เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด 14.1 อนาคตของเรา

Now you are reading เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด Chapter 14.1 อนาคตของเรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…. อายานะ?”

 

เมื่อฉันสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา ฉันพบว่าตัวเองกำลังเรียกชื่ออายานะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม แต่รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังเรียกขอความช่วยเหลือ เหมือนกับว่าเธอพูดว่า “ช่วยฉันด้วย” แต่คนที่มารับหน้าฉันตอนตื่นขึ้นมาไม่ใช่อายานะ แต่เป็นอาจารย์

 

“อะระ ฉันโอโตนาชิซังเองค่ะ ผิดหวังหรือเปล่าเอ่ย?”

 

“เอ่อ…ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือ…..”

 

“ฟุฟุ ฉันแค่ล้อเล่นนะ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว หน้าของเธอดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้อีกนะคะ”

 

“ผมอาจจะเป็นแค่เหนื่อยมากก็ได้ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกสบายดีแล้วครับ”

 

ฉันยืดตัวโชว์กล้ามเล็กน้อย และอาจารย์ก็หัวเราะออกมา แต่เมื่อฉันเช็คเวลา ฉันก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วตั้งแต่ตอนที่ฉันมาที่ห้องพยาบาล และตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว

 

“ผมนอนไปค่อนข้างจะเยอะเลยนะครับ”

 

“ทุกครั้งที่ฉันเหลือบมองเธอ ใบหน้าตอนหลับของเธอก็ดูน่ารักดีนะ ฉันรู้สึกว่ามันช่วยปลอบโยนใจฉันได้มากเลยละ ออแล้วก็อย่าลืมไปขอบคุณโอโตนาชิซังด้วยละ ไปแสดงให้เธอเห็นว่าโทวะคุงสุดที่รักของเธอสบายดี เธอมาที่นี่ทุกครั้งตอนพักเลยนะ”

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

อายานะ…เธอต้องกังวลใจอยู่แน่ๆ และฉันก็ดูเหมือนจะทำให้เธอเป็นห่วงมากสะด้วย หลังจากขอบคุณอาจารย์อีกครั้ง ฉันก็กำลังจะออกจากห้องพยาบาล

 

แต่ทันทีที่ฉันเอื้อมมือไปจับประตู ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างเสียงดัง

 

“อ่า…”

 

“อ่า…”

 

พวกเราต่างอุทานออกมาพร้อมกันและจ้องมองกันอยู่สักพักหนึ่ง

 

คนที่เปิดประตูมาคืออายานะ แม้ว่าจะเป็นเวลาพักเที่ยงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมาตรวจสอบอาการของฉันก่อนไปทานข้าว

 

“โทวะคุง!”

“อะ โอ้!”

 

จู่ๆ เธอก็เข้ามากอดฉันแน่น ฉันรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มของอาจารย์ที่อยู่ข้างหลัง แต่เมื่อฉันวางมือไว้บนไหล่ของอายานะ ตอนนั้นเองที่ฉันสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

 

“อายานะ…มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”

 

เมื่อฉันถามออกไปแบบนั้น อายานะก็เบิกตากว้างแล้วตอบกลับมาว่า

 

จากปฏิกิริยานั้น ชัดเจนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น และฉันก็พอจะเดาได้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อไป เธอน่าจะพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก”

 

“ฟุฟุ ไม่มีอะไรหรอกจ้า  จริงด้วย? ฉันอาจแค่เป็นห่วงโทวะคุงมากเกินไปเท่านั้นเอง♪”

 

คำตอบของเธอเป็นไปตามที่ฉันคาดไว้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจ แม้แต่รอยยิ้มของเธอก็ดูเหมือนจะเป็นการปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของเธอด้วย

 

(…นี่คือสิ่งที่โทวะกำลังพูดถึงเหรอ ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของอายานะ…?)

 

เอาเถอะ ไม่ว่ายังไง ฉันก็ต้องคุยเรื่องนี้กับอายานะอย่างจริงจังอยู่ดี

ฉันจำทุกอย่างจากในความฝันได้ รวมถึงสิ่งที่ฉันคุยกับโทวะด้วย มันอาจจะเป็นแค่ฝันหรือจินตนาการของฉัน แต่ตอนนี้มันดูไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เพราะฉันรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน

 

“พวกเธอสองคนจะมุ้งมิ้งกันต่อก็ได้นะ แต่ต้องกินข้าวเที่ยงกันด้วยล่ะ เข้าใจไหม”

 

“ค่ะ”                                        

 

“ฮาฮา…ขอโทษทีนะครับ”

 

เราแยกตัวออกจากการกอดกันแล้วออกจากห้องพยาบาล เมื่อเราออกมาในทางเดินโรงเรียน การกระทำของอายานะดูไม่รุนแรงเท่าเมื่อกี้ แต่สายตาของเราสบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น เราทั้งคู่ก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

 

ใช่แล้ว…ฉันต้องการที่จะปกป้องรอยยิ้มนี้

 

ไม่ใช่รอยยิ้มที่ฝืนยิ้ม ไม่ใช่รอยยิ้มที่ปกปิดบางอย่างไว้ภายใต้หน้ากากนั้น แต่เป็นรอยยิ้มที่แท้จริงที่ฉันจะปกป้องมันตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อที่จะทำแบบนั้น ฉันต้องคุยกับอายานะ

 

“เฮ้ อายานะ ฉันขอเวลาเธอหลังเลิกเรียนหน่อยได้ไหม?”

 

“ได้สิ โทวะคุง ถ้าเป็นโทวะคุงฉันมีเวลาให้เสมอแหละจ้า♪”

“ฮ่าๆ ขอบใจนะ อายานะ”

 

ฉันนัดกับอายานะหลังเลิกเรียนแล้วกลับไปที่ห้องเรียน เมื่อกลับมาถึงห้องเรียน เพื่อนร่วมชั้นหลายคนก็เข้ามาถามถึงอาการของฉัน ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำให้พวกเขาเป็นห่วง แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขที่มีคนมากมายเป็นห่วงฉันเช่นกัน

 

ไอซากะเดินเข้ามาเช่นกัน และชูก็ทักทายฉันด้วย แต่ฉันอดสังเกตไม่ได้ว่าอายานะมองชูด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป

 

“โอ้ ยูกิชิโระคุง กลับมาแล้วเหรอ ฉันได้ยินมาว่าเธอไม่สบาย ฉันเป็นห่วงนะรู้ไหม”

 

“ขอบใจครับ แต่ตอนนี้ผมสบายดีแล้วละ!”        

 

“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว วันนี้เธอไม่ต้องฝืนตัวเองนะ แค่ผ่อนคลายแล้วตั้งใจเรียนก็พอ”

 

อุ๊ย นั่นเหมือนกับบอกให้ฉันไปนอนเลยนะ ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นนะ? 

 

การโต้ตอบกับอาจารย์ทำให้เพื่อนร่วมชั้นรู้สึกสนุกสนาน และบรรยากาศในห้องเรียนก็กลับมาเป็นปกติ

 

(…เมื่อฉันสามารถโฟกัสกับความคิดของตัวเองได้แบบนี้ ฉันก็สามารถคิดเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น และดูเหมือนว่าฉันจะผสานเข้ากับจิตวิญญาณของโทวะมากขึ้นกว่าเดิมแล้วด้วย)

 

ฉันไม่เคยรู้สึกอึดอัดกับการใช้ชีวิตเป็นโทวะมาก่อน แต่ตอนนี้ เหมือนที่โทวะบอกฉันในฝัน ดูเหมือนว่าฉันจะแทบจะผสานเข้ากับโลกนี้ในฐานะโทวะเกือบจะสมบูรณ์แล้ว

 

บางทีการพบกับโทวะในฝันอาจจะเป็นแรงผลักดันสุดท้ายที่ฉันต้องการ ฉันเคยกังวลว่าจะกลับไปเป็นตัวฉันเองเมื่อตื่น แต่ตอนนี้มันเป็นแค่ความกังวลที่ไม่จำเป็น 

 

เพื่อก้าวไปข้างหน้า และทำให้ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของฉันกับอายานะชัดเจนขึ้น ฉันจำเป็นต้องคุยกับเธอ

 

อย่างน้อย ฉันก็หวังว่าโทวะจะได้ยินความตั้งใจของฉัน แม้เสียงของฉันอาจจะส่งไปไม่ถึงเขา แต่ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในอกของฉัน และฉันก็ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเลิกเรียน ขณะที่ฉันกำลังเก็บของ อิโอริก็ปรากฏตัวขึ้นและพาชูไป จากนั้นไม่นาน อายานะก็เดินมาหาฉันพร้อมกับกระเป๋าในมือของเธอ

 

“อายะนะ มาที่สวนสาธารณะตอนสี่โมงครึ่งได้ไหม”

 

“สวนสาธารณะเหรอ…เข้าใจแล้วจ้ะ แต่ดูแล้วมันคงไม่ใช่เดทสินะ”

“ฮ่าๆ ขอโทษที ถ้าเธอคงหวังเรื่องนั้นอยู่สินะ”

 

“ฮ่าๆ เปล่าเลย ฉันจะไปตามเวลานัดนะ”

 

“อืม แล้วเจอกันนะ”

 

ฉันโบกมือลาอายานะที่เดินออกจากห้องเรียนไป และฉันก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้ฉันนัดเวลากับอายานะไปแล้ว ไม่มีทางหันหลังกลับได้อีกแล้ว แต่ฉันไม่ได้คิดจะหนีตั้งแต่แรงแล้วละ และความตั้งใจที่จะคุยกับอายานะก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

 

หลังจากแวะเข้าห้องน้ำ ฉันก็กลับไปบ้านโดยทันที ฉันวางกระเป๋าไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เดินไปที่ตู้เย็น และหยิบน้ำผลไม้มาขวดหนึ่ง

 

“…อื้อออ”

 

เมื่อลำคอของฉันดับความกระหายเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของฉันก็รู้สึกสดชื่นขึ้น ฉันเช็คดูนาฬิกาและยืนยันว่ายังมีเวลาอยู่เหลือเฟือ จากนั้นฉันก็มุ่งหน้าไปที่ห้องเก็บของ

 

“เฮ้อ…ฉันคิดว่ามันจะสกปรกและมีฝุ่นเต็มไปหมดซะอีก แต่กลับสะอาดเอี่ยมเลย แม่คงจะทำความสะอาดเป็นประจำสินะ”

 

ฉันคิดว่ามันจะมีฝุ่นและพวกของสกปรกอยู่บ้าง เพราะไม่ใช่ห้องที่ใช้บ่อย แต่กลับสะอาดกว่าที่คิด

 

ฉันไม่ควรจะรู้เรื่องห้องเก็บของหรือสิ่งที่เก็บอยู่ข้างใน แต่เพราะความทรงจำของฉันกับโทวะเริ่มจะรวมกันแล้ว ฉันจึงเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้

 

“อ่า เจอแล้ว”

 

สิ่งที่ฉันกำลังมองหาตอนนี้คือลูกฟุตบอล

 

“เฮ้ เพื่อนรัก ฉันทิ้งนายไว้คนเดียวนานเลยนะเนี่ย”

 

อย่างที่เคยบอกโทวะในฝัน ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องฟุตบอลเลย แต่การถือลูกบอลไว้ในมือแบบนี้ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเพื่อนที่อยู่กับฉันมาหลายปี

 

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”

 

ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า ในที่สุดฉันก็เดินออกจากบ้าน

 

เดินไปพร้อมกับลูกฟุตบอลข้างกาย ฉันรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดในช่วงเวลานี้ ไม่มีทีท่าว่าจะประหม่าเลย

อย่างไรก็ตาม การบอกว่าไม่มีความประหม่าเลยอาจจะฟังดูเกินจริงไปสักหน่อย แต่ยังไงก็ตาม ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้—ลบล้างความกังวลใจของอายานะ สิ้นสุดความสัมพันธ์ครึ่งๆ กลางๆ ของเรา และก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน เป็นก้าวแรกเพื่อตัวเราทั้งคู่

 

ตอนนี้ฉันกำลังมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะ

 

 

สักพักหนึ่ง ฉันก็มาถึงสวนสาธารณะ แต่ดูเหมือนฉันจะมาเร็วไปหน่อยแฮะ ตอนนี้ยังไม่ถึงห้าโมงเลย และอย่างน้อยวันนี้ก็ไม่มีคนอื่นอยู่รอบๆ มีเพียงเงาคนเดินอยู่ห่างๆบนถนนนอกสวนเท่านั้น

 

ฉันวางลูกฟุตบอลที่เอามาไว้ในที่ร่มและหายใจลึกๆเพื่อสงบสติอารมณ์ ฉันมองไปรอบๆ สวนสาธารณะ ย้อนนึกว่าที่นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา ไม่ใช่แค่ของโทวะเท่านั้น แต่ของฉันด้วย

 

วันหยุดวันหนึ่ง ฉันเบื่อที่จะอยู่บ้าน ฉันเลยออกจากบ้านไปที่ร้านเกมของลุงที่รู้จัก…และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ฉันได้พบกับอายานะที่สวนสาธารณะแห่งนี้

 

[เธอมาทำอะไรคนเดียวที่นี้เนี่ย? อะ นั้นตาของเธอแดงมากเลย นี่เธอร้องไห้อยู่เหรอ……?!]

 

เมื่อฉันพูดกับอายานะแบบนั้นตอนเธอเงยหน้าขึ้นมา เรื่องราวของเราก็เริ่มขึ้น

 

ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว

 

“ตั้งแต่ตอนนั้นมา ฉันคิดว่าฉันชอบเธอแล้ว อายานะ”

 

มันไม่ใช่รักแรกพบ แต่มีบางอย่างพิเศษเกี่ยวกับการพบกันในวันนั้น ฉันไม่เข้าใจตอนนั้น แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว

“ตั้งแต่นั้นมา เราก็อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว อายานะเธออยู่เคียงข้างฉันเสมอ”

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อายานะก็อยู่ตรงนั้นเสมอ เธออยู่เคียงข้างฉันในอดีตเสมอ และฉันหวังว่าเธอจะอยู่เคียงข้างฉันต่อไปในอนาคต ฉันต้องการให้เธออยู่กับฉัน และเราจะก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน

 

“อีกนิดเดียวเท่านั้น”

 

ฉันต้องรออีกนิดเดียวเท่านั้น จนกว่าจะถึงเวลานัด ฉันหยิบสมาร์ทโฟนออกมา แล้วโทรออก

 

“ฮัลโหล?”

 

“เอ่อ…คือ…”

 

“โทวะเหรอ มีอะไรหรือเปล่า?”

 

ฉันโทรไปหาชู แม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่มีอะไรจะคุยกับเขาก็ตาม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องบอกเขาตอนนี้

 

“ขอโทษนะ ชู ฉันต้องยกเลิกสัญญาที่เคยให้ไว้แล้วละ ฉันรักอายานะ”

“…เอ๊ะ? โทวะ—”

 

ฉันวางสายโดยไม่รอให้เขาพูดต่อ แล้วทันใดนั้น อายานะก็ปรากฏตัวที่ทางเข้าสวนสาธารณะ เมื่อเธอเห็นฉัน เธอก็วิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส

 

“ขอโทษที่ทำให้รอ โทวะคุง!”

 

การทักทายอย่างร่าเริงของเธอทำให้ฉันยิ้มได้เสมอเลย และฉันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งกับการปรากฏตัวของเธอ

 

“ขอบคุณนะ อายานะ ที่มา”

 

“ถ้าโทวะคุงเรียก ฉันจะไปทุกที่เลย!”

 

อายานะเดินเข้ามาใกล้ๆ รอยยิ้มอันอบอุ่นของเธอส่องประกายด้วยแสงอาทิตย์ยามเย็น ฉากนี้ดูราวกับมีเวทมนตร์เมื่อแสงอาทิตย์อันอบอุ่นโอบล้อมเราเอาไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ฉันมองผ่านรอยยิ้มฝืนๆของเธอ ฉันรู้ว่ามีบางอย่างที่ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่

 

“อายานะ”

 

“คะ?”

ฉันอยากรู้ว่าอะไรทำให้อายานะรู้สึกไม่สบายใจ ฉันต้องคุยกับเธอ แต่สิ่งที่ฉันกำลังจะพูด อาจจะทำให้ทุกอย่างที่เธอทำมาจนถึงตอนนี้ไร้ค่าไป ฉันกลัวว่าเธอจะตอบสนองต่อคำพูดของฉันอย่างไร แต่ฉันตัดสินใจไปแล้ว

 

“ฉันอยากคุยกับเธออีกครั้ง อายานะ เกี่ยวกับเรื่องสำคัญ…เกี่ยวกับอนาคตของเรา”

 

“อนาคตของเราเหรอ…เรื่องสำคัญ? มัน…จะเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ…”

 

เธอหน้าแดงและดูกระวนกระวาย แสดงให้เห็นชัดเลยว่าเธอเข้าใจว่าการสนทนาจะดำเนินไปในทิศทางใด

 

แน่นอน คำพูดของฉันอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นการสารภาพรักหรืออะไรทำนองนั้น ฉันต้องขอโทษเธอสำหรับเรื่องนั้นด้วย 

 

“ช่วงนี้ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ อายานะ ฉันสงสัยถึงสาเหตุของรอยยิ้มของเธอ โดยเฉพาะรอยยิ้มที่แฝงความเศร้าอยู่บ้างเป็นครั้ง หรือรอยยิ้มที่ดูเหมือนเธอจะฝืนยิ้มอยู่ด้วย”

 

“โทวะคุง?”

 

สีหน้าของอายานะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มแสนร่าเริงเมื่อครู่หายไป แทนที่ด้วยสีหน้าสับสน เธอจ้องมองมาที่ฉัน ฉันยังคงพูดต่อไปโดยไม่ละสายตาจากเธอ มุ่งมั่นที่จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจ

 

“อายานะ เธออาจจะแบกอะไรบางอย่างมาตลอดเวลา บางอย่างที่เธอไม่ควรต้องแบกรับไว้ ความโกรธและความเศร้าที่เธอแบกมามันอาจจะเป็นของฉันก็ได้”

 

“!?”

 

ดวงตาของอายานะเบิกกว้าง และปฏิกิริยาของเธอเป็นการยืนยันที่ชัดเจนที่สุด ฉันรู้มาจากความทรงจำของตัวเองและสิ่งที่ได้ยินมาจากชู และการเปิดเผยของโลกนี้ก็สอดคล้องกัน ฉันถูกต้องมาโดยตลอด

 

“ดูเหมือนว่าฉันจะคิดไม่ผิดใช่ไหม?”

 

“….”

 

พูดตามตรง มันคงง่ายกว่าที่จะเปิดเผยทุกอย่าง แต่ถ้าพวกเขารู้ว่ามันเป็นโลกของเกม มันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับพวกเขา นอกจากนี้ มันเป็นความทรงจำส่วนตัวของฉัน เป็นสิ่งที่ฉันเท่านั้นที่รู้ และมันรู้สึกผิดที่จะพูดถึงอีกโลกหนึ่ง

 

หลังจากนั้นไม่นาน อายานะก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดเสียงดังขึ้นด้วยอารมณ์ที่รุนแรง

 

“มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันไม่ควรต้องแบกไว้…เรื่องนั้น! คนพวกนั้นพูดคำพูดแย่ๆ กับโทวะคุง! ฉันทนไม่ได้…ฉันทนไม่ได้ที่จะยอมให้คนที่รักถูกทำแบบนั้นได้ยังไง!!”

 

อายานะไม่ค่อยจะเสียงดังแบบนี้ เธอแสดงอารมณ์ดิบๆแบบนี้ก็ต่อเมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับฉันเท่านั้น เมื่อฉันช่วยเหลือเด็กหญิงตัวเล็กๆ หรือช่วยเซย์นะซัง เธอก็เป็นห่วงฉันเช่นกัน ครั้งนี้อารมณ์ของเธอรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆที่ผ่านมา

 

“ตอนแรกฮัตสึเนะซังก็พูดจาแย่ๆ กับโทวะคุงเหมือนกันนะ! โคโทเนะจังก็ทำแบบเดียวกันตอนที่เธอเจอโทวะคุงด้วย! แม้แต่แม่ของฉันเอง…และอุบัติเหตุครั้งนั้นก็เกิดขึ้นเพราะความประมาทของชูคุง และเขาก็หัวเราะเยาะเรื่องนี้! ไม่มีทางเลยที่ฉันจะให้อภัยพวกเขาได้!”

 

“…อายานะ”

 

ดวงตาของอายานะเต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง และเธอจ้องเขม็งราวกับว่าเธอกำลังมองคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน เธอพูดเร็วมาก และไหล่ของเธอสั่นไปมาขณะที่เธอหอบหายใจ เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก และความสงบของเธอหายไปจนหมดสิ้น

 

ดวงตาที่มองมาที่ฉันนั้น ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยความโกรธที่เธอพูดถึงก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยคำอ้อนวอน เหมือนกับดวงตาของเด็กที่กำลังจะร้องไห้

 

“…ฉันขอโทษนะ อายานะ”

 

“เฮะ…?”

 

เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อฉันขอโทษอย่างกะทันหัน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน อายานะต้องสงสัยว่าทำไมฉันถึงขอโทษ มันมีเหตุผลที่ชัดเจนอยู่เบื้องหลัง

 

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่ทันสังเกตเลย ฉันไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเธอเป็นแบบนี้…ฉันมีความสุขที่มีเธออยู่ข้างๆ แต่ฉันก็ไม่ได้มองภายในตัวเธอเลย”

 

นี่เป็นคำพูดที่ฉันสามารถพูดได้เพราะวิญญาณของฉันได้รวมเข้ากับโทวะแล้ว ฉันคือโทวะ และโทวะคือฉัน ดังนั้น อดีตของโทวะก็คืออดีตของฉันเช่นกัน

 

อายานะส่ายหัว ยืนยันว่ามันไม่จริง

 

“ม-ไม่จริง! โทวะคุงคอยดูแลฉันมาตลอด!”                  

 

“ไม่ ฉันเห็นได้ชัดว่าโทวะไม่สนใจเลย เมื่อพิจารณาจากสภาพของอายานะในตอนนี้ ฉันมันเห็นแก่ตัว เพลิดเพลินกับความสุขที่มีอายานะอยู่ข้างๆ และละเลยที่จะเห็นความทุกที่เธอแบกอยู่ภายใน สุดท้ายแล้ว ฉันก็เป็นเหมือนชู ฉันพึ่งพาความใจดีของอายานะมาโดยตลอด” 

 

“ไม่จริง! โทวะคุงไม่เหมือนผู้ชายคนนั้นเลย!”

 

อายานะส่ายหัวไม่หยุด เธอปฏิเสธที่จะยอมรับคำพูดนั้น เด็กสาวร่าเริงที่มักจะอยู่ข้างๆ ฉันหายไป ตอนนี้เธอถูกแทนที่ด้วยอายานะที่ปฏิเสธทุกสิ่งที่ฉันพูดอย่างรุนแรง

 

(ฉันรู้สึกแย่มาก… ฉันไม่อยากเห็นอายานะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้…)

 

หัวใจของฉันเจ็บปวด และฉันอยากกอดเธอแรงๆ ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แต่ฉันก็จัดการห้ามตัวเองไว้ได้

 

“ไม่ มันต่างกัน… มันต่างกัน! โทวะคุงคือ…”

 

อายานะกดหน้าผากของเธอแนบกับหน้าอกของฉัน ในที่สุดเธอก็เงยหน้าขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ให้โอกาสฉันพูดเลย

 

“อย่าห่วงเลย…โทวะคุง มันจะไม่เป็นไร! ฝากเรื่องพวกนั้นไว้กับฉันเถอะ ฉันจะทำให้พวกเขาเสียใจ… นั่นแหละ…นั่นคือเหตุผล!”

 

ในที่สุดเธอก็เปิดเผยเจตนาของเธอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ให้คำอธิบายโดยละเอียด เธอกำลังวางแผนอย่างลับๆ เพื่อทำให้ชูและคนอื่นๆ เสียใจกับการกระทำของพวกเขา น่าจะเป็นแผนคล้ายๆ กับสถานการณ์ในเกม เป็นสิ่งที่อายานะกำลังวางแผนและดำเนินการอยู่

“ในที่สุด เธอก็คุยกับฉันแล้วใช่ไหม”

 

“…อ่า”

 

อาจเป็นไปได้ว่าอายานะไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเธอกำลังพูดอะไร

 

แผนของอายานะอาจจะดำเนินต่อไปโดยเธอไม่บอกอะไรฉันเลย และเธอจะจัดการทุกอย่างคนเดียวอย่างลับๆ

 

แต่ยังไม่จบแค่นั้น

 

อายานะอาจจะหาทางดำเนินการและโน้มน้าวใจได้ในท้ายที่สุด อายานะเป็นคนที่มีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นได้ เธอขับเคลื่อนโดยความรักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงและความรักอันหนักหน่วงที่เธอมีต่อฉัน มันเขินที่จะพูดเองแบบนี้ แต่มันทำให้ฉันมีความสุขจริงๆ

 

“เพราะเป็นอายานะ เธอคงวางแผนไว้ว่าจะไม่คุยกับฉัน ทำทุกอย่างให้เสร็จด้วยตัวเอง และแบกรับภาระของเหตุการณ์นั้นไว้กับตัวเองใช่ไหม”

 

“ทำไม…”

 

อายานะดูตกใจอย่างเห็นได้ชัดที่ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอมากขนาดนั้น โดยไม่ปฏิเสธความรู้สึกของเธอว่าเป็นการหลอกลวง ฉันยังคงแสดงออกต่อไป

 

“อายานะ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นแล้ว”                    

 

ทันทีที่ฉันพูดคำเหล่านั้น สีหน้าของอายานะก็เปลี่ยนจากตกใจเป็นสิ้นหวัง ความกลัวที่ใหญ่ที่สุดของเธอคือการถูกฉันปฏิเสธ ปฏิกิริยานี้เป็นการตอบสนองของเธอต่อการปฏิเสธเจตนาของเธอ

 

ในขณะที่ยังคงลูบหัวเธอเบาๆและสบตากับเธอ ฉันก็เริ่มเล่าถึงความฝันที่ฉันมีในห้องพยาบาลในวันนั้น

 

“วันนี้ เธอรู้ไหม ฉันฝันตอนเราอยู่ที่ห้องพยาบาลด้วยนะ”

 

“ฝันเหรอ…?”

 

“ใช่ มันเกี่ยวกับอนาคตที่จะเกิดขึ้นถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย มันเป็นความฝันที่ทุกอย่างสะดวกอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ฉันเห็นอนาคตที่เธอต้องทนทุกข์อยู่คนเดียว”

 

“นั่น…มัน…”

 

อายานะดูตกใจยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของเธอนั้นแตกต่างจากที่ฉันคาดไว้ เธอไม่ได้รู้สึกว่าแนวคิดของความฝันนั้นแปลก และดูเหมือนว่าเธอจะมีลางสังหรณ์บางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ฉันอดไม่ได้ที่จะถาม

 

“หรือว่าเธอจะฝันแบบนั้นเหมือนกัน”

 

แม้ว่าจะดูเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะถาม อายานะใช้เวลาสักครู่แล้วพยักหน้ายืนยัน

 

(จะมีอะไรแบบนั้นได้จริงเหรอ แต่เมื่อพิจารณาจากความรู้สึกที่ฉันมีต่ออายานะเมื่อเห็นเธอหลังจากตื่นนอนแล้ว มันก็ดูไม่ใช่เรื่องโกหก)

 

บางที นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งปาฏิหาริย์ที่สัมผัสหัวใจของอายานะ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าอายานะจะมีมุมมองที่แตกต่าง ฉันรู้ว่ามันอาจจะแรงเกินไปที่จะพูดแบบนี้ในตอนนี้ 

 

“ถึงอย่างนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะฝันแบบนั้น มันก็ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร! ฉันไม่สนใจว่าฉันจะต้องทนทุกข์แค่ไหน! ฉันแค่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อโทวะคุง… ถึงแม้ฉันจะเจ็บปวด ตราบใดที่โทวะคุงมีความสุข นั่นก็เพียงพอแล้ว!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ บางอย่างภายในตัวฉันก็เหมือนจะแตกหัก ฉันไม่เคยแสดงความโกรธต่อเธอแบบนี้มาก่อน และความรุนแรงของอารมณ์ของฉันนั้นก็ล้นหลามออกมา

 

“แล้วมันดีตรงไหน อายานะ!”

 

เธอตกใจกับการระเบิดอารมณ์ของฉัน ฉันจึงจับไหล่เธอไว้แน่น ใบหน้าของฉันไม่เหมือนใบหน้าที่เธอเคยเห็นมาก่อน

 

เป็นหลักฐานว่าอายานะมองหน้าฉันตลอดเวลา และความกลัวที่เห็นได้ชัดของเธอก็ชัดเจน

 

ฉันพูดต่อไปในขณะที่คำพูดไหลออกมาจากตัวฉัน ราวกับว่าฉันกำลังระบายความหงุดหงิดทั้งหมดที่ฉันรู้สึก

 

“โลกแบบไหนที่ยอมให้ผู้ชายทนเห็นคนที่รักต้องทรมาน? และที่แย่ไปกว่านั้น เป็นเพราะการกระทำของเขาเองด้วย! ลองจินตนาการจากมุมมองที่ตรงกันข้ามดูสิ อายานะ เธอจะรู้สึกยังไงถ้าฉันทำงานหนักเพื่อเธอ แต่สุดท้ายกลับต้องเก็บความเจ็บปวดนั้นเป็นความลับ!”

 

“นั่นมัน…”

 

ดูเหมือนว่าอายานะจะจินตนาการได้ และเธอก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง

ไม่ใช่เหรอ อายานะคงรู้สึกเหมือนกันใช่ไหม ทัศนคติของเธอคือหลักฐานว่าเธอกำลังพยายามทำแบบเดียวกันกับฉัน

 

แม้ฉันจะพูดเสียงดังใส่อายานะแล้ว อายานะก็ไม่ยอมไปจากฉัน เราไม่เคยพูดคุยกันแบบนี้มาก่อน และอายานะคงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เธอจึงเกาะฉันไว้แน่น

 

ฉันยิ้มและลูบหัวเธอเบาๆ ในขณะกำลังจะพูดต่อไป

 

“ฉันขอโทษที่พูดแรงนะ แต่ฉันจำเป็นต้องพูด เธอรู้ไหม อายานะ เธอมักจะดื้ออย่างไม่น่าเชื่อเมื่อพูดถึงเรื่องของฉัน มันน่าหงุดหงิดนะ แต่ในเวลาเดียวกัน ฉันก็ซาบซึ้งใจมากเลยละ”

 

“โทวะคุง…โมโหเหรอ?”

 

ฉันจับไหล่เธอและมองเข้าไปในดวงตาของเธอ เธอยังคงร้องไห้อยู่ แต่การสนทนาของเราเมื่อไม่นานนี้ดูเหมือนจะทำให้สีหน้าของเธอดูอ่อนโยนลง

 

“โทวะคุงเกลียดฉันเหรอ”

 

“ฉันไม่เกลียดเธอหรอก ฉันดีใจมากกว่าเสียอีกที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่จากผู้หญิงที่ฉันรัก”

 

ฉันลูบหัวเธอเบาๆ แล้ววางมือลงบนไหล่ของอายานะ

 

เรามองหน้ากันอีกครั้ง แล้ว…..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด