การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 621 ฟ้าเปิด (2)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 621 ฟ้าเปิด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 621 ฟ้าเปิด (2)

บทที่ 621 ฟ้าเปิด (2)

ไต้ชุ่ยจือก็ตกตะลึงเช่นกันว่าธุรกิจเครื่องสำอางกำไรดีขนาดนี้เลยหรือ นี่เป็นราคาที่มีอยู่จริงหรือ มันเหลือเชื่อมาก ๆ

สุดท้ายจูรุ่ยก็ออกไปพร้อมกับพวกเพื่อนของเธอ และแน่นอนว่าเธอเองก็ไม่พลาดซื้อเครื่องสำอางมาสองชุดเช่นกัน

หลังจากที่พวกของจูรุ่ยได้จากไปแล้ว ภายในร้านก็คึกคักขึ้นมา แม้บางคนจะไม่สามารถซื้อของแพง ๆ ได้ แต่พวกเธอก็กัดฟันซื้อในราคาหกร้อยกว่าหยวน

นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวหน้าตาดีบางคนต้องการซื้อเครื่องสำอางที่เพิ่งใช้ไป และก็อยากเห็นว่าหลังจากแต่งหน้าแล้วพวกเธอดูดีมากขนาดไหน

ถังชุนหยานได้ยินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สินค้าพวกนี้มีในสต็อกทั้งหมด กรุณาเข้าแถวทีละคนนะคะ ไม่ต้องเบียดกันนะ”

คนอื่น ๆ อดใจไม่ไหวซื้อตามเป็นที่เรียบร้อย เพราะการชักนำของคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ทว่าขณะที่ซื้อนั้นตื่นเต้น พอซื้อเสร็จแล้วกลับเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามในเมื่อเสียเงินไปแล้ว ก็พูดอะไรไม่ได้อีก

หนึ่งในนั้นก็คือไต้ชุ่ยจือ

เธอคิดมาตั้งแต่แรกว่าอย่างไรเธอก็ไม่มีทางใช้เงินมากมายขนาดนั้นเพื่อซื้อครีมทาหน้าแน่นอน แต่พอรู้ว่าตัวเองจ่ายเงินและรับเครื่องสำอางมาแล้ว ตัวเธอเองก็ตกตะลึงเหมือนกัน

เธออดใจไม่ไหว ใช้เงินไปมากขนาดนั้นภายในครั้งเดียว แบบนี้เธอจะอธิบายให้ผู้ชายในครอบครัวเธอฟังอย่างไรล่ะ

เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้ เธอก็รู้สึกไม่ดีและอยากจะคืนของกลับไป

แต่เมื่อเห็นคุณนายจิงและคนอื่น ๆ ไต้ชุ่ยจือก็ไม่กล้าที่จะพูด เธอจึงรีบคว้าของแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว หากอยู่ต่อไปอีก เธอก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หลังจากผ่านช่วงเช้าที่ยุ่งวุ่นวาย ผู้คนน้อยลงไปบ้างแล้ว ถังหลานและถังชุนหยานต่างก็ผ่อนลมหายใจออกมา “ในที่สุดก็ว่างสักที”

หลังจากนั้นถังหลานก็นึกถึงซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยขึ้นมา จึงรีบไปหาพวกเธอ และเมื่อเห็นว่าทั้งสองยังอยู่ที่ด้านหลังร้านก็อดไม่ได้ที่จะผ่อนลมหายใจ “อาจารย์ พี่คะ เมื่อกี้คนเยอะมากจนฉันกลัวว่าคนจะเบียดพวกคุณล้มไปแล้ว ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ”

ซูเหนียนอวิ๋นหัวเราะออกมาเสียงดัง และพูดว่า “พวกเราเห็นว่าคนเยอะมากก็เลยมาอยู่ที่หลังร้าน เธอไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก”

เกอชิงเหม่ยเองก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ พวกเราไม่เป็นอะไรแน่นอน”

ถังหลานยังคงโทษตัวเองอยู่ อีกอย่างตอนนี้เกอชิงเหม่ยก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว เธอน่าจะพาเกอชิงเหม่ยและซูเหนียนอวิ๋นมาตรงนี้ตั้งแต่แรก

แต่เกอชิงเหม่ยกลับไม่ได้รู้สึกอะไร เธอมองไปที่ถังหลานและพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ธุรกิจวันนี้น่าจะเป็นไปด้วยดี กิจการร้านซวงฮวาที่ก่างเฉิงเองก็ดีมากขนาดนั้น ที่ปักกิ่งเองก็ต้องดีไม่แพ้กันแน่”

ถังหลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

“ดีมากจริง ๆ ค่ะ ฉันยังรู้สึกประหลาดใจในกำลังซื้อของพวกลูกค้าอยู่เลย” หลังจากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นให้ฟัง และสุดท้ายก็พูดว่า “ตอนนี้ก็วางใจได้แล้วละค่ะ”

ขณะนี้เอง ถังหลานก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เธอเห็นกิจกรรมในร้านวันนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองที่เกอชิงเหม่ยและเอ่ยถาม “พี่คะ เป็นไปได้ไหมที่ร้านปักผ้าของพวกเราจะจัดกิจกรรมแบบนี้บ้าง? ไม่รู้ว่าจะดึงดูดลูกค้าได้บ้างไหม”

เมื่อก่อน ตอนแรกร้านปักผ้าของพวกเธอเจริญรุ่งเรืองมาก แต่จนถึงตอนนี้ธุรกิจก็ยังทรงตัว

เกอชิงเหม่ยได้ยินก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวว่า “ได้น่ะมันได้ แต่ถึงจะมีการลดราคา ก็ลดได้กับสินค้าชิ้นเล็กเท่านั้น ลดสินค้าชิ้นใหญ่ไม่ได้แน่นอน งานปักชิ้นใหญ่ต้องใช้ทักษะอย่างมาก ไม่สามารถลดราคาลงได้มากเท่าไหร่”

“ฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ ความจริงแล้วนอกจากกิจกรรมลดราคา พวกเราก็มอบผ้าเช็ดหน้าหรือถุงหอมสำหรับลูกค้าที่ซื้อของชิ้นใหญ่ก็ได้นะคะ ก็ถือว่าเป็นของสมนาคุณเหมือนกัน พี่คิดว่ายังไงคะ?”

เกอชิงเหม่ยได้ยินก็ไม่ได้ออกความเห็นอะไร เธอพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้นะ”

ซูเหนียนอวิ๋นเห็นทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างเข้าขา และกล่าวยิ้ม ๆ “สองคนยิ่งคุยก็ยิ่งพากันคึกนะ วันนี้เรามาช่วยซวงเอ๋อร์ไม่ใช่หรือ”

เมื่อถังหลานและเกอชิงเหม่ยได้ยินก็ยิ้มออกมา และไม่ได้พูดอะไรอีก

อีกด้านหนึ่ง ถังซวงเห็นว่าภายในร้านไม่มีคนแล้ว เธอจึงกำลังจะเรียกทุกคนมาทานข้าวพร้อมกัน

ถังชุนหยานกลับกล่าวว่า “พี่สาวซวง พวกพี่รีบไปทานเถอะ เดี๋ยวฉันอยู่ที่ร้านเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกชุนหยาน เธอก็มาทานด้วยกันกับพวกเรา ปิดร้านแป๊บเดียวไม่เป็นอะไรหรอก”

ทว่าถังชุนหยานกลับยืนกราน

“พี่สาวซวง อีกเดี๋ยวอาจจะมีลูกค้าเข้ามาก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นพี่ไปทานกันก่อนเถอะ ฉันจะอยู่ที่ร้านนี่แหละ”

เมื่อถังซวงเห็นท่าทีแน่วแน่ของถังชุนหยานก็รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจริง และหลังจากที่คิด เธอก็ให้คนอยู่ดูแลชุนหยานไว้ด้วย อีกอย่างจำนวนเงินที่ร้านได้มาในวันนี้ก็ค่อนข้างมาก เธอกลัวว่าจะมีคนเข้ามาก่อเรื่องเพราะความอิจฉาตาร้อน

“พี่สาวซวง พวกพี่รีบไปเถอะ ซื้ออะไรมาฝากเราสักเล็กน้อยก็พอแล้วค่ะ”

“อย่างนั้นก็ได้ งั้นพวกเราไปทานข้าวกันก่อนนะ”

หลังจากทานอาหารเสร็จ คุณนายจิงและสะใภ้ก็กลับมา ถังซวงและถังเซวี่ยหิ้วกล่องอาหารกลับมาที่ร้านด้วย

เมื่อถังชุนหยานเห็นทั้งสองคนกลับมา ก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย เมื่อกี้มีลูกค้าเข้ามาด้วยค่ะ ดีนะที่พวกเราไม่ได้ปิดร้าน”

เมื่อถังซวงเห็นท่าทีตื่นเต้นของถังชุนหยาน เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวยิ้ม ๆ “เห็นว่าเธอดีใจ ฉันจะพูดอะไรได้ ต่อไปขาประจำก็คงจะเพิ่มมากขึ้น เพราะยังไงธุรกิจก็ไม่มีทางแย่ลง เธอได้ยุ่งจนหัวหมุนแน่นอน”

ถังชุนหยานพูดด้วยจิตใจฮึกเหิม “ยุ่งมากขึ้นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรค่ะ ลูกค้ายิ่งเยอะยิ่งดี”

“เอาละ ๆๆๆ เธอรีบไปทานข้าวเถอะ”

ถังเซวี่ยรีบเรียกถังชุนหยานมาทานข้าว แล้วนำอาหารไปให้คนที่คอยอยู่ดูแลร้านเหล่านั้น

“ขอบคุณ คุณถังเซวี่ย”

หลังจากที่พวกเขารับไปแล้วก็รีบหันหลังกลับไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด