คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 664 พิษนี้ขจัดไม่ได้

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter 664 พิษนี้ขจัดไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 664 พิษนี้ขจัดไม่ได้

เลือดข้นๆ สีดำไหลลงไปในชามกระเบื้อง ส่งกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว รับยาจินชวงสำหรับห้ามเลือดมาจากเถิงเจาที่ยื่นให้ สาดลงไปบนปากแผลของเฉวียนจิ่งอย่างง่ายๆ แล้วยกชามมาดู

เฉวียนจิ่งยังไม่หายตกตะลึง เห็นนางปาดนิ้วเป็นแผลเลือดออก เทยาห้ามเลือด ลูกตาหดลงเล็กน้อย

ยาจินชวงเพิ่งจะสาดลงบนแผล เลือดก็ค่อยๆ หยุดไหล

เฉวียนจิ่งมองไปยังขวดดินเผาในมือเถิงเจา สองตาเป็นประกาย ยาดีอะไรอย่างนี้ หากใช้ในกองทัพ นั่นจะช่วยชีวิตทหารได้สักเท่าไหร่กัน

เถิงเจารู้สึกถึงสายตาของเขา ส่งเสียงกล่าวออกมาด้วยใบหน้าราบเรียบ “ไม่ต้องคิด ยาแพง เงินเดือนทหารเอื้อมไม่ถึง”

เฉวียนจิ่งหน้าร้อน “…”

หวังอวี้เชียนมองเห็นเหตุการณ์นิ้วของเฉวียนจิ่งเช่นกัน เขาหันไปมองยาที่เถิงเจาถือ ถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แพงนี่แพงสักเท่าใดหรือ”

“เกิดและเติบโตในวังถึงจะซื้อไหว ท่านคิดว่าแพงแค่ไหน” เถิงเจาวางขวดยากลับไปบนโต๊ะยาวที่เดิมอย่างไม่ใส่ใจ ไม่เอ่ยอะไรอีก เพียงมองไปยังชามในมือฉินหลิวซี เลือดที่เข้มข้นขนาดนี้ ถูกยาพิษอะไรกัน

ในใจหวังอวี้เชียนคิด ข้าเห็นเจ้าวางส่งๆ แบบนี้ ไม่รู้สึกว่ามันแพงสักนิด แต่หากเป็นสิ่งของที่ใช้ในวัง ถึงอย่างไรก็ไม่ตกไปถึงกองทัพอย่างแน่นอน

ยาแพงแบบนั้นจะใช้จำนวนมากในกองทัพได้อย่างไร

เฉวียนจิ่งเองก็รู้ดีจึงระงับอารมณ์ลง มองฉินหลิวซีหยดเลือดที่ปลายนิ้วขยี้ดู แล้วปาดที่ริมฝีปาก เขารีบห้ามนาง “ท่านเจ้าอาวาสน้อยไม่ได้”

ฉินหลิวซีเหลือบไปมอง “ทำไม”

“เลือดนี้สกปรก” เฉวียนจิ่งกล่าว

ฉินหลิวซีหัวเราะ “ท่านคิดว่าข้าจะชิมเลือดพิษหรือ”

เอ้อ ไม่ใช่หรือ

“ยังไม่ถึงขนาดนั้น” ฉินหลิวซีสั่งคนที่เดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่ง “ไปจับหนูมาตัวหนึ่ง ผู้ดูแลร้านผู้สง่าผ่าเผย แต่ทั้งวันกลับไม่อยู่ร้าน เจ้าคิดกินแรงหรือ”

เว่ยเสียกำลังร้องเพลงพื้นบ้าน เพิ่งเดินกลับเข้าร้านมาก็ถูกฉินหลิวซีชี้สั่งงาน เขาร้องอา “ท่านกลับมาแล้ว”

ฉินหลิวซีถลึงตาใส่เขา

เว่ยเสียตกใจ เขาได้ ‘ร่างกระดาษ’ ที่มีทั้งเลือดมีทั้งเนื้อมา ทั้งยังเพิ่งกลับเข้าเมืองหลีเป็นครั้งแรก ย่อมอดใจไม่ไหวออกไปเดินเที่ยวข้างนอก

เพิ่งจะเข้าร้านอีกครั้งหลังจากเข้ามาเมื่อเช้าก็ถูกเถ้าแก่จับได้ว่าอู้งาน ไม่ให้ตกใจได้อย่างไร

“ยังไม่ไปอีกหรือ”

เว่ยเสียรีบหมุนตัวกลับ เรื่องจับหนูแค่นี้ เขารีบไปทำให้ก็ได้

แต่เพิ่งก้าวออกประตูไปเท่านั้น เขาพลันหยุดชะงัก เท้าก้าวช้าลง เขาเป็นผู้ดูแลร้านซึ่งเป็นนักปราชญ์ที่สง่าผ่าเผย ทำไมต้องไปจับของสกปรกอย่างนี้ด้วย

เว่ยเสียอยากกลับไปต่อว่านางใจจะขาด แต่ก็นึกได้ว่าตัวเองถูกจับได้ว่าอู้งาน และคิดถึงว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด หากกลับไปเล่นงานจะถูกนางร่ายอาคมให้กลับเป็นร่างกระดาษหรือไม่

ช่างเถิด เขาไม่มีความรู้มากเช่นแม่นางน้อย!

หวังอวี้เชียนหันกลับไปมอง “ร้านนี้มีผู้ดูแลร้านด้วยหรือ เขายังปักปิ่นดอกไม้ เป็นคนแบบไหนกัน!”

เว่ยเสียหายไปไม่นานก็กลับมา สองมือหิ้วหางหนูตัวหนึ่งแกว่งมันเบาๆ จนมันมึนงง ร้องจี๊ดๆ หนูตัวนั้นเรียกได้ว่าเป็นหนูเคราะห์ร้าย

“จะเอาของแบบนี้ไปทำอะไร” เว่ยเสียเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉินหลิวซี มองไปยังเฉวียนจิ่ง สายตารังเกียจ “เจ้าหนังหุ้มกระดูกนี่ป่วยเป็นอะไร โอ๊ะ หรือว่าโดนพิษ”

เฉวียนจิ่งกะพริบตาปริบๆ ส่งเสียงแหบๆ ของเขาถาม “ไม่ทราบเรียกผู้ดูแลร้านท่านนี้อย่างไรดี?”

พัดในมือเว่ยเสียสะบัดกางออก โบกไปมา ชี้ไปที่ข้อความสั้นๆ ที่เขียนเป็นที่ระลึกบนพัด “ข้าแซ่เว่ย เรียกให้สุภาพหน่อยว่าเว่ยจวินก็แล้วกัน”

“ผู้ดูแลเว่ย” เฉวียนจิ่งยิ้มให้พลางกุมมือคารวะ

เว่ยเสีย “อย่ายิ้มเลย ใบหน้าไม่มีแก้มทั้งสองข้าง ยิ้มเจ้าทั้งแข็งทั้งไม่น่าดู”

รอยยิ้มของเฉวียนจิ่งชะงักค้างที่มุมปาก

เฉวียนอันคนสนิทของเขายืนอยู่ด้านหลังอย่างรู้สึกโกรธ ร้านนี้ตั้งแต่เจ้านายยันบ่าว แต่ละคนฝีปากร้ายยิ่งกว่ายาพิษในตัวคุณชายบ้านเขาเสียอีก

ขณะที่ฟังพวกเขาสนทนากันฉินหลิวซีก็ทำงานไม่ได้หยุดมือ นางหยอดเลือดพิษเข้าไปในปากของหนูตัวนั้นโดยตรง จากนั้นโยนมันไว้ข้างๆ แล้วไปล้างมือ

หนูตัวนั้นกำลังคิดจะกระโดดหนี วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ตัวมันแข็งค้าง เท้าทั้งสี่ที่เหยียบอยู่บนพื้นล้มลงแน่นิ่งไม่ไหวติง

มนุษย์เป็นสัตว์ที่โหดร้ายทารุณ ใช้หนูทดลองยา!

ฉินหลิวซีเห็นแล้วจึงเอ่ยกับเฉวียนจิ่ง “ท่านถูกพิษจนตัวเองกลายเป็นพิษไปแล้ว หากนำไปใช้ให้ดี ตัวท่านเองคืออาวุธร้ายแรง”

เฉวียนจิ่งมองไปยังหนูที่นิ่งสนิท ใบหน้าเผยรอยยิ้มขมขื่น คำชมนี้ไม่รับได้หรือไม่

“ถูกพิษได้อย่างไร รู้ที่มาหรือไม่” ฉินหลิวซีวางสองนิ้วทาบลงบนข้อมือเขาเพื่อตรวจชีพจร แค่วางนิ้วมือลงไปเท่านั้น นางขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก สภาพชีพจรเต้นช้าเกินไปแล้ว หากไม่ดูให้ละเอียด เกือบจะหาชีพจรไม่เจอ

นางเปลี่ยนวิธีจับชีพจร มือข้างหนึ่งกดนับคำนวณนิ้วมือ ใช้วิชาจับชีพจรไท่ซู่ สองตาปิดลงเบาๆ พลางเอ่ย “บิดาเสียชีวิตมารดาวิกลจริต พี่น้องสายเลือดเดียวกันมีทั้งหมดห้าคน เป็นชายสามหญิงสอง พี่ชายคนโตตายในการรบครั้งที่ยี่สิบเอ็ด พี่ชายคนรองตายในการรบครั้งที่สิบแปด…”

ฉินหลิวซีเอ่ยมาถึงตอนนี้นางหยุดชะงักไป ลืมตาขึ้นมองเฉวียนจิ่งด้วยความตกใจ แล้วจึงเอ่ยต่อไป “ท่านในวัยเด็กอายุได้สิบขวบชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย อายุสิบห้าลงสนามรบ อายุสิบหกเสี่ยงชีวิตอีกครั้ง อายุยี่สิบ…ท่านเจ็บป่วยครั้งนี้ ได้รับพิษมาจากการรบกับพวกทูเจวี๋ย[1]งั้นหรือ”

เฉวียนจิ่งกลืนน้ำลาย ยกมือขึ้นลูบบาดแผลที่หน้าอกข้างซ้ายโดยไม่รู้ตัว “ท่านสืบข่าวมาหมดแล้ว?”

ฉินหลิวซีหัวเราะ “ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ข้าจะสืบเรื่องของท่านไปทำไม จับชีพจรไท่ซู่สามารถรู้เรื่องของคนคนนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องโชคดีหรือร้าย ความสุขหรือหายนะ ข้าเพียงใช้วิชาแขนงนี้ตรวจดูดวงชะตาของท่านเท่านั้น แต่ดูแล้วท่านเกิดมาฐานะสูงส่ง กลับต้องเผชิญเคราะห์ร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งคนในบ้านก็…”

นางเงียบไปครู่หนึ่ง ชะตาชีวิตที่เกิดขึ้นกับแม่ทัพส่วนมาก เดินทัพในสนามรบก็หายไปครึ่งชีวิตแล้ว ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งต้องแล้วแต่ฟ้าลิขิต

ตระกูลเฉวียนมีอำนาจในเมืองซีเป่ยมาได้ตลอด ก็เพราะกองกะโหลกของคนในตระกูลที่สูงขึ้นมา

เฉวียนจิ่งไม่คาดคิดว่าสิ่งที่นางรู้จะมาจากการตรวจดวงชะตา “ท่านเอ่ยไม่ผิด ข้าถูกพิษนี้จากการโดนธนูยิงใส่จนบาดเจ็บ หัวลูกศรอาบยาพิษ แม้ว่าในตอนนั้นกินยาแก้พิษไปแล้ว แต่ยังไม่วายถูกฤทธิ์ร้ายแรงของมันเล่นงาน หลายปีมานี้หาหมอไม่รู้ตั้งเท่าใด แม้แต่เหนียงจื่อผู้มีพิษชาวเจียงหูยังไม่สามารถขจัดมันออกไปได้ ได้แต่กดให้ฤทธิ์เบาลง แม่นางหว่านไป๋ก็คือลูกศิษย์ของเหนียงจื่อผู้มีพิษ เป็นคนที่บ้านข้าใช้ทองจำนวนมากจ้างมาคุ้มครองชีวิตข้า แค่กแค่ก…”

“แม้จะรักษาชีวิตไว้ได้ชั่วคราว ก็เพียงแค่ดิ้นรนประคองชีวิตรอดไปวันๆ พิษนี้กระจายไปทั่วร่างกายของท่าน แม้แต่เลือดในตัวก็กลายเป็นเลือดพิษ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงห้าอวัยวะหยินหกอวัยวะหยางที่ถูกพิษกัดกิน คาดว่าเมื่อพิษกำเริบ อวัยวะทั้งหมดคงเจ็บปวดเหมือนกำลังถูกฉีกกระชากและเผาไหม้ กระดูกทั่วทั้งร่างเจ็บปวดเหมือนถูกมดกัดกิน

“ท่านรู้หรือว่านี่คือพิษอะไร”

ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ แต่ข้าได้กลิ่นชนิดหนึ่งจากเลือด ชื่อของมันคือมดคันไฟ และมีน้ำยางของต้นยางน่อง[2] มดคันไฟเติบโตในทะเลทราย ดินแดนทูเจวี๋ยทางตะวันตกมีทะเลทรายดำซึ่งมีมดที่มีพิษร้ายแรงเช่นนี้ เมื่อรวมกับอาการที่พิษรวมกับเลือดทำให้หายใจลำบาก ท่านยังมีชีวิตอยู่ได้ น่าจะเป็นเพราะในตอนนั้นท่านกินยาแก้พิษเข้าไปทันที นี่ก็ดีมากแล้ว ไม่อย่างนั้นท่านได้ไปต่อแถวรอไปเกิดใหม่นานแล้ว”

“นั่นเป็นยาเม็ดแก้ร้อยพิษที่แก้ได้ร้อยชนิดพิษ แต่สำหรับพิษชนิดนี้กลับไม่ได้ผล” เฉวียนจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ยาเม็ดแก้พิษร้อยชนิดเพียงทำให้ข้าไม่ตายไปเดี๋ยวนั้นในสนามรบ แต่ยาพิษที่ชื่ออัคคีเยือกแข็งกร่อนกระดูกนี้กลับค่อยๆ กัดกินร่างกายข้าทีละน้อย เป็นอย่างที่ท่านว่า ดิ้นรนประคองชีวิตรอดไปวันๆ”

หวังอวี้เชียนตัวสั่น “น้องสาว เจ้าว่าพิษที่เฮ่อฉีได้รับนี้ สามารถขจัดออกไปได้หรือไม่”

ทุกคนต่างมองฉินหลิวซีด้วยสายตาแวววาว

ฉินหลิวซีขยับชามกระเบื้องในมือ นางตอบด้วยน้ำเสียงเบาบาง “พิษนี้ขจัดไม่ได้”

[1] ทูเจวี๋ย เตอร์กิก

[2] ต้นยางน่อง เป็นไม้ยืนต้น ผลัดใบ ขนาดใหญ่ ยางเป็นพิษถูกบาดแผลทำให้ตายได้ เพราะยางไม้นี้วิ่งเข้าสู่กระแสโลหิตได้เร็วมก็มีผลในทางดีได้ หรือใช้แก้ช็อกหมดสติ ใช้ยางจากใบและลำต้น ทำลูกดอกอาบยาพิษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด