ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตาบทที่ 631 เมืองไร้ขอบเขต

Now you are reading ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา Chapter บทที่ 631 เมืองไร้ขอบเขต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 631 เมืองไร้ขอบเขต

บทที่ 631 เมืองไร้ขอบเขต

“อะไรนะ? ข่าวปลอม?”

ฮ่วนซิงไป๋แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เขามองลู่หยวนด้วยสายตาหวาดระแวง

ข่าวนี้ฮ่วนซิงไป๋เป็นคนบอกลู่หยวนเอง!

เยว่จู้พยักหน้าเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้น พวกข้าไม่ได้เป็นคนเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป แต่เป็นผู้นำที่ส่งข่าวกลับไปยังแผ่นดินหยวนหง”

แววตาของลู่หยวนเผยความสงสัยออกมาเล็กน้อยและสนใจมากขึ้น “เจ้าลองเล่าเรื่องราวตั้งแต่พวกเจ้าเข้ามาในเกาะสังหารเซียนให้ข้าฟังสิ”

เยว่จู้ไม่กล้าปิดบังอยู่แล้ว จึงเริ่มเล่า “พวกข้าหลายคนมาพร้อมกัน จึงมีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง ตอนแรกอยู่ด้านนอกด้วยกัน เมื่อวรยุทธ์เพิ่มขึ้นก็กลายเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับต้น ๆ เลยจับมือกันเข้ามาในส่วนลึก”

“วันแรกที่พวกข้าเข้ามาก็ถูกฝูงอสูรโจมตีทันที ตอนนั้นในกลุ่มเรามีคนตายไปหนึ่งคน พวกข้าจัดกลุ่มต่อสู้ แต่ก็อยู่ได้แค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้น”

“ทุกคนต่างทยอยล้มลงหมดสติไปทีละคน พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มาอยู่ในเมืองไร้ขอบเขตนี้แล้ว ส่วนผู้นำก็อยู่ข้าง ๆ พวกข้า บอกสถานการณ์ในส่วนลึกให้ฟัง”

“ว่ากันว่าในส่วนลึกนี้มีเทพเจ้าอยู่ สถานที่ที่พวกข้าอยู่ก็คือดินแดนที่เทพเจ้าคุ้มครอง หากยอมอยู่ใต้การปกครองของเทพเจ้า ก็จะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกอสูรโจมตี”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ สายตาของเยว่จู้ก้เผยความรู้สึกซับซ้อนออกมาแล้วถอนหายใจเบา ๆ “พวกข้าเข้ามายังส่วนลึกก็หวังจะก้าวเข้าสู่อมตยุทธ์ การมีที่พักพิงในสถานที่อันตรายเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ไม่คิดว่าที่พักพิงที่เคยคิดไว้ กลับค่อย ๆ กลายเป็นโซ่ตรวน!”

“ยิ่งอยู่ที่นี่นานขึ้น วรยุทธ์ก็ยิ่งเพิ่มพูน พลังก็แข็งแกร่งขึ้น แต่แล้วก็พบว่า เพียงแค่ออกจากเมืองไร้ขอบเขตนี้ไป ทะเลพลังของพวกข้าก็เหมือนถูกอะไรบางอย่างควบคุม กลับไม่สามารถดูดซับพลังวิญญาณรอบตัวได้ มีแต่ต้องใช้พลังวิญญาณที่เก็บสะสมไว้ในเมืองไร้ขอบเขตนี้เท่านั้น”

“เมื่อพบที่มาของปัญหา ก็พอจะรู้ว่าเป็นเพราะเมืองนี้จึงไปสอบถามผู้นำด้วยกัน ซึ่งเขาก็ไม่ปิดบัง ยอมรับตรง ๆ ว่าตอนที่ช่วยพวกข้ากลับมา ได้ทำอะไรบางอย่างกับทะเลพลังของพวกข้าไว้ หากอยากให้พลังวิญญาณที่เก็บไว้ในทะเลพลังมีมากขึ้น ก็ต้องทำภารกิจที่กองกำลังมอบหมายให้”

เซียวเทียนที่นิ่งเงียบมาตลอด พูดขึ้นมาทันใด “เหตุใดพวกเจ้าไม่เลือกจากไปจากที่นี่เล่า ถึงแม้ตัวเองจะไม่มีพลังวิญญาณแล้ว คนที่มากับพวกเจ้า น่าจะไม่ได้มีแค่คนที่เข้ามาในที่นี้ คนข้างนอกอาจมีความสนิทสนมกันบ้างก็น่าจะยอมรับพวกเจ้าได้”

เยว่จู้ยิ้มขมขื่นส่ายหน้า “พวกข้าก็เคยคิด ตอนนั้นจังหวะก็ดีมาก ในกลุ่มของพวกข้ามีคนหนึ่งยังมีน้องชายอยู่ข้างนอก ความสัมพันธ์กับพวกข้าดีมาก แถมยังเป็นผู้นำของกองกำลังหนึ่งด้วย หากพวกข้ากลับไปที่นั่นได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องถูกควบคุมแบบนี้ต่อไป”

“พวกข้านัดกันหนีออกไป แต่คืนก่อนวันนัด ผู้นำก็ถือศีรษะของคนผู้นั้นกับศพของน้องชายที่อยู่ข้างนอก บอกว่านี่คือสิ่งที่เทพเจ้าสั่งให้พวกเขาทำ แล้วก็บอกพวกข้าว่า ตั้งแต่เข้ามาในที่นี่ พวกข้ามีทางเลือกแค่สองทาง คือทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อการอยู่รอดของกองกำลังหรือไม่ก็ตาย!”

เส้นเลือดในดวงตาของเยว่จู้ค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น “ตอนแรกกลุ่มของพวกเขามีเกือบสิบคน แต่ตอนนี้เหลือแค่สี่คนที่ท่านเห็น ส่วนคนอื่น ๆ ที่เคยคิดจะหนีไป ต่างก็ถูกผู้นำประหารชีวิตไปหมดแล้ว เทพเจ้ามีอยู่จริง ท่านสามารถมอบพลังอันไร้ขีดจำกัดให้มนุษย์ได้ ข้าเห็นกับตาตัวเองว่าผู้นำจากครึ่งก้าวสู่ปรมาจารย์ยุทธ์ ก้าวเข้าสู่อมตยุทธ์ได้ภายในคืนเดียว!”

“การก้าวกระโดดที่เหนือธรรมชาติเช่นนี้ หากไม่ใช่เทพเจ้าช่วยเหลือ จะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร? หากข้าอยู่คนเดียว อาจไม่ค่อยกลัวความตายสักเท่าไร แต่ตอนนี้ ข้ามีสิ่งผูกพันจริง ๆ”

สิ่งผูกพันที่เยว่จู้หมายถึง ก็คือภรรยาที่อยู่ข้างนอก กับลูกที่ยังไม่เกิดนั่นเอง

ตอนแรกที่ฮ่วนซิงไป๋ฟังอยู่ก็รู้สึกหนักอึ้งอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเรื่องการเลื่อนขั้นวรยุทธ์ เขาก็เฉยชาขึ้นมาทันที

เฮอะ! เจ้าเกิดเร็วไป ถ้าเจ้าเกิดช้าลงมาอีกนิด มาเป็นรุ่นเดียวกับพวกข้า เจ้าก็จะได้เห็นคนตรงหน้านี้ ก้าวเข้าสู่กึ่งเทพยุทธ์ได้อย่างไรเล่า

ก้าวผ่านขั้นยุทธ์มันเรื่องจริงรึ?

ฮ่วนซิงไป๋กลอกตา

คนความรู้น้อย ไม่เคยเห็นโลกกว้าง [1]

หลังจากตามลู่หยวนมา ฮ่วนซิงไป๋รู้สึกลึก ๆ ว่า ต่อให้วันหนึ่งลู่หยวนจะโค่นวิถีสวรรค์ลงมา เขาก็คิดว่ามันไม่แปลกเลย

ลู่หยวนฟังเยว่จู้พูดจบก็กล่าวว่า “อย่างนี้นี่เอง เจ้าก็ไม่เคยเห็นเทพเจ้าสักครั้งเดียวงั้นสิ?”

เยว่จู้พยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า “ถือว่าเคยเห็น แต่ก็ถือว่าไม่เคยเห็น เคยเห็นไกล ๆ ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเป็นช่วงที่มนุษย์ในเมืองไร้ขอบเขตก่อการกบฏ เห็นเพียงร่างเงาบดบังท้องฟ้าเกือบครึ่ง เพียงยื่นนิ้วลงมานิ้วเดียว ผู้คนที่ก่อการกบฏทั้งหมดก็ตายในชั่วลมหายใจ แม้แต่การดิ้นรนเล็กน้อยก็ไม่มี ก็มีแค่ครั้งนั้น ถ้าพูดถึงตัวจริงก็ยังไม่เคยเห็นจริง ๆ”

ลู่หยวนพยักหน้าเล็กน้อย “อย่างนี้นี่เอง ที่เจ้ามาอยู่ใต้การปกครองของข้าก็เพราะคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย ทรยศต่อเทพเจ้า วางชีวิตทั้งหมดไว้กับข้า เพื่อแลกกับการที่ภรรยาและลูกของเจ้าจะได้ออกไปจากที่นี้”

เยว่จู้มองตรงไปยังลู่หยวนโดยไม่หลบเลี่ยง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าพร้อมที่จะตายเพื่อท่าน ข้าเพียงแค่หวังว่าจะแลกกับชีวิตของภรรยาและลูก ๆ ของข้า ให้พวกเขาได้ออกไปจากที่แห่งนี้ ในโลกนี้ไม่มีเด็กคนไหนที่จะมีชีวิตรอดและเติบโตได้เลย ถึงแม้ว่าลูกของข้าจะเกิดมาได้ พอถึงอายุสิบขวบก็จะถูกบูชายัญให้เทพเจ้า ในฐานะพ่อคนหนึ่ง ข้าไม่อยากให้ลูกของข้ามีชะตากรรมเช่นนี้เลย!”

เยว่จู้ได้มอบทุกอย่างให้กับลู่หยวน หากสิ่งเหล่านี้ที่เขาพูดไม่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่ตัวเขาเอง แม้แต่ลูกและภรรยาของเขาก็จะต้องตาย!

แต่ถ้าเขาเชื่อฟังและทำตามคำสั่งก็เป็นเพียงการยืดชีวิตของครอบครัวเขาออกไปอีกสักพักเท่านั้น

อย่างไรเสีย ถ้าต้องตายไม่ช้าก็เร็ว เหตุใดจะไม่เลือกทางที่มีโอกาสรอดชีวิตบ้างเล่า!

“หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ต้องการรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทพเจ้า ข้าสามารถไปสืบหาให้ท่านได้”

เยว่จู้กล่าวเบา ๆ ด้วยท่าทีเอาใจ

ลู่หยวนส่ายหน้า “ไม่จำเป็น เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าไปก่อนก็พอ แต่ข้ายังอยากถามเจ้าอีกคำหนึ่ง สัตว์ประหลาดที่เจ้าพูดถึงเมื่อครู่นั้น พวกมันอาศัยอยู่ที่ใดหรือ? ถ้าข้าอยากจะหาพวกมัน ข้าควรทำอย่างไร?”

เยว่จู้กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “เรื่องนี้ไม่ยาก ดินแดนแห่งนี้ มีสามวันกลางวัน สี่วันกลางคืน ในช่วงสามวันกลางวัน จะเหมือนกับที่ท่านเห็นในวันนี้ เป็นเมืองร้าง แต่เมื่อถึงช่วงสี่วันกลางคืน เมืองไร้ขอบเขตนี้จะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด!”

“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ พรุ่งนี้จะเป็นช่วงกลางคืนแล้ว!”

[1] สำนวนจีน หมายถึง คนที่ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้ในเรื่องต่าง ๆ เมื่อเจอสิ่งที่ไม่คุ้นเคยก็มักจะแปลกใจหรือประหลาดใจมากกว่าปกติ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด