อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ]ตอนพิเศษ 251 แสร้งทำเป็นโง่

Now you are reading อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] Chapter ตอนพิเศษ 251 แสร้งทำเป็นโง่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนพิเศษ 251 แสร้งทำเป็นโง่

ตอนพิเศษ 251 แสร้งทำเป็นโง่

เมื่อหลิ่วซื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นางก็เห็นพี่ชายของนางกำลังบีบคอของเนี่ยนเนี่ยนด้วยท่าทางดุร้าย เกรี้ยวกราดและหยิ่งผยอง

เนี่ยนเนี่ยนพยายามดิ้นรน แต่หลิ่วเชียงบีบแน่นกว่าเดิม

“อย่าขยับ หากยังขยับอีกก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” หลิ่วเชียงเตือนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นระคนเย้ยหยัน

เนี่ยนเนี่ยนเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? หากเจ้าจับข้าได้ แล้วจะมีประโยชน์อันใด?”

หลิ่วเชียงนึกดูหมิ่น ขณะยังคงบีบคอนางแน่น เขาไม่ได้มองนางด้วยซ้ำ ขณะหันหน้าไปพูดกับอาอวิ๋นว่า “มัดสาวใช้คนนั้น แล้วเจ้าเข้าไปค้นข้างใน”

“เจ้าค่ะ” อาอวิ๋นรีบดึงผ้าม่านด้านข้างออกมา ม้วนเป็นเส้นบาง ๆ แล้วมัดโม่เพียวราวกับบ๊ะจ่าง

โม่เพียวกัดฟันแน่น แต่นางเชื่อฟังและไม่ดิ้นรนตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อไม่ให้ถูกตบอีก

ความเจ็บปวดเมื่อครู่นี้ ทำให้นางจ้องมองด้วยสายตาอาฆาตแค้น

แต่ไม่เป็นไร ประเดี๋ยวจะเอาคืนนางให้สาสม

หลังจากที่โม่เพียวถูกมัดอย่างแน่นหนาแล้ว อาอวิ๋นก็ลุกขึ้นยืน ก่อนมองไปยังหลิ่วซื่อ แล้วเอ่ยว่า “นายท่าน…”

“มัดนางไว้ด้วย” หลิ่วเชียงจ้องมองหลิ่วซื่อด้วยความโกรธ สายตาของเขาเย็นชายิ่งนัก

อาอวิ๋นพยักหน้า แล้วมัดหลิ่วซื่อที่เพิ่งลุกขึ้นยืน จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในห้องชั้นใน เพื่อค้นหาคนที่พวกเขากำลังมองหา

หลิ่วซื่อพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่พละกำลังของนางอ่อนแอ ไม่ต้องพูดถึงว่าอาอวิ๋นมัดได้อย่างชำนาญ แม้ว่าจะเป็นเชือกธรรมดา นางก็ไม่อาจหลุดพ้นไปได้

สีหน้าของนางเปลี่ยนไป จู่ ๆ หลิ่วซื่อก็มองไปที่หลิ่วเชียง “พี่ใหญ่…”

“หุบปาก” หลิ่วเชียงตวาดด้วยความโกรธ “เจ้ามันคนกินบนเรือนขี้บนหลังคา ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เจ้ายังต้องการช่วยเหลือตระกูลไป๋ เจ้าเป็นเลือดเนื้อของตระกูลหลิ่วของเราหรือเปล่า? ไป๋ชูเฟิงปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น แต่เจ้าก็ยังเต็มใจทรยศข้าเพื่อเขางั้นหรือ?”

หลิ่วซื่อเม้มปาก ขณะจ้องมองหลิ่วเชียงเขม็ง “ข้าได้แต่งงานเข้าจวนซูกั๋วกงแล้ว ข้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของจวนนี้”

“เฮอะ เช่นนั้นเจ้าก็ต้องดูว่าไป๋ชูเฟิงมีเจ้าอยู่ในใจบ้างหรือไม่ สายตาของเขามีเพียงไป๋หลิวอี้กับแม่ของเขา แล้วเห็นพวกเจ้าสองแม่ลูกเป็นอะไร? ในชีวิตนี้เจ้าจะไม่มีวันเหนือกว่าไป๋หลิวอี้” หลิ่วเชียงเย้ยหยัน ขณะตะคอก “หลายปีผ่านมาแล้วเจ้าก็ยังมองไม่ออก หากยังมีไป๋หลิวอี้อยู่ที่นี่ ไป๋หลิวเจวี๋ยจะไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ข้าบอกเจ้าแล้ว ตราบใดที่เจ้ายืนเคียงข้างข้า และร่วมกันจัดการจวนซูกั๋วกงด้วยกัน ในอนาคตไป๋หลิวเจวี๋ยจะได้เป็นซูกั๋วกงผู้มีเกียรติอย่างชอบธรรม ส่วนเจ้าก็จะสุขสบายมากด้วยเช่นกัน”

“มีเกียรติอย่างชอบธรรมงั้นหรือ?” หลิ่วซื่อยกยิ้ม แล้วส่ายหน้าช้า ๆ “พี่ใหญ่ คนที่มองไม่ออกคือท่านต่างหาก เหตุใดท่านไม่ยอมรับว่าท่านใจแคบ และแค้นเคืองนายท่านมาหลายปี จนถึงกับยอมลงทุนให้คนตระกูลหลิ่วหมดตัว เพราะความเห็นแก่ตัวของท่านเอง ท่านคิดจะกบฏ เพียงเพราะต้องการจัดการกับจวนซูกั๋วกง เหตุใดต้องพูดจาให้ตนเองดูสูงส่งเช่นนั้นด้วยเล่า?”

“เจ้า…”

“แม้ข้าค่อนข้างโง่เขลาไปบ้าง แต่ข้าก็รู้ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ” หลิ่วซื่อขัดจังหวะเขา เสียงของนางแหบพร่า “ตลอดชีวิตของข้า มีเพียงสองคนที่ข้าห่วงใยมากที่สุด คนหนึ่งคือนายท่าน อีกคนคือหลิวเจวี๋ย นายท่านไม่พอใจข้า จึงมักมองข้าด้วยสายตาเย็นชาเสมอ บางทีข้าก็ไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของเขานัก แต่ข้าก็ไม่อาจจัดการเขาด้วยมือตัวเองได้ บางทีท่านอาจพูดถูก หากท่านทำสำเร็จในครั้งนี้ หลิวเจวี๋ยก็จะได้ตำแหน่งสูงส่งแน่นอน เพราะความสัมพันธ์ของเขากับท่าน แต่หากพวกท่านล้มเหลว หลิวเจวี๋ยกับข้าก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลไป๋ เพราะเป็นเลือดเนื้อของตระกูลหลิ่ว จึงยากที่ข้าจะเข้าข้างคนตระกูลไป๋ ข้าจึงทำได้เพียงทุ่มสุดตัวเพื่อยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับท่าน แต่มีเรื่องหนึ่งที่ท่านคิดผิดแล้ว พี่ใหญ่”

หลิ่วเชียงหรี่ตา “อะไร?”

“ไป๋ชูเฟิงเป็นคนเช่นไร ไป๋หลิวอี้เป็นคนเช่นไร และหลิวเจวี๋ยเป็นคนเช่นไร? ข้าย่อมรู้ดีกว่าท่าน” หลิ่วซื่อยกยิ้มขมขื่น “ในชีวิตของข้า แม้ว่าข้าจะตำหนิไป๋ชูเฟิงและเกลียดไป๋หลิวอี้ แต่ข้าต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่ท่านคิด ด้วยสถานะของข้าในตระกูลไป๋ ข้าจะไม่ถูกทอดทิ้งเพราะคนตระกูลหลิ่ว บางทีข้าอาจถูกตำหนิและด่าทอ แต่ข้าก็ยังคงเป็นฮูหยินแห่งจวนซูกั๋วกง แต่หากข้าช่วยท่านทำร้ายนายท่านและไป๋หลิวอี้ หลิวเจวี๋ยก็จะเกลียดชังข้าไปตลอดชีวิต ด้วยนิสัยของเขา เขายอมตายเพื่ออาณาจักรไปพร้อมกับพ่อและพี่ชายของเขาดีกว่าเอ่ยคำใดกับข้าแม้เพียงสักคำ และเขาจะไม่ยอมรับตำแหน่งซูกั๋วกงที่ได้มาด้วยวิธีนี้แน่นอน”

สีหน้าของหลิ่วเชียงเดือดดาล ไม่คาดคิดว่าน้องสาวของตนจะไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ นางไม่ฟังสิ่งที่เขาบอกนางก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

เขาจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน “ก็แค่ความใจอ่อนของสตรี”

หลิ่วซื่อเม้มปากและไม่ได้ต่อล้อต่อเถียง เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว นางก็ไม่มีอะไรจะพูด

เมื่อเห็นสภาพของนางตอนนี้ ในที่สุดหลิ่วเชียงก็อดหัวเราะไม่ได้ “แต่เจ้าเลือกที่จะหักหลังข้า แล้วผลเป็นอย่างไร? สุดท้ายจวิ้นจู่น้อยก็ตกอยู่ในมือของข้าอยู่ดีไม่ใช่หรือ? ผลก็คือไม่เพียงแต่เจ้ากับลูกชายเท่านั้นที่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ยังต้องถูกฝังไปกับจวนซูกั๋วกงด้วย”

เนี่ยนเนี่ยนกลอกตา หลิ่วเชียงเป็นปีศาจหรืออย่างไร? เรื่องนี้ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน

แต่สิ่งที่หลิ่วซื่อพูดทำให้นางประหลาดใจ นางไม่คิดว่าความคิดของหลิ่วซื่อ… จะละเอียดถี่ถ้วนถึงเพียงนี้

แท้จริงแล้วหลิ่วซื่อเป็นสมาชิกของตระกูลหลิ่ว นางจึงน่าจะมีจุดยืนอยู่เคียงข้างตระกูลหลิ่ว ไม่ว่าอย่างไรที่นั่นก็มีพ่อและพี่ชายของนาง ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดลึกซึ้ง หากเกิดเรื่องขึ้นคนตระกูลหลิ่วก็จะคอยปกป้องนางและไป๋หลิวเจวี๋ย

แต่น่าเสียดายที่คนสองคนที่หลิ่วซื่อห่วงใยมากที่สุดคือซูกั๋วกงและไป๋หลิวเจวี๋ย หากนางต้องเห็นสองพ่อลูกกลายเป็นศัตรูกัน หรือต้องเห็นพวกเขาตายต่อหน้านาง นางคงจะทนไม่ได้

ความจริงแล้วแบบนี้ก็ค่อนข้างดีเช่นกัน เพราะไป๋หลิวเจวี๋ยเป็นคนที่ไร้เดียงสาที่สุดในหมู่พวกเขา

หากหลิ่วซื่ออยู่ข้างตระกูลหลิ่ว เขาก็จะเป็นคนที่เจ็บปวดและลำบากใจที่สุด ฝั่งหนึ่งเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดและครอบครัวของลุง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดและพี่ชายที่รักของเขา แล้วเขาจะเลือกปกป้องฝ่ายใด?

บัดนี้หลิ่วซื่อได้เลือกแล้ว ความเสียหายต่อไป๋หลิวเจวี๋ยจึงน้อยลงมาก

ขณะที่เนี่ยนเนี่ยนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อาอวิ๋นที่เข้าไปในห้องชั้นในและค้นหารอบ ๆ ก็รีบออกมา สีหน้าของนางบึ้งตึง มีผ้าพันแผลเปื้อนเลือดอยู่ในมือ นางเดินไปอยู่ข้างหลิ่วเชียง แล้วส่ายหน้า

“นายท่าน ไม่มีใครอยู่ข้างในเลยเจ้าค่ะ”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิ่วเชียงเลิกคิ้วถามอย่างเย็นชา

อาอวิ๋นหน้าซีดเผือด แล้วอธิบายว่า “บ่าวค้นห้องชั้นในอย่างระเอียดแล้วเจ้าค่ะ และพบเพียงผ้าพันแผลนี้”

เมื่อพูดจบ นางก็หันไปมองเนี่ยนเนี่ยนในทันใด ก่อนจะขมวดคิ้วพูดว่า “เขาอยู่ที่ใด?”

“ใคร?” เนี่ยนเนี่ยนแสร้งทำเป็นโง่

อาอวิ๋นเย้ยหยัน “เลิกเสแสร้งได้แล้ว ข้าได้ยินกับหูว่าเจ้าคุยกับคนข้างในนั้น แล้วบอกให้ไปซ่อน บอกมา ไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด?”

เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย แล้วทำท่าทางกระอักกระอ่วนที่จะตอบ

หลิ่วเชียงหรี่ตาลง ทันใดนั้นเขาก็บีบคอของนางแน่น

……………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ติดกับเนี่ยนเนี่ยนแทนเสียแล้วมั้ง มัวแต่พูดยืนยาว

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด