คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 668 การยั่วยุจากคนทรยศ

Now you are reading คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า Chapter 668 การยั่วยุจากคนทรยศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 668 การยั่วยุจากคนทรยศ

บอกว่าหาเส้นสายผีเพื่อความสะดวก แต่ฉินหลิวซีก็ไม่ได้มองข้ามสมดุลการเวียนว่ายตายเกิด ยังคงแย่งคนมาจากยมทูตอย่างถูกต้อง ดังนั้นพิษของเฉวียนจิ่งไม่อาจล่าช้าได้

“ข้าจะไปที่หอเติงเซียนในอารามชิงผิงเปิดดูตำราลับสักหน่อย” ฉินหลิวซีให้เว่ยเสียอยู่เฝ้าร้านเฟยฉางเต๋า ในขณะที่นางพาศิษย์ทั้งสองออกนอกเมืองมุ่งหน้าไปที่อาราม

ที่อารามชิงผิงในช่วงบ่าย มีผู้ศรัทธาเพียงไม่กี่คน

อู๋เหวยพึ่งจะมอบคำพยากรณ์ให้ผู้ศรัทธาผู้หนึ่งเสร็จ กลับมาที่ตำหนักใหญ่ ก็เห็นชายผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเขียวและสวมหมวกเดินเข้าไปในตำหนัก

“ท่านผู้ประเสริฐ เข้ามาในตำหนักต้องถอดหมวก เพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า” อู๋เหวยก้าวไปข้างหน้า มองดูอีกฝ่าย

ชายผู้นั้นถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น ฉีกยิ้ม “ใบหน้านี้ของข้าก็ถือว่าเป็นการแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าหรือ”

กากบาทบนใบหน้า หากไม่ใช่ชายชุดดำซาหยวนจื่อจะเป็นใครไปได้

อู๋เหวยสบกับดวงตาสีเข้มอันลุ่มลึกคู่นั้นของเขา ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ขอสวรรค์ประทานพรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ท่านผู้ประเสริฐจะจุดธูปบูชาหรือจุดตะเกียงดี”

“ข้าก็แค่มาดู” ซาหยวนจื่อเงยหน้าขึ้นมองรูปหล่อทองคำของเจ้าลัทธิเต๋าที่อยู่ตรงหน้า เมื่อมองดูก็ยกมือขึ้นบังดวงตาตามสัญชาตญาณ ถอยหลังหนึ่งก้าว

เมื่ออู๋เหวยเห็นดังนั้น ในใจก็รู้สึกประหลาดเป็นอย่างมาก มองสำรวจซาหยวนจื่ออย่างเงียบๆ

กลิ่นอายของคนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง มืดมนมาก ซ้ำยังมีพลังงานหยินที่รุนแรงเป็นอย่างมาก

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งชั่วร้าย เพราะหากเป็นสิ่งชั่วร้ายอย่างแท้จริง อย่าว่าแต่เข้าตำหนักเลย แม้แต่บริเวณภายในอารามชิงผิงก็ไม่กล้าเข้ามาด้วยซ้ำ สรุปก็คือเขาอยู่ในอารามชิงผิงมานานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเงาผีแม้แต่ตัวเดียว แม้ว่าจะเป็นบนเนินเขาด้านหลังของอารามตัวเองก็ตาม

อู๋เหวยนึกถึงความสามารถที่คาดเดาไม่ได้ของฉินหลิวซี ในใจคิดว่าหากเขาเป็นผีก็คงไม่กล้ามาวนเวียนอยู่ในอาณาเขตของนาง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลาย

ผู้ที่เข้าใจสถานการณ์คือผู้เฉลียวฉลาด ผีก็เช่นกัน

ดังนั้นอู๋เหวยจึงไม่ได้คิดว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งชั่วร้ายในคราบของคน เพียงแต่รู้สึกว่าคนผู้นี้ประหลาดนัก พลังงานหยินรุนแรงขนาดนี้ คงจะแบกรับกรรมไว้ไม่น้อย

เขากลับไม่รู้เลยว่าในใจของซาหยวนจื่อก็กำลังร้องโหยหวนและรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก

เพียงมองตรงไปที่เจ้าลัทธิเต๋า เขาก็รู้สึกว่าผิวหนังที่ห่อหุ้มถูกลอกออกภายใต้สายตาทรงอำนาจคู่นั้น ไม่มีที่ให้หลบซ่อน ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้าน

เขาอยากจะหนี

“ท่านผู้ประเสริฐ?” อู๋เหวยยื่นมือออกมา

ซาหยวนจื่อคว้ามือของเขาไว้ จ้องมองเขาด้วยสายตาชั่วร้าย

อู๋เหวยสีหน้าเปลี่ยนไป อยากจะดึงมือกลับ สายตาก็เริ่มมีความระมัดระวัง นี่คงไม่ใช่นักฆ่าในยุทธภพอะไรนั่นหรอกกระมัง

ซาหยวนจื่อปล่อยมือ ก่อนจะเอ่ย “ได้ยินมาว่าอารามชิงผิงศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านอาจารย์ปู้ฉิวที่อยู่ที่นี่ก็มีความสามารถเก่งกาจเป็นอย่างมาก นางอยู่หรือไม่”

“ท่านเจ้าอาวาสน้อยไม่อยู่ มีแต่นักพรตท่านอื่นๆ เจ้าอาวาสก็อยู่ ท่านผู้ประเสริฐอยากจะขออะไรก็ได้ทั้งนั้น” อู๋เหวยตั้งใจกล่าวถึงเจ้าอาวาสชื่อหยวน

ซาหยวนจื่อกล่าวว่า “เจ้าล่ะ ดูโหงวเฮ้งเป็นหรือไม่”

“ท่านผู้ประเสริฐต้องการจะดูโหงวเฮ้งหรือ” อู๋เหวยเอ่ยต่อไป “ข้ารู้เพียงผิวเผิน แต่นักพรตชิงหย่วนในอารามของเราเก่งกว่าข้า”

“ไม่ต้อง เจ้าดูให้ข้าสิ” ซาหยวนจื่อเหลือบมองรูปหล่อทองคำเจ้าลัทธิเต๋าจากหางตา เอ่ยต่อไป “ไปที่อื่นเถิด”

หากอยู่ในตำหนักนี้ต่อไป เขาจะระงับความกระสับกระส่ายไม่ไหวแล้ว

อู๋เหวยพาเขาออกจากตำหนักใหญ่มาที่ตำหนักหลัง ถามแปดอักษรเวลาตกฟากของเขา

ซาหยวนจื่อส่ายหน้า “ข้าไม่รู้”

เขาถูกท่านอาจารย์เก็บมาจากหลุมฝังศพหมู่ ไม่รู้ชาติกำเนิดของตัวเอง และเขาก็ไม่เคยสนใจ

อู๋เหวยขมวดคิ้ว ไม่รู้จริงๆ หรือว่าตั้งใจทดสอบเขากันแน่

“หากไม่มีแปดอักษรเวลาตกฟากก็ดูโหงวเฮ้งไม่ได้หรือ” ซาหยวนจื่อเหลือบมองเขา

อู๋เหวยหัวเราะในใจ หากบรรพบุรุษน้อยของพวกเขาอยู่ แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ยังคงหยิ่งผยองได้ เขาให้ตายได้เลย!

“เช่นนั้นข้าจะกล่าวคร่าวๆ สักสองสามประโยค ท่านผู้ประเสริฐแค่รับฟังก็พอ” เขามองดูโหงวเฮ้งของซาหยวนจื่ออย่างละเอียด ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ตำแหน่งฟู่หมู่ของท่านมืดมนจมลงไร้แสงสว่าง บิดามารดาเสียไปแล้วทั้งคู่ ความสัมพันธ์เครือญาติอ่อนแอ สันจมูกเบี้ยวทั้งสองข้าง จากบ้านเกิดมาตั้งแต่เด็ก แต่ขมับด้านซ้ายของเจ้านูนออกมาเล็กน้อย ถูกคนรับเลี้ยงใช่หรือไม่”

ดวงตาของซาหยวนจื่อสว่างวาบขึ้นมา “บิดามารดาข้าเสียแล้วหรือ”

“โหงวเฮ้งเผยให้เห็นเช่นนี้ ตำแหน่งฟู่หมู่มีรอยเส้นยุ่งเหยิงซ้ำยังมีแผลเป็น บิดามารดาของื่ร…” อู๋เหวยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ย “ตายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ”

ซาหยวนจื่อตกตะลึง

ตายอย่างไม่เป็นธรรมชาติ?

อู๋เหวยเชี่ยวชาญในการสังเกตคำพูดและสีหน้า รู้ว่าตัวเองเอ่ยถูกแล้วส่วนหนึ่ง จึงกล่าวว่า “ข้าเข้าใจเรื่องโหงวเฮ้งเพียงผิวเผิน ท่านผู้ประเสริฐเพียงลองฟังดูก็พอ หรือว่าจะให้ข้าเชิญนักพรตท่านอื่นมาดูโหงวเฮ้งให้ท่าน”

“ไม่ต้องหรอก” ซาหยวนจื่อหยิบเงินย่อยออกมาแล้วโยนไปให้ “ข้าเดินไปรอบๆ อารามได้หรือไม่”

“ข้าจะนำทางให้แก่ท่านผู้ประเสริฐเอง” อู๋เหวยเอ่ย ไม่รู้ว่าคนผู้นี้มีที่มาอย่างไร หากปล่อยให้เขาเดินไปเพียงลำพัง ใครจะไปรู้ว่าเขาจะทำอะไร

ซาหยวนจื่อยิ้มนิ่งๆ พลางมองเขา “คนในอารามชิงผิงของพวกเจ้าล้วนระมัดระวังเสียจริง”

เมื่ออู๋เหวยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง อีกฝ่ายก็เอื้อมมือออกมาตบที่หน้าผากของเขา

สวรรค์ประทานพรไม่มีที่สิ้นสุด ข้าจะจบเห่แล้ว คนผู้นี้ผิดปกติจริงๆ ด้วย

“ใครก็ได้…” อู๋เหวยอ้าปากร้อง จากนั้นพลันอ่อนแรงหมอบลงบนโต๊ะ ก่อนที่จะหมดสติไป ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียว

แม้แต่ในอารามของตัวเองก็ยังพลาดท่าได้ เกรงว่าจะถูกบรรพบุรุษน้อยไล่ออกจากอารามแล้วกระมัง

ซาหยวนจื่อเดินออกไปอย่างสงบ มองไปยังหอไจซิงที่มีห้าชั้น ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าไปที่นั่น ทันใดนั้นก็รู้สึกหนาวหลัง เมื่อหันกลับไปอย่างรวดเร็ว โซ่วิญญาณพลังหยินที่พันมือของเขาอยู่ก็หลุดออกมาในขณะที่เขาหันหลังกลับ

นักพรตชื่อหยวนสะบัดแส้หางม้าในมือ พันรอบโซ่วิญญาณแล้วกระชาก สายตาเกรี้ยวกราด “เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรบุกเข้ามาในอารามชิงผิงของข้า”

เมื่อซาหยวนจื่อเห็นเขา ริมฝีปากก็ขยับ ห่วงโซ่วิญญาณดูเหมือนจะส่งเสียงกรีดร้องแหลมเสียดหู วิญญาณชั่วร้ายหลายตนโผล่ออกมาจากโซ่แล้วพุ่งไปหานักพรตเฒ่าชื่อหยวนเพื่อกัดกินเขา

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสีหน้ามืดครึ้ม กระทืบเท้า มือหนึ่งร่ายคาถา “ใต้หล้าไร้ขอบเขต ยืมอำนาจจักรวาลปกป้องร่างที่แท้จริงของข้า ปลดปล่อยเปลวเพลิงออกมา ทำลาย!”

เหมือนว่ามีแสงสีทองสาดออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้อง กระเด็นออกไป

“สายฟ้าจากสวรรค์ ไฟจากปฐพี ทำลายความชั่วร้ายในโลก จงเร่งลงมือ เพี้ยง”

ก่อนที่วิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นจะได้หายใจ นักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็ได้วาดยันต์กลางอากาศโจมตีไปยังวิญญาณร้ายเหล่านั้น

เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่ววิหารหลัง

ดวงตาของซาหยวนจื่อเป็นประกาย สะบัดมือ เข็มดอกสาลี่[1]จำนวนหนึ่งพุ่งไปที่นักพรตเฒ่าชื่อหยวน

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนรีบถอยหลัง ในขณะเดียวกันชิงหย่วนได้รีบวิ่งมา ซาหยวนจื่อเห็นดังนั้นก็ร่ายคาถาแล้วหายไปในทันที

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนกำลังจะไล่ตามไป จู่ๆ ที่ไหล่ก็รู้สึกเจ็บแปลบ เมื่อก้มลงดูพบว่ามีเข็มดอกสาลี่ปักอยู่ที่ไหล่สองเข็ม พลังงานหยินค่อยๆ แทรกเข้าสู่ร่างกาย

เขาดึงเข็มออกมา กดไปที่จุดฝังเข็มสองจุด แล้ววาดยันต์ปราบปีศาจบริเวณที่โดนเข็มปัก ดึงพลังงานหยินออกมา

จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังทิศทางที่ซาหยวนจื่อหายไป สีหน้าของนักพรตเฒ่าชื่อหยวนดูแย่เล็กน้อย

“ท่านเจ้าอาวาส ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ชิงหย่วนวิ่งมาหา เอ่ยว่า “คนผู้นั้นเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาก่อเรื่องในอารามชิงผิง”

“เป็นศิษย์คนทรยศของอารามชิงผิงเมื่อก่อนหน้านี้” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนสีหน้ามืดมน คนผู้นั้นเกรงว่าจะเป็นลูกศิษย์ที่ชื่อเจินจื่อรับเลี้ยง เขากล้าปรากฏตัวในอารามชิงผิงโดยไม่ปิดบังใดๆ เพื่อที่ต้องการจะบอกว่าชื่อเจินจื่อยังมีชีวิตอยู่หรือต้องการมายั่วยุกันแน่

ชิงหย่วนขมวดคิ้ว

“ไปดูอู๋เหวย” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเดินเข้าไปในวิหารหลัง รีบไปอยู่ที่ข้างกายของอู๋เหวย หลังจากตรวจสอบแล้ว เพียงแค่โดนวิชาสลายวิญญาณธรรมดาเท่านั้น ทำให้หมดสติไป

ชิงหย่วนโกรธมาก “ทำเช่นนี้ได้อย่างไร หยิ่งผยองเกินไปแล้ว”

“ใครหยิ่งผยอง” ฉินหลิวซีเดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็หรี่สายตาอันเย็นชาลง

[1] เข็มดอกสาลี่ เข็มที่กระหน่ำลงเป็นสายราวกับฝนดอกไม้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด