เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]บทที่ 988 พูดให้ฉุกคิด
บทที่ 988 พูดให้ฉุกคิด
บทที่ 988 พูดให้ฉุกคิด
ซูอันคิดว่าเป็นราชันลมปราณที่คอยติดตามเขา ไม่เคยคาดฝันว่าแท้จริงกลับเป็นคนที่อยู่ข้างกายจักรพรรดิแทน
จักรพรรดิเคยส่งใครติดตามข้าหรือเปล่า?
ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง จักรพรรดิมีจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้ให้ใครตามเขา นอกจากนี้ความรู้สึกนี้เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้หลังจากที่เขาล่วงเกินราชันลมปราณ
หืม? หรือว่าแท้จริงแล้วขันทีเหวินเป็นคนของราชันลมปราณ?
ซูอันหนาวไปทั่วแผ่นหลังทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น ขันทีเหวินรับใช้ใกล้ชิดจักรพรรดิ! หากแม้แต่ขันทีผู้นี้ยังถูกราชันลมปราณซื้อตัว มันย่อมเป็นแสดงให้เห็นว่าราชันลมปราณนั้นมีอิทธิพลมากเพียงใด
นี่ไม่ได้ทำให้จักรพรรดิดูโง่เขลาหรอกเหรอ? ไม่สิ…เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งของจักรพรรดิแล้ว เขาจะพลาดไปได้อย่างไรว่าคนที่อยู่ใกล้ชิดถูกติดสินบน? ย่อมเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม ซูอันจำรายการทีวีที่เขาเคยดูในโลกที่ผ่านมาได้ ยิ่งเรื่องราวมันดูเป็นไปไม่ได้มากเท่าไร กับดักที่ถูกวางไว้ยิ่งอันตราย…!
จิตใจของซูอันเริ่มปั่นป่วน
ที่หัวมุม ขันทีเหวินจัดเสื้อผ้าให้เรียบแล้วถูใบหน้าอ้วนของเขา รอยยิ้มที่ซูอันเคยเห็นกลับมาอยู่บนใบหน้า
ขันทีเหวินหันหลังกลับมามองซูอันด้วยความประหลาดใจ “ท่านซู ข้ากำลังมองหาท่านอยู่พอดี”
ซูอันฝืนยิ้ม ตอนนี้เขารู้ว่าชายคนนี้มีสองหน้า มันยากที่เขาจะทำตัวง่าย ๆ เหมือนเมื่อก่อน “ขันทีเหวิน! เจ้าต้องการอะไรจากข้าหรือเปล่า?”
ขันทีเหวินยิ้ม “ฝ่าบาททรงประสงค์จะพบกับท่าน โปรดมากับข้า ท่านซู”
แม้ว่าดวงอาทิตย์จะอยู่สูงบนท้องฟ้า แต่รอยยิ้มของขันทียังคงทำให้ซูอันตัวสั่น “ขอบคุณ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ทางนี้ ท่านซู!” ขันทีเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ซูอันโค้งคำนับแล้วเดินตามขันทีไปยังห้องหนังสือส่วนพระองค์
ซูอันได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิมาสองสามครั้งแล้วจึงไม่รู้สึกกลัวเหมือนเมื่อก่อน
นอกจากนี้จักรพรรดิยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องการให้ซูอันจัดการ อุบายขู่ทั้งหมดก่อนหน้านี้ของจักรพรรดิเป็นไปเพื่อทำให้หวาดกลัวเท่านั้นแต่ไม่มีทางที่เขาจะทำร้ายข้าจริง ๆ
แต่กลับเป็นขันทีเหวินซึ่งซ่อนตัวตนที่แท้จริงอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มอันไร้เดียงสาทำให้ซูอันปวดหัว
ข้าควรนำเรื่องนี้ไปปรึกษาจักรพรรดิเพื่อดูว่าเขาทำงานให้กับราชันลมปราณจริงหรือไม่?!
แต่แล้วซูอันปฏิเสธความคิดนี้ทันทีที่ปรากฏขึ้นในหัว
ถ้าขันทีเหวินถูกจักรพรรดิส่งให้มาเฝ้าติดตามเขาจริง ๆ เขาจะเป็นคนที่ถูกเปิดเผยแทน
แม้ว่าจะมีบางอย่างไม่ถูกต้องกับขันทีเหวิน ข้าก็ไม่มีหลักฐาน นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องแปลก ๆ และทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับจักรพรรดิ ชายผู้นี้ปรนนิบัติองค์จักรพรรดิมาช้านาน และแน่นอนว่าพระองค์จะวางใจอีกฝ่ายมากกว่าที่วางใจข้าอย่างแน่นอน
ถ้าขันทีเหวินตอบโต้ข้า สิ่งต่าง ๆ จะเลวร้ายลงกว่านี้มาก
จะดีกว่าถ้าข้าไม่เปิดเผยอะไรในตอนนี้ ขันทีเหวินไม่รู้ว่าข้ารู้โฉมหน้าที่แท้จริงของเขา ข้าจึงเป็นคนได้เปรียบ แต่ถ้าข้าเปิดโปงเขาตอนนี้ ข้าจะเสียความได้เปรียบนี้ไป
“ท่านซู วันนี้ท่านมีอะไรในใจมากมายงั้นหรือ?” ขันทีเหวินถามพลางหัวเราะ “ท่านดูเงียบกว่าปกติมาก”
ซูอันตัวสั่น ชายผู้นี้สังเกตเห็นแล้วงั้นเหรอ? เขายิ้มอย่างรวดเร็ว “ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกทุกครั้งที่ฝ่าบาททรงเรียกข้าเข้าเฝ้า” เขาอธิบาย
“เข้าใจแล้ว” ขันทีเหวินดูโล่งใจ “จริง ๆ แล้วท่านซูไม่จำเป็นต้องรู้สึกกังวลเกินไป วันนี้ฝ่าบาทยังไม่ทรงกริ้วใคร”
“ขอบคุณที่บอกข้า” ซูอันส่งตั๋วเงินสองใบให้เขา แต่ละใบมีค่าเงินหนึ่งร้อยตำลึง เป็นการดีกว่าเสมอที่จะเอาใจคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้ไว้ก่อน
ขันทีเหวินยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นตั๋วเงิน
…
เมื่อพวกเขามาถึงห้องหนังสือส่วนพระองค์ ขันทีเหวินรออยู่ข้างนอก เมื่อซูอันเดินเข้าไปจักรพรรดิกำลังอ่านหนังสือ ดูค่อนข้างผ่อนคลาย
“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีพะย่ะค่ะ” ซูอันกล่าวทักทาย
จักรพรรดิพยักหน้ารับรู้ ครู่ต่อมาเขาลดหนังสือลงแล้วถามว่า “เจ้าปล่อยนักฆ่าในคุกหลวงไปแล้วเหรอ?”
“กระหม่อมโชคดีที่ไม่ได้ทำให้ฝ่าบาททรงผิดหวังพะย่ะค่ะ” ซูอันสาปแช่งเขาในใจ เจ้าจะถามคำถามที่เจ้ารู้คำตอบอยู่แล้วทำไม? เจ้าใช้เจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์ดูด้วยตาตัวเองไปแล้ว
จักรพรรดิพยักหน้าอย่างพอใจ “สำนักมารสงสัยอะไรไหม?”
“กระหม่อมไม่คิดอย่างนั้น กระหม่อมโยนความผิดทั้งหมดไปที่ราชันลมปราณ…” เขาบอกจักรพรรดิถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเว้นบางเรื่องไว้เล็กน้อย
“ค่อนข้างฉลาดนี่ ตอนนี้คนที่ประจำการอยู่ในคุกหลวงจะไม่สงสัยอะไรเลยและจะไม่มีข่าวหลุดออกมา” จักรพรรดิยิ้ม เด็กข้างถนนคนนี้มีความสามารถมากกว่าชนชั้นสูงหลายคน ข้าไม่คิดว่าจะมีใครที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดเหมือนที่เขาทำ
“โชคไม่ดีที่กระหม่อมได้บังเอิญพบกับราชันลมปราณโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่ออกจากคุกหลวง” ซูอันกล่าวต่อ “เขาสงสัยในกลุ่มนักฆ่าที่ปลอมตัวเป็นองครักษ์ ทว่าในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง กระหม่อมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอ้างว่าหลิวเฉิงอวี้ถูกฝ่าบาทเรียกมาเข้าเฝ้า”
จักรพรรดิหัวเราะดังลั่น “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าน้องชายคนเก่งของข้าจะถูกเด็กอย่างเจ้าหลอกเอาได้ ฮ่า ๆๆ!”
ซูอันเริ่มแปลกใจ เขารู้ว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน จักรพรรดิเป็นพี่ ส่วนราชันลมปราณเป็นน้อง อย่างไรก็ตาม การเรียกราชันลมปราณว่า ‘น้องชาย’ ฟังดูแปลกมาก (สื่อถึงอวัยวะเพศชาย)
เขาพูดอย่างรวดเร็วว่า “กระหม่อมแค่พูดคุยเก่งอยู่บ้างเท่านั้น ราชันลมปราณถูกหลอกเพียงเพราะความประมาท แต่ถ้าเมื่อใดที่เขาคิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน เขาจะรู้แน่นอนว่ากระหม่อมโกหกพะย่ะค่ะ”
ขณะที่พูดเช่นนี้ ซูอันพยายามแสดงสีหน้าให้ดูเป็นกังวล
เฮ้อ… ข้าคบหากับจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้มานานมากจนจะกลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว
จักรพรรดิโบกมือและกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วข้าจะจัดการให้”
ซูอันถอนหายใจ เขากลัวว่าราชันลมปราณจะตรวจสอบที่อยู่ของหลิวเฉิงอวี้ แต่เมื่อจักรพรรดิบอกว่าจะจัดการให้ก็ไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวลอีกต่อไป
จักรพรรดินิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ที่เจ้าทำให้ราชันลมปราณขุ่นเคืองแล้ว เจ้าจะทำภารกิจแรกที่ข้าให้เจ้าสำเร็จได้อย่างไร?”
ซูอันอธิบายว่า “ราชันลมปราณมีบุคลิกขี้สงสัยและเต็มไปด้วยไหวพริบอย่างไม่น่าเชื่อ ถ้ากระหม่อมมอบวิชาวัฏจักรหงส์อมตะปลอมให้เขาง่าย ๆ เขาจะยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ถ้าหากกระหม่อมทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามและทำให้เขาคิดว่าเขาได้รับมันด้วยวิธีของเขาเอง เรื่องจะดำเนินไปอย่างราบรื่นมากขึ้น”
“อืม ไม่เลว สิ่งที่เจ้าพูดมีเหตุผล” จักรพรรดิพยักหน้า เมื่อคิดถึงนิสัยของน้องชายที่เขารู้
ความคิดบางอย่างเกิดขึ้นกับซูอัน เขาพูดอย่างกังวลว่า “ฝ่าบาทกระหม่อมมีบางเรื่องที่กังวลใจ ก่อนหน้านี้ราชันลมปราณตีตบไหล่กระหม่อมสามครั้ง กระหม่อมกังวลว่าเขาอาจจะใช้ทักษะลับบางอย่าง เช่น… ฝ่ามือสลายกระดูก น่าเสียดายที่กระหม่อมไม่สามารถบอกได้ทันทีว่าเขาทำอย่างนั้นหรือไม่ พระองค์ช่วยทอดพระเนตรให้ได้ไหมพะย่ะค่ะ? ชีวิตของกระหม่อมไม่มีค่าอันใด แต่กระหม่อมเกรงว่าตัวเองจะล้มเหลวในการปฏิบัติภารกิจที่ฝ่าบาททรงมอบหมายไว้”
จักรพรรดิตกตะลึงชั่วขณะเมื่อได้ยินชื่อทักษะฝ่ามือสลายกระดูก และตระหนักได้ว่าซูอันหมายถึงอะไร เขาเริ่มจริงจังเช่นกัน “มาให้ข้าดูสิ”
“ขอบพระทัย ฝ่าบาท!” ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความช่วยเหลือของผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุด ผนึกหรือทักษะใด ๆ ที่ราชันลมปราณแฝงไว้ในตัวเขาย่อมไม่อาจตบตาได้
จักรพรรดิทอดพระเนตร แล้วตบร่างกายซูอันเบา ๆ สามครั้งโดยไม่คาดคิด “มันจบแล้ว”
ซูอันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “ขอบพระทัย ฝ่าบาท!”
จักรพรรดิเย้ยหยัน “ไม่ต้องดีใจไป ราชันลมปราณไม่รู้วิธีใช้ทักษะที่เจ้าอธิบาย แต่ข้านั้นรู้ สิ่งที่เจ้าพูดมันทำให้ข้านึกได้ว่าข้าควรฝังผนึกบางอย่างไว้ในร่างกายของเจ้า ด้วยวิธีนี้เจ้าจะทำงานที่ข้ามอบหมายให้ด้วยความเอาใจใส่มากขึ้น ฮ่า ๆๆๆ!”
ซูอันอ้าปากค้างอย่างโง่งม
Comments