ชายาเคียงหทัย 346 คุณชายสวีอู่ผู้มีวาจาเป็นเลิศ (3)

Now you are reading ชายาเคียงหทัย Chapter 346 คุณชายสวีอู่ผู้มีวาจาเป็นเลิศ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นาง​ต้องการ​จะช่วยเหลือ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แท้ๆ​ นาง​กับ​เขา​ซางหมาง​สามารถ​ยัง​ประโยชน์​มาให้​แก่​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​ได้มา​เท่าใด​ นาง​ไม่เชื่อ​ว่า​ติ้ง​อ๋อง​และ​สวี​ชิงเฉิน​จะไม่รู้​ แต่​เป็นที่​พวกเขา​ไม่สนใจ​นาง​เสีย​มากกว่า​ ชั่ว​ขณะนั้น​ ตง​ฟางโย​ว​ทั้ง​แค้น​ที่​ติ้ง​อ๋อง​มีตา​หา​มีแวว​ไม่ ทั้ง​ยัง​แค้น​ที่​ตระกูล​สวี​ปฏิเสธ​นาง​โดย​มองข้าม​ความหวังดี​ของ​นาง​ไป​ หาก​เปลี่ยนเป็น​คนอื่น​ก็​คง​แทบจะ​ปีน​ขึ้น​เขา​ซางหมาง​มาเจริญ​สัมพันธไมตรี​ด้วย​แล้ว​ คน​ของ​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​กลับ​เย่อหยิ่ง​และ​ไร้​มารยาท​! แต่ทว่า​ ต่อให้​เป็น​เช่นนี้​ ปณิธาน​กับ​ความตั้งใจ​ของ​นาง​ก็​ไม่มีวัน​แปรเปลี่ยน​ ก่อน​จะลง​เขา​มานาง​ได้​สาบาน​กับ​อาจารย์​ไว้​แล้ว​ว่า​จะต้อง​ทำให้​สำเร็จ​ยิ่งกว่า​บรรพบุรุษ​รุ่น​ก่อน​ๆ ที่​เคย​ทำ​เอาไว้​ให้ได้​ นาง​จะช่วย​สร้าง​จักรพรรดิ​ที่​สามารถ​ปกครอง​ทั่ว​ทั้ง​ใต้​หล้า​ออกมา​ให้จงได้​ ให้​ทั่ว​ทั้ง​ใต้​หล้า​ได้​รับรู้​ถึงชื่อเสียง​อัน​โด่งดัง​ของ​เขา​ซางหมาง​

“แม่นาง​ตง​ฟางหรือ​นั่น​” ตง​ฟางโย​ว​เดิน​ออกจาก​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​มาด้วย​สีหน้า​เหม่อลอย​ เสียง​บุรุษ​ผู้​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ด้านหลัง​ นาง​หันไป​มอง​ก็​เห็น​ม่อ​จิ่งหลี​ที่​ยืน​มอง​ตน​อยู่​ไม่ไกล​ ทันใดนั้น​นาง​ก็​เก็บงำ​ความ​โศกเศร้า​แค้นเคือง​กลับ​ลง​ไป​แล้ว​เงยหน้า​มอง​ม่อ​จิ่งหลี​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​

ไม่กล่าว​ไม่ได้​ว่า​วิชา​ลับ​นั่น​ของ​ตง​ฟางโย​ว​ฝึกฝน​มาดี​ไม่น้อย​ เพียงแค่​ชั่ว​ขณะที่​เงยหน้า​นั้น​ ก็​ราวกับ​เปลี่ยนไป​เป็น​คนละ​คน​ ใบหน้า​งดงาม​เรียบ​เฉย​ไร้​รอยยิ้ม​แต่ง​แต้ม​ แต่กลับ​มีแรงดึงดูด​ทำให้​คน​มอง​ไม่อาจ​ละสายตา​ไป​ไหน​ได้​ ประดุจ​เทพ​เซียน​ที่​ร่าง​ทั้ง​ร่าง​อาบ​ไล้​ด้วย​แสงตะวัน​อ่อน​ๆ อัน​ลึกลับ​ ให้​สีสัน​งดงาม​ตา ครู่​ต่อมา​ ม่อ​จิ่งหลี​ก็​รู้สึก​ว่า​ใจกระตุก​ไป​หนึ่ง​จังหวะ​

“หลี​อ๋อง​ มีธุระ​อัน​ใด​หรือ​”

ม่อ​จิ่งหลี​สงวนท่าที​ เดิน​ไปหา​นาง​อย่าง​เชื่องช้า​ ก้มหน้า​มอง​นาง​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “แม่นาง​ตง​ฟางกำลัง​อารมณ์ไม่ดี​หรือ​”

ตง​ฟางโย​ว​ไม่ใช่คนโง่​ เหตุใด​นาง​จะมอง​ไม่อ​อกว่า​ม่อ​จิ่งหลี​อยาก​จะตีสนิท​กับ​ตน​ แต่​นาง​รู้ตัว​เร็ว​ การทำดี​เพื่อ​หวังผล​ของ​หลี​อ๋อง​กลับ​มิได้​ทำให้​นาง​ดีใจ​เลย​แม้แต่น้อย​ กลับกัน​ยิ่ง​ทำให้​นึกถึง​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​และ​ตระกูล​สวี​ที่​ปฏิเสธ​นาง​อย่าง​ไร้​ปรานี​มาก​ขึ้นไป​อีก​ จึงรู้สึก​หมดสนุก​ลง​ไป​ใน​พริบตา​ นาง​มอง​ม่อ​จิ่งหลี​ครา​หนึ่ง​แล้ว​หลุบ​ตา​ลง​

ขอ​เพียง​ไม่สบตา​และ​มองหน้า​ตง​ฟางโย​ว​ ความรู้สึก​ของ​ม่อ​จิ่งหลี​ก็​จะยังคง​เป็น​ดังเดิม​ จึงย่อม​สัมผัส​ได้​ถึงความ​เย็นชา​ที่​ตง​ฟางโย​ว​มีต่อ​ตน​

“แม่นาง​ตง​ฟางไป​ที่​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​อีกแล้ว​หรือ​” ม่อ​จิ่งหลี​กลับ​ไม่สนใจ​ เขา​เดิน​ไป​ข้าง​กาย​นาง​อย่าง​ไม่สะทกสะท้าน​พลาง​เอ่ย​ถาม

ตง​ฟางโย​ว​หยุด​ฝีเท้า​ลง​ มอง​ม่อ​จิ่งหลี​ด้วย​สีหน้า​เคร่งขรึม​พลาง​เอ่ย​ถามว่า​ “หลี​อ๋อง​กำลัง​ดูถูก​ข้า​อยู่​หรือ​” ม่อ​จิ่งหลี​ส่ายหน้า​เอ่ย​ว่า​ “จะทำ​เช่นนั้น​ได้​อย่างไร​ เพียงแต่​ข้า​มีคำเตือน​อยาก​จะบอก​แม่นาง​เอาไว้​ แม่นาง​จะได้​ไม่ถูก​ปฏิเสธ​อีก​ก็​เท่านั้น​”

ตง​ฟางโย​ว​นิ่งอึ้ง​ “ลอง​ว่า​มา”

ม่อ​จิ่งหลี​เอ่ย​ว่า​ “ความรู้สึก​ที่​ม่อ​ซิว​เหยา​มีให้​เยี่ย​หลี​นั้น​ลึกซึ้ง​เพียงใด​ทุกคน​ต่าง​รู้ดี​ ม่อ​ซิว​เหยา​ไม่มีวัน​ทำ​ใน​ทุกๆ​ ความเป็นไปได้​ที่จะ​ทำให้​พระชายา​ติ้ง​อ๋อง​ไม่ชอบใจ​” ตง​ฟางโย​ว​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “เรื่อง​นี้​ข้า​ทราบ​ดี​ ดังนั้น​ข้า​จึงไม่คิด​จะเข้าไป​แทรก​กลาง​ระหว่าง​ติ้ง​อ๋อง​กับ​พระชายา​” ม่อ​จิ่งหลี​เอ่ย​ต่อว่า​ “ข้า​รู้​ว่า​แม่นาง​คิด​ว่า​สวี​ชิงเฉิน​ก็​ไม่เลว​ แต่​…คน​ตระกูล​สวี​ โดยเฉพาะ​สวี​ชิงเฉิน​ที่​ดูเหมือน​จะสุภาพอ่อนโยน​ แต่​ภายในใจ​นั้น​เกรง​ว่า​จะหยิ่ง​ทระนง​เสีย​ยิ่งกว่า​ม่อ​ซิว​เหยา​เสีย​อีก​ เขา​เป็น​คน​ที่​ไม่ยอมรับ​การ​แต่งงาน​ที่​ไร้​ซึ่งความรัก​ ดังนั้น​หลาย​ปี​เพียงนี้​ ถึงแม้สวี​ชิงเฉิน​จะอายุ​เลย​สามสิบ​ปี​ไป​แล้วแต่​ก็​ยังคง​ไม่แต่งงาน​ แม้แต่​ท่าน​ชิงอ​วิ๋น​หรือ​ท่าน​หงอ​วี่​ก็​ยัง​ไม่อ​าจบีบบังคับ​เขา​ได้​ แม่นาง​ไป​ตอแย​เขา​เช่นนี้​ เกรง​ว่า​จะทำให้​เรื่อง​ยิ่ง​แย่​ไป​มากกว่า​เดิม​”

ตง​ฟางโย​ว​ใจกระตุก​ ท่าทาง​เหมือน​กำลัง​คิด​อัน​ใด​อยู่​ “เป็น​เยี่ยง​นี้​เอง​หรือ​ เช่นนั้น​ถ้าหากว่า​…” หากว่า​ทำให้​สวี​ชิงเฉิน​หลงรัก​นาง​ได้​เล่า​

ม่อ​จิ่งหลี​เห็น​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​เข้าใจ​ความหมาย​ใน​ประโยค​นั้น​ของ​นาง​ทันที​ เขา​ยิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “แล้วก็​ ยังมี​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ การ​อบรมสั่งสอน​ภายใน​ตระกูล​สวี​เข้มงวด​มาก​ แม้ว่า​ตระกูล​สวี​จะรักใคร่​เอ็นดู​พระชายา​ติ้ง​อ๋อง​มาก​ มิได้​กวดขัน​ควบคุม​อัน​ใด​นาง​ แต่​ความจริง​ก็เพราะว่า​พระชายา​ติ้ง​อ๋อง​เดิม​แซ่เยี่ย​ ออกเรือน​โดย​ใช้แซ่เยี่ย​มิใช่แซ่สวี​ สตรี​ตระกูล​สวี​ไม่ว่า​จะมีความสามารถ​โดดเด่น​เพียงใด​ สุดท้าย​ก็​ต้อง​อยู่​แต่​บ้าน​เลี้ยงลูก​ดูแล​สามีอยู่ดี​ สวี​ฮูหยิน​ใหญ่​ ฮูหยิน​รอง​หรือ​กระทั่ง​ฮูหยิน​เล็ก​ใน​วันนี้​มีคนใด​บ้าง​ที่​มิใช่สตรี​ที่​มีความสามารถ​โด่งดัง​เมื่อ​ใน​อดีต​ แต่​ยาม​นี้​กลับ​เงียบหาย​ไร้​ชื่อเสียง​ใดๆ​ ดังนั้น​ หาก​แม่นาง​คิด​จะแต่ง​เข้า​ตรกลส​วี​จริง​ เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ไตร่ตรอง​อย่าง​รอบคอบ​จึงจะดี​”

ตง​ฟางโย​ว​มอง​เขา​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​รู้​ว่า​เจ้ากำลัง​คิด​อัน​ใด​อยู่​ แต่​ข้า​เลือก​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​แล้ว​ ต่อให้​เจ้าคิด​ให้​มากมาย​กว่า​นี้​ก็​เปล่าประโยชน์​”

รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​ม่อ​จิ่งหลี​พลัน​แข็งทื่อ​ เขา​ฝืนยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “แม่นาง​ล้อเล่น​แล้ว​ ข้า​เพียงแค่​หวังดี​มาตักเตือน​แม่นาง​ก็​เท่านั้น​”

ตง​ฟางโย​ว​ส่งเสียง​เฮอะ​ออกมา​เบา​ๆ เดิน​ไป​ยัง​ที่พัก​ชั่วคราว​ของ​ตน​โดย​ไม่สนใจ​ม่อ​จิ่งหลี​อีก​

ม่อ​จิ่งหลี​ที่อยู่​ด้านหลัง​มอง​แผ่น​หลัง​ที่​เดิน​จากไป​ของ​นาง​ด้วย​แววตา​ที่​เป็นประกาย​แห่ง​ความมุ่งมั่น​ที่จะ​เอ​ชนะ​ให้ได้​

ตง​ฟางโย​ว​ไม่ได้​ตาม​เจิ้น​หนาน​อ๋อง​ไป​พัก​ใน​หอพัก​ม้า เจิ้น​หนาน​อ๋อง​พูด​ไว้​ไม่มีผิด​ อำนาจ​ของ​เขา​ซางหมาง​กระจาย​อยู่​ทั่วหล้า​ แม้ว่า​ใน​เมือง​หลี​จะมีฐาน​ที่มั่น​ของ​พวกเขา​ซางหมาง​อยู่​ แต่​ที่​ที่​ตง​ฟางโย​ว​ใช้พัก​ใน​เมือง​หลี​แห่ง​นี้​กลับเป็น​คฤหาสน์​ว่างเปล่า​หลัง​ใหญ่​ ปี​นั้น​ใน​ตอนที่​ทหาร​ตระกูล​ม่อ​มาถึงเมือง​หลี​เฉิง ทั้ง​ขุนนาง​ทั้ง​พ่อค้า​ที่​ร่ำรวย​มากมาย​ต่าง​หลบหนี​เข้า​ด่าน​ไป​ บ้านเรือน​มากมาย​ภายใน​เมือง​จึงว่างเปล่า​ คฤหาสน์​หลัง​นี้​ก็​ถูก​คนซื้อ​ไว้​ตั้งแต่​ตอนนั้น​ เพียงแต่​ไม่มีใคร​มาพัก​เลย​ พอ​รู้​ว่า​ตง​ฟางโย​ว​มา คนรับใช้​จึงเข้ามา​ต้อนรับ​

ตง​ฟางโย​ว​โบกมือ​ไล่​คนรับใช้​ที่​เข้ามา​ต้อนรับ​ นาง​เดิน​ไป​ยัง​ห้อง​ของ​ตัวเอง​ พอ​ปิดประตู​หันหลัง​มาก็​เห็น​เงาร่าง​หนึ่ง​นั่ง​อยู่​ข้าง​เตียง​ตัวเอง​ แสงภายใน​ห้องมืด​สลัว​ อีก​ทั้ง​ยังมี​ผ้า​ผืน​บาง​ๆ กั้น​ไว้​อีก​ชั้นหนึ่ง​ทำให้​นาง​เห็น​ไม่ชัด​ว่า​ผู้มาเยือน​เป็น​ใคร​ นาง​พลิก​ฝ่ามือขึ้น​ มีดสั้น​สอง​เล่ม​ก็​เข้ามา​อยู่​ใน​มือ​ ตง​ฟางโย​ว​ชี้ไป​ยัง​คน​ผู้​นั้น​แล้ว​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ว่า​ “ใคร​” ไม่รอ​ให้​ผู้มาใหม่​ได้​ตอบ​ นาง​พุ่ง​เข้า​ไปหา​ทันที​ มีดสั้น​ใน​มือ​กลายเป็น​สายรุ้ง​สีเงิน​สอง​สาย​ฟาดฟัน​ผ้า​กั้น​ผืน​บาง​ให้​ขาดสะบั้น​

“โย​วเอ๋อร์”​ เสียง​สตรี​ที่​ทุ่ม​ต่ำ​เจือ​ความ​แหบ​พร่า​ดัง​ขึ้น​ภายใน​ห้อง​ ตง​ฟางโย​ว​แอบ​ตกใจ​อยู่​เงียบๆ​ นาง​รีบ​หยุด​การ​โจมตี​ ทิ้งตัว​ลง​กับ​พื้น​ เห็น​เงานั้น​เดิน​ออก​มาจาก​ด้านใน​ก็​รีบ​คุกเข่า​ลง​คำนับ​ “ท่าน​อาจารย์​”

ผู้มาเยือน​คือ​สตรี​วัยกลางคน​ที่​ลักษณะ​ท่าทาง​น่าจะ​อายุ​สัก​สี่สิบ​ห้าสิบ​ปี​ ใบหน้า​โดดเด่น​สง่างามกว่า​ตง​ฟางโย​ว​ไม่น้อย​ เสน่ห์​ของ​วัย​ที่​งดงาม​ที่สุด​นั้น​ยัง​คงอยู่​ นาง​มอง​ตง​ฟางโย​ว​ด้วย​สีหน้า​เรียบ​เฉย​ ก่อน​พยักหน้า​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าใจกล้า​บ้าบิ่น​ไม่น้อย​”

ตง​ฟางโย​ว​อึ้ง​ไป​ เอ่ย​อย่าง​ลนลาน​ว่า​ “ท่าน​อาจารย์​…โย​วเอ๋อร์​ทำ​อัน​ใด​ผิด​หรือ​”

สตรี​นาง​นั้น​จ้อง​ตง​ฟางโย​วอ​ยู่​ครู่ใหญ่​ ยก​มือขึ้น​สูงก่อน​ตบ​ลง​บน​หน้า​นาง​อย่าง​แรง​ ใบหน้า​ขาวผ่อง​ดุจ​หยก​ของ​ตง​ฟางโย​ว​พลัน​แดงเถือก​ แต่​พอได้​สบตา​อัน​เรียบ​เฉย​เยือกเย็น​ของ​สตรี​นาง​นั้น​กลับ​ไม่กล้า​เอ่ย​คำ​ใด​ออกมา​ ได้ยิน​เพียง​สตรี​นาง​นั้น​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าแอบ​ฟังข้า​กับ​ผู้อาวุโส​พูดคุย​กัน​ได้​เพียง​สอง​สามคำ​ก็​กล้า​แอบ​ลง​เขา​มาแล้ว​หรือ​ แค่​ลง​เขา​มายัง​พอทำเนา​ ด้วย​วร​ยุทธ​ของ​เจ้า จะออก​ไป​เดิน​เพ่นพ่าน​ข้างนอก​ก็​ไม่มีใคร​มารังแก​เจ้าได้​ แต่​นึกไม่ถึง​ว่า​เจ้าจะกล้า​ไปหา​ติ้ง​อ๋อง​! ใคร​ให้​เจ้าบังอาจ​ถึงเพียงนี้​ หลาย​ปี​มานี้​เขา​ซางหมาง​ไม่เคย​เลือก​ตำหนัก​ติ้ง​อ๋อง​เลย​สักครั้ง​ เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​เพราะเหตุใด​”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด