การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 620-2 แม่เจ้า! มีคนซื้อจริง ๆ (2)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 620-2 แม่เจ้า! มีคนซื้อจริง ๆ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 620 แม่เจ้า! มีคนซื้อจริง ๆ (2)

บทที่ 620 แม่เจ้า! มีคนซื้อจริง ๆ (2)

เมื่อคนที่อยู่รอบ ๆ บริเวณได้ยินต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกตะลึง “อะไรนะ ที่ก่างเฉิงก็มีเครื่องสำอางแบบนี้ด้วย แล้วยังแพงกว่านี้ตั้งสิบเท่าอีก มันราคาเท่าไหร่กันเนี่ย”

หลังจากที่หลายคนคิดคำนวณในใจ ผลลัพธ์ก็ทำให้ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป “แค่ซื้อครีมทาหน้าอันเดียว มีคนยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้นเลย?”

คนอื่น ๆ ต่างรู้สึกเหลือเชื่อ พากันคิดว่าคนก่างเฉิงเสียสติกันไปหมดแล้ว

เมื่อเพื่อนสองคนนั้นของจูรุ่ยเห็นว่าราคาเครื่องสำอางที่ปักกิ่งถูกขนาดนี้ แต่ที่ก่างเฉิงกลับแพงมาก สีหน้าของพวกเธอก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ทันที “นี่พวกคุณแกล้งคนก่างเฉิงกันหรือเปล่าคะ ทำไมที่นี่ถึงได้ขายถูกจัง”

ไม่ทันที่ถังซวงจะได้พูดอะไร ถังชุนหยานก็เดินเข้าไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิงทั้งสองท่านอย่าเพิ่งอารมณ์เสียค่ะ”

ทั้งสองคนนี้มาจากก่างเฉิง ดังนั้นถังชุนหยานจึงไม่เรียกพวกเธอว่าเป็นพวกเดียวกัน “เครื่องสำอางที่ปักกิ่งทำจากส่วนผสมที่แตกต่างจากที่ก่างเฉิงค่ะ จึงมีราคาที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา จริง ๆ แล้วที่นี่เรามีเครื่องสำอางทุกราคา มีแม้กระทั่งเครื่องสำอางที่แพงกว่าที่ก่างเฉิงก็ยังมีเลยค่ะ อีกอย่างคุณถังซวงที่เป็นผู้ก่อตั้งซวงฮวาของพวกเราก็อยู่ที่ปักกิ่งด้วยค่ะ”

เมื่อได้ยินทั้งสองคนก็อารมณ์ดีขึ้นในที่สุด ในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างสนใจเครื่องสำอางที่ราคาสูงกว่าจากที่ถังชุนหยานบอก

“แล้วเครื่องสำอางที่แพงที่สุดของที่นี่คืออะไร พวกเราอยากเห็น”

ถังชุนหยานมองถังซวงเป็นเชิงถามความคิดเห็น

ถังซวงก็พยักหน้าให้เธอ

ถังชุนหยานเห็นเช่นนั้นจึงเดินไปด้านหลังร้านและหยิบสินค้าชุดหนึ่งมาอย่างระมัดระวัง เธอผ่อนลมหายใจยาว หลังจากที่วางลง

เครื่องสำอางชุดนี้พี่สาวซวงมอบให้เธอเมื่อคืน ว่ากันว่าเป็นสมบัติของร้าน ตอนที่เธอรู้ราคาก็ตกใจมาก เครื่องสำอางที่ว่านี้ถูกตั้งราคาไว้ที่สองหมื่นหยวน ตั้งแต่แรกเห็นเธอก็รู้ว่าอย่างไรเครื่องสำอางชุดนี้ก็ขายไม่ได้ ถึงแม้ด้านในจะมีของเยอะแค่ไหน แต่ใครจะเอาเงินมากขนาดนั้นไปซื้อเครื่องสำอาง เงินสองหมื่นหยวนที่สามารถซื้อบ้านในปักกิ่งได้หลังหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

เมื่อทุกคนเห็นว่าถังชุนหยานระมัดระวังอย่างมากและได้เห็นเครื่องสำอางที่บรรจุในหีบห่อหรูหรา ทุกคนต่างมองด้วยความสงสัย

หญิงสาวสองคนจากก่างเฉิงก็สงสัยใคร่รู้เช่นกัน

“เปิดออกมาดูได้หรือเปล่า?”

ถังซวงก้าวไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า “แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว ข้อแม้ก็คือมองได้แต่จับไม่ได้ เพราะสินค้าชุดนี้ราคาสองหมื่นหยวน ถ้าตกแตกไปร้านเราจะเสียหายค่ะ”

“ว้าว…”

“ฉัน… ฉันฟังผิดไปหรือเปล่าเนี่ย”

“ฉันก็สงสัยว่าตัวเองจะฟังผิดเหมือนกัน”

“เมื่อครู่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าสองหมื่นหยวนจริง ๆ หรือ เธอรู้ไหมว่าที่เธอพูดถึงมันราคาเท่าไหร่กัน”

แม้แต่จูรุ่ยและเพื่อนสองคนนั้นต่างก็ตกตะลึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ แค่เครื่องสำอาง อะไรจะแพงขนาดนี้

ถังซวงยิ้มตาหยีและพูดว่า “พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก มันราคาแพงมากจริง ๆ ค่ะ” เมื่อกล่าวจบ เธอยังใช้ภาษาอังกฤษแนะนำให้ชาวต่างชาติทั้งสองคนโดยเฉพาะ เมื่อครู่เธอได้ยินทั้งสองคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เธอก็เลยพูดภาษาอังกฤษกับทั้งสองไป

เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน ชาวต่างชาติทั้งสองก็เดาได้ว่าเครื่องสำอางพวกนี้มีราคาแพง แต่ไม่คิดว่าจะราคาแพงขนาดนี้ ในประเทศจีนจะมีของแพงขนาดนี้ได้อย่างไร แม้แต่ในประเทศของพวกเธอก็ยังไม่มีของอะไรแพงขนาดนี้เลย หญิงสาวเบื้องหน้าคงไม่ได้โกหกหรอกใช่ไหม

เมื่อเห็นท่าทางไม่เชื่อของชาวต่างชาติทั้งสอง ถังซวงก็เริ่มบอกอายุของคุณนายจิงและถังหลานให้ทุกคนฟัง

“โอ้… พระเจ้า เป็นไปไม่ได้!”

เมื่อชาวต่างชาติทั้งสองได้ยินที่ถังซวงกล่าวก็ไม่เชื่อ

จูรุ่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ซูซาน โซเฟีย ที่ถังซวงบอกเป็นความจริงนะ คุณย่าและคุณป้าถังอายุเท่านี้แล้วจริง ๆ”

ถังซวงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “เหตุผลที่เครื่องสำอางเหล่านี้มีราคาแพงมากขนาดนี้ ก็เพราะว่าฉันใช้ตัวยาล้ำค่าและเป็นสูตรยาเก่าแก่ที่สาบสูญไปนานแล้วค่ะ และฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟูมันให้กลับมาอีกครั้ง”

ซูซานได้ยินก็เริ่มหวั่นไหว

ครอบครัวของพวกเธอทำธุรกิจด้านความงาม หากการใช้เครื่องสำอางเหล่านี้ช่วยให้คนคงความเยาว์วัยได้จริงอย่างที่ถังซวงพูดมา เช่นนั้นเงินสองหมื่นหยวนก็ถือว่าคุ้มค่าแน่นอน และอาจถึงขั้นทำให้เกิดการแย่งชิงกันเลยด้วย อย่างไรก็ตามราคานี้ก็แพงเกินไป ซูซานจึงเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นกังวล “คุณถัง คุณภาพมันดีอย่างที่เธอพูดจริง ๆ หรือ?”

ถังซวงเห็นซูซานเริ่มอ่อนลงก็เริ่มแนะนำเครื่องสำอางที่อยู่ในชุดนี้ทีละรายการ

“นี่เป็นน้ำตบรักษาความชุ่มชื้นและต้านริ้วรอยค่ะ หลังจากใช้ตัวนี้เสร็จแล้ว ให้ใช้เอสเซนส์ขวดนี้ และสุดท้ายก็ใช้ครีมต้านริ้วรอย และในขวดเล็กนี้ก็จะมีครีมบำรุงและต้านริ้วรอยรอบดวงตา แค่ใช้ติดต่อกันช่วงหนึ่ง ริ้วรอยรอบดวงตาก็จะหายไปค่ะ ส่วนด้านขวาเป็นเครื่องสำอางสำหรับดูแลผิวหลังขั้นตอนการทา มีทั้งคอนซีลเลอร์ รองพื้นชนิดน้ำ แป้งฝุ่น แม้กระทั่งอายแชโดว์และดินสอเขียนคิ้วก็มีค่ะ แค่มีครบเซตนี้ คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีอย่างอื่นแล้วค่ะ”

เมื่อกล่าวจบ ถังซวงก็ชี้หน้าตนเองแล้วพูดว่า “พวกคุณดูการแต่งหน้าของฉันวันนี้สิคะ ว่าเป็นยังไง”

“ดี ดีมากเลย”

ซูซานและโซเฟียเห็นว่าถังซวงนั้นสวยมากจึงอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย

“ฉันก็ใช้พวกนี้แหละค่ะ ถึงได้ดูดีขนาดนี้”

เมื่อซูซานและโซเฟียได้ยินก็ไม่เห็นด้วย “น่าจะเป็นเพราะหน้าดีอยู่แล้ว มันเลยเป็นแบบนี้หรือเปล่า ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับของพวกนี้สักหน่อย”

ถังซวงเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ จึงให้ถังชุนหยานหยิบเครื่องสำอางภายในร้านที่ขายแยกชิ้นจำนวนหนึ่งมา “ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ งั้นฉันจะพิสูจน์ให้ดูตรงนี้เลย แต่ว่าประสิทธิภาพของของที่อยู่ในมือฉันตอนนี้ ไม่ดีเท่าของในชุดนั้น คุณก็ลองดูเอาเองนะคะ”

เมื่อซูซานและโซเฟียได้ยินก็รู้สึกสนใจขึ้นมา ทั้งสองชี้ไปที่คนคนหนึ่งในนั้นแล้วพูดว่า “ลองแต่งหน้าให้เธอคนนี้หน่อยได้ไหม พวกเราอยากเห็นว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”

ผู้หญิงที่ถูกชี้มีผิวหน้าเหลืองเหมือนขี้ผึ้ง ผิวหยาบกร้านและใบหน้าก็ไม่ได้ดูดีเท่าไหร่นัก เธอคนนี้น่าจะตามฝูงชนเข้ามาร่วมดูเอาสนุก เมื่อเห็นผู้คนต่างมองมาที่ตน เธอก็รีบโบกมือและกล่าวว่า “ไม่เอา ฉันไม่เอาค่ะ ฉันแค่มาดูเฉย ๆ ฉัน… ฉันจะไปแล้วค่ะ”

“คุณพี่ท่านนั้นรอก่อนค่ะ หากคุณยอมให้ฉันแต่งหน้าให้ ฉันจะมอบพวกของที่ใช้นี้ให้คุณค่ะ คำนวณแล้วของพวกนี้มีราคามากกว่าห้าร้อยหยวนเลยนะคะ”

“อะไรนะ… ห้าร้อยกว่าหยวน”

ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง และสุดท้ายเธอก็พ่ายแพ้ให้กับสิ่งล่อใจ มานั่งลงตรงหน้าถังซวงอย่างให้ความร่วมมือ

ถังซวงแต่งหน้าผู้หญิงคนนี้ได้อย่างชำนาญ เธอทารองพื้นให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงเริ่มแต่งหน้า ถังซวงปกปิดข้อบกพร่องทั้งหมดบนใบหน้าของอีกฝ่าย และสุดท้ายก็แต่งหน้าให้แน่น เมื่อทุกคนเห็นภาพของผู้หญิงคนนี้หลังแต่งหน้าเสร็จ ต่างก็ร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นไปไม่ได้

“นี่… นี่ผู้หญิงคนเดียวกันกับคนเมื่อครู่จริง ๆ หรือ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนว่าเธอเป็นคนละคนกันเลย”

“ใช่ นี่มันเหลือจะเชื่อเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองนะ ฉันคงคิดว่าเป็นคนละคนกันแน่ ๆ”

“จริง นี่มันเกินจริงไปมาก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด