ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1172 ปล่อยเขาไป

Now you are reading ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ Chapter 1172 ปล่อยเขาไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1172 ปล่อยเขาไป

สีหน้าของหลิ่วจื่ออันแข็งทื่อทันที

เขามองมายังฉู่เยว่ด้วยสายตาเหลือเชื่อ คิดว่าตนคงได้ยินผิดไป

แต่ดวงตาที่กำลังส่งยิ้มอันเยือกเย็นมาให้กลับเตือนสติเขาอย่างไร้สุ้มเสียงว่า ได้ยินไม่ผิดแล้ว!

“เจ้า เจ้ายังอยากสู้ต่อหรือ?”

หลิ่วจื่ออันได้ยินเสียงของตนเองพูดติดๆ ขัดๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บสาหัสหรือเหตุผลอื่น เสียงของเขาฟังดูอ่อนแรงและคลุมเคลืออย่างมาก

เมื่อรวมกับใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาในเวลานี้แล้ว แทบจะเหมือนร่างไร้วิญญาณร่างหนึ่ง

ฉู่หลิวเยว่หัวเราะร่า ท่าทางดูเหมือนจะอารมณ์ดี

“ก็ใช่นะซิ! นี่ไม่ใช่กฎของการท้าประลองหรอกหรือ?”

การประลองจะจบลงได้ก็ต่อเมื่อคนทั้งสองยินยอมเท่านั้น!

หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการไปต่อ การประลองก็ไม่สามารถหยุดลงได้!

ตราบใดที่ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต ทุกสิ่งอย่างล้วนอิสระ!

เปลือกตาของหลิ่วจื่ออันกระตุกอย่างรุนแรง ฉู่เยว่ผู้นี้เขาเอาจริง!

ความรู้สึกเสียใจไม่รู้จบตีขึ้นมา ท่วมท้นจนกลืนกินหลิ่วจื่ออัน!

เขาไม่ควรนัดท้าประลองกับฉู่เยว่ในครานี้!

แค่ทำตามแผนที่วางไว้แต่แรก มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันสบายๆ สอนบทเรียนให้เขาเล็กน้อยก็พอแล้วไม่ใช่หรือ?

เหตุใดถึงรั้นได้คืบจะเอาศอก ออกตัวท้าประลองเสียเอง!

ยิ่งไปกว่านั้น เขารับปากหลิ่วอินถงว่าจะจัดการฉู่เยว่ ซึ่งผิดตั้งแต่แรก!

แต่จะมาพูดอันใดตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์!

“ฉู่เยว่! ข้ายอมจำนนแล้ว เจ้ายังต้องการอันใดอีก!”

ความกังวล ความกลัว และกระวนกระวายท่วมท้นอยู่เต็มหัวใจของหลิ่วจื่ออัน จนในที่สุดเขาก็ระเบิดออกมาอย่างอัดอั้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป!

อย่างใดเสีย ฉู่เยว่ก็ไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไป ดังนั้นการรั้นแต่จะร้องขอความเมตตาจึงไม่ได้มีความหมายใด!

“สองครั้งนี้ ข้ายอมรับว่าข้าพ่ายแพ้แก่เจ้าแล้ว! เจ้าชนะแล้ว กลับไม่ยอมรามือเสียที! ตกลงเจ้าจะเอาอย่างใด!?”

ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่

“ท่านเป็นคนออกตัวท้าประลองกับข้าเอง เมื่อพ่ายแพ้แล้วเหตุใดจึงมาโทษข้าเล่า?”

ขณะที่กล่าว นางก็หันมามองจงซวิ๋นที่อยู่ข้างๆ และเอ่ยถามอย่างจริงใจ

“ศิษย์พี่จงซวิ๋น ในสำนักหากชนะการท้าประลองแล้ว ตามธรรมเนียมก็ต้องขอโทษฝ่ายตรงข้ามอีกไม่ใช่หรือ?”

“หึหึ”

ท่ามกลางความเงียบงันในหมู่ฝูงชน อยู่ๆ ก็มีคนหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นกับราวไปแตะโดนปุ่มเปิดทำงาน ผู้คนพากันก็หัวเราะมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นกลุ่มใหญ่

“ฮ่าฮ่า! ใช่แล้ว! ผู้ชนะต้องขอโทษผู้แพ้! ศิษย์น้องฉู่เยว่ เจ้าต้องขอโทษศิษย์พี่ดีๆ ล่ะที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ฮ่าฮ่า!”

“ยังไม่รีบไปช่วยพยุงศิษย์พี่หลิ่วของเจ้าขึ้นมาอีก? ขอโทษต่อหน้ามันยังไม่เพียงพอหรอก เกรงว่าเจ้าจะต้องเตรียมของขวัญอีกสักชิ้นแล้วกระมัง?”

“พูดก็พูดเถอะ แต่สำนักของเราก็ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แพ้ก็ยังเป็นผู้อาวุโสได้! คราหลังข้าเองก็จะท้าประลองสักสองสามคนที่มีรายชื่ออยู่ในงานประลองชิงอวิ๋นบ้าง และสอนบทเรียนให้พวกเขาสักหน่อย!”

ทุกคนพากันหัวเราะ

คำพูดหัวเราะเยาะเย้ยทุกประเภทปะปนรวมกัน ซ้ำยังชัดเจนทุกถ้อยคำวาจา

จงซวิ๋นเองก็หัวเราะเพิ่มเสียงดังขึ้น ก่อนเอ่ย

“ศิษย์น้องฉู่เยว่ เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าชนะอย่างยุติธรรม เราทุกคนเห็นกันหมด! กฎของการท้าประลองนี้ดำเนินมาหลายปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง เจ้าทำในสิ่งที่เจ้าต้องการเถิด!”

ภายในสำนักวิชา อย่างใดเสียผู้แข็งแกร่งก็จะได้เป็นที่นับหน้าถือตา!

ใบหน้าของหลิ่วจื่ออันที่ซีดเซียวราวกับผีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว หวังจะหารอยแตกบนพื้นดินแล้วแทรกลงไป!

เขาอยู่ในสถาบันมานานกว่าหลายปี ไม่เคยเสียหน้าได้มากถึงเพียงนี้!

หน้าพังยับเยินไปหมดก็ครานี้!

ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า

ย่างก้าวของนางที่ก้าวไปดูสบายๆ แต่กลับเหมือนกำลังแบกรับพลังอันยิ่งใหญ่ไว้ กดหัวใจของหลิ่วจื่ออันลงมาอย่างหนักหน่วง!

เขาหอบหายใจติดขัด ทั่วเรือนร่างเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย แต่กลับพูดไม่ออกแล้ว

ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น…

“ช้าก่อน!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงด่าประณามดังขึ้น!

ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้น มองไปยังทิศทางของต้นเสียง

ตรงกลางฝูงชนแยกออกจากกัน

บุคคลหนึ่งก้าวมาข้างหน้าช้าๆ

เป็นหลิ่วอินถง!

ใบหน้าอันงดงามของนางราวกับถูกปกคลุมด้วยชั้นของน้ำแข็ง ทั่วทั้งสรรพางค์กายมีมวลความเยือกเย็นที่ชวนให้คนตกใจรายล้อมอยู่

ฝูงชนที่ครึกครื้นในตอนแรกเงียบลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากการมาถึงของนาง

หลายคนแอบลอบชำเลืองมอง

มีข่าวลือในสำนักเมื่อนานมาแล้วว่าฉู่เยว่เคยทำให้หลิ่วอินถงขุ่นเคืองบนเขาหมื่นเมรัย เมื่อได้เห็นวันนี้ ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง!

ระหว่างสองคนนี้ ต้องมีเรื่องอันใดมาก่อนเป็นแน่!

หลิ่วอินถงดูเหมือนจะไม่สนใจสายตารอบข้าง เดินตรงมายังเบื้องหน้าจัตุรัสแล้วมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ และสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ปล่อยเขา”

น้ำเสียงของนางเป็นดั่งจอมบงการ

เสมือนว่าคนอื่นๆ เกิดมาเพื่อเชื่อฟังคำสั่งของนางเท่านั้น

จงซวิ๋นขมวดคิ้วยุ่ง และชิงเอ่ยปากก่อน

“หลิ่วอินถง นี่คือการท้าประลอง ตามกฎแล้วไม่มีผู้ใดสามารถเข้าแทรกแซงได้”

หลิ่วอินถงจ้องมาที่เขา และแสดงสีหน้าเหยียดหยามอย่างปิดไม่มิด

“เมื่อใดกันที่เจ้ามีสิทธิ์มาสั่งสอนข้าเช่นนี้”

ใบหน้าของจงซวิ๋นเหยเกเล็กน้อย

อันดับของอีกฝ่ายในงานประลองชิงอวิ๋นนั้นไม่ได้ต่ำเลย ในขณะเดียวกันก็ครองตำแหน่งจอมยุทธ์และเซียนหมอ ซึ่งมีพลังและสถานะมากกว่าเขา

“ข้าไม่ได้อยากสั่งสอนใคร ข้าแค่กล่าวตามข้อเท็จจริง”

จงซวิ๋นกำมือภายใต้ชายเสื้อแน่น ไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอย

“ไม่ว่าเจ้าหรือใครก็ตามล้วนทำได้แค่ดูอยู่เฉยๆ การประลองจะดำเนินต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับพวกเขาสองคน”

กล่าวให้ชัดคือขึ้นอยู่กับฉู่เยว่

“น่าเบื่อ”

หลิ่วอินถงพึมพำอย่างขบขันโดยไม่สนใจเขาสักนิด

นางถอนสายตากลับมา และยังคงมองไปที่ฉู่เยว่

ครานี้เสียงของนางแหลมขึ้น พร้อมนัยยะของคำสั่งการที่ชัดเจนขึ้น

“ฉู่เยว่ ข้าบอกให้เจ้าปล่อยเขา การประลองนี้จบลงแล้ว!”

“เจ้า…”

ทันทีที่จงซวิ๋นกำลังจะอ้าปากพูด ก็โดนฉู่หลิวเยว่ขัดไปก่อน

“ศิษย์พี่จงซวิ๋น นี่เป็นเรื่องระหว่างข้ากับศิษย์พี่หลิ่ว ท่านอย่าได้กังวลมากไป”

อย่างใดเสีย นางก็ทำให้หลิ่วอินถงขุ่นเคืองไปแล้ว ครานี้ก็คงไม่แพ้กัน

แต่จงซวิ๋นไม่มีความจำเป็นต้องติดร่างแหไปด้วยเพราะนาง

จงซวิ๋นเหมือนจะเอ่ยอันใด แต่เมื่อเห็นสายตาที่ฉู่หลิวเยว่ส่งมาให้แล้ว จึงทำได้เพียงระงับความบุ่มบ่ามในใจไว้และพยักหน้ารับเบาๆ

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่หลิ่วอินถง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา

“ศิษย์พี่หลิ่ว ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือไม่ ไม่ทราบว่ากษายะหางวายุของท่านฟื้นตัวดีแล้วหรือยัง?”

ไม่กล่าวถึงเรื่องนี้ก็แล้วไป แต่เมื่อเอ่ยขึ้น ความเคืองแค้นของหลิ่วอินถงก็ “พุ่งพล่าน” ขึ้นมาทันที!

“เจ้าอย่าได้ใส่ใจ! เอ่ยไปก็เท่านั้น! ข้าเพียงถามเจ้า ที่ข้าว่าไปเมื่อครู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า

“ได้ยินสิ!”

“ในเมื่อเจ้าได้ยินแล้ว ก็ใช้ไหวพริบหน่อย รีบทำซะ!”

หลิ่วอินถงเป็นคนอารมณ์ร้อนและมีความทะนงตนสูง

การประลองครั้งสุดท้ายที่แพ้ไปนั้น นางก็ยังไม่ปล่อยวางกระทั่งจนถึงตอนนี้ และทุกครั้งที่นึกถึงยังคงเป็นสิ่งฝังใจอยู่เสมอมา

หากฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ยืนอยู่ที่จัตุรัสชิงหมิงในเวลานี้ นางคงรีบพุ่งขึ้นไปทันที!

“เอ่อ อันนี้ก็…”

ฉู่หลิวเยว่เอ่ยลากเสียงยาว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ท่าทางดูไม่ใยดี

นางก้าวเท้าข้างหนึ่งขึ้นไปเหยียบมือข้างที่ปกติดีอยู่ของหลิ่วจื่ออัน

หลิ่วจื่ออันที่พยายามจะหลบหลีก แต่ก็ไม่ทัน

เมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากมือเขา!

ฉู่หลิวเยว่บรรจงบดมือของหลิ่วจื่ออันช้าๆ เสียงของกระดูกที่แตกหักค่อยๆ ดังตามมาทีละอัน!

นางเอียงศีรษะแล้วยิ้มเบาๆ

“ดูท่าจะยากสักหน่อย”

“เพราะข้าไม่ชอบให้ใครมาสั่งทำนู่นทำนี่ที่สุด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด