ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]บทที่ 438: สงครามครั้งสุดท้าย (10)
บทที่ 438: สงครามครั้งสุดท้าย (10)
ภายในอสูรกลไก วัวคลั่ง
ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงห้านาทีก่อนที่ระเบิดทมิฬลูกต่อไปจะถูกยิง น่าเสียดายที่ภาพตรงหน้าของมู่กุ้ยอิงกลับเริ่มเลือนรางไปเสียก่อน
ถึงเวลาแล้วอย่างนั้นหรือ…?
แต่อย่างน้อยก็ยังดี… นางไม่มีสิ่งใดให้ต้องเสียใจ บางที ความเสียใจเพียงอย่างเดียวของนางอาจจะเป็นการที่นางไม่ได้ตายที่ฟิลิปินัส…
นางมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยแววตาที่เหม่อลอย
วิญญาณในชุดเสื้อคลุมสีดำต่างแน่นิ่งไปด้วยความตกตะลึง สงครามที่น่าเศร้าสลดไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูดอีกต่อไป การเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา และการใช้อาณาเขตมนตรา รวมถึงการปรากฏตัวของกองกำลังทหารอีก 20,000 นายของยมโลกขึ้นที่ใจกลางเมืองชั้นในได้ส่งความรู้สึกเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปตามกระดูกสันหลังของพวกเขา
ด่านซานไห่ นครชฺวีฟู่ สิ่งที่ถูกมองว่าเป็นเมืองที่ไม่สามารถทำลายได้…ใกล้จะล่มสลายลงเต็มที
สายตาของวิญญาณทั้งหมดต่างจับจ้องไปยังหน้าจอพลังหยินที่อยู่ภายในอสูรกลไก พูดอะไรไม่ออกโดยสมบูรณ์ ด้านหลังของพวกเขา มู่กุ้ยอิงพยายามพยุงร่างของตนเอาไว้ด้วยหอกเล่มยาวขณะที่ค่อย ๆ นั่งลงกับพื้น พลังหยินภายในร่างของนางใกล้จะหมดลงโดยสมบูรณ์ ในขณะที่ร่างของนางค่อย ๆ พปกลายเป็นผีเสื้อสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่บินไปในอากาศ
พงศาวดารของยมโลกแห่งใหม่: ในปี 001 ของยมโลกแห่งใหม่ การต่อสู้ที่ด่านซานไห่ บรรพบุรุษมู่กุ้ยอิงได้เสียชีวิตลงภายในร่างของอสูรกลไก วัวคลั่ง
ในวินาทีสุดท้ายของนาง หน้าจอพลังหยินได้ฉายให้นางเห็นถึงภาพของกองกำลังของยมโลกที่พุ่งตรงเข้าใส่อาคารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งการสะท้อนเงา และนางก็สามารถบอกได้ด้วยว่าผู้ที่กำลังนำทัพอยู่นั้นหาใช่ผู้ใดอื่นนอกจากท่านจ้าวนรกเอง
ตุบ...นางล้มลงกับพื้นในที่สุด วิญญาณทั้งหมดที่อยู่โดยรอบที่ได้ยินเสียงนั้นต่างหันหลังกลับมามองทันที แต่ถึงกระนั้น มันกลับไม่มีวิญญาณตนใดที่กล้าก้าวเท้าเข้าไปใกล้นางเลยแม้แต่ตนเดียว
หากพูดกันตามความจริง มันไม่มีวิญญาณตนใดเลยด้วยซ้ำที่มีความคิดที่จะหยุดวัวคลั่งจากการยิงระเบิดทมิฬครั้งต่อไปของมัน
มันแทบจะเหมือนกับว่ารากษสที่น่าสะพรึงกลัวยังคงยืนอยู่ด้านหลังและเล็งหอกที่แหลมคมของนางมาที่ลำคอของพวกเขาดังเดิม
กลับมาบนถนนของนครชฺวีฟู่ ฮวาเจี่ยอวี่แย้มยิ้มบางออกมาขณะที่นางหลับตาลง
นางยังไม่ตาย แต่ถึงกระนั้น…นางก็ไม่สามารถครองสติสัมปชัญญะเอาไว้เพื่อเป็นสักขีพยานในสงครามที่เหลือได้อีกต่อไป
แม่ทัพมู่… เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ข้ายังไม่ตาย… ท่านอรากษสยื่นมือเข้ามาช่วยข้าเอาไว้ได้ทันเวลา… แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญก็คือนางสามารถหยุดขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่เอาไว้ได้สำเร็จ… อ่า… เปลือกตาของข้าในเวลานี้มันช่างหนักเหลือเกิน…
ภายในไม่กี่วินาทีต่อมา พลังหยินสีดำก็ปะทุออกมาจากร่าง ห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้ราวกับว่านางกำลังซ่อนตัวอยู่ในรังไหมขนาดใหญ่
ในขณะเดียวกัน กองกำลังส่วนที่เหลือของยมโลกต่างมึนงงขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังเปลวไฟนรกที่พุ่งขึ้นไปบนหอคอยขนาดใหญ่ที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาตั้งอยู่ จากนั้น แทบจะเหมือนกับว่าเรี่ยวแรงส่วนสุดท้ายภายในร่างกายได้หมดลง พวกเขาค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้นทันที
“ยมโลกจงเจริญ…” ใครบางคนเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบพร่า หลังจากนั้น ความคิดเกี่ยวกับการคว้าชัยชนะก็แพร่กระจายออกไปสู่กองกำลังทหารที่เหลืออยู่โดยรอบราวกับไฟป่า ทั้งหมดล้วนตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
“ยมโลกจงเจริญ!!”
พวกเขาไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อของตัวเองได้อีกแล้ว
กลับมาบนฟ้า ขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่ต่างจ้องมองไปยังทหารวิญญาณที่มุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาด้วยความตกตะลึง พวกเขาชะงักค้างไปครู่ใหญ่ก่อนจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงขณะที่พวกเขาเองก็รีบพุ่งกลับไปเช่นกัน
พระราชวังแห่งการสะท้อนเงา…นั่นคือรากฐานสำคัญที่นครชฺวีฟู่ถูกก่อตั้งขึ้น! พวกเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้มันไปไม่ได้เด็ดขาด! ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงทันทีที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถแย่งการควบคุมมันไปได้!
แต่ขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งกลับเข้าไปในเมืองชั้นในอีกครั้ง เส้นผมจำนวนมากก็พุ่งมาจากทุกทิศทาง ถักทอเป็นตาข่ายผมขนาดใหญ่ที่มีความกว้างกว่าหมื่นเมตรที่สะกัดกั้นขั้นตุลาการนรกทั้งสองรวมถึงกองทัพหุ่นกระบอกที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพวกเขาเอาไว้
“ไปให้พ้น!!!” ชายร่างผอมสูงตะโกนออกมาด้วยเสียงแหบพร่า ปากของเขาฉีกออกกว้างอย่างน่ากลัวขณะที่เขาแยกเขี้ยวหันไปทางอาร์ทิส
“พวกเจ้าคิดว่าจะไปที่ใดได้หากข้ายังไม่ได้อนุญาต?” อาร์ทิสพึมพำออกมาเบาๆ แต่เปลวไฟในดวงตาของนางกลับลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น “ทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับวินาทีสุดท้ายของสงครามในครั้งนี้ จงเป็นเด็กดีและอยู่เฉย ๆ แล้วข้าอาจจะปล่อยให้เจ้าได้ตายดี ๆ ”
“แค่เจ้าเพียงลำพังน่ะหรือ?!” ความกังวลที่ท่วมท้นได้ลบล้างความหวาดกลัวที่มีต่ออาร์ทิสออกไปโดยสมบูรณ์ ขั้นตุลาการนรกผู้หญิงของนครชฺวีฟู่ก้าวถอนหลังและกรีดร้องออกมาสุดเสียง “ฆ่านาง…ฆ่านางซะ!!!”
กองทัพหุ่นกระบอกที่เรียงตัวในลักษณะของค่ายกลคำรามออกมาขณะที่พวกมันพุ่งลงไปหาอาร์ทิสราวกับกระแสน้ำที่ถาโถมลงไปทันที
จากนั้น ยิ่งพวกมันเข้าไปใกล้อาร์ทิส ความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่แท่นดอกบัวโครงกระดูกในชั่วพริบตา และในเสี้ยววินาทีต่อมา ยันต์ลักษณะแปลกประหลาดก็เริ่มเปล่งแสงออกมาจากร่างของพวกมัน
“ระเบิด!!” ขั้นตุลาการนรกทั้งสองของนครชฺวีฟู่ตะโกนออกมาพร้อมกัน ทันใดนั้น มันก็มีเสียงดังสนั่นตามมา และเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงก็กลืนกินร่างของอาร์ทิสไปโดยสมบูรณ์ แม้แต่ตุลาการนรกที่แข็งแกร่งอย่างอาร์ทิสเองก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
มันคือระเบิดทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากการระเบิดตัวเองของหุ่นกระบอกนับหมื่น หากผู้ที่โดนเป็นขั้นตุลาการนรกตนอื่น ๆ ที่อ่อนแอกว่านี้ พวกเขาก็อาจจะตายไปแล้วเช่นกัน
“กรี๊ดดดด…อ๊ากกกกกก!!” เสียงกรีดร้องที่โกรธเกรี้ยวดังออกมาจากปากของอาร์ทิส แต่ถึงกระนั้นชายร่างผอมสูงกลับไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองผลจากการลงแรงของตนเลยแม้แต่น้อย เขารีบหันหลังและตั้งท่าที่จะวิ่งจากไปทันที “เร็วเข้า!!”
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ตาข่ายผมสีดำที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ยังพอมีช่องว่างจากการถักทอให้เห็นอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ มันกลับแน่นจนไม่มีช่องว่างเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มันแทบจะเหมือนกับว่าพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเวลายามค่ำคืนที่ไร้ที่สิ้นสุด
ยังไม่ตาย?!
เปลวไฟนรกในดวงตาของชายร่างผอมสูงวูบไหวด้วยความหวาดกลัว นั่นคือการระเบิดตัวเองของหุ่นกระบอก 70,000 ตัวเลยนะ! นางยังรอดชีวิตมาได้อย่างไร?!
นี่มันปีศาจแบบใดกัน?!
ทันใดนั้นเอง รอยแยกรอยหนึ่งก็เปิดขึ้นในความมืดที่ดูเหมือนจะห่อหุ้มพวกเขา และดวงตาสีแดงก่ำก็จ้องมองลงมายังพวกเขา
“ยันต์นรกรูปแบบที่ศูนย์ – ราตรีอันมืดมิด” เสียงของอาร์ทิสดังขึ้นจากด้านหลัง ตามมาติดๆด้วยเสียงหัวเราะที่น่าขนลุก “ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“จนกว่าการต่อสู้ที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาจะจบลง พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องอยู่ที่นี่!!”
…………………………………………………….
“บุก!!!” ทหารวิญญาณ 20,000 นายของยมโลกตะโกนออกมาพร้อมกันขณะที่พวกเขาสิ่งขึ้นไปตามขั้นบันไดที่นำไปสู่จุดสูงสุดของแท่นบูชาที่หลายจวิ่นเฉินยืนอยู่
เรื่องทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?
หลายจวิ่นเฉินจ้องมองคลื่นทหารวิญญาณที่กำลังวิ่งมาหาตนอย่างเหม่อลอย จากนั้น เขาก็เข้าใจทุกอย่าง
ตั้งแต่แรกเริ่ม ยมโลกได้เลือกที่จะส่งกองกำลังของตัวเองไปยังกำแพงเมืองเพื่อที่จะดึงไพ่ตายของนครชฺวีฟู่ออกมา
ที่เขาไม่เคลื่อนไหวก็เพราะว่าเขามั่นใจในการคำนวณของตัวเอง จากการคาดคะเนของเขา กองกำลังของยมโลกคงจะมีจำนวนไม่ถึง 100,000 นาย ในขณะที่ฝ่ายของนครชฺวีฟู่จะต้องมีทหารอยู่างน้อย 800,000 นายประจำการอยู่ในด่านซานไห่ จริงอยู่ที่ทหารวิญญาณ 100,000 นายของยมโลกสามารถต่อสู้กับทหารวิญญาณของนครชฺวีฟู่จำนวน 1 ล้านนายได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ที่นี่ก็คือนครชฺวีฟู่! มันมีทั้งค่ายกลสู้รบ รวมถึงวัตถุหยินจำนวนมาก และแม้แต่ขั้นตุลาการนรกอีกด้วย!
ดังนั้น จากการคำนวณของเขา เขาก็น่าจะสามารถจัดการกับกองกำลังของยมโลกได้ด้วยกำลังทหารเพียง 600,000 นายเท่านั้น
แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะทำให้เขาต้องกลืนคำของตัวเอง ตัวแปรเดียวที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างก็คือวินาทีที่ยมโลกสามารถแย่งชิงการควบคุมของอสูรกลไกและเล็งมันไปที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาได้
“เราคำนวณผิดไป…” เขาหลับตาลงอย่างโกรธเกรี้ยว
มันไม่ใช่ว่ายมโลกไม่สามารถแบ่งกองกำลังให้บุกเข้ามาภายในเมืองชั้นในได้ แต่มันเป็นเพราะว่ามันอันตรายเกินไป เพราะมันจะเทียบได้กับการนำกองกำลังของตัวเองเข้ามาอยู่ในวงล้อมของทหารวิญญาณ 800,000 นายโดยตรง นี่คือเหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเลือกที่จะโจมตีไปที่กำแพงเมืองแทน จากนั้น เมื่อนครชฺวีฟู่พังทลายลงภายใต้แรงกดดันจากภัยคุกคามของอสูรกลไกและเผยไพ่ตายทั้งหมดที่เก็บซ่อนเอาไว้ มันก็จะเป็นเวลาที่ยมโลกจะเผยไพ่ตายใบสุดท้ายของตัวเองในที่สุด
กองกำลังส่วนใหญ่ของนครชฺวีฟู่กำลังประจำการอยู่นอกเมือง ทิ้งเมืองชั้นในและพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาไว้เพียงลำพังโดยแทบจะไม่ได้รับการคุ้มกันเลยแม้แต่น้อย
“นะ นายท่าน...นายท่าน!!!” ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างเขาตอนนี้ร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อขณะที่ดึงแขนเสื้อของเขาอย่างแรง “เราจะทำอย่างไรกันดี? พวกเราจะทำอย่างไรกันดี?!”
“เจ้าโง่!!” หลายจวิ่นเฉินตบหน้าอีกฝ่ายและตะคอกกลับอย่างเดือดดาล “เราจะสามารถทำอะไรได้อีกนอกจากคุ้มกันพระราชวังแห่งการสะท้อนเงาด้วยชีวิต?! เราจะต้องต้านเอาไว้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง! มันยังมีความหวังอยู่!”
ฟันของเขากระทบกันอย่างแรงขณะที่เหลือบมองกลับไปยังกองกำลังของยมโลกที่อยู่ด้านล่าง เขารู้ดีว่าทันทีที่นครชฺวีฟู่ล่มสลาย ยมโลกอาจจะเลือกที่จะเว้นชีวิตเหล่าทหารวิญญาณที่อ่อนแอเอาไว้ แต่ในฐานะของผู้ช่วยที่ใกล้ชิดกับขงโม่อย่างเขาไม่มีทางถูกละเว้นเอาไว้เด็ดขาด
ยมโลกจะต้องสังหารใครสักคนเพื่อเป็นตัวอย่างแกคนอื่น ๆ และมันจะมีตัวเลือกใดที่ดีไปกว่าตัวของเขาเอง?
ฟึ่บ! เขายกมือขึ้น และยันต์แผ่นหนึ่งก็ลอยขึ้นในอากาศ แท่นบูชาขนาดใหญ่ที่พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาตั้งอยู่มีอยู่ทั้งสิ้นสิบชั้น กองกำลังหุ่นกระบอกกระจายตัวออกไปอยู่โดยรอบตั้งแต่ชั้นที่สามขึ้นมาจนถึงชั้นที่สิบ ทันทีที่พวกมันเข้าประจำที่ หลายจวิ่นเฉินก็เอ่ยสั่งเสียงดัง “ขัดขวางศัตรูด้วยทั้งหมดที่มี!!”
ตู้ม!! พลังหยินที่รุนแรงระเบิดออกมาจากชั้นที่สาม และเปลวไฟนรกที่น่าหวาดกลัวลุกโชนขึ้นในดวงตาของหุ่นกระบอกที่แต่เดิมดูไม่ต่างอะไรกับรูปปั้น ไม่กี่วินาทีต่อมา พวกมันก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศราวกับฝูงนกแร้ง
วี๊ดดดดด!! เสียงกรีดร้องที่แหลมเสียดหูดังขึ้น กองทัพหุ่นกระบอกพุ่งผ่านกลุ่มก้อนพลังหยินและมุ่งหน้าเข้าใส่กองกำลังของยมโลกที่กำลังพุ่งขึ้นมาทันที
ฉินเย่เป็นผู้นำทัพด้วยตัวเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดตัวเองจึงทำเช่นนี้ แต่มันเป็นการตอบสนองต่อความกระหายและความปรารถนาภายในร่างของตนเองที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว
เขากำลังกระหายที่จะฆ่า
การก้าวไปข้างหน้าของทหารวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้เขานึกถึงความพยายามในช่วงแรกของยมโลก มันย้ำเตือนเขาถึงเหตุผลที่ทำให้เขาไม่อยากตกเป็นทาสของผู้ใดอีก!
บางทีนี่อาจจะเป็นข้อยกเว้นเดียวที่เขาจะทำในสิ่งที่ผิดไปจากลักษณะนิสัยส่วนตัวของตนเอง แต่เขารู้ดีว่าสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำในเวลานี้ก็คือการถอยหรือไม่ก็หลบหนีไปเสีย
ขณะที่กลุ่มพลังหยินอันหนาแน่นระเบิดออกมาจากด้านบน เขาหมุนปากกาแห่งการพิพากษาในมือและชี้มันไปยังหุ่นกระบอกและจิ้มไปด้านหน้า
ตู้ม ตู้ม ตู้ม! หุ่นกระบอกจำนวนมากที่ประจำการอยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรระเบิดออกราวกับระเบิดภายในร่างของพวกมันถูกจุดขึ้น ในขณะที่หุ่นกระบอกที่อยู่ด้านหลังเริ่มพุ่งมาแนวหน้า พวกมันก็ถูกกระเบิดไปพร้อมกับผลกระทบจากการระเบิดก่อนหน้าทันที
มันเกิดเป็นการระเบิดที่ติดต่อกันเป็นลูกโซ่ทันที
“ไปให้พ้น!” ฉินเย่ตะโกนออกมาขณะที่กางสมุดแห่งความเป็นตาย ห่อหุ้มร่างของตัวเองขณะที่พุ่งตัวเข้าสู่สนามรบ สายตาจับจ้องไปยังร่าง ๆ หนึ่งที่อยู่ด้านบนสุดของแท่นบูชา
นี่คือการต่อสู้สุดท้าย…
เขามีทหารวิญญาณอยู่ด้านหลัง เมื่อปราศจากวัตถุหยินอื่น ๆ ให้ใช้ หุ่นกระบอก 100,000 ตัวจะสามารถต้านการจู่โจมของพวกเขาได้อย่างไร?
ชัยชนะกำลังรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้า!
นอกจากนี้ เขาก็ไม่สามารถต้านความปรารถนาที่จะตัดหัวของหลายจวิ่นเฉินด้วยมือของตัวเองได้
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! หน้ากระดาษของสมุดแห่งความเป็นตายกระพืออย่างรุนแรง ห่อหุ่มร่างของเด็กหนุ่มราวกับลูกบอลขนาดใหญ่ขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าหลายสิบเมตร ตรงเข้าสู่กลุ่มหุ่นกระบอก อย่างไรก็ตาม ระยะทางกว่าสิบเมตรเป็นเพียงส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะในเวลาเดียวกันนี้ หุ่นกระบอกที่อยู่โดยรอบเองก็เริ่มเปล่งประกายด้วยยันต์บนร่าง พวกมันกำลังจะระเบิดตัวเองรอบ ๆ ร่างของฉินเย่
ตู้ม!!!!
หุ่นกระบอกจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกพร้อมกัน สร้างคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ออกเป็นวงกว้าง ต้นไม้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างเอนเอียง ขณะที่กระเบื้องมุงหลังคาของบ้านเรือนต่างหลุดกระเด็นออกไป ประชากรวิญญาณของนครชฺวีฟู่กรีดร้องขณะที่พยายามหาที่กำบังที่ปลอดภัย ฉินเย่ข่มเจตนาฆ่าภายในใจของตนเองและตะโกนเสียงดัง “ยอมจำนนซะ แล้วข้ารับรองว่าเจ้าจะได้ตายอย่างสบาย ๆ ”
“อย่าหวังเลย!!” หลายจวิ่นเฉินตะโกนตอบกลับมาจากด้านบนสุดของแท่นบูชา “ข้ายังไม่อยากตาย… ข้าจะตายไม่ได้เด็ดขาด!! ยมโลกอย่างนั้นหรือ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าในอดีต…พวกเจ้าได้กักขังข้าไว้ภายใต้พิภพเดรัจฉานมาเป็นระยะเวลากว่า 300 ปี?! แบบนี้เจ้ายังคิดอีกหรือว่าข้าจะยอมตามเจ้ากลับไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของขุมนรกเพื่อโดนลงโทษไปชั่วนิรันดร์?! ฮ่าๆๆๆๆ!”
ความหวาดกลัวภายในใจได้ผลักดันให้เขาไปสู่ความบ้าคลั่ง
“พวกเจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรือว่านครชฺวีฟู่ไม่มีไพ่ตายใดซ่อนอยู่อีกแล้ว?”
“เจ้าคิดหรือว่าตัวเองจะสามารถทลายการป้องกันของปราการด่านแรกของกำแพงเมืองจีนได้ด้วยกองกำลังเล็กๆของยมโลก?!”
“ไสหัวกลับไปซะ!!!”
เขาตะโกนออกมาราวกับคนเสียสติขณะที่รีบประสานมือและเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้น พระราชวังแห่งการสะท้อนเงาก็เริ่มเปล่งแสงออกมา และยันต์โบราณที่ถูกย้อมจนเป็นสีดำของพลังหยินก็ลอยออกมาจากบานกระจกและเข้ามาอยู่ในมือของหลายจวิ่นเฉิน
“ยันต์คุณธรรมแห่งฟ้าดิน...” ลมหายใจหลายจวิ่นเฉินถี่รัวขึ้นขณะที่เขาเริ่มเผาไหม้ดวงไฟวิญญาณของตัวเอง “คุณธรรมปกคลุมผืนแผ่นดิน แสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์…”
ร่างมายาร่างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของแท่นบูชาขณะที่เขายังคงสวดบทสวดอย่างต่อเนื่อง
ในวินาทีนั้น ร่างของเขาเต็มไปด้วยรัศมีแห่งคุณธรรมที่แรงกล้า จากนั้น…ก็เหวี่ยงมือลงอย่างแรง
ครืนน!! เสียงระเบิดดังขึ้นขณะที่พื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าสั่นสะเทือน ดวงตาของฉินเย่หรี่ลงและการเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดลงอย่างกระทันหัน สมุดแห่งความเป็นตายยังคงห่อหุ้มร่างของเขา แต่ถึงกระนั้น กองกำลังส่วนที่เหลือของยมโลกยังคงพุ่งไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
“ยมโลกจงเจริญ!!!”
มันเป็นเสียงตะโกนที่ดังสนั่น
ไร้ซึ่งความทุกข์ทรมาน
และไร้ซึ่งความเสียใจ
ทหารวิญญาณหลายร้อยนายที่พุ่งไปด้านหน้ากลายเป็นเพียงลูกไฟนรกจากการโจมตีที่ทรงพลังของหลายจวิ่นเฉิน ในขณะเดียวกันหลายจวิ่นเฉินเองก็อ้าปากหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นที่จุดสูงสุดของแท่นบูชา
ไม่ว่าวัตถุหยินจะทรงพลังเพียงใด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องถูกขับเคลื่อนโดยพลังหยินของผู้ใช้
และเขา… ก็อยู่แค่ขั้นยมทูตขาวดำเท่านั้น
เขาต้านไม่ไหวอีกแล้ว…
กรอด ฟันภายในกัดแน่นจนเกิดเสียงดังออกมา มันไม่มีทางที่เขาจะสามารถต้านทานได้ ทหารวิญญาณที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นเหล่านี้ยังไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลยแม้แต่น้อย เขาจะสามารถป้องกันแท่นบูชาจากกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?
ทว่าทันใดนั้น เขาก็ตั้งสติและลุกยืนขึ้นยืนด้วยสีหน้าที่ดุดันอีกครั้ง “อยากได้นครชฺวีฟู่อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นก็จงตายไปพร้อมกับข้าก็แล้วกัน!!”
Comments