ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 326 ค่าทรัพย์สินหนึ่งพันล้าน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 326 ค่าทรัพย์สินหนึ่งพันล้าน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 326 ค่าทรัพย์สินหนึ่งพันล้าน (1)

บีบบังคับหลิวต้าลี่เซ็นหลักฐานกู้ยืมแล้ว ฟางผิงก็ถอนหายใจ ได้น้อยย่อมดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

เจ้ายาจกนี้ ก่อนหน้านี้เดาไว้แล้วว่าเขาอาจมีเงินเก็บไม่เท่าไหร่ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าจะจนถึงขั้นนี้

หมอนี่เขียนหลักฐานกู้ยืมแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังคิดจะยืมเงินฟางผิงอีก อีกนิดฟางผิงแทบจะอัดเขาตายแล้ว

“ไปรายงานตัวกับหยวนฟาง จากนั้นก่อตั้งบริษัทสื่อขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งแห่ง เวลานี้โอกาสประจวบเหมาะพอดี พยายามทำให้เสร็จเร็วที่สุด หลังจากเริ่มการแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศครั้งที่สอง ฉันจะหาวิธีให้บริษัทดำเนินการผูกขาดถ่ายทอดสดในอินเทอร์เน็ต ครั้งเดียวก็ดังได้แล้ว”

หลิวต้าลี่ตาเป็นประกายทันที ละล่ำละลักว่า “ผูกขาด?”

“จะพยายามช่วงชิงให้ได้”

ฟางผิงไม่มั่นใจเหมือนกัน แต่แค่สิทธิ์ผูกขาดถ่ายทอดสด ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมชนะเลิศของปีก่อน ปัญหาไม่นับว่าใหญ่นัก

ไม่ได้จริงๆ ก็จ่ายเงินนิดหน่อย ครั้งเดียวก็ทำให้เว็บไซต์ดังขึ้นมาได้แล้ว

“สร้างข่าวลือก่อนว่าการแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่การแลกเปลี่ยนความรู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสามารถเทียบได้ ประเด็นหลักคือเป็นศึกของระดับกลาง ต่างเป็นอัจฉริยะของรุ่นทั้งนั้น”

ฟางผิงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างไม่กระดากปากสักนิด

สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางในระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัย ใครไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะบ้าง?

ผู้ฝึกยุทธ์ที่อายุไม่ถึงสามสิบปีจะก้าวหน้าไวอย่างมาก

อายุยี่สิบสามยี่สิบสี่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางได้ อายุสามสิบปีอาจจะเข้าสู่ขั้นหก ปรมาจารย์คงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

หลายปีมานี้ปรมาจารย์ที่อายุประมาณสี่สิบห้าสิบปีหลายคน ส่วนมากต่างเป็นอัจฉริยะในช่วงที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยทั้งนั้น

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางในการแข่งขันครั้งนี้มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นปรมาจารย์ในอนาคต ทั้งเกรงว่าจะไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

“ศึกของระดับกลาง!”

หลิวต้าลี่กระตือรือร้นขึ้นมาทันที ครุ่นคิดก่อนจะหยั่งเชิงว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางแข็งแกร่งมากหรือเปล่า?”

ฟางผิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “พอใช้ได้ แต่สู้กับผู้ฝึกยุทธ์ปราณขั้นสามอย่างนายใช้แค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น ไม่เชื่อฉันสามารถทำให้นายดูได้!”

หลิวต้าลี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณจริงๆ

แน่นอนว่าเขาเรียนเคล็ดวิชาต่อสู้เช่นกัน แต่เป็นแค่เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐาน

ปะทะกับหลิวต้าลี่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย อย่าพูดว่าฟางผิงตอนนี้เลย ตอนที่เขาอยู่ขั้นสามตอนปลาย ดาบเดียวก็สามารถฆ่าหลิวต้าลี่ได้อยู่ดี ขั้นสามตอนต้นยังไม่แน่เท่าไหร่

หลิวต้าลี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จริงหรือเปล่า?

แต่เขาไม่กล้าลองเหมือนกัน เมื่อครู่ฟางผิงกระโดดลงข้างหลังเขา เขาแทบไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด นี่ก็อันตรายแล้ว

“เอาล่ะ ไม่พูดมากแล้ว ไปเถอะ”

“งั้นฉัน…”

“แค่การแข่งขันของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ทั้งยังไม่ได้ถ่ายทอดเพียงคนเดียว จะหาเงินได้สักเท่าไหร่เชียว? ตอนนี้ไปรายงานตัวเร็วๆ ซะ!”

หลิวต้าลี่จนใจ นี่ฉันขึ้นเรือโจรแล้วสินะ

อับจนหนทางจริงๆ หลิวต้าลี่แบกกล้องเดินจากไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

ตอนที่ไป จู่ๆ หลิวต้าลี่ก็หันไปมองฟางหยวน เอ่ยอย่างแค้นเคืองอยู่บ้าง “เด็กน้อย เธอเอาเรื่องจริงๆ!”

ฟางหยวนฟองลมแก้มพึมพำว่า “ยังไม่ได้คิดบัญชีกับนายเลย มารังแกความรู้สึกฉันซะได้!”

เดิมคิดว่าครั้งนี้จะหาเงินเข้ากระเป๋าได้ หลิวต้าลี่กลับจนขนาดนี้ ฟางหยวนโมโหยิ่งกว่าเขาซะอีก หลิวต้าลี่มีอะไรให้โมโหกัน

หลิวต้าลี่ทำหน้าหมดคำพูด เดินจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรง

เขาไปแล้ว ฟางหยวนก็ถามอย่างสงสัย “พี่ บริษัทนายใหญ่หรือเปล่า?”

เธอรู้เรื่องที่ฟางผิงเปิดบริษัท ยังไงก่อนหน้านี้ฟางผิงก็ทุ่มเทโฆษณาอย่างใหญ่โต

“พอใช้ได้”

“มีพนักงานกี่คน?”

“ไม่กี่ร้อย”

“ขนาดล่ะ? สินทรัพย์เท่าไหร่?”

ฟางผิงหงุดหงิดอยู่บ้าง “เธอเอาแต่สนใจเรื่องพวกนี้หรือไง รู้จักสนใจเรื่องเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์บ้าง ตัวเองพรสวรรค์เป็นยังไงยังไม่ชัดเจนอีก?”

ฟางหยวนถอนหายใจ “ก็เพราะพรสวรรค์แย่ ฉันถึงได้สนใจเรื่องพวกนี้ไงล่ะ พี่ หรือหลังจากนี้ฉันจะดูแลบริษัทแทนนาย ยังไงเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ฉันก็ไม่มีอนาคตเท่าไหร่…”

ใบหน้าฟางผิงแทบดูไม่ได้

สรุปแล้วตัวเองทำร้ายจิตใจน้องสาวจนสิ้นหวังไปแล้ว?

“ไว้ค่อยว่ากัน ตั้งใจฝึกวิชาดีๆ ก่อน เรื่องอื่นอย่าเพิ่งสนใจ”

“ก็ถูก ตอนนี้ฉันยังต้องกลับหยางเฉิง…แต่อีกไม่นานแล้ว รอถึงปี 2012 ฉันจะมาเซี่ยงไฮ้ พี่ ถึงเวลานั้นฉันเรียนไปด้วย ดูแลบริษัทให้นายไปด้วยเป็นยังไง?”

ฟางหยวนคาดหวังอยู่บ้าง กระตือรือร้นขึ้นมาไม่น้อย

ฟางผิงกลับจนใจ ฉันกลัวว่าเธอดูแลบริษัทไม่ทันไร บริษัทก็จะตกเป็นของเธอแล้วน่ะสิ

แต่…อาจจะทำได้เหมือนกัน

“ไว้ค่อยว่ากัน อันดับแรกเธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ให้ได้ก่อน ฉันจะบอกเธอไว้ล่วงหน้า ถ้าถึงเวลานั้นเธอยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงไม่อ้าแขนต้อนรับเธอ เธอคิดเอาเองเถอะว่าจะทำยังไง!”

ฟางหยวนหน้าเสียทันที ขั้นหนึ่งตอนปลาย…น่าจะไม่มีปัญหามั้ง?

อันที่จริงเธอนับว่าฝึกวรยุทธ์เร็ว ลูกหลานของยอดฝีมือ ตั้งแต่เด็กก็เริ่มทำความคุ้นเคยกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์แล้ว แต่ไม่ได้ฝึกอะไรจริงจัง แค่เรียนความรู้พื้นฐานเท่านั้น

ฝึกอย่างแท้จริงมีแค่จวงกง

ฟางหยวนอายุสิบสี่ปีก็ทำความคุ้นเคยกับกวงจงแล้ว ไม่นับว่าสายไป ตอนนี้หลอมกระดูกหนึ่งครั้งแล้ว คงไม่พัฒนาช้าอย่างแน่นอน

ยังมีเวลาอีกสองปีกว่า ไม่ว่าจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนนี้เพื่อฝึกวิชาหรือหลอมกระดูกสองครั้งแล้วค่อยฝึกวิชา ก็น่าจะมีเวลาเพียงพอให้ถึงขั้นหนึ่งตอนปลายเหมือนกัน

พูดสั่งสอนน้องสาวไม่กี่ประโยคแล้ว ฟางผิงมองการแข่งขันอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่รั้งตัวนานอีก ไม่นานก็ออกจากสนามกีฬาไป

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฟางผิงก็เข้าไปดูการแข่งขันบ้าง บางครั้งก็ออกไปเที่ยวกับครอบครัว

คนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พบว่าช่วงนี้ราชาปีศาจหวังเหมือนจะชอบพกดาบติดตัว

ไม่ว่าจะทำอะไรดาบแทบไม่ห่างจากกาย

ก่อนหน้านี้ดาบผิงล่วนออกห่างจากเจ้าของ ไม่มีคนควบคุม ปราณพวยพุ่งเสียดฟ้า

รอฟางผิงเริ่มใช้ปราณและพลังจิตใจบ่มเพาะ ดาบผิงล่วนก็กลับสู่ความปกติ สงบเสงี่ยมอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากคนกลุ่มน้อย หลายคนต่างไม่รู้ว่าดาบที่ฟางผิงพกติดกายเป็นดาบตั้งโค่วที่มีชื่อเสียงเล่มนั้น

ตอนที่หลู่เฟิ่งโหรวเห็นฟางผิงพกดาบไม่ห่างกายก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “เธอกำลังบ่มเพาะดาบ?”

ฟางผิงพยักหน้า

“ปราณของเธอแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าบ่มเพาะดาบไม่ได้ ทั้งไม่ถ่วงรั้งการฝึกวิชา…แต่ว่า…”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยเตือน “ทางที่ดีอย่าใช้ในการแข่งขัน”

“ทำไมเหรอครับ?”

“ดาบเล่มนี้ของเธอ จางติ้งหนานบ่มเพาะมาหลายปี เดิมก็เป็นดาบแห่งการสังหาร เธอบ่มเพาะต่ออีก ถึงเวลานั้นเธอจะยากควบคุมมัน ทำให้คนตายได้ง่าย”

“คุณหมายถึงพวกเขาจะต้านไม่ไหว?”

แววตาของฟางผิงสว่างวาบขึ้นมา หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ต้องดูว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร แต่ลงมือกับพวกเขา สิ้นเปลืองอยู่บ้าง บ่มเพาะดาบมาหลายปี ถ้าเธอออกดาบ จากสถานการณ์ของเธอ ดาบเดียวบั่นคอผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำขั้นห้าไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน”

“แค่ขั้นห้าเหรอครับ?”

ฟางผิงไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ฝีมือฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ร่วมมือกับฉินเฟิ่งชิงฆ่าขั้นห้าไปหนึ่งคน

ตอนนี้ยังฆ่าได้แค่ขั้นห้าอีก…รู้สึกไม่คุ้มค่าเท่าไหร่

หลู่เฟิ่งโหรวกลอกตา เจ้าเด็กนี้อวดเก่งเสียจริง

“ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ช่วงนี้ฝึกวิชาก้าวหน้าไปถึงไหนบ้าง?”

“พอได้ครับ ช่วงนี้กำลังทำให้ขั้นตอนปลายเสถียร บ่มเพาะหัวใจต่อ แต่พื้นฐานร่างกายผมแข็งแกร่ง แม้ว่าอวัยวะภายในทั้งสี่จะไม่ได้หลอมเปลี่ยนแปลง แต่ผมรู้สึกว่าแข็งแกร่งมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั่วไป ถึงเวลาหลอม ความเร็วคงไม่ธรรมดาแน่”

ช่วงนี้ฟางผิงกำลังปรับสภาพเข้ากับขั้นตอนปลาย อีกอย่างเพราะไม่อยากสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สิน

ตอนนี้เขาแทบจะอาศัยตัวเองเพื่อฟื้นฟูปราณ หากไม่ไหวจริงๆ เขาก็ใช้เงินสดซื้อยาบำรุงนิดหน่อย ไม่ใช้ค่าทรัพย์สินมาโดยตลอด

ใกล้จะถึงหนึ่งพันล้านแล้ว ตอนนี้ใช้ออกไป ครั้งหน้ายังไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะแตะหนึ่งพันล้าน

ทั้งครั้งนี้หลังจากอัปเกรดแล้ว ครั้งหน้าอาจต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงหนึ่งหมื่นล้าน

ฟางผิงแทบไม่กล้าคิดว่าตัวเองต้องรวบรวมยังไงถึงจะครบหมื่นล้านได้

ดังนั้นการอัปเกรดครั้งนี้ เป็นโอกาสอัปเกรดระบบเพียงครั้งเดียวที่พอจะใช้เวลาเพียงสั้นๆ ได้

“ปรับตัวสักช่วงหนึ่งก็ดีเหมือนกัน”

พูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “ช่วงนี้ฉันต้องออกไปข้างนอก ถ้าการฝึกวิชามีปัญหาอะไรก็ไปหาคนอื่นได้ รวมถึงพวกอู๋ขุยซานด้วย”

“ออกไปข้างนอก? ไปถ้ำใต้ดิน?”

หลู่เฟิ่งโหรวพยักหน้า

ฟางผิงขมวดคิ้วทันที พูดเสียงเบาว่า “คุณจะทะลวงด่านแล้ว?”

“ไม่ใช่ ยังขาดอีกนิดหน่อย”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด