ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลกบทที่ 493 การล้างแค้นของร้านคัลเลอร์แมน
บทที่ 493 การล้างแค้นของร้านคัลเลอร์แมน
บทที่ 493 การล้างแค้นของร้านคัลเลอร์แมน
“ซุปที่เป็นอย่างสุดท้ายก็เรียบร้อยแล้วครับ” อู๋ฝานถือถ้วยใบใหญ่ที่ภายในเป็นน้ำซุปออกมาจากในครัว ก่อนจะวางมันเอาไว้บนโต๊ะพร้อมอาหารหลากหลาย
“อู๋ฝาน ฝีมือของคุณพัฒนาขึ้นอีกแล้วเหรอคะเนี่ย?” ถังอวี่เฟยที่นั่งมองจากทางโต๊ะอาหารพยายามสูดดมกลิ่นอาหารที่ถูกยกมา
“ทำไมถามแบบนั้นกันล่ะครับ?” อู๋ฝานนั่งลงก่อนจะเอ่ยถาม
“เพราะฉันรู้สึกได้ว่าอาหารที่คุณทำวันนี้ดูรสชาติดีกว่าที่เคยเป็น แค่กลิ่นก็ชนะแล้ว” ถังอวี่เฟยตอบกลับ
“น่าจะเป็นเพราะไม่ได้ทานอาหารฝีมือผมมาสักพักแล้วละมั้งครับ” อู๋ฝานหัวเราะ นับตั้งแต่หลิวอี้เตารับช่วงต่อ เขาก็แทบไม่ได้เข้าไปยุ่งกับงานครัวของร้านอีกเลย “เอาละครับ อาหารก็พร้อมแล้ว ตอนนี้ใช้ตะเกียบกันตามสบาย”
ถังอวี่เฟยคว้าตะเกียบของตัวเองขึ้นมาก่อนจะคีบปลาที่อยู่ตรงหน้าส่งเข้าปาก ดวงตาของหญิงสาวถึงกับต้องเบิกกว้างออกมา
“อร่อยมาก!” ถังอวี่เฟยอุทานพร้อมแสดงออกทางสีหน้า
“อู๋ฝาน นี่เป็นอาหารอะไรกันคะ?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ที่นั่งเงียบมาตลอด หลังได้ทานอาหารจานผักสีเขียวตรงหน้าเข้าไปถึงกับต้องเอ่ยออกมา
“นั่นผักกาดใช่รึเปล่านะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถามก่อนจะมองหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ด้วยสีหน้าหยอกเย้า “ภูเขาน้ำแข็งที่ไม่เคยได้เห็นโลกภายนอก ไม่รู้จักผักกาดอย่างนั้นเหรอ?”
“แต่นี่มันไม่ใช่ผักกาด” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ส่ายหน้าเป็นการยืนยัน พร้อมกับเผยสายตาสงสัยมองอู๋ฝาน
“แค่ก แค่ก! ผมบังเอิญได้ของนี่มาจากส่วนลึกของภูเขา ดังนั้นกล้ารับประกันว่าพวกคุณคงไม่เคยได้ทานที่ไหนมาก่อนแน่ บางทีอาจไม่เคยได้เห็นมาก่อนด้วยซ้ำ” อู๋ฝานเผยยิ้มด้วยท่าทีทำเป็นมีปริศนา
“ไม่ใช่ผักกาดจริงด้วย!” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “พอกินเข้าไปแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเนื้อ เหมือนตอนได้กินเนื้อเป็ดเข้าไปไม่มีผิด”
อู๋ฝานยิ้มตอบ “อย่างที่ผมบอกไป อาหารจานนี้ปกติแล้วพวกคุณคงหาทานไม่ได้ วันนี้ถือว่าช่วยเปิดหูเปิดตาก็แล้วกันนะครับ”
“มันไม่มีพิษใช่ไหมคะ?” ถังอวี่เฟยเอ่ยถาม “ฉันได้ยินมาว่าในส่วนลึกของภูเขามีของดีอยู่เยอะ แต่หลายอย่างก็มีพิษด้วยเหมือนกัน”
“วางใจได้ครับ ไม่มีพิษอย่างแน่นอน” อู๋ฝานถึงขั้นชะงักเพราะคำถาม
อาหารเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นของพิเศษจากโลกแห่งเกม ไม่มีอยู่ในโลกความเป็นจริง ที่อู๋ฝานนำพวกมันมาทำอาหารก็เพราะวันนี้เป็นวันแรกของการขึ้นบ้านใหม่
เพราะอาหารเหล่านี้มีความพิเศษที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงมีความอร่อยในตัวของมันเอง เมื่อรวมกับฝีมือการทำอาหารระดับมาสเตอร์ของอู๋ฝาน ยิ่งทำให้รสชาติหลังปรุงอร่อยมากขึ้น ดังนั้นถังอวี่เฟยจึงรู้สึกว่าฝีมือของชายหนุ่มพัฒนามากขึ้น
คนทั้งสี่นอกจากอู๋ฝานต่างได้ทานอาหารนี้กันเป็นครั้งแรก และผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่คาดคิด พวกเธอต่างแสดงความรู้สึกทึ่งต่อฝีมือของชายหนุ่มออกมา
เพราะก่อนหน้านี้อู๋ฝานไปอยู่ที่หอคันธะสงัดมาช่วงระยะหนึ่ง ที่แห่งนั้นเป็นป่าลึกในภูเขาจริง ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์จึงไม่สงสัยวัตถุดิบเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นบนโลกใบนี้ยังมีสถานที่อีกมากมายที่คนธรรมดายากจะเข้าไปถึงได้ ไม่แปลกหากจะมีวัตถุดิบแปลกใหม่ที่คนทั่วไปไม่เคยได้เห็นมาก่อน
ส่วนทางด้านเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยไม่มีความสงสัยใด ๆ ในตัวอู๋ฝาน พวกเธอใช้ชีวิตอยู่ที่หอคันธะสงัดมาก่อน ดังนั้นจึงแทบไม่เคยออกมายังโลกภายนอก จึงทราบเรื่องอาหารที่ผู้คนปกติได้ทานกันน้อยนิด
มันจึงทำให้อู๋ฝานกล้าทำอาหารจานนี้ให้คนทั้งสี่ได้ทาน
หลังกินดื่มกันเรียบร้อย อู๋ฝาน ถังอวี่เฟย และหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ไปนั่งพักกันที่โซฟา ส่วนสองพี่น้องอย่างเหมยอวี่และเหมยเสวี่ยต่างก็กำลังช่วยกันเก็บล้างภาชนะ
“อู๋ฝาน ความผิดคุณเลยนะคะเนี่ยที่ทำอาหารอร่อยขนาดนี้ ฉันทานเข้าไปมากกว่าปกติแล้ว มีหวังได้น้ำหนักขึ้นแน่” ถังอวี่เฟยลูบท้องตัวเองพลางพูด
“ผมก็ไม่ได้จะให้ทานเยอะขนาดนั้นนิครับ แต่คุณทานไม่หยุดเองต่างหาก” อู๋ฝานตอบกลับ
“อะไรก็เถอะ ทั้งหมดนี่เป็นความผิดคุณที่ทำอาหารอร่อยเกินไป” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “และยังมีอาหารที่ฉันไม่เคยได้ทานมาก่อน เผลอตัวไปบ้างก็เป็นเรื่องปกตินี่นา”
หลิ่วเหยียนเอ๋อร์พยักหน้ารับเป็นการเห็นพ้อง เนื่องจากเมื่อครู่เธอก็ทานเข้าไปไม่ใช่น้อย เพราะมันมีแต่ของหายากและแปลกใหม่สำหรับเธอ
“ก็ได้ ถ้างั้นคราวหลังผมไม่ทำอาหารเลี้ยงแล้วนะ” อู๋ฝานตอบกลับ
“ไม่ใช่แบบนั้นสิคะ!” ถังอวี่เฟยแย้งขึ้นมา “อาหารแบบนี้ต้องได้ทานอีกสิคะ”
อู๋ฝานมองถังอวี่เฟยอย่างพูดไม่ออก เพราะเธอในเวลานี้เผยสีหน้าท่าทีที่บ่งบอกว่าคำพูดของตัวเองถูกต้องและน่าภาคภูมิออกมา
แต่แล้วทันใดนั้นเองที่เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มคว้าขึ้นมาจนได้เห็นว่าคนโทรมาคือหวังจื่อหมิง
“พี่หวัง ดึกขนาดนี้แล้วมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
“อู๋ฝาน นี่นายไปแตกหักกับร้านคัลเลอร์แมนมางั้นเหรอ?” หวังจื่อหมิงเอ่ยถามด้วยเสียงจริงจัง
อู๋ฝานจำได้ว่าช่วงกลางวันวันนี้ได้สั่งสอนบทเรียนหวงถิงเฟิงไปจริง หากอีกฝ่ายยังหาเรื่องไม่เลิก ทั้งสองฝ่ายก็ควรต้องแตกหักกัน ดังนั้นเขาจึงตอบกลับ “ใช่ครับ เมื่อกลางวันวันนี้มีเรื่องกับหวงถิงเฟิงมาจริง ๆ ครับ”
ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างมองมา แต่ไม่ได้รบกวนการสนทนา
“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจ” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “เถ้าแก่ของร้านคัลเลอร์แมนรู้เรื่องแล้ว เขาตั้งใจว่าจะทำให้นายไม่มีที่ยืนในเจียงโจว”
“ครับ?” อู๋ฝานขมวดคิ้ว “พี่หวังหมายความว่ายังไงกัน? เถ้าแก่ของคัลเลอร์แมนเป็นใครครับ?”
“ร้านคัลเลอร์แมนเป็นกิจการของวังเมฆาสีชาดในโลกเบื้องหน้า” หวังจื่อหมิงตอบกลับมา “วังเมฆาสีชาดถือเป็นสำนักชั้นหนึ่งในพื้นที่เจียงโจว ตอนนี้จานเฮ่อที่เป็นผู้อาวุโสสำนักนอกของวังเมฆาสีชาดคือผู้ดูแลเรื่องราวของโลกเบื้องหน้า เขาบอกว่าจะปิดร้านโลกในแหวนของนายภายในสามวัน และยังเตือนให้ทุกตระกูลใหญ่ในเจียงโจวห้ามเข้าใกล้ร้านโลกในแหวน ไม่งั้นแล้วพวกเขาจะกวาดล้างไปด้วย”
“ปิดร้านโลกในแหวนภายในสามวัน? คุยใหญ่โตดีจริง ๆ” อู๋ฝานตอบกลับเสียงเย็นเยือก “ผมชักอยากจะเห็นว่าเขาจะมีความสามารถแบบนั้นจริงไหมแล้วครับ”
“อู๋ฝาน อย่าผลีผลามไป วังเมฆาสีชาดไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ลำพังแค่นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา” หวังจื่อหมิงตอบกลับ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังต้องการหาทางช่วยเหลือจากทางเบื้องหลัง
ผู้คนในตระกูลใหญ่ทั้งหมดของเจียงโจวต่างคิดว่าอู๋ฝานเป็นคนจากสำนักใหญ่ ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางมอบวิชาระดับลึกล้ำออกมาให้ได้ง่าย ๆ การที่มีฝีมือระดับนั้นด้วยอายุยังน้อย มันเป็นอีกเหตุผลที่ทำไมผู้คนในเจียงโจวต้องการเอาใจเขา เหมือนดังที่เคยทำกับร้านคัลเลอร์แมน
หวังจื่อหมิงเองก็เชื่อแบบนั้นเช่นกัน ขณะนี้เมื่อได้เห็นท่าทีของวังเมฆาสีชาดที่คิดเล่นงานอู๋ฝาน เขาจึงคิดอยากหาทางช่วยเป็นกำลังจากเบื้องหลัง เพราะไม่ว่าชายหนุ่มจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีทางเอาชนะสำนักแห่งหนึ่งได้ โดยเฉพาะกับวังเมฆาสีชาดที่ไม่ได้อ่อนด้อยแม้แต่น้อย
“ผมทราบแล้วครับ ขอบคุณพี่หวังที่บอก” อู๋ฝานตอบกลับ
“ระวังตัวด้วย ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกฉัน” หวังจื่อหมิงตอบรับ
“ครับ” อู๋ฝานตอบ
“เกิดเรื่องอะไรเหรอคะ?” เมื่อเห็นอู๋ฝานวางสายโทรศัพท์แล้ว ทั้งถังอวี่เฟยและหลิ่วเหยียนเอ๋อร์ต่างก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ก่อนอู๋ฝานจะทันตอบ โทรศัพท์ของถังอวี่เฟยกลับดังขึ้น
“ปู่ของฉันโทรมาค่ะ” ถังอวี่เฟยบอกก่อนจะรับสายโทรศัพท์
ไม่ถึงหนึ่งนาที ถังอวี่เฟยก็วางสายอย่างโกรธเคืองก่อนจะโพล่งออกมา “มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?!”
Comments