ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้วบทที่ 842 ความคิดของปีศาจสวรรค์ (1)
บทที่ 842 ความคิดของปีศาจสวรรค์ (1)
ที่เรียกว่า จุลสหัสโลกธาตุนั้น ความจริงแล้วคือ โลกใบเล็กนับพันซึ่งเป็นเพียงชื่อรูปแบบที่ไม่ปกติธรรมดาซึ่งได้ส่งต่อคำพูดกันไปแบบปากต่อปากไปในหมู่ผู้ฝึกบำเพ็ญแห่งโลกบรรพกาล
ด้วยอาศัยความรู้ของหลี่ฉางโซ่วจากชีวิตในชาติก่อน เมื่อย้อนกลับไปในยามนั้น สงครามระหว่างสามเผ่า ได้แก่ เผ่ามังกร เผ่าหงส์ และเผ่ากิเลน มันสามารถเข้าใจได้ว่า ——
สัตว์เลื้อยคลาน วิหค และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโบราณที่ทรงพลังแกร่งกล้าได้ต่อสู้เพื่อชิงอำนาจปกครองสูงสุดในใต้หล้า
และในท้ายที่สุดก็ทำลายโลกที่เทพผานกู่ได้ทรงสร้างขึ้นมาอย่างมานะพากเพียร
พื้นที่ที่มีภูเขาปู้โจวเป็นแกนกลางได้รับการปกป้องคุ้มครองจากบรรพาจารย์เต๋า ได้ก่อตัวเป็นดินแดนเทวะทั้งห้าในยามนี้
จากนั้นเศษชิ้นส่วนบรรพกาลเหล่านั้นก็ได้ถูกโยนลงไปในความว่างเปล่า แล้วกลายเป็นตรีสหัสโลกธาตุ โดยที่ธาตุทั้งห้าล้วนเป็นโลกทั้งหมด คือ มหาสหัสโลกธาตุ ซึ่งมีชื่อทางเรียกอย่างเป็นทางการว่า โลกแห่งธาตุทั้งห้า
ส่วนโลกที่ไม่สมดุลด้วยธาตุทั้งห้าเหล่านั้น เรียกว่า จุลสหัสโลกธาตุ ซึ่งโดยหลักแล้ว พวกมันจะมีความแตกต่างไปจากโลกแห่งธาตุทั้งห้า
คำจำกัดความของมหาสหัสโลกธาตุ และจุลสหัสโลกธาตุได้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย และวิวัฒนาการไปสู่การแบ่งแยกโลกด้วยเพียงปริมาตรของโลก
จุลสหัสโลกธาตุที่พวกของหลี่ฉางโซ่วกำลังเข้าใกล้ในเวลานี้ มีหยินหยางที่สมดุลกัน มีธาตุทั้งห้าสมบูรณ์ และมีเต๋าใหญ่ที่สมบูรณ์เช่นกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นั่นก็คือ มันมีความเข้มข้นของพลังวิญญาณต่ำกว่าดินแดนเทวะทั้งห้า ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกบำเพ็ญ
ทันทีที่เขาผ่านน้ำตกสายฟ้าอันวิจิตรตระการตาที่ด้านนอก ไท่อี่เจินเหรินก็ถอนหายใจและกล่าวออกมาด้วยอารมณ์ว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นทรงพลังมากจริงๆ และยังมีรอยเท้ามนุษย์มากมายที่อยู่สุดขอบโลกที่แท้จริง”
จ้าวกงหมิงยิ้มและกล่าวว่า “ในสมัยโบราณ สงครามในเมืองเสวียนตูนั้นตึงเครียดมาก
มีทหารจำนวนมากที่ติดตามจักรพรรดิมนุษย์มาที่นี่เพื่อให้การสนับสนุนหลังจากที่พวกกลุ่มปีศาจพ่ายแพ้ และล่าถอยไป และลูกหลานของพวกเขาก็อาศัยอยู่ใกล้ๆ ในโลกใบเล็กนี้
ศิษย์พี่ แล้วเราควรเริ่มจากตรงไหนดี?”
ตี้จั้งกล่าวอย่างจริงจังว่า “ข้าและตี้ทิงอยู่ตรงกลางเพื่อเฝ้าติดตามดูแลทุกที่ ข้ายังอยากขอให้สหายเต๋าโปรดช่วยเตร่ไปรอบๆ ด้วย
อย่างน้อยที่สุด ก็ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นที่หัวใจเต๋าถูกปีศาจนอกอาณาเขตรุกรานและกระทำการบางอย่างกับจิตใจของพวกเขา
และเมื่อถึงเวลา ข้าก็จะส่งข้อความเสียงเพื่อแจ้งทุกคน”
“เช่นนั้น ข้าก็จะไปทางใต้” นักพรตเต๋าตั๋วเป่ากล่าวยิ้มๆ แล้วขี่เมฆตรงไปทางทิศใต้
หลี่ฉางโซ่วยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็ไปทางเหนือกันเถิด”
จ้าวกงหมิงตอบตามสัญชาตญาณทันที “ได้!”
แต่เมื่ออาจารย์ลุงจ้าวเงยหน้ามองขึ้นไป เขาก็เห็นหลี่ฉางโซ่วและน้องรองของเขามองเขาอย่างกระดาก
ทันใดนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็วว่า “เช่นนั้น ข้าจะไปทางตะวันตกเพื่อน้องชายของข้า ข้าจะไปทางตะวันตกเพื่อน้องชายของข้า”
กล่าวจบ เขาก็รีบขี่เมฆไปอย่างรวดเร็ว และส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ไปอีกครึ่งทาง
ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วยืนหยัดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว และแสดงให้เห็น “ใบหน้าและความรับผิดชอบ” ที่บุรุษพึงมี
เขาผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญขณะเคียงข้างกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่อยู่ห่างกันสองฉื่อ แล้วขี่เมฆตรงไปทางทิศเหนือ
ไท่อี่เจินเหรินเดาะลิ้นแล้วกล่าวว่า “ดูเทพวารีสิ สถานการณ์นี้แตกต่างไปจากของพวกเราอย่างสิ้นเชิง ติ้งติ้ง[1] พวกเราไปทางฝั่งตะวันออกกันเถิด”
อวี่ติ้งเจินเหรินกวาดแขนเสื้อของเขาพลางก้าวออกไปข้างหน้าคนเดียวแล้วกล่าว อย่างสงบว่า “พวกเราต่างก็ขี่เมฆไปกัน”
“ไม่นะ” ไท่อี่เจินเหรินยิ้มและโน้มตัวออกไปข้างหน้า “ศิษย์น้อง เจ้ามีฐานพลังสูง ทำให้ข้ารู้สึกปลอดภัยที่ได้ใกล้ชิดกับศิษย์น้องของข้าอย่างเจ้า!”
ในขณะนี้ ตี้จั้งที่อยู่บนหลังของตี้ทิง ยังลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่าง
ความแข็งแกร่งของปีศาจนอกอาณาเขตนั้นผันแปรแตกต่างหลากหลายกันไป มันอาจจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอได้
ความจริงแล้ว เขาต้องการใครสักคนที่จะปกป้องเขา และเคียงข้างเขาจริงๆ…
ช่างเถิด ทั้งหมดล้วนเป็นโชคแล้วที่ในวันนี้เทพวารีไม่ได้วางแผนทำร้ายเขาและตี้ทิงผู้ที่จะเผชิญหน้ากับพวกเผ่าปีศาจเพียงลำพัง
บนเมฆที่อยู่ห่างไกลออกไป หลี่ฉางโซ่วเพ่งพุ่งสัมผัสเซียนรับรู้ของเขาไว้ยังชนเผ่าที่อยู่ข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วครุ่นคิด
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อแก้ไขอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ของพวกปีศาจนอกอาณาเขต เราต้องใส่ใจเรื่องคุณธรรม
หากตี้จั้งตายตามธรรมชาติหลังจากการสู้รบอย่างดุเดือด นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าและข้า โชคของพวกเขา สำนักบำเพ็ญประจิมของพวกเขานั้นก็อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ทว่าเราก็ไม่อาจก่อปัญหาขัดขวางข้างหลังตี้จั้งได้ ในเวลานี้จึงต้องปล่อยเขาไปสักครั้ง”
ดวงตาของอวิ๋นเซียวเผยแววแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ เจ้าเองก็เคยมีเจตนาสังหารตี้จั้งมาหลายครั้งแล้ว แต่ในวันนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทนได้เลยจริงๆ”
“ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไปทุกอย่าง เราก็สามารถชนะได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “ข้าได้ตรวจพบสิ่งแปลกๆ ในหมู่ผู้คน และข้าจะทำเครื่องหมายพวกมันในภายหลัง
จากนั้นเจ้าก็นำพวกมันใส่เข้าไปในถังทองฮุ่นหยวนทันที แล้วอย่าเผลอปล่อยให้พวกมันไปทำร้ายผู้อื่นได้
ตามที่ท่านไป๋กล่าวไว้ ปีศาจนอกอาณาเขตเก่งกาจในเรื่องการร่ายเวทและควบคุมหัวใจเต๋า ดังนั้นเราควรระวังเอาไว้จะดีกว่า
ข้าไม่รู้ว่าจำนวนเฉพาะที่แน่นอนของปีศาจนอกอาณาเขตที่บุกรุกเข้ามาในครั้งนี้”
ในขณะนั้นอวิ๋นเซียวก็เหยียดฝ่ามือซ้ายที่ขาวราวหิมะของนางออกไป และถังทองฮุ่นหยวนบนฝ่ามือของนางก็สาดประกายวิบวับเล็กน้อยและหมุนไปช้าๆ
………………………………………………………………..
[1] อวี่ติ้งเจินเหริน
Comments