[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า 55 องค์ที่ 3 บดขยี้ – เจ้าหญิงแวมไพร์และการกวาดล้างเมือง
“ถ้างั้น ทุกท่านคะ ทันทีที่เวทคุ้มครองถูกทำลายลงก็บุกเข้าโจมตีได้เลยค่ะ ฆ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่ภายในเมืองทันทีที่พบเห็นตัว”
“แล้วเรื่องเชลยล่ะคะ ท่านลีน ต้องให้ดิฉันจับมาอีกมั้ยคะ?”
“ไม่ต้องแล้วค่ะ เราไม่จำเป็นต้องใช้นักโทษสงครามอีกแล้ว กำจัดพวกมันทิ้งแบบถอนรากถอนโคนได้เลยค่ะ… อ้อ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้มีใครหลุดเล็ดลอดไปนะคะ ฉันจะออกไปไล่ฆ่าพวกมันเองค่ะ”
ทุกคนอึ้งกับคำสั่งฉันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งเสียงคำรามกันออกมา
ก็ไม่แปลกล่ะนะ ปกติแล้วคงไม่มีคำสั่งให้กวาดล้างแบบถอนรากถอนโคนหรอก ถ้าเกิดไม่ได้มีปัญหาหนักจริงๆ
แต่ก็นะ นั่นมันแค่กรณีที่เป็นสงครามทั่วๆ ไป แค่บีบให้ฝ่ายศัตรูทำตามความต้องการของฝ่ายเรา
เป้าหมายสูงสุดของเราในสงครามครั้งนี้คือการสูญพันธุ์ของพวกมนุษย์ เพราะงั้นมันต่างกันตั้งแต่รากเหง้าพื้นฐานแล้วล่ะ
“ท่านลีนคะ เราได้รับการแจ้งเข้ามา คำร้องขอการอนุญาตทำลายเวทคุ้มครองได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้น อนุมัติคำร้อง… เอาล่ะ ทหารทุกนาย บุกได้ค่ะ! ปิดล้อมทั้ง 4 ประตูเอาไว้! แล้วจัดการพวกมันได้เลยค่ะ!”
จังหวะที่เวทคุ้มครองถูกทำลาย ทหารเผ่ามารทุกคนที่วางกำลังประจำเอาไว้ที่ประตูเมืองทั้ง 4 บาน ประตูละ 500 นาย ก็บุกเข้าเมือง
ด้วยการมองเห็นและการได้ยินของแวมไพร์ช่วยรวบรวมข้อมูลได้บ้างนะ แต่ว่า…
เฮ่อ~ ฉันหยุดหัวเราะไม่ได้เลยจริงๆ
ภาพที่เห็นนั้นช่างโหดร้าย ถึงจะมีบางคนโดนลูกหลงจากเหตุระเบิดไปบ้าง จำนวนมนุษย์ในเมืองก็ยังมากกว่าฝ่ายเรามากอยู่ดี แต่พวกมันก็ถูกทหารเผ่ามารฆ่าโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
อาจจะมีพวกเชลยศึกบางคนช่วยระเบิดผู้วิเศษไปด้วย เพราะงั้นเมื่อแรงระเบิดจัดการผู้วิเศษไปด้วย ทำให้การเสริมกำลังของพวกมนุษย์ถูกตัดขาดไปก็ได้
เผ่ามารที่ความเหนือกว่ากลับมาเลยสามารถละเลงความพินาศให้กับเผ่ามนุษย์ได้แบบฝ่ายเดียวเลย
“เอาล่ะ งั้นฉันจะไปด้วยดีกว่า คุณเชอรี่น่าจะบัญชาการทัพได้ดีกว่านะคะ ฉันว่าจะออกไปอาละวาดซะหน่อย”
“รับทราบค่ะ ไปดีมาดีนะคะ”
แล้วฉันก็พุ่งเข้าไปในสิ่งที่เคยเป็นเมืองของมนุษย์ ที่ตอนนี้เต็มไปด้วยควัน, ไฟ และเลือดมาแทนที่แล้ว
อา ดูเหมือนฉันไม่จำเป็นต้องมาด้วยซ้ำนะเนี่ย
มีความเสียหายกับฝ่ายมารนิดหน่อย ส่วนฝ่ายมนุษย์เสียหายหนักมาก
ควันนี่ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลง เผ่าพันธุ์ที่มีสายตาที่ดี… อย่างเผ่าเซนทอร์หรือเผ่ามนุษย์มังกรก็ล่าพวกมนุษย์อย่างไม่คำนึงถึงเผ่าพันธุ์ของพวกมัน พวกมนุษย์ก็เลยถูกล่าได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย
“ช่วยไม่ได้น้า ไปจัดการพวกที่พยายามจะหนีก็แล้วกัน…หืม?”
มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นอยู่ที่นึงในเมือง
จากการตรวจจับสัญญาณชีพของฉัน สัญญาณชีพของเผ่ามารหายไป 2-3 ตนแล้ว
แย่ละสิ มีคนที่มีฝีมือปะปนอยู่ด้วย
ฉันรีบไปที่เกิดเหตุ แล้วที่นั่นก็… โอ้ เยี่ยมเลย
ผมบลอนด์ สวมเกราะ ผมหางม้า เธอคงเป็นทหารหญิงในกองกำลังรักษาพระองค์สินะ
“…ยัยนั่น แข็งแกร่ง”
“อย่าประมาทเด็ดขาด! รักษาวงล้อมเอาไว้! ล้างแค้นให้เพื่อนพ้องของเรา!”
“จะกี่ตัวก็ดาหน้าเข้ามาเลย! เจ้าพวกเผ่ามารสารเลว! ฉันจะไม่มีทาง-”
“พวกแกจะยอมแพ้ดีๆ มั้ย? คงไม่สินะ เอาเถอะ ยังไงฉันก็จะบังคับให้พวกแกต้องยอมอยู่ดี”
“!? ก- แกเป็นใคร…!?”
“อ๊ะ ท่านลีนครับ!”
“นี่ นี่ นี่ ผู้บัญชาการไม่ควรจะลงมาถึงที่นี่เองหนิครับ ท่านลีน?”
“ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนี่คะ ตราบใดที่ยังมีมนุษย์อยู่ที่นี่ เราก็ฆ่ามัน ไม่ใช่แบบนั้นเหรอคะ?”
“ระดับความเกลียดชังมนุษย์แบบท่านลีนนี่ แม้แต่เผ่ามารยังหาได้ยากเลยนะคะ…”
หยาบคายจัง
พวกผู้ใต้บังคับบัญชาของฉัน… ก็นะ ทุกคนอายุมากกว่าฉันกันหมด ก็เลยต้องพูดคุยกันแบบให้เกียรติด้วย แต่การสื่อสารกันก็เป็นสิ่งสำคัญล่ะนะ
“ตอบคำถามมา! แกเป็นใคร!”
“…จะว่าไป เจ๊อัศวินน่ารำคาญนี่ใครน่ะ?”
“เหมือนเธอจะเป็นหัวหน้ากองทหารในเมืองนะคะ ระวังตัวด้วย”
“…อึม ถ้าระดับแค่นั้น ไม่เป็นไรค่ะ”
“ก- แก…!”
“ดูเหมือนแกจะโกรธสินะ แต่ฉันก็โกรธเหมือนกัน แกกล้าดียังไงถึงมาฆ่าผู้ใต้บัญชาของฉันไปซะเยอะเลยนี่… ช่วยแบกร่างของพวกเขากลับไปได้มั้ยคะ?”
“รับทราบค่ะ”
“คิดว่าฉันจะยอมหรือไง!”
พูดออกมาแบบนั้น อัศวินคนนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีใส่ใครก็ตามที่พยายามเข้าใกล้ร่างพวกนั้นด้วยความเร็วดุจสายลม
…อืม นี่คงไม่ได้กำลังคิดว่าฉันจะยอมให้ทำแบบนั้นต่อหน้าฉันงั้นหรอกนะ
“ช้าไป”
“อึก!?”
เพราะงั้น ฉันเลยชกเธอคนนั้นไปเบาๆ และหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝั่ง
…อึม อ่อนแอจริงๆ
“อ๊าาาก…!”
“…ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าแค่หมัดแย็บเบาๆ จะมีพลังขนาดนั้นเลยนะคะ ท่านลีน”
“สุดยอดเลยนะครับ เพราะแบบนี้ถึงได้เอาชนะโยมิคนนั้นลงได้เมื่อตอนยังอายุ 8 ปีสินะครับ”
“ก- ก- แกนะแก…! {มิดเดิลฮีล (ฟื้นฟูระดับกลาง)}”
โอ้ เวทฟื้นฟูงั้นเหรอ
เป็นพวกนักดาบเวทที่รักษาตัวเองงั้นเหรอ เป็นประเภทที่เล่นด้วยยากเหมือนกันนะเนี่ย
เอาเถอะ นั่นคือถ้าฝั่งนั้นแข็งแกร่งละนะ เจ้านี้น่ะเทียบฉันไม่ได้ซักนิด
“แก แก…! ฉันจะต้องฆ่าแกลงที่นี่ให้ได้!”
“แกทำตัวน่ารำคาญมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ… เข้ามาฆ่าฉันเร็วๆ ซะทีสิ อะ จริงสิ เพื่อเป็นรางวัลที่เธอทนการโจมตีฉันได้ครั้งนึง ถึงจะเป็นการออมแรงแบบสุดๆ เลยก็เถอะ ให้ฉันจำชื่อแกเอาไว้ดีมั้ย?”
เอาเถอะ ถึงพรุ่งนี้ฉันก็ลืมมันอยู่ดีนั่นแหละ
“ฉันไม่มีชื่อให้เผ่ามารอย่างแกหรอก! และไม่มีความจำเป็นเลยซักนิด เพราะเดี๋ยวฉันจะฆ่าแล้วที่นี่นี่แหละ!”
“งั้นเหรอ เอาเถอะ งั้นฉันจะบอกชื่อของฉันแทนก็แล้วกัน”
“(พนันเลยท่านแค่อยากเอ่ยชื่อตัวเอง แล้วทำให้ฝั่งตรงข้ามสิ้นหวังแหงเลย)”
“(ชัวร์ป๊าบ)”
“ตรงนั้นน่ะเงียบไปเลย! ฉันได้ยินนะ!”
ว่าจะสร้างภาพให้ตัวเองเท่ๆ ซะหน่อย มาทำพังทำไมเล่า!
“หึ! ฉันไม่สนชื่อของแกหรอก! ตายไปซะ!”
“ฮึบ”
“กึอั๊กกก!?”
ยัยนี่โง่หรือไงเนี่ย?
ฉันกำลังจะพูดชื่อของตัวเองอยู่นะ
“ถ้างั้น ฉันจะบอกอะไรให้ซักเรื่องก็แล้วกัน ชื่อของฉันคือลีน เป็นแวมไพร์ ผู้บริหารลำดับที่ 5 ของกองทัพจอมมาร ‘แม่ทัพจอมกระหายเลือด’ ลีน บลัดลอร์ด ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ลาก่อนตลอดกาลนะ”
“……ผ-… ผู้บริหาร… กองทัพจอมมาร…!”
โห หน้าถอดสีทันทีเลยแฮะ
สิ่งที่เจ๋งที่สุดของการขึ้นเป็นผู้บริหารเลยนะเนี่ย แค่บอกออกไปก็ทำเอาอีกฝ่ายสิ้นหวังที่จะสู้แล้ว
“มะ…… ไม่… ไม่มี… ทาง…… ชนะได้เลย ไม่…”
“โห ในที่สุดก็เข้าใจแล้วงั้นเหรอ งั้นก็ ไปตายซะ ♡”
ฉันเตะเข้าที่คอนั่นสุดแรง
คอก็หลุดออกมา หัวก็ถูกขยี้เละไป
“ฟู่ว… รู้สึกดีจริงๆ เลย”
“…ท่านลีนอ่อนโยนกับพวกเราเผ่ามาร แต่กลับไร้ปรานีกับพวกมนุษย์ในระดับที่เรายังเทียบไม่ติดเลยนะเนี่ย”
“เอาน่า พวกเราก็ได้รู้สึกมีชีวิตชีวากันด้วย แต่ยังไง… มันก็ดูแหยงๆ อยู่นะ เห็นเด็กผู้หญิงอายุ 13 ปีที่มีใบหน้ายิ้มแย้มอย่างสดชื่นกำลังยืนอยู่ข้างศพไร้หัวนั่นน่ะ”
หุบปากไปเลย เจ้าพวกคนนอก!
“…นี่ก็จบภารกิจแล้วค่ะ หลังจากพักที่นี่อีกสองสามวัน พวกเราจะไปร่วมรบกับคุณเรนที่สนามรบข้างหน้า แล้วเคลื่อนทัพไปล้อมมหานครกันค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ… อะ จะว่าไป”
“มีคำถามอะไรสงสัยเหรอคะ?”
“อัศวินหญิงคนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย ทั้งที่ฉันเป็นผู้บริหาร และก็ไม่ได้ซ๋อนข้อมูลตัวตนแบบโยมิ แต่ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่คุ้นหน้าของฉันเลยนะคะ”
“ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นค่ะ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะคะ?”
“ท่านลีน ทุกครั้งที่ท่านเข้าร่วมในสงคราม ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนก็ตาม ท่านไม่เคยเหลือมนุษย์เอาไว้เลยแม้แต่คนเดียวเลยนี่คะ”
“…อ่า จริงด้วยสินะคะ”
ก็ ถึงฉันอยากจะให้ชื่อตัวเองกระจายออกไป แต่ก็ไม่มีใครที่เหลือรอดเพื่อจะเอาชื่อของฉันไปพูดต่อเลยสินะ เอาเถอะ ฉันเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยเหมือนกัน
Comments