[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 73 ไฟล์ 9 : ตัวตนของยามาโนเกะ [1.1]
ตอนนั้น ตอนที่ฉันยังเป็นแค่เหยื่อ…
ช่วงที่ฉันหนีออกจากบ้านเพื่อไปให้พ้นจากการจับตามองของพวกลัทธิ แล้วไปซ่อนอยู่ในเศษซากของโรงแรมม่านรูด ฉันก็ไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดที่จะพูดได้ว่าตัวเองสติดีหรอกนะ
เพราะงั้น ฉันเลยไม่มั่นใจเต็มร้อยด้วยว่าทำไมฉันถึงคิดว่าคนตัวแดงร่างใหญ่ที่มากอดฉันจากข้างหลังตอนที่ฉันนอนในเตียงชั่วคราวที่ทำจากผ้าลินินฝุ่นเขราะในท่าทางเหมือนเด็กทารกน่ะเป็นคุณแม่ของฉันไปได้
แต่ก็ เพราะเหตุผลบางอย่างล่ะนะ ที่ทำให้ความทรงจำนี้มันยังเป็นความทรงจำที่อบอุ่นของฉันอยู่
เพราะแบบนั้น ตอนเช้าตรู่ ฉันถึงออกจากโรงแรมทันที มุ่งหน้าตรงกลับไปที่บ้าน แล้วฉันก็นั่งรออยู่ในห้องเสื่อทาทามิ อยู่คนเดียวพร้อมกับถังน้ำมันก๊าด รออยู่แบบนั้นราวกับว่าต้องอยู่ตรงนี้ไปตลอดกาล
ฉันจำได้เลยว่า พอตกกลางคืน ทั่วทั้งบ้านก็มืดสนิทไปหมด มันรู้สึกเหงาสุดๆ เลย
ตอนนั้นแหละ ที่ฉันคิดว่า: อยากได้ไฟจัง
―มันจะดีเหรอเนี่ยที่มากินงานเลี้ยงหลังจบงานหลังจากที่เครื่องในของพวกเราเพิ่งจะถูกโคโทริบาโกะย่ำยีมาน่ะ?
พวกเราคุยกันแล้ว ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าโจ๊กน่าจะเป็นความคิดที่ดี เพราะแบบนั้น ฉัน โทริโกะ แล้วก็คุณโคซากุระก็เลยมาที่ร้านข้าวต้มเมืองจีนที่ห้างในอิเคบุคุโระกัน
ก็ได้ความคิดง่ายๆ ที่ว่าเวลาท้องไส้ไม่ค่อยดีก็ต้องกินโจ๊กนี่แหละ แต่ที่ร้านนี้มีเมนูเพื่อสุขภาพจัดการจากร้านยาจีนที่อยู่ข้างๆ ด้วย เพราะงั้น นี่ก็อาจจะเหมาะกับพวกเราก็ได้
“ชุดข้าวต้มบ๋วยดอง หรือชุดข้าวต้ม 2 สี, ชุดสำหรับผู้หญิงจะมาพร้อมกับหมูคาคุนิด้วย แต่อาจจะไม่พอแฮะ… มีอะไรที่ถูกใจหรือเปล่า โทริโกะ?”
“บะหมี่เพลิงนี่น่ากินดีนะ”
TN: お粥 (Okayu) ก็คือข้าวต้มกุ๊ยนั่นแหละครับ มีข้าว มีน้ำ เติมเกลือนิดหน่อย ก็หมดแล้ว แต่บางที่ก็อาจจะเติมอะไรเข้าไปนิดๆ หน่อยๆ อย่างเช่น ใส่บ๋วยดอง (梅干し : Umeboshi) ลงไปเพิ่มรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ให้กับอาหารก็ได้
角煮 (Kakuni) คือ หมูตุ๋นซีอิ๊วญี่ปุ่น ใช้เนื้อหมูในส่วนของหมูสามชั้น (ばら肉 : Baraniku) นำมาหั่นเป็นก่อนเหลี่ยมๆ พอดีคำ จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ [角 (Kaku) แปลว่าเหลี่ยมๆ] ซึ่งก็มีที่มามาจากอาหารจีนอย่างหมูพะโล้นั่นเอง
担担面 (จีน: dandanmian) เป็นก๋วยเตี๋ยวที่มีต้นกำเนิดจากจานจีน อาหารเสฉวน มันประกอบด้วยซอสเผ็ดหมักจะมีผักที่เก็บรักษาไว้, น้ำมันพริก, พริกไทยเสฉวน, หมูสับ และหอม ทำได้ทั้งแบบผัดแห้งหรือทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวด้วยก็ได้
โทริโกะที่กำลังดูเมนูอยู่ก็ตอบออกมา
โอ้ย เดี๋ยวสิเธอน่ะ
“นี่พวกเราไม่ได้มากินข้าวต้มกันรึไง?”
“ก็เนื้อมันน้อยไปนี่นา แถมที่นี่มันก็ไม่ได้ให้อารมณ์แบบ ‘นี่สำหรับงานที่จบลงได้ด้วยดี! คัมปาย!’ เลยด้วย”
โทริโกะตอบมาพร้อมกับทำปากบุ้ย
ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายในวันทำงาน ที่ร้านมีคนอยู่ซัก 40% ของความจุร้านได้ แล้วทุกคนที่อยู่ที่นี่นอกจากพวกเราก็มีแต่พวกอาม่าทั้งนั้นเลย เครื่องดื่มเกือบทุกอย่างในเมนูก็เป็นพวกชาที่ฟังดูน่าจะดีต่อสุขภาพด้วย จุดขายของร้านอาหารร้านนี้ก็คือโจ๊ก ข้าวต้ม แล้วก็ชานี่นะ ก็คงประมาณนี้นี่แหละ
“มากินที่ร้านอาหารจีนเพื่อสุขภาพแล้วยังจะบ่นอะไรของเธออีกเนี่ย?”
คุณโคซากุระเอ็ดขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่โทริโกะ
“เอาเป็นว่า สั่งชากันก่อนดีกว่านะคะ เห็นว่ารีฟิลฟรีด้วย”
“โอ้ งั้นเหรอ? เจ๋งไปเลย”
“ก็วิธีการดื่มชาของจีนล่ะนะ เธอขอเติมน้ำร้อนได้เรื่อยๆ เลย ทำให้ดื่มได้หลายครั้งน่ะ”
คุณโคซากุระอธิบาย
ซึ่งนั่นก็ทำให้โทริโกะตาเบิกกว้างเหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้เลย
“อ้อ! ฉันว่าตอนเด็กๆ ฉันน่าจะเคยทำแบบนั้นที่ไชน่าทาวน์นะ!”
“ที่โยโกฮามะน่ะเหรอ?”
“เปล่า แวนคูเวอร์น่ะ คุณแม่เคยพาฉันไปอยู่”
TN: โยโกฮามะไชน่าทาวน์ (横浜中華街) เป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานย้อนกลับไปได้ถึงปี 1859 เมื่อท่าเรือของโยโกฮามะเปิดรับและดึงดูดพ่อค้าชาวจีนให้มาตั้งรกรากและสร้างชุมชนของพวกเขาเองที่นี่ ความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นหลังจากประเทศญี่ปุ่นเริ่มความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีนในปี 1972 และในปัจจุบัน โยโกฮามะไชน่าทาวน์ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวหลักของเมือง
แวนคูเวอร์ไชน่าทาวน์ เป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอเมริกาเหนือและเป็นหนึ่งในย่านที่พลุกพล่านมากที่สุดในแวนคูเวอร์ (แคนาดา) มีต้นกำเนิดที่เก่าแก่พอๆ กับประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองแวนคูเวอร์เองเลย โดยการก่อสร้างนี้เกิดขึ้นจากแรงงานของผู้อพยพชาวจีนกว่า 17,000 คนที่เข้ามาทำงานในช่วงปลายศตวรรษ 1800
คุณแม่ งั้นสินะ?
ทุกครั้งเวลาที่โทริโกะพูดถึงเรื่องครอบครัวของเธอเอง โทริโกะจะหลบสายตาไปแวบนึง เสียงเธอจะต่ำลงนิดหน่อยด้วย แล้วน้ำเสียงเองก็จะสุขุมขึ้น
ฉันเคยได้ยินมาว่าเวลาคนเราคุยเรื่องที่นึกถึงอดีต สายตาจะเหลือบไปมองทางใดทางหนึ่งเอง สำหรับโทริโกะ เธอจะเหลือบตามองต่ำแล้วก็ไปทางซ้าย… บางที ความทรงจำถึงครอบครัวที่เสียไปในแผนภาพความคิดของเธอก็อจจจะอยู่ตรงนั้นก็ได้
พอนึกได้ว่านี่จะเป็นโอกาสที่ฉันจะได้ลองชาแบบที่ไม่เคยดื่มมาก่อนด้วย ฉันก็เลยสั่งชาคันโต โทริโกะสั่งชาซันสะ ส่วนคุณโคซากุระก็สั่งชามาอิกะ
“อะไรคือชามาอิกะน่ะคะ? จินตนาการไม่ออกเลย”
“ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เห็นเขียนเอาไว้ว่าสามารถช่วยให้ความหงุดหงิดรำคาญในใจสงบลงได้ด้วยน่ะ”
“แบบนี้ก็เหมาะกับโคซากุระมากๆ เลยนี่นา”
“ใช่ ฉันเพิ่งจะหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อกี้นี้เลย หวังว่าชาจะมาเร็วๆ แล้วกัน”
พอชามาอิกะมาถึงที่โต๊ะ ก็ปรากฏว่ามันคือชากุหลาบนี่เอง โทริโกะจิบชาซันสะของเธอ มันก็เป็นรสขมอมหวาน ส่วนชาคันโตของฉันก็มีกลิ่นจางๆ แถมดื่มง่ายจนน่าตกใจเลย
ระหว่างที่ฉันจิบชายาจีนอุ่นๆ แล้วก็เคี้ยวเมล็ดฟักทองที่อยู่ในชาแก้วนั้นด้วย โทริโกะก็เริ่มพูดขึ้นมา
“นี่ โคซากุระ หลังจากนั้นแล้วเนี่ย เกิดอะไรขึ้นกับสมุดโน้ตของซัทสึกิเหรอ?”
คุณโคซากุระลังเลอยู่ซักพักก่อนจะตอบ
“อยู่ในโกดังเก็บของของกลุ่มวิจัย DS น่ะ เพื่อกันไม่ให้มีใครไปอ่านได้”
กลุ่มวิจัย DS―มูลนิธิส่งเสริมการวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งความมืด องค์กรที่มีชื่อดูน่าสงสัยนี่ เหมือนว่ามันถูกก่อตั้งขึ้นมาในยุค ’90 ในฐานะองค์กรเอกชน เพื่อที่จะทำการวิจัยในเรื่องของโลกเบื้องหลัง หรือที่พวกเขาเรียกกันว่า UBL หรือ Ultrablue Landscape (ทิวทัศน์แสงเหนือฟ้า) ถึงจะน่าผิดหวังอยู่ดีที่พวกเขาจะมีชื่อฟังดูดีเลยนะ
งานอย่างเดียวของพวกเขาในตอนนี้คือการเฝ้าระวังเหยื่อในอดีตของ UBL และก็พยายามหาทางรักษาพวกเขา (อย่างไร้ซึ่งความหวังใดๆ) อาจจะโหดร้ายไปหน่อยนะที่พูดแบบนี้ แต่งานของพวกเขาก็เป็นเหมือนงานเก็บกวาดหลังพ่ายแพ้สงครามนั่นแหละ
ขอบเขตงานของพวกเขาที่แคบลงมาก็จะมีอย่างการรวบรวมวัตถุแปลกปลอมจากโลกเบื้องหลัง―UB อาร์ติแฟกต์ ซึ่งก็คือกลุ่มวิจัย DS นี่เองที่เป็นคนรับซื้อวัตถุประหลาดอย่างหินกระจกหรือเปลือกหอยไร้จุดจบที่พวกเราเอากลับมาจากฝั่งนู้น
เพราะสมุดโน้ตของอุรุมะ ซัทสึกิที่เจ้าตัวหายสาบสูญไประหว่างที่ยังทำงานให้กับกลุ่มวิจัย DS ถูกเขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรที่ไม่สามารถถอดความได้ มันก็เลยถูกทิ้งเอาไว้อยู่แบบนั้นมาตลอด ดันกลายเป็นว่ามันถูกเขียนไว้ด้วยภาษาของโลกเบื้องหลัง แล้วเราก็ได้รู้มากับตัวเลยว่าถ้าเกิดอ่านมันออกมาแบบออกเสียงล่ะก็ จะทำให้มีปรากฏการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นน่ะ
“พวกเราอ่านมันไม่ได้แล้วงั้นเหรอ? แต่ว่า นั่นมันเบาะแสในการไล่ตามซัทสึกินะ”
“นี่สมองเธอมันพัฒนาไม่ได้แล้วรึไงฮะ? นั่นน่ะเรียกแค่ว่าอันตรายยังน้อยไปเลยด้วยซ้ำ นี่ถ้าเกิดโซราโอะจังไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วยล่ะก็ เธอก็คงจะตายไปแล้วล่ะ”
“คือ ก็ใช่ แต่ว่า… โคโทริบาโกะสินะ? จู่ๆ มันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เนอะ ตกใจหมดเลย”
“ฉันตกใจที่เธอสะกดคำว่าตกใจเป็นด้วยมากกว่าอีกนะ”
ฉันเม้มปากต่อไป ระหว่างที่โทริโกะกับคุณโคซากุระยังแลกบทสนทนากันไปกันมา ทั้ง 2 คนคิดว่าทุกอย่างที่โผล่ออกมาก็คือกล่องโคโทริบาโกะ แต่ที่ฉันรู้น่ะมันต่างออกไป ตอนที่ฉันอ่านสมุดโน้ตเล่มนั้นแบบออกเสียง อุรุมะ ซัทสึกิก็ปรากฏตัวขึ้นมา
อุรุมะ ซัทสึกิที่โทริโกะตามหาตัวเชื่อมโยงกับตัวตนที่อยู่อีกฟากของแสงเหนือฟ้าไปแล้ว ถึงฉันจะรู้ถึงเรื่องนั้นแล้วตอนที่แยกส่วนโคโทริบาโกะ แต่ฉันก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทั้ง 2 คนเลย หรือคุณมิงิวะจากกลุ่มวิจัย DS ก็เหมือนกัน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะบอกทุกคนหรือเปล่า
คุณโคซากุระดูเหมือนจะยอมรับได้แล้วล่ะว่าอุรุมะ ซัทสึกิน่ะหาไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว แต่จากที่ฉันเห็น โทริโกะน่ะยังไม่เป็นแบบนั้น ถ้าเกิดฉันไม่ระวังล่ะก็ โทริโกะอาจจะถูกผลักดันมากจนดึงดันจะเข้าไปที่ส่วนลึกของโลกเบื้องหลังคนเดียวอีกก็ได้
หรือว่า สิ่งที่พวกมันที่อาศัยอยู่ที่โลกเบื้องหลังอยากจะทำ คือการล่อลวงให้โทริโกะทำแบบนั้นงั้นเหรอ? เพื่อพาตัวเธอไปที่ไหนซักที่เหมือนกับอุรุมะ ซัทสึกิน่ะ?
ฉันจิบชาไปเรื่อยๆ ในระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่แบบนั้น แล้วตอนนั้น อาหารก็มาพอดี
“โอ้ มาแล้วๆ”
“น่ากินจัง! กินล่ะนะค้า!”
ฉันหิวสุดๆ ไปเลย ก็เลยพุ่งเข้าหาอาหารทันทีที่มันวางลงกับโต๊ะเลยล่ะ
ของฉันเป็นชุดข้าวต้ม 2 สีที่มีข้าวต้มปูกับข้าวต้มไก่ อื้ม~ รสชาติละมุนมากเลย เกลือถูกใช้แค่ประมาณนึง ดีจังที่ชุดอาหารมันมีกุ้งผัดพริกกับผักดองแบบเสฉวนในจานแยกมาให้ด้วยน่ะ
โทริโกะคงจะอยากกินอะไรที่มันมีเนื้อเยอะๆ ล่ะมั้ง เธอก็เลยสั่งชุดข้าวต้มหมูคาคุนิมา ข้าวต้มชามใหญ่ที่มีหมูคาคุนิ, ผักกวางตุ้ง และเม็ดเก๋ากี้ มาพร้อมกับเกี๋ยวน้ำแยกมาอีกชามนึง ส่วนคุณโคซากุระสั่งชุดหยำฉ่าที่มาในเข่งไม้ไผ่ เกี๋ยวซ่าต้มกับขนมจีบข้างในก็มีไอน้ำฟุ้งออกมาเลย
TN: エビチリ (Ebi Chili) คือกุ้งผัดพริกสไตล์ญี่ปุ่น รสชาติออกเปรี้ยวหวาน มีเผ็ดนิดๆ จากซอสพริกหรือพริกสด พริกหยวก มีที่มาจากเสฉวน
飲茶 (Yamcha) คือการจัดอาหารจีนแบบกวางตุ้ง ซึ่งประกอบไปด้วยชาจีนและติ่มซำ (點心) นะครับ
คุณโคซากุระที่เห็นฉันกับโทริโกะกินเอาๆ ก็มองมาที่พวกเราทั้งคู่ด้วยสายตาสงสัย
“นี่ พวกเธอ 2 คนน่ะไม่เป็นไรจริงๆ น่ะเหรอ?”
“อื้อ ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรนะ เนอะ โซราโอะ?”
“ทานอาหารได้อร่อยดีเลย แล้วความอยากอาหารของฉันก็ยังมีตามปกตินะคะ”
ฉันตอบไปแบบนั้น ถึงจะยังงงๆ อยู่ก็เถอะ จากตอนนั้นมันก็ผ่านมา 2 วันแล้วนะ แต่อาหารนี่ก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละ
ที่สำคัญเลย นั่นน่ะมันแปลกๆ อยู่นะ
กลุ่มก้อนคำสาปที่ชั่วร้ายนั่นที่สามารถกัดกินเครื่องในของผู้หญิงและเด็กได้―โคโทริบาโกะ พวกเราแยกส่วนกล่องใบนั้นที่อุรุมะ ซัทสึกิโยนใส่พวกเรามาจากโลกเบื้องหลังยังกับว่าเป็นระเบิดมือเลย แล้วจากนั้น พวกเราก็หาทางจนกลับมาจากโลกเบื้องหลังกันแบบเป็นๆ ได้ แต่โทริโกะกับฉันก็ได้รับบาดเจ็บในอวัยวะภายในกันแบบสาหัสเลย…
หรือไม่ พวกเราก็ควรจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ
แต่ จากที่พวกเราตรวจร่างกายกันหลังจากนั้นเนี่ย พวกเราก็งงกันหมดเลย―เพราะเราไม่เจอผลอะไรที่ผิดปกติเลยน่ะ
ภาพ CT ของอวัยวะภายในไม่มีเงาดำอะไรเลย ไม่มีการอักเสบตรงไหน แล้วก็ไม่มีเลือดออกที่ไหนเลยด้วย ในเลือดของฉันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ตัวอย่างเนื้อเยื่อจากในช่องปากกับผลตรวจปัสสาวะก็เป็นปกติดีเหมือนกัน ความดันเลือด, การมองเห็น, การได้ยิน ทุกอย่างดีหมด พูดอีกอย่างก็ ฉันเป็นภาพลักษณ์ของคนสุขภาพดีเลยล่ะ
ถ้าจะมีอะไรที่มันแย่หน่อย ก็มีเรื่องผลตรวจตับของฉันนี่แหละที่มันสูงเกินอายุ 20 ไปบ้าง กับน้ำหนักที่ขึ้นมาโลนึง (ที่โทริโกะไม่เป็นแบบนี้ด้วย) แต่เอาจริงๆ ทุกอย่างก็ยังอยู่ในช่วงค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ดีนะ
ผลตรวจนี้ถูกจัดการในแผนกรักษาพยาบาลราคาแพงในกลุ่มวิจัย DS ด้วย เพราะงั้นยังไงก็ถูกหมดแน่นอน เพราะมันเป็นการตรวจร่างกายทุกส่วนเลยด้วย ก็เลยต้องใช้เวลาตั้ง 2 วันเต็มแน่ะ
เพราะพวกเราต้องเจอกับโคโทริบาโกะอันเลื่องชื่อ ฉันก็เลยเตรียมใจเจอกับผลสืบเนื่องของมันเอาไว้แล้ว แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ ผลที่ออกมามันก็เลยน่าเหลือเชื่อ จนมันทำให้ฉันกังวลมากกว่าจะทำให้ฉันสบายใจซะอีก
โอเค งั้นความเจ็บปวดที่เหมือนอวัยวะภายในมันถูกจิกมาจากข้างในเนี่ยมันคืออะไรกันล่ะ? ของสีแดงๆ ที่พวกนกสีแดงที่เป็นเหมือนกับคำสาปที่ก่อตัวเป็นรูปร่างพวกนั้นมันบินเข้าไปในตัวเราแล้วคาบออกมานั่นน่ะมันคืออะไรกันแน่…?
อันที่จริง โทริโกะเกือบจะตายอยู่แล้วนะ ต่อหน้าต่อตาฉันเลย ฉันยังตัวสั่นอยู่เลยนะเวลานึกถึงตอนที่เธอไม่หายใจแล้ว แถมชีพจรก็ไม่เต้นแล้วด้วยน่ะ
พวกมันฉีกอะไรซักอย่างไปจากพวกเรา 2 คนจริงๆ สินะ…? เป็นของสำคัญอะไรซักอย่างที่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นในผลการตรวจสุขภาพงั้นเหรอ? ฉันสลัดความกังวลนี่ออกไปไม่ได้เลย
ถึงมันจะทำให้ฉันไม่สบายใจถึงขนาดที่มันยากที่จะดีใจได้เต็มที่ล่ะนะ แต่ถ้าเกิดวิทยาศาสตร์สมัยใหม่บอกว่าพวกเราปลอดภัยดี ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้วล่ะ พวกเราถูกปล่อยตัวออกมาจากศูนย์พยาบาลแล้ว เราก็เลยออกมาจากตึกกลุ่มวิจัย DS ในทาเมอิเกะ-ซันโนะ แล้วมุ่งหน้ากลับอิเคบุคุโระกันเพื่อที่จะฉลองการหายดีของพวกเรา แล้วก็เลี้ยงฉลองหลังจบงานกัน
โดยไม่มีแอลกอฮอล์ล่ะนะ นั่นมันแหงอยู่แล้ว
บางที โทริโกะอาจจะพูดถูกก็ได้นะ นี่มันอาจจะน้อยไปหน่อยก็ได้นะเนี่ย
TN: ตายละ สุขภาพตับไม่ค่อยดี น้องต้องลดดื่มได้แล้วนะ 555
Comments