การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 615 กำจัด (3)
บทที่ 615 กำจัด (3)
บทที่ 615 กำจัด (3)
ถังเซวี่ยเอ่ยถามขึ้นมาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วง พวกหัวเฟยหลงถูกจับตัวไว้หมดแล้ว”
ในขณะที่กล่าว ถังซวงมองไปที่ถังเซวี่ยแล้วยิ้ม “ต้องขอบคุณเสี่ยวเซวี่ยของพวกเรา ถ้าไม่ใช่เสี่ยวเซวี่ยที่บอกให้พวกเรารีบลงมือก่อน เรื่องก็อาจจะไม่ราบรื่นแบบนี้”
ถังเซวี่ยดีใจเป็นอย่างมาก
“พี่ แค่ฉันได้ช่วยก็ดีมากแล้วค่ะ”
ฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง แม้จะอายุยังน้อยแต่กลับฉลาดมาก พวกเขาพอจะรู้ได้ราง ๆ ว่าตอนเช้าเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองจึงรีบเดินไปข้างหน้า แล้วกอดขาของถังซวงไว้คนละข้าง
“พี่… พี่… อุ้ม ๆ…”
เพิ่งเห็นท่าทีน่ารักน่าเอ็นดูของหนูน้อยทั้งสอง หัวใจของถังซวงก็ละลาย รีบอุ้มพวกเขาขึ้นมาคนละข้าง
ถังหลานเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกลูกสองคนพี่น้องรีบลงมาเลยนะ อย่าไปกวนพี่”
ถังซวงกลับยิ้มและกล่าวว่า “แม่คะ ไม่เป็นไรค่ะไม่ได้หนักอะไร”
เธอกล่าวพลางพาพวกเขาเข้าไปด้านในทันที
ทันใดนั้นเองบรรยากาศก็ผ่อนคลายลง ทุกคนต่างก็เดินเข้าไปข้างในด้วยรอยยิ้ม
“ซวงเอ๋อร์ พวกลูกยังไม่ได้ทานข้าวเช้าใช่ไหม เดี๋ยวแม่จะสั่งคนให้เอามาส่งให้”
ถังหลานดูเวลาแล้วพบว่านี่เพิ่งจะเก้าโมงกว่าเท่านั้น และนึกขึ้นว่าได้ว่าลูกสาวและพวกออกไปจัดการธุระตั้งแต่เช้าตรู่คงไม่ทันได้ทานข้าวเช้า
ถังซวงเองก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อได้ยินจึงกล่าวพลางพยักหน้า “ดีเลยค่ะ ตอนนี้หนูหิวจนทานข้าวได้สามชามใหญ่ ๆ ได้แล้ว”
หลังจากจัดเตรียมอาหารเช้าเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนในครอบครัวก็นั่งทานอาหารพร้อมกัน
จิงเจ้อหรง ถังหลานและถังเซวี่ยที่ไม่มีกะจิตกะใจจะทานข้าว เพราะเป็นกังวลเรื่องทางโน้นของถังซวง แต่ในที่สุดตอนนี้ก็สามารถทานได้อย่างสบายใจแล้ว ส่วนฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยที่แต่ละมื้อทานได้ไม่เยอะ แต่หิวไว พอได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งสองก็ทานอาหารได้มากขึ้น
หลังจากครอบครัวทานข้าวเสร็จก็กลับไปพักผ่อน
ทางด้านหัวเทียนจางจัดการเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงเย็นก็ได้ตัดสินโทษหัวเฟยหลงและพวกแล้ว
เมื่อถังซวงทราบเรื่องว่าครอบครัวของหัวเทียนอวี้ทุกคนถูกขับไล่ออกจากตระกูลหัวไปประจำอยู่ที่ถิ่นเดิมของตระกูลหัว เธอก็พยักหน้าอย่างอดไม่ได้ เพราะหัวเฟยเฟิ่งบอกเธอว่าที่ถิ่นเดิมของตระกูลหัวนั้นยังมีคนคอยดูแลปกป้องอยู่ ครอบครัวของหัวเทียนอวี้น่าจะต้องอยู่ที่นั่นไปจนแก่
“ซวงเอ๋อร์ ครั้งนี้ทวดของหลานรู้สึกผิดจริง ๆ เขาเองก็รู้ตัวแล้วว่าทำผิดไป เพราะฉะนั้นหลานอย่าได้โกรธเขาอีกเลยนะ”
ถังซวงได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกล่าว “คุณยายคะ หนูไม่ได้โกรธทวดนะคะ เมื่อครู่หนูก็เรียกท่านว่าทวดแล้วด้วย”
เมื่อได้ยินดังนี้ หัวเฟยเฟิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างอดไม่ได้ “เอาละ ๆๆ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”
ทว่าเมื่อเธอนึกถึงยาคืนชีพที่ถังซวงหยิบขึ้นมา ก็คิดว่าจะต้องหาตัวยานั้นให้ได้ เพราะยาคืนชีพนั้นล้ำค่ามากทั้งยังเป็นยาช่วยรักษาชีวิตอีกด้วย เธอรู้สึกซาบซึ้งมากจริง ๆ ที่เมื่อครู่ถังซวงมอบให้คุณพ่อโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ตระกูลหัวเกิดความโกลาหล
ด้วยเหตุที่หัวเฟยหลงและหัวโย่วเฉิงลากคนตระกูลหัวไปด้วยไม่น้อย หลังจากหัวเทียนจางให้ครอบครัวของหัวเทียนอวี้ทั้งหมดไปประจำอยู่ที่ถิ่นเดิมของตระกูลหัวแล้ว พวกคนของตระกูลหัวที่สนับสนุนหัวเฟยหลงก็ถูกลงโทษด้วยเช่นกัน ในตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าตระกูลหัวได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากนี้ต่อไปตระกูลหัวจะไม่มีหัวเฟยหลงอีกแล้ว และถังเซวี่ยก็คือผู้นำตระกูลหัวคนต่อไป
อย่างไรก็ตามบางคนก็ตั้งข้อสงสัยเรื่องนามสกุลของถังเซวี่ย
“ผู้นำตระกูล ในเมื่อถังเซวี่ยเป็นผู้นำตระกูลหัวของเรา เธอก็ควรเปลี่ยนนามสกุลเป็นสกุลหัวไม่ใช่หรือ”
เรื่องนี้หัวเทียนจางไม่สามารถตัดสินใจเองได้ตามอำเภอใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถามถังเซวี่ยโดยตรง
หลังจากที่ถังเซวี่ยได้ทราบก็ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว “ค่ะ หนูจะเปลี่ยนนามสกุลเป็นสกุลหัว”
ในเมื่อจากนี้ต่อไปเธอจะได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหัว เช่นนั้นก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่จะต้องใช้นามสกุลหัว
หัวเทียนจางได้ยินว่าถังเซวี่ยเห็นด้วยก็รู้สึกดีใจ
“ดีเลยเสี่ยวเซวี่ย ทวดจะไปหาฤกษ์ทันที จากนั้นก็จะใส่ชื่อของเหลนลงในแผ่นป้ายของตระกูล”
“ได้ค่ะ”
ถังเซวี่ยยิ้มพลางพยักหน้า
เมื่อหัวเฟยเฟิ่งรู้เรื่องนี้ก็รีบไปจัดการด้วยความดีใจ
เมื่อเปิดหอบรรพชนขึ้นเพื่อทำการบันทึกลงในแผ่นป้ายตระกูล คนตระกูลหัวทั้งหมดก็เดินเข้ามาเป็นสักขีพยานว่าถังเซวี่ยได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘หัวเซวี่ย’
“เสี่ยวเซวี่ย จากนี้ไปเธอคือคนของตระกูลหัวของพวกเรา เมื่อเธอเรียนจบแล้วก็ขึ้นสืบทอดตระกูลหัว”
หัวเทียนจางซาบซึ้งใจมาก เขามองถังเซวี่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู
ถังเซวี่ยก็ยิ้มพลางพยักหน้า “ทวดคะ ถ้าหนูมีเวลาหนูจะกลับมานะคะ”
“ได้สิ อย่างไรเสียร่างกายทวดยังแข็งแรงอยู่ เดี๋ยวจะช่วยเหลนปกป้องดูแลตระกูลหัวไปก่อน”
หัวเทียนจางคุยกับถังเซวี่ยอยู่สักพัก ก่อนจะให้เธอกลับไปพักผ่อน
ถังเซวี่ยรู้สึกไม่ชินกับชื่อใหม่ และคนในบ้านเองก็ชินกับนามสกุลของพวกเธอสองพี่น้องด้วย พวกเขาจึงแอบเรียกเธอว่าถังเซวี่ยโดยไม่มีใครรู้
เมื่อจบเรื่องของตระกูลหัว ถังซวงก็กลับไปที่ตระกูลถังและจากนั้นทั้งครอบครัวก็กลับมาปักกิ่ง
ขณะเดียวกันนี้เอง การจัดเตรียมงานแต่งงานของจิงเหวินรุ่ยและจูรุ่ยก็เกือบจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่ออวี๋มินเห็นครอบครัวถังหลานกลับมาแล้ว จึงกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อาหลาน พวกเธอกลับมาได้ทันเวลาพอดีเลย วันมะรืนก็จะถึงงานหมั้นของเหวินรุ่ยกับเสี่ยวรุ่ยแล้ว และพวกเธอต้องไปร่วมงานให้ได้นะ”
ถังหลานจึงรีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้รอง ที่พวกเรารีบกลับมาก็เพื่อร่วมงานหมั้นของเหวินรุ่ยและเสี่ยวรุ่ยนั่นแหละค่ะ แล้วตอนนี้จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยหรือยังคะ ต้องการให้พวกเราช่วยเหลืออะไรไหม?”
อวี๋มินได้ยินก็รีบส่ายหน้าและกล่าวว่า “จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วละ สิ่งที่พวกเธอต้องทำก็คือเข้าร่วมงานแค่นั้นแหละ“
เมื่อได้ยิน ถังหลานก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ”
และเมื่ออวี๋มินมองไปเห็นฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง แววตาก็เต็มไปด้วยความรัก “ฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยของพวกเรากลับมาแล้ว รีบมาให้ป้ารองกอดหน่อยเร็ว”
ทั้งฟักทองน้อยและฟักขาวน้อยยังจำอวี๋มินได้ ดังนั้นทั้งสองจึงเดินตรงไปข้างหน้าทันที
ขณะนี้เอง คุณนายจิงที่เพิ่งทราบข่าวก็รีบมาหาหลานชายคนเล็กและหลานสาวคนเล็ก เธอรู้สึกตื้นตันใจอย่างมาก
“โอ๋ ๆ… หลานย่าในที่สุดก็กลับมาแล้ว” ในขณะที่กล่าว เธอก็เดินเข้าไปอุ้มฟักขาวน้อย
เมื่อฟักขาวน้อยเห็นคุณนายจิงก็เรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “คุณย่า…”
“โอ้…”
Comments