การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 501 ปรึกษา

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 501 ปรึกษา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 501 ปรึกษา

บทที่ 501 ปรึกษา

ถังซวงไม่คิดมาก่อนว่าจะได้พบเจอกับจูรุ่ยที่นี่ “ยินดีต้อนรับนะ”

ส่วนถังเซวี่ยดีใจมากที่ได้เจอกับจูรุ่ย เธอเดินเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อพูดคุย

ถังชุนหยานและจูรุ่ยไม่รู้จักกัน แต่ว่าจูรุ่ยกลับรู้จักเธอ “เธอต้องเป็นถังชุนหยานแน่เลย ฉันรู้เรื่องของเธอด้วยนะ เธอเก่งมากเลยละ”

ถังชุนหยานที่ได้ยินเผยสีหน้าดีใจ

“จริงหรือ? เธอรู้จักฉันด้วยหรือ?”

“จริงสิ ตอนนี้บริษัทเครื่องสำอางของพี่ถังซวงได้รับความนิยมมากในก่างเฉิง ทั้งพี่สาวซวงและคุณพานต่างก็เป็นแบบอย่างให้กับผู้หญิงอย่างเรา ๆ รวมถึงเธอ ผู้ผลิตเครื่องสำอางที่เก่งกาจด้วย”

ถังชุนหยานไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง เธอมีความสุขมาก คว้ามือจูรุ่ยมากุมไว้ “จริงหรือ มีคนรู้จักฉันด้วย? ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งฉันจะมีชื่อเสียงกับเขา”

ถังซวงที่ได้ยินกล่าวให้กำลังใจ “ตราบใดที่ทำงานอย่างหนัก คนอื่นจะเห็นมันจ้ะ”

ถังชุนหยานพยักหน้ารับแล้วพูดต่อว่า “พี่สาวซวง ฉันจะตั้งใจทำงานค่ะ”

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย ช่วงเวลาอันเป็นมงคลก็มาถึง

ซ่างสยงเยี่ยพาเกอชิงเหม่ยไปยังโรงแรมจัดงาน

ถังซวงและญาติคนอื่น ๆ ก็ติดตามไปด้วย บรรยากาศเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ทุกคนมาถึงโรงแรมก่อนจะเริ่มจับจองที่นั่ง

แม้ว่าจูรุ่ยจะมากับเพื่อนที่ก่างเฉิง แต่เธอก็เลือกที่จะนั่งกับถังซวงที่โต๊ะของญาติฝ่ายหญิง

เมื่อจิงเหวินรุ่ยเข้ามา เขาถึงกับประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่าจูรุ่ยอยู่ที่นี่ด้วย

“เอ่อ… คุณคือคนที่มาหาลูกพี่ลูกน้องของผมคราวที่แล้วใช่ไหม? ผมจำได้ว่าคุณอยู่เมืองก่างเฉิง ดีใจที่ได้เจอนะครับ”

จูรุ่ยเองก็จำจิงเหวินรุ่ยได้ เธอลุกขึ้นกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นญาติฝั่งคุณซ่าง มาที่นี่เพื่อร่วมงานแต่งงานโดยเฉพาะเลยละค่ะ”

“อ๋อ คุณเป็นญาติฝ่ายชายนี่เอง ยังไงก็ยินดีที่ได้พบนะครับ”

จูรุ่ยพยักหน้าตอบกลับ “ยินดีเช่นกันค่ะ”

เมิ่งผิงที่นั่งอยู่ด้านข้างลอบมองลูกชายตัวเองก่อนจะหันไปมองจูรุ่ย ในหัวของเธอคิดไปว่าทั้งสองค่อนข้างเหมาะสมกันขณะยืนเคียงข้าง แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าจูรุ่ยมาจากเมืองก่างเฉิง เธอก็ต้องผิดหวัง

หลังจากจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ยทักทายกันแล้ว ทั้งสองแยกย้ายกันไปนั่ง

เพราะแขกมาพร้อมแล้ว งานแต่งงานจึงเริ่มขึ้น

แม้ว่าซ่างสยงเยี่ยและเกอชิงเหม่ยจะไม่ใช่เด็กวัยรุ่น แต่นี่คืองานแต่งงานครั้งแรกของทั้งสองคน พวกเขาค่อนข้างกังวลและตื่นเต้นไม่น้อย หลังจากขึ้นเวที พวกเขาทั้งคู่ติดขัดและไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายแล้วทั้งสองก็ยังมองตากันแสดงความรักและความอบอุ่นที่มีให้กันอย่างลึกซึ้ง

นั่นทำให้แขกด้านล่างอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงล้อเลียน ทั้งหมดปรบมือก่อนจะแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น

งานแต่งงานเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และแขกทั้งหมดสนุกสนานมาก

หลังจากงานแต่งงานสิ้นสุดลงแล้ว ถังซวง และคนอื่น ๆ ช่วยกันส่งแขก จูรุ่ยเองก็เดินเข้ามาหาพวกเขาแล้วเอ่ยปากขึ้นว่า

“พี่สาวซวง คราวนี้ฉันจะอยู่เมืองหลวงต่อค่ะ เราไปเดินเล่นรอบเมืองด้วยกันดีไหมคะ?”

ถังซวงพยักหน้าแล้วตอบรับว่า “ได้สิ”

“เยี่ยมไปเลย”

จูรุ่ยมีความสุขมาก นอกเหนือจากการมาร่วมงานแต่งงานของซ่างสยงเยี่ย เธอก็คิดไว้แล้วว่าจะเที่ยวเล่นที่เมืองหลวงด้วยสักหน่อย

แต่ถังซวงก็ยังพูดขึ้นว่า “แต่ฉันมีเวลาแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นนะ วันธรรมดาฉันต้องไปเรียนน่ะ ไม่มีเวลาอยู่กับเธอมากเท่าไหร่”

ถังเซวี่ยเองก็ต้องไปเรียนเหมือนกัน

แต่ถังชุนหยานที่อยู่ข้าง ๆ หันมองจูรุ่ยแล้วพูดว่า “แต่ฉันมีเวลานะคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ไปเดินเล่นรอบเมืองกับฉันก็ได้ค่ะ”

“อย่างนั้นก็ดีเลย จะรังเกียจได้ยังไงล่ะ ฉันมีความสุขจะตายอยู่แล้ว”

จูรุ่ยมีความสุขมากหลังได้ยินคำของถังชุนหยาน เธอยิ้มกว้างจนโลกสดใสขึ้นมา

“งั้นเราค่อยนัดกันนะ”

ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน พวกเขากลับมาที่บ้านตระกูลจิง ส่วนถังซวงจัดห้องรับแขกให้กับจูรุ่ย ห้องนี้ติดกับลานของถังชุนหยาน ถังชุนหยานจึงอาสาพาเธอไปพักผ่อน

ถังซวงหันมองโม่เจ๋อหยวน ถังเซวี่ย และเฟิงเยี่ยหานก่อนจะพูดขึ้นว่า “อาหยวน ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะ” จากนั้นเธอหันไปหาเฟิงเยี่ยหานและถังเซวี่ย “พวกเธอจะไปด้วยก็ได้”

ถังซวงต้องการพูดคุยเรื่องของถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว เพราะเธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่วตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอ? เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเฮ่อหลานผู้เป็นแม่ และถังอวี้สือกับเหวินเจ๋อหลิ่วเองอาจจะมาจากตระกูลอิ๋นซื่อ จึงเป็นการดีที่สุดที่จะเตรียมแผนตั้งรับและสืบค้นข้อมูลของศัตรูไว้ก่อน

ทั้งหมดเห็นท่าทีจริงจังของถังซวง พวกเขามองเธออย่างประหลาดใจก่อนจะพูดขึ้นว่า

“พี่มีอะไรจะบอกพวกเราหรือคะ”

วันนี้คือวันแต่งงานของเกอชิงเหม่ยและซ่างสยงเยี่ย ถ้าหากมันไม่ใช่เรื่องสำคัญถังซวงคงจะไม่จริงจังขนาดนี้แน่ ถังเซวี่ยจึงค่อนข้างกังวลว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น

“เดี๋ยวเราไปคุยกันตรงนั้นดีกว่า”

โม่เจ๋อหยวนกับเฟิงเยี่ยหานสัมผัสได้แล้วว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว ถังซวงเล่าเรื่องสั้น ๆ ที่เธอได้พบเจอกับถังอวี้สือและเหวินเจ๋อหลิ่ว ก่อนจะหันมองเฟิงเยี่ยหานแล้วถามว่า “คุณรู้จักตระกูลอิ๋นซื่อไหม?”

เฟิงเยี่ยหานยังคงตกตะลึง เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ฟังเรื่องแบบนี้ แววตาเย็นชาของเขาจ้องมองถังซวง “คุณแน่ใจแล้วหรือว่าพวกเขามาจากตระกูลอิ๋นซื่อจริง ๆ?”

“ใช่ ฉันน่าจะเดาไม่ผิด”

“ผมก็พอจะรู้เรื่องของตระกูลอิ๋นซื่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากหรอก รู้แค่ว่าตระกูลอิ๋นซื่อทรงพลัง คนธรรมดาอย่างพวกเราไม่สามารถเทียบได้ คุณคิดว่า… ไม่สามารถคืนดีกับเพื่อนร่วมชั้นทั้งสองคนนั้นได้จริง ๆ หรือ?”

ถังซวงเหลือบมองเฟิงเยี่ยหานก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่คิดว่าวันหนึ่งสหายเฟิงจะเกลี้ยกล่อมให้ฉันคืนดีกับใครสักคน”

“มันเป็นเพราะตระกูลอิ๋นซื่อทั้งลึกลับและทรงพลังมาก”

เฟิงเยี่ยหานเผยสีหน้ากังวล

ส่วนโม่เจ๋อหยวนที่ด้านข้างยิ่งกังวลมากกว่า เขาจับมือถังซวงไว้แน่น “ซวงเอ๋อร์ หลังจากนี้ฉันจะอยู่กับเธอตลอดเวลา ต่อให้พวกเขาจะมาจากตระกูลอิ๋นซื่อจริง ๆ ฉันก็จะไม่ยอมให้ใครทำอะไรเธอเด็ดขาด”

เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของโม่เจ๋อหยวน ถังซวงก็ยกยิ้มขำขันก่อนตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันให้เหลิ่งตงกับหยินอี้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว อีกอย่างถ้าฉันเดาผิดล่ะ? เหวินเจ๋อหลิ่วคงอยากจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับฉันเพราะความคิดของเราไม่ลงรอยกันละมั้ง ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”

แม้เธอจะพูดอย่างนั้น แต่โม่เจ๋อหยวนไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย เขาจำได้ดีเมื่อครั้งที่เว่ยเหิงเจอกับถังซวงครั้งแรก

“ถึงจะมีคนมากมายในโลกนี้ที่หน้าตาเหมือนกัน แต่เราก็ต้องระวัง”

“ค่ะ คงต้องระวังตัวให้ดี ยังไงถ้าได้ข่าวอะไรเพิ่มเติมฉันจะบอกนะ”

ถังเซวี่ยเองก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่คะ… พี่คิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับพ่อและแม่ไหม?”

เดิมทีถังซวงคิดว่าจะรอให้เหลิ่งตงและหยินอี้ตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดให้ดีก่อนถึงค่อยบอกกับจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลาน แต่เวลานี้เห็นถังเซวี่ยกังวลไปเสียแล้ว เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้า “อื้ม เดี๋ยวฉันจะบอกพ่อกับแม่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด