี๋ยนจิ่วซี และปักมาโผล่หลังข้างท้ายทอยของเขา
“ของข้า!”
หัวอ้วนจ้ำม่ำของฉินมู่ลิงโลดดีใจ เขาคว้าจับเอี๋ยนจิ่วซีและอ้าปากมหึมาเพื่องาบเอี๋ยนจิ่วซีเข้าไป ถัดจากนั้น เขาก็เรอออกหลายคำรบด้วยความอิ่มแปล้ แต่เขาก็ยังคงยุ่งยากกังวลอยู่ดี ข้าคิดว่ายังจะกินได้อีกเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าข้าจะยัดลงไปอีกไม่ไหว…
“เจ้ากล้า!”
ยอดฝีมือหนึ่งร้อยในขั้นตำหนักชิดฟ้าและบัลลังก์จักรพรรดิเข้ามาโจมตี และพวกเขาก็พลันรู้สึกว่ามีผู้คนมากมายเกินไป ทำให้กีดมือกีดเท้าไปหมด และยากที่จะร่ายรำกระบวนท่า
มีไม่กี่คนที่สามารถโจมตีฉินมู่ได้ในเวลาเดียวกัน แต่ด้วยสามเศียรหกกรของฉินมู่ เขาก็สามารถสกัดกั้นการโจมตีทั้งหมดจากรอบทิศ
ยิ่งไปกว่านั้น โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพผู้นั้นยังมีหนังหนาอันทำให้เขาทนทายาดอย่างสุดขีด แม้ว่าพวกเขาจะกลุ้มรุมโจมตีไปพร้อมๆ กัน ก็ทำได้แค่ให้เขาบาดเจ็บแต่ไม่อาจคร่าชีวิต
ย่างเท้าของฉินมู่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเขาขับเคลื่อนมรรคา วิชา และทักษะเทวะทุกชนิด เมื่อเขาเผชิญกับอันตราย เขาก็เพียงแค่ยกมือขึ้นและส่งคู่ต่อสู้ประชิดตัวทั้งหมดให้กระเด็นไปไกลพันลี้
“พลังวัตรของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร” เทพครองดาวมหาตะวันก็ได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาทั้งว้าวุ่นและอดรนทนไม่ไหว
เอี๋ยนเชียนจ้งคำรามอย่างเดือดดาล “ในแดนใต้พิภพ พลังวัตรของเขาไร้ขีดจำกัด!”
ทันใดนั้น ดวงตาที่สามบนหัวทั้งสามของฉินมู่ก็ยิงลำแสงเจิดจ้าออกไป และลำแสงนั้นก็ยิงยังทั่วทิศทาง ลำแสงเนตรหมุนวนและเฉือนตัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ทุกๆ คนพยายามจะหลบหลีก แต่ว่าก็ยังมีหลายคนที่ถูกเฉือนตัดเป็นสองแล่ง
จิตวิญญาณดั้งเดิมของพวกเขาถูกฟันสะบั้น และมันแตกต่างจากการที่กายเนื้อถูกฟันสะบั้น หลังจากที่จิตวิญญาณดั้งเดิมถูกผ่าเป็นสองแล่ง มันก็เท่ากับว่าดวงวิญญาณของพวกเขาถูกปลิดชีวิต และดวงวิญญาณของพวกเขาก็จะแตกสลาย เหลือไว้แต่ทารกวิญญาณ
ฉินเฟิงชิงจ้องไปด้วยดวงตาเบิกกว้าง และรู้สึกรวดร้าวในหัวใจ เขารีบกล่าวด้วยเสียงนุ่ม “น้องชาย น้องชายคนดีของข้า ข้ากินอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ สู้ช้าๆ หน่อย อย่าเพิ่งทุบตีพวกเขาให้ตาย…พี่ชาย ข้าให้เจ้าเป็นพี่ชายเลย หยุดฆ่าได้แล้ว…”
ฉินมู่ไม่สนใจคำพูดของเขา เขาขับเคลื่อนกระบี่ผงาดภัยพิบัติเพื่อสังหารผู้คนอีกมากมายด้วยร่างกายอันบาดเจ็บของตน หัวของเขาสองหัวถูกตัดออกไป และแขนสี่ข้างก็หักไปแล้ว
เนื้อเต้นดุบดิบขึ้นมาจากหัวไหล่ของเขาเมื่อหัวอีกสองข้างงอกออกมาด้วยสีหน้าถมึงทึง
มือของฉินเฟิงชิงสั่นเทิ้ม และเขาก็คว้าเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ถูกสังหารมา เขาอยากจะยัดพวกมันเข้าไปในปาก แต่ก็ไม่อาจอัดเข้าท้องได้อีกต่อไป ทันใดนั้น เขาก็เกิดแสงสว่างทางปัญญาขึ้นมา “ข้านึกออกแล้ว! ข้าเก็บอาหารเอาไว้ก่อนก็ได้นี่นา!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น เขาก็ยัดเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ฉีกขาดทั้งหลายเข้าไปในหว่างคิ้วของเขา
ร่างแยกของเทพสรรพชีวิต และสำนึกรู้ของจักรพรรดิแดงฉานมองไปยังการต่อสู้ภายนอกด้วยความกระสับกระส่าย ทันใดนั้น ท้องฟ้าก็ปริแยก และแขนขาอวัยวะฉีกขาดก็โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ไม่นานก็กองสุมกันอยู่บนพื้น
ทั้งสองคนหันไปมองตากันด้วยความหนักอึ้ง
ในตอนนั้นเอง เทพครองดาวมหาตะวันก็ถูกเหวี่ยงเข้าไปข้างในเช่นกันและร่วงลงมากับพื้น
เทพครองดาวผู้นี้เป็นจิตวิญญาณดั้งเดิมด้วยเช่นกัน และอันที่จริงเขาก็ยังไม่ทันตายสนิท เขารีบกระพือปีกและหมายที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้
เทพสรรพชีวิตร้องบอกด้วยเจตนาดี “นกน้อย เจ้าไม่ต้องหนีไปหรอก หากว่าแม้แต่พวกเรายังหนีไม่รอด เจ้าเอาอะไรมาคิดว่าเจ้าจะทำได้ เจ้าเข้ามาข้างในได้อย่างไร”
เทพครองดาวมหาตะวันตื่นตระหนก และตอนนี้เขาถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นบุคคลทั้งสอง เขารีบคารวะทักทาย “เทพสรรพชีวิต! เทพสรรพชีวิต ท่านก็ถูกโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพเก็บเอาไว้เป็นอาหารเหมือนกันหรือ”
“ถุยๆ! คำพูดเด็กจงอย่าได้เป็นจริง! ไปแก้เคล็ด แก้เคล็ด!”
เทพสรรพชีวิตจึงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะถูกเก็บไว้เป็นอาหารได้อย่างไรกัน ข้ามาที่นี่เพื่อโปรดแสงสว่างทางปัญญาแก่มารตนนี้ ดังนั้นข้าจึงเข้ามาด้วยตนเอง ป้องกันไม่ให้เขาออกไปทำอันตรายแก่สรรพชีวิต แล้วทำไมเจ้าถึงเข้ามา”
เทพครองดาวมหาตะวันรู้สึกอับอายและกล่าว “เมื่อครู่นี้ข้าถูกโอรสศักดิ์สิทธิ์ทุบจนมึนงง และทารกนั้นก็คีบปีกของข้าเหวี่ยงเข้ามา นี่ช่างเป็นคุณธรรมอันประเสริฐของเทพสรรพชีวิตจริงๆ ที่หมายจะป้องกันไม่ให้เขาออกไปทำอันตรายแก่สรรพชีวิต แต่ทว่า ทำไมเขาถึงยังออกไปเข่นฆ่าสังหารในโลกภายนอกได้อีกล่ะ”
ผู้เฒ่าหนวดขาวเป่าหนวดของเขาและถลึงตาจ้องด้วยดวงตาเบิกกว้าง “นกน้อย เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าตายอย่างไร”
เทพครองดาวมหาตะวันพึมพำ “ปากข้าไม่มีหูรูด และข้ารู้ความลับมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงตกตายไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้”
เทพสรรพชีวิตแค่นเสียงและกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “หลังจากเจ้าตายไป เจ้าก็ยังมีจิตวิญญาณดั้งเดิม หากว่าเจ้ายังปากพล่อยพูดไปทั่วอีก แม้แต่ดวงวิญญาณเจ้าก็คงจะไม่เหลือ”
เทพครองดาวตะวันพินอบพิเทาทันทีและกล่าว “ถ้าเช่นนั้น โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพจะยังคงกินข้าไหม”
ร่างแยกของเทพสรรพชีวิตหัวเราะร่าและกล่าว “ข้าอยู่ที่นี่มาตั้งนานแล้ว ต่อให้โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพจะเก่งกาจมาจากไหน ตราบเท่าที่เจ้าติดตามข้า เขาก็ไม่มีทางมากินเจ้าได้”
เทพครองดาวมหาตะวันลิงโลดยินดี
จักรพรรดิแดงฉานอดปากไม่ได้ “อย่าไปเชื่อเขา ข้าเชื่อเขาและถูกกระทืบมาตั้งไม่รู้กี่ครั้ง”
เทพครองดาวมหาตะวันรีบถาม “และท่านคือ?”
“จักรพรรดิแดงฉานแห่งสภาสวรรค์แสงฉาน”
เทพครองดาวมหาตะวันตื่นตระหนก
ยังมีแขนมากมายนับไม่ถ้วนร่วงลงมาจากข้างนอก และทันใดนั้น ท้องฟ้าก็มืดทึบ ไม่มีความเคลื่อนไหวภายนอกอีกต่อไป
“ลู่หลีและพรรคพวกลงมือแล้ว!”
เทพครองดาวมหาตะวันร้องออกมา “กระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์ได้หลอมรวมกันและกักขังเขาเอาไว้! พวกเรารอดแล้ว!”
ร่างแยกเทพสรรพชีวิตมีสีหน้าวิตก และเขาส่ายหัว “เจ้าคิดเลยเถิดเกินไป นี่แย่แล้วต่างหาก กระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์มีแต่จะเคี่ยวหลอมพวกเราให้ตายไปพร้อมๆ กับผู้คนอื่นๆ ในกระถางด้วย…ลู่หลีกำลังพยายามที่จะสำเร็จเป็นภูติบดีคนที่สอง!”
Comments