เซียนหมากข้ามมิติ 429 มีคนตกน้ำอีกแล้ว

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 429 มีคนตกน้ำอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 429 มีคนตกน้ำอีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม ท่าทางที่ปลาชิงฮื้อมองจี้หยวนและไป๋ฉีด้วยความเคารพต่างจากเต่าเฒ่าเล็กน้อย นอกจากมันมองจี้หยวนและไป๋ฉีแล้ว มันมองหูอวิ๋นอยู่เรื่อยๆ อย่างอดไม่ได้

ส่วนหูอวิ๋นไม่จำเป็นต้องพูด มันกับไป๋ฉีนับว่าคุ้นเคยกันไม่น้อย รู้อยู่ลึกๆ ว่าท่านจี้และเทพแม่น้ำผู้นี้ล้วนเป็นผู้ไม่คิดเล็กคิดน้อย ดังนั้นจิ้งจอกตัวหนึ่งยื่นหน้าออกจากหัวเรือจนแทบจะสัมผัสผิวน้ำแล้ว ยิ่งยื่นอุ้งเท้าออกไปด้วย ใช้ส่วนอ่อนนุ่มใต้อุ้งเท้าหน้าแตะหน้าผากปลาชิงฮื้อเบาๆ

จี้หยวนมองทั้งสองตัวและสัตว์น้ำที่เกี่ยวข้องกับตนเองใต้น้ำแล้วยิ้มว่า

“เห็นทีอารมณ์ดีทีเดียว หลายปีมานี้เป็นอย่างไรบ้าง ฝึกปราณราบรื่นหรือไม่”

เท้าสองข้างของอูฉงขยับทำให้น้ำกระเด็น เหมือนกับทำท่าทางประสานมือ

“เรียนท่านจี้ ข้าเต่าเฒ่าได้รับคำชี้แนะจากท่านในตอนนั้น อีกทั้งได้ฟังบทเรียนและวิชาเรียนจากบัณฑิตอิ๋น ขจัดขี้เถ้าออกไปจากจิตวิญญาณได้ เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการฝึกปราณ”

ไป๋ฉีหัวเราะฮ่าๆ เสียงหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับจี้หยวน

“เต่าเฒ่าตัวนี้ฝึกปราณมานานปี ที่ด้อยไม่ใช่วิชาฝึกปราณปีศาจและการสั่งสมทางด้านจิตวิญญาณ แต่ด้อยเรื่องการเลือกทิศทางและเขตแดนจิตวิญญาณ ท่านจี้พยายามอย่างหนักเพื่อมัน นับว่าเป็นโชคดีของมันหลังจากฝึกปราณมาหลายร้อยปี”

ปลาชิงฮื้อพูดไม่ได้ ไป๋ฉีจึงถือโอกาสอธิบายแทน

“ส่วนชิงชิงย่อมฝึกปราณก้าวหน้า ข้าชอบนางมากเช่นกัน เรียกไปเรียกมาก็กลายเป็นว่ามีชื่อนี้เสียแล้ว”

จี้หยวนฟังแล้วอกยิ้มเห็นด้วยไม่ได้ เต่าเฒ่าอูฉงที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มอยู่บนผิวน้ำเช่นเดียวกัน

ปลาชิงฮื้อได้รับความชอบจากจี้หยวนและเทพแม่น้ำพร้อมกัน หากเปลี่ยนเป็นเต่าเฒ่าเมื่อหลายปีก่อน มันอาจอิจฉาเล็กๆ หรือริษยาปลาชิงฮื้ออยู่บ้าง แต่เต่าเฒ่าในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ยิ่งกว่านั้น ยกเว้นปลาชิงฮื้อที่มีความโชคดีอยู่กับตัว ใครเล่าจะพูดว่าผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกิดจากการฝึกปราณของมันเอง

“ปลาชิงฮื้อเป็นปลาตัวเมียหรือปลาตัวผู้”

อุ้งเท้าหูอวิ๋นเขี่ยน้ำเล่น ก่อนจะหันไปถามจี้หยวนและไป๋ฉี จี้หยวนมองมันคล้ายจะหัวเราะ

“ท่านจี้พูดถูกต้องแล้ว ข้าจะแยกแยะปลาที่อยู่ในน้ำได้อย่างไร นอกเสียจากมันกลายร่างเป็นคน…”

จี้หยวนไม่ล้อเล่นแล้ว

“ปลาชิงฮื้อ อืม ชิงชิงเป็นปลาตัวเมีย คำพูดที่ว่าสัตว์น้ำมีแต่ตัวเมียไม่ใช่คำพูดเรื่อยเปื่อย การกลายร่างเป็นเรื่องยากอย่างแท้จริง ทว่ารูปร่างครึ่งคนครึ่งปลากลับง่ายดายยิ่ง แน่นอนว่าเส้นทางการฝึกปราณที่ยุ่งยากนี้ข้าไม่แนะนำ”

ฝีพายบนเรือย้ายโต๊ะเล็กตัวหนึ่งจากในห้องโดยสารออกมาที่หัวเรือแล้ว อีกทั้งเลือกอาหารเลิศรสสามจานจากในห้องโดยสารออกมาอีก รวมถึงกาสุราและจอกสุราสองจอก จัดวางบนโต๊ะเล็กจนเต็มพื้นที่

“ท่านจี้ พวกเรานั่งก่อนเถอะ พวกมันสองตัวอยู่ในน้ำเหมือนกับนอนบนเตียงห่มผ้าห่มแสนสบาย สบายกว่าพวกเราที่ยืนอยู่นัก”

“ดีเหมือนกัน”

จี้หยวนและไป่ฉีนั่งลงแล้ว จี้หยวนอยู่ที่หัวเรือ ส่วนไป๋ฉีกลับนั่งตำแหน่งที่ค่อนไปทางข้างหลัง

จี้หยวนหยิบกาสุราขึ้นเทสุราจอกหนึ่ง เห็นสุราเข้มข้นโปร่งใส กลิ่นหอมบริสุทธิ์ ทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าเป็นวสันต์พันวันอันขึ้นชื่อของจังหวัดชุนฮุ่ย เขายังจำได้ว่าปลาชิงฮื้อชอบดื่มสุรา จึงกล่าวกับปลาชิงฮื้อว่า

“ตอนเจอกันครั้งแรกเพียงเชิญเจ้าดื่มสุราข้าวของชาวประมง วันนี้ยืมดอกไม้ถวายพระ[1] เชิญเจ้าดื่มวสันต์พันวันสักหน่อย”

พูดแล้วจี้หยวนยกจอกไปข้างนอกตัวเรือ คว่ำจอกลงเล็กน้อย สุราไหลลงสู่ผิวแม่น้ำ ปลาชิงฮื้อสูดเข้าปากทั้งหมด หากพูดถึงรสชาติของสุราเพียงอย่างเดียว วสันต์พันวันไม่ได้ด้อยกว่าสุราเซียนสุราวิญญาณใดๆ เลย

แม้ในมือจี้หยวนมีกาเชียนโต่วอยู่สองใบ ข้างในมีสุราจิตวิญญาณเซียนอย่างอำพันมังกร แต่ตอนนี้อำพันมังกรเขาใช้รักษาบาดแผล ซึ่งบาดแผลที่เกิดจากเคราะห์อสนีก็ไม่น้อยเลย จะใช้อำพันมังกรไปอย่างสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ ดูเหมือนมีไม่น้อย แต่ความจริงแล้วอาจไม่พอใช้

ส่วนสุราในอีกกาเชียนโต่วถึงไม่เลวทีเดียว แต่ก็แค่เต็มเปี่ยมไปด้วยปราณวิญญาณ ไม่ถือว่าพิเศษสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ หากพูดถึงรสชาติแล้วจี้หยวนรู้สึกว่าวสันต์พันวันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน ไม่นำออกมาก็เพื่อไว้หน้าไป๋ฉี

“เจ้าก็มาดื่มสักจอกเถอะ”

จี้หยวนชักจอกสุรากลับมา แล้วเทอีกจอกหนึ่งในเต่าเฒ่า ฝ่ายหลังรีบว่ายน้ำมาที่ข้างเรือ รับสุราที่ตกลงมา

ความจริงแล้วสุรานี้เต่าเฒ่าเป็นคนหามา มันหาสุรามากับจี้หยวนมอบสุราให้ในตอนนี้ย่อมมีความหมายแตกต่างกัน

เมื่อมอบสุราให้สองจอกแล้ว จี้หยวนไม่พูดอะไรชั่วคราว ขยับตะเกียบกินอาหารร่วมกับไป๋ฉี พร้อมทั้งชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนผิวแม่น้ำ เรือประดับโคมและเรือประดับหอเหล่านั้นถูกปกคลุมด้วยโคมสีแดงสีเหลือง ส่องสว่างคลื่นน้ำจนเกิดเป็นสีสันมากมาย

แสงดาวบนท้องฟ้าสะท้อนบนผิวแม่น้ำ จี้หยวนมีธารดาราในใจ ดวงตาเห็นธารดาราเช่นกัน เห็นทิวทัศน์งดงามของแม่น้ำวสันต์แล้วลุ่มหลงอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้

คนบนเรือประดับโคมทางนั้นชื่นชมราตรีกาลเหนือผิวแม่น้ำโดยรอบ ส่วนเรือประดับโคมลำนี้กลับเป็นส่วนหนึ่งของยามค่ำคืนในสายตาคนอื่น ตอนจี้หยวนดื่มสุราชมทิวทัศน์ เต่าเฒ่าและปลาชิงฮื้อคอยท่าอยู่ในน้ำ หูอวิ๋นกระซิบกระซาบคุยกับปลาชิงฮื้อ แม้แต่ไป๋ฉีก็เดาความคิดจี้หยวนไม่ออก จึงไม่กล้าส่งเสียงรบกวน

หลังจากนั้นนานทีเดียว จี้หยวนถอนสายตาเหม่อลอยไปไกลกลับมา ยิ้มแล้วเอ่ยปากว่า

“แม่น้ำวสันต์ดีจริงๆ เทพแม่น้ำไป๋เลือกสถานที่ได้ดี”

ไป๋ฉีดื่มสุราจากจอกในมือ พูดตามตรง

“ต้องยกความดีความชอบให้ประมุขมังกร หากเขาอยาก จะครอบครองแม่น้ำใหญ่สองสายของต้าเจินทั้งหมดยังได้ บุตรมังกรอาจได้รับความช่วยเหลือจากเทพ แต่เขากลับยอมรับข้าคนแซ่ไป๋เป็นเทพแม่น้ำ แม้ข้าคนแซ่ไป๋ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา แต่ก็เคารพเลื่อมใสเขาเป็นอย่างยิ่ง”

“ผู้อาวุโสอิงคุณธรรมสูงส่งจริงๆ”

จี้หยวนกล่าวเห็นด้วย จากนั้นมองเต่าเฒ่าและปลาชิงฮื้ออีกครั้ง

“แม่น้ำวสันต์ โดยเฉพาะโอกาสฝึกปราณที่ช่วงแม่น้ำช่วงนี้ จริงๆ แล้วนับว่าเกิดขึ้นได้ยากสำหรับพวกเจ้า ใช้แม่น้ำกั้นความวุ่นวายจากโลกมนุษย์ ลอยอยู่บนผิวแม่น้ำมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ กลางวันต้อนรับน้ำค้างยามเช้าและเมฆหลากสีสัน กลางคืนสะท้อนแสงโคมและแสงดาว…”

แม่น้ำวสันต์สงบเงียบ ส่วนจังหวัดชุนฮุ่ยครึกครื้นสนุกสนาน นี่เป็นความรู้สึกของจี้หยวน เขาพูดแล้วมองไปทางเต่าเฒ่าอูฉง

“อยู่ใกล้กับโลกมนุษย์เกินไปย่อมศึกษาได้สะดวก อีกทั้งเต็มไปด้วยสีสัน ทว่าก็หน้ามืดตามัวได้ง่าย ตอนนั้นเจ้าจึงตามหาทางลัดไปทั่วทุกที่ ซึ่งส่งผลเสียต่อการฝึกปราณ”

เต่าเฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย

“ท่านจี้พูดถูกต้อง หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นเจอการแว้งกัด ข้าก็คงไม่มีชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนั้นอยู่ตั้งหลายปี”

จี้หยวนรู้ว่าเหตุผลหลักๆ คืออะไร จึงหัวเราะฮ่าๆ

“ความจริงที่มาแม่น้ำวสันต์ในครั้งนี้ นอกจากไม่ได้พบกันนานแล้วต้องการมาเยี่ยมเทพแม่น้ำไป๋ ก็อยากมาดูการฝึกปราณของพวกเจ้าทั้งสองหน่อย และเหตุผลที่สำคัญมากๆ ก็คือมาพูดกับเจ้าเรื่องนี้”

นึกถึงครั้งก่อนที่พบคุณชายตระกูลเซียวกับแม่นางหงซิ่ว อาศัยแผนแมวดาวสับเปลี่ยนรัชทายาท[2]ของเทพีแม่น้ำปลอม จี้หยวนยังจำได้แม่น

“ตระกูลเซียวที่เจ้าช่วยในปีนั้น วันนี้ไม่อาจกล่าวได้ว่าเจริญรุ่งเรืองราวกับดวงอาทิตย์กลางท้องฟ้า ทว่ายังคงมีตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก ส่วนคุณชายตระกูลเซียวไปหาเรื่องปีศาจเข้า…”

“เอ๋?”

เต่าเฒ่าร้องอย่างประหลาดใจตามสัญชาตญาณ ความหายนะในตอนนั้น ไม่ใช่ว่าสุดท้ายแล้วตระกูลเซียวก็ถูกถอนรากถอนโคนหรือ อย่างน้อยก็ควรล้มเหลวล่มจมถึงจะถูก จากนั้นค่อยดึงสติกลับมาหลังจากประโยคครึ่งหลังของจี้หยวน

“หาเรื่องปีศาจ?”

“ถูกต้อง ปีศาจที่ไปหาเรื่องคราวนี้ไม่ได้ใจดีเหมือนกับเจ้า มรรควิถีสูงล้ำยิ่งกว่าเจ้าในตอนนี้เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจ้าในปีนั้น ข้าเลยมาพูดกับพวกเจ้าอย่างละเอียด…”

จี้หยวนพูดพลางดื่มสุรากินอาหาร เลียนแบบท่าทางของนักเล่าเรื่อง ใช้วิธีพูดด้วยเสียงเดิมเจ็ดส่วน พูดด้วยเสียงสูงสามส่วน ค่อยๆ เล่าเรื่องราวในตอนนั้น

จี้หยวนไม่ได้เล่าเรื่องของหงซิ่วและคุณชายตระกูลเซียวโดยตรง ทว่าเริ่มจากตอนที่เต่าเฒ่ามีโอกาสได้เจอบัณฑิตตระกูลเซียวในปีนั้น จัดการความคลุมเครือระหว่างนั้นซึ่งยาวนานร้อยกว่าปีจนกระทั่งตระกูลเซียวในปัจจุบัน อีกทั้งพูดถึงเรื่องเรือประดับหอในฤดูหนาวปีนั้นกับเรือลำเล็ก และคุณชายตระกูลเซียว

วิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ดึงดูดความสนใจคนเป็นอย่างยิ่งโดยไม่ต้องสงสัย กอปรกับเนื้อหาเรื่องราวโดดเด่น แม้แต่ปลาชิงฮื้อและหูอวิ๋นที่เล่นสนุกกันตลอดเมื่อครู่นี้ก็ถูกเรื่องราวนี้ดึงดูดความสนใจอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นนานทีเดียว จี้หยวนเล่าเรื่องราวจบลงโดยไม่อาจนับได้ว่าสมบูรณ์นัก ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิด

เต่าเฒ่าและหูอวิ๋นไม่ได้เริ่มเอ่ยวาจาก่อน กลับเป็นเทพแม่น้ำไป๋ฉี

“ท่านจี้ ปีศาจจิ้งจอกนั้นหลบพ้นตาทิพย์ของท่าน ถึงขั้นกล้าปลอมเป็นอิงรั่วหลีแถวแม่น้ำเทียมฟ้า ชัดเจนว่ามรรควิถีและความกล้าหาญล้วนไม่ธรรมดา!”

“เทพแม่น้ำไป๋พูดถูกต้อง นอกจากนี้ถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยกไม่ใช่ถ้ำจิ้งจอกธรรมดา แต่เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ถ้ำสวรรค์นอกพื้นที่อย่างแท้จริง มีจิ้งจอกเซียนและจอมมารที่มีหางเก้าหางประจำการอยู่”

“หึ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เหิมเกริมเกินไปแล้ว”

แม้มองไม่ออกว่าเต่าเฒ่าสีหน้าเปลี่ยนไป แต่กระดองเต่าทั้งอันจมลงสู่ใต้น้ำ เหลือเพียงส่วนหัวที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ดวงตาเบิกกว้างไม่มาก ลมหายใจเปลี่ยนเป็นไม่มั่นคงเช่นกัน

จี้หยวนรออยู่ครู่หนึ่ง เห็นเต่าเฒ่าไม่พูดจาจึงสบตาไป๋ฉีก่อนกล่าว

“หากคับข้องใจ ไปหาตระกูลเซียวด้วยตนเองก็ได้ ในเมื่อเจ้าเดินบนทางมรรคที่ยากลำบาก ปมในใจนี้กำจัดทิ้งไปได้ย่อมดีที่สุด”

อูฉงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นตอบด้วยความรู้สึกซับซ้อน

“ข้าคนแซ่อูจดจำไว้แล้ว!”

หูอวิ๋นและปลาชิงฮื้อที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วคิดว่าเป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมมาก เรื่องราวในนั้นเกี่ยวพันถึงประมุขมังกร จิ้งจอกเซียน ไปจนถึงเรื่องของถ้ำสวรรค์ สำหรับพวกมันแล้วไม่ต่างอะไรกับฟังเรื่องเล่า อีกทั้งจินตนาการเป็นภาพที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ

ตูม…

“อ๊ะ…เร็วเข้า มีคนตกน้ำแล้ว มีคนตกน้ำแล้ว…”

เสียงร้องด้วยความตกใจของสตรีดังมาจากที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ทำให้พวกจี้หยวนทอดสายตามองไป

ซ่า…

น้ำกระเด็นอยู่ตรงหัวเรือประดับโคม ปลาชิงฮื้อขยับร่างกายแหวกคลื่น ดำน้ำไปยังทิศทางที่เสียงดังมาแล้ว

“ฮ่าๆ หลายปีมานี้ชิงชิงช่วยคนที่แม่น้ำวสันต์ไม่น้อยเลยสินะ!”

ไป๋ฉีที่เห็นภาพนี้ยิ้มพลางลูบเครา ฝ่ายจี้หยวนกลับมุ่นคิ้ว ทว่าไม่ได้มุ่นคิ้วให้ปลาชิงฮื้อ

ตรงที่ห่างออกไปหลายสิบจั้ง นอกเรือประดับโคมระดับกลาง ชายคนหนึ่งตะเกียกตะกายทำให้น้ำกระเด็น เขาคือคนที่ตกน้ำคนนั้น ทว่าบนใบหน้าไม่ได้มีความรู้สึกตระหนกทำอะไรไม่ถูกสักเท่าไหร่

“ร้องอีก ร้องเสียงดังกว่านี้อีกหน่อย ยิ่งดังยิ่งดี ตระหนกกว่านี้ด้วย!”

สตรีที่อยู่ข้างเรือมองผิวแม่น้ำรอบข้าง คิดอยู่ในใจด้วยความสงสัยว่าจะมีเทพแม่น้ำมาช่วยอย่างที่เล่าลือกันจริงหรือไม่ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่บุรุษในน้ำพูดแล้วก็ไม่กล้าชักช้า รีบใช้สองมือป้องปากตะโกนเสียงดัง

“ช่วยด้วย…มีคนตกน้ำ…”

[1] ยืมดอกไม้ถวายพระ หมายถึง ใช้ของคนอื่นมาแสดงน้ำใจ

[2] แมวดาวสับเปลี่ยนรัชทายาท มาจากวรรณกรรมเรื่อง “สามผู้กล้าห้าผู้ทรงธรรม” (三侠五义) โดยหมายถึง การลอบสับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เอาของปลอมมาสับเปลี่ยนของจริง เอาตัวปลอมมาสลับกับตัวจริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด