เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 1835 ย้อนกลับไปตามหาเขา / 1836 การโจมตีถึงชีวิต

Now you are reading เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า Chapter 1835 ย้อนกลับไปตามหาเขา / 1836 การโจมตีถึงชีวิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1835 ย้อนกลับไปตามหาเขา / ตอนที่ 1836 การโจมตีถึงชีวิต

ตอนที่ 1835 ย้อนกลับไปตามหาเขา

อาจเพราะเด็กหนุ่มชุดเขียวเคยช่วยเขาไว้ ตลอดเส้นทาง เขาจึงใส่ใจเด็กหนุ่มมากว่าคนอื่นหลายส่วน เขาย่อมต้องหวังว่าเด็กหนุ่มจะสามารถรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ ยามนี้คนสิบกว่าคนร่วมทางกัน เด็กหนุ่มกลับหายตัวไป ด้วยเหตุนี้ ใบหน้าเขาจึงตึงเครียดขึ้นมาทันที

ปี้ซานไม่พูดอะไรสักคำก็สาวเท้ายาวๆ เดินกลับไปทางเดิม ในสายตาเขา หากเด็กหนุ่มไม่ร่วมทางไปกับพวกเขา ไม่นานก็ต้องตายอยู่ในนี้ เจ้าหนูนั่นเคยช่วยเขาไว้ เขาจะทำเป็นไม่สนใจอย่างนี้ไม่ได้

“ปี้ซาน เจ้าจะไปไหน?” พวกเหลยเซียวเดินเข้ามา

“ข้าจะกลับไปตามหาเจ้าหนูนั่น” ปี้ซานตอบ

“พวกข้าไปกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน! จะได้ไม่พลัดหลงคนเดียว จะลำบากเอา” เหลยเซียวเสนอ

“อืม ไปด้วยกันก็แล้วกัน! เขาน่าจะอยู่ข้างหลังนี้แหละ อาจเพราะเดินช้าหน่อย คงไม่เป็นอะไร” หลินซีเอ่ยเสริม

เห็นพวกเขาเดินกลับไปทางเดิม ชายคนหนึ่งในกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังตะโกนเรียกพวกเขา “พวกเจ้าไม่ต้องไปแล้ว ถึงจะเดินกลับไปตามเส้นทางเดิมก็ออกไปไม่ได้หรอก ค่ายกลในนี้เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา หากไม่ระวังพวกเจ้าจะกลับมาไม่ได้”

“ตอนนี้ก็หลงอยู่ในนี้แล้วไม่ใช่หรือ? ต่างกันตรงไหน?” พวกเขาตอบโดยไม่หันหลัง เพียงเดินหน้าต่อไป

มองดูพวกเขาจากไป สิบกว่าคนที่เหลืออยู่ได้แต่ยืนเงียบอยู่ตรงนั้น หนึ่งในนั้นถาม “เหตุใดพวกเขาจึงดีกับเจ้าเด็กนั่นนัก? หายไปก็หายไปสิ ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร?”

“ก่อนหน้านี้ ปี้ซานถูกพิษงู เป็นเจ้าหนูนั่นที่ช่วยเขาไว้” ชายอีกคนตอบพลางส่ายหน้า “กลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะสายไปแล้ว”

เวลานี้ เฟิ่งจิ่วที่ไม่รู้ว่าพวกปี้ซานกลับมาตามหาเธอ กำลังใช้กิ่งไม้วาดวงกลมบนพื้น ก็ได้ อาจดูเหมือนวงกลม แต่ที่จริงมันคือค่ายกล เธอกำลังวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของค่ายกล รวมถึงหาตำแหน่งของประตูเป็นและประตูตายด้วย

เพราะความประหลาดของค่ายกลนี้ ยามค่ายกลเปลี่ยนแปลงเสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนที่อยู่ข้างในจะไม่สามารถดังออกมาได้ ด้วยหตุนี้ เธอนั่งอยู่ตรงนี้ครู่หนึ่งแล้ว ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือหลายครั้งรางๆ เท่านั้น ซึ่งก็คือคนกลุ่มหน้านั้นนั่นเอง

“ระยะเวลาที่ค่ายกลเปลี่ยนแปลงก็คือครึ่งก้านธูป เช่นนั้นเมื่อมาถึงตรงนี้ ก็น่าจะเป็นอย่างนี้ หากจะออกไปจากที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องเข้าไปจากตรงนี้” เธอพึมพำเบาๆ ถือกิ่งไม้ลากไปตามผิวดิน

“เจ้าหนู! เจ้าอยู่ไหน?”

ฉับพลันนั้น เสียงของปี้ซานดังมา เฟิ่งจิ่วตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามอง ด้านหน้าขาวโพลนมองไม่เห็นเงาคน เสียงนั้นแยกแยะไม่ออกว่าจากทิศใด ทว่า เมื่อครู่เธอเพิ่งเดินวนรอบหนึ่ง กลับสามารถเดินไปหาพวกเขาได้ง่ายๆ

ด้วยเหตุนี้เธอยืนขึ้น แล้วลบภาพบนพื้นด้วยเท้า ก่อนจะเดินไปข้างหน้า ทว่าเพิ่งจะเดินออกไปได้ระยะหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงร้องครวญรวมถึงได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมา

เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ปล่อยดวงจิตออกไป พบว่ามีผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณคนหนึ่งกำลังลงมือกับคนที่หลงอยู่ในค่ายกล ส่วนพวกปี้ซานที่กำลังเดินมั่วซั่ว ก็เข้าใกล้จุดศูนย์กลางนั่นเรื่อยๆ

เห็นอย่างนั้น เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้า บางทียามอยู่ข้างนอกผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นวิญญาณหลายคนอาจร่วมมือกันสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้ แต่อยู่ในนี้มีแต่จะถูกสังหารเท่านั้น

ขณะเดียวกัน พวกปี้ซานเองก็ได้กลิ่นคาวเลือดลอยมาในอากาศ พวกเขานึกว่าเฟิ่งจิ่วมีอันตราย จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปตามเสียงนั้น ใครจะรู้เพิ่งเดินออกมาได้ไม่กี่จั้ง พลังกระบี่รุนแรงขุมหนึ่งก็พลันปะทะเข้ามาซึ่งหน้า ไอสังหารกระหายเลือดพุ่งเข้ามา แรงกดดันของผู้ฝึกวิชามารระดับกำเนิดวิญญาณทำให้เขาสั่นสะท้านจนได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่อาจขยับเขยื้อน…

………………………………….

ตอนที่ 1836 การโจมตีถึงชีวิต

กลิ่นอายความตายแผ่ปกคลุมเขาในชั่วพริบตา แรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณน่าพรั่นพรึงถึงเพียงนั้น ทำให้เขาเหงื่อไหลท่วมตัว ในใจพร่ำบอกตนเองว่าให้รีบหนีไปอย่างสุดชีวิต แต่ร่างกายของเขายังคงแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น ราวกับอยู่ในน้ำแข็งพันปี ได้แต่ยืนนิ่งมองดูกระบี่คมที่พุ่งแทงมาตรงหว่างคิ้วของเขา

“ปี้ซาน!”

เหลยเซียวเห็นภาพนั้น แต่กลับอยู่ห่างออกไประยะหนึ่งทำให้เข้ามาช่วยไม่ได้ ในขณะที่เขาคิดว่าปี้ซานจะถูกฆ่า กลับได้ยินปี้ซานร้องครวญขึ้นมา ร่างกายที่เดิมทียืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นค้อมลง จากนั้นก็ล้มนั่งลงบนพื้น

“อึก!”

ปี้ซานร้องครวญ เขาล้มลงไปนั่งบนพื้นทั้งตัว ยังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเหลยเซียวที่อยู่ข้างหลังพุ่งตัวเข้ามาลากไปอีกทาง พวกเขาไม่กล้าชักช้า รีบรวมตัวกันเพื่อช่วยกันต้านรับแรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณทันที

ทว่า ไม่รู้เพราะเหตุผลใด ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นมุ่งมั่นจะฆ่าพวกเขาให้ได้ แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาแข็งแกร่งมาก แม้พวกเขามีใจอยากต้านทาน แต่ก็ยากจะยืนหยัดได้ภายใต้แรงกดดันเช่นนั้น

“พรวด!”

พวกเขากระอักเลือดออกมา รู้สึกเพียงเลือดลมในร่างกายพลุ่งพล่านไปหมด ทยอยกันล้มนั่งลงไปบนพื้นภายใต้แรงกดดันขุมนั้น ไม่อาจลุกขึ้นมาอีก

ต่อหน้าผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณซึ่งวรยุทธ์สูงกว่าพวกเขาหนึ่งระดับ ทันทีที่ปลดปล่อยแรงกดดัน ก็เหมือนภูเขาไท่ซานกดทับลงมาก็ไม่ปาน แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณที่สู้กับพวกเขาก่อนหน้านั้นแม้จะปลดปล่อยแรงกดดันออกมาแต่ก็ไม่แข็งแกร่งอย่างนี้ แต่นี่เพียงแรงกดดันก็ทำให้พวกเขารู้แล้ว ว่าเขาต้องการให้พวกเขาตาย!

“เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังก็คิดจะรอดไปจากเงื้อมมือของข้างั้นหรือ? คนหลายร้อยคน พวกเจ้าตายเพิ่มไปอีกสักกี่คนจะเป็นไรไป ตายเสียเถอะ!” ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นแค่นเสียงเย็นชาชั่วร้าย คมกระบี่พุ่งแทงไปทางทั้งสามคนพร้อมกับพลังกระบี่

ในขณะที่พวกเขาสามคนเตรียมใจรับความตายแล้ว พลันนั้นก็เห็นเงาร่างหนึ่งโฉบผ่าน เงาร่างนั้นเร็วดุจวิญญาณจนพวกเขามองตามไม่ทัน รู้เพียงว่าอยู่ในม่านหมอก เงาร่างนั้นโฉบผ่านด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด คว้าเอาร่างของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นไป

“ใครน่ะ!”

ผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณตวาดถาม แต่ก็ทำได้เพียงถามประโยคเดียว เพราะไม่นานเขาก็เงียบหายไป

พวกปี้ซานนั่งตกตะลึงอยู่บนพื้น ตั้งตัวไม่ทันในชั่วขณะหนึ่ง

เป็นใคร? ใครที่ช่วยพวกเขาไว้? ฝีมืออย่างนั้น ความเร็วขนาดนั้น จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าระดับเซียนเหินแน่ๆ หากมีผู้แข็งแกร่งแฝงตัวเข้ามาจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาก็มีทางรอดแล้วใช่หรือไม่?

“พวกท่านทำไมนั่งอยู่บนพื้นเล่า?” เฟิ่งจิ่วเดินออกมาจากม่านหมอก มองพวกเขาที่นั่งเหม่ออยู่บนพื้นอย่างประหลาดใจ เธอหันไปมองรอบๆ แล้วถาม “เหตุใดเหลือเพียงพวกท่านสามคน? พวกท่านก็พลัดหลงเช่นกันหรือ?”

ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสามถึงค่อยได้สติ พวกเขาลุกขึ้นแล้วจ้องมองรอบๆ ไม่มีแล้ว กลิ่นอายอันตรายเมื่อครู่หายไปแล้ว ดูเหมือนผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณคนนั้นคงถูกฆ่าแล้ว เพียงแต่ คนที่ช่วยพวกเขาไว้ เป็นใครกันนะ?

นาทีนี้ ไม่มีใครนึกถึงเฟิ่งจิ่วที่เพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาเลย เพราะอย่างไร เด็กหนุ่มที่มีวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐาน จะทำเรื่องอย่างนั้นได้อย่างไรกัน? พวกเขาไม่แม้กระทั่งสงสัยเขาก็ตัดเขาออกจากความเป็นไปได้

“พวกข้ามาตามหาเจ้า เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”

ปี้ซานถาม หลังจากใจเย็นลง เขาก็อดก้มหน้ามองเท้าตนเองไม่ได้ เมื่อครู่ยามที่ความตายมาเยือน มีคนใช้อะไรบางอย่างดีดใส่ขาเขา ทำให้เขาล้มนั่งลงไปบนพื้นและหลบการโจมตีถึงชีวิตนั้นไปได้

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด