[นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” 163 บทที่ 8 20

Now you are reading [นิยายแปล]โซ่ผนึก “หัวใจ” สายใยผนึก “มังกร” Chapter 163 บทที่ 8 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 8 ตอนที่ 20

「ไม่ทราบว่าต้องการดื่มอะไรดีคะ? ถ้าอยากจะดื่มอะไรไม่จำเป็นต้องเกรงใจตั้งแต่ของเก่าแก่ยันใหม่อย่างไวน์โบราณ เหล้ากลั่น ไวน์ข้าว?」

 

 

 

「เอ่อ ผมไม่ดื่มครับ……」

 

 

 

โนโซมุเดินขึ้นไปบนชั้นสองและพบว่าตัวเองอยู่หน้าทางเข้าห้องโถงอันหรูหรา

 

แม้ว่าจะมีเครื่องดื่มมากมายแต่โนโซมุก็หันไปมองคนตรงหน้ามากกว่า

 

ในทางกลับกันเม็กเลียดูจะไม่กังวลกับสายตาของโนโซมุที่จับจ้องเธอ และขอไวน์แดงจากเหล่าพ่อบ้านที่ผ่านไปมา

 

เปิดไวน์ที่นำมาเม็กเลียเทลงไปในแก้วสองใบและส่งให้โนโซมุหนึ่งแก้ว

 

 

 

「แล้วมีธุระอะไรงั้นเหรอครับ?」

 

 

 

โนโซมุเพิกเฉยต่อไวน์ที่นำมาตรงหน้า จึงถามอย่างตรงไปตรงมา

 

 

 

「อย่าใจร้อนไปสิคะ เมื่อพิจารณาถึงความสันพันธ์ของทางฝั่งฉันแล้วจะกังวลก็ไม่แปลกหรอกค่ะ แต่ฉันแค่อยากจะมาพูดคุยด้วยเฉยๆจริงๆ」

 

 

 

ไม่มีความสันพันธ์อะไรเป็นพิเศษสำหรับโนโซมุกับเม็กเลียในตอนนี้

 

สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเม็กเลียคือเธอรับใช้ฝ่ายตรงข้ามนั่นก็คืออีกอร์ต

 

อย่างน้อยวันนี้ก็เห็นแล้วว่าเธอมีความสนิทใกล้ชิดกับเขา เหนือสิ่งอื่นใดแววตาของเม็กเลียทำให้โนโซมุระมัดระวังตัว

 

 

 

「…………」

 

 

 

โนโซมุจ้องมองดวงตาของเม็กเลียที่พยายามจะมองทะลุเขา

 

เมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาของเขาจ้องไปที่เธอ เธอก็ปรบมือ

 

ในขณะราวกับเงบก่อตัวเป็นรูปร่าง มีร่างๆหนึ่งโผล่ออกมา

 

 

 

「ยินดีที่ได้รู้จัก ข้าทำหน้าที่เป็นคนคุ้มกัน พ่อบ้าน และหาทางออกให้สำหรับนายหญิง……」

 

 

 

「หุบปากไปเลยย่ะ」

 

 

 

สิ่งที่ปรากฏคือชายผอมเพรียวที่มีผิวขาวซีด

 

แม้ว่าจะแต่งกายในชุดทางการเรียบร้อย แต่น้ำเสียงขี้เล่นนั่นและดวงตาราวกับกำลังมองเหยื่อซึ่งน่าขนลุกเป็นอย่างมาก

 

 

 

「เอ๋!?ในที่สุดก็มีโอกาสได้พูดคุยกันแล้ว? มาทำความรู้จักให้มาก-……」

 

 

 

「ดิฉันไม่อนุญาตให้พูดก็อย่าพูดสิคะ กรุณาหุบปากให้เงียบด้วยค่ะ」

 

 

 

「ใจร้าย~~」

 

 

 

เม็กเลียแม้จะตักเตือนเขาแต่ก็ดูเขาจะไม่สนใจ

 

ชายคนนั้นนั่งบนที่ว่างระหว่างโนโซมุและเม็กเลียและเริ่มกินขนมบนโต๊ะ

 

 

 

「ชื่อของข้าคือ………จอห์น สมิธ จำใส่หัวเอาไว้ซะ」

 

 

 

ดูยังไงก็ชื่อปลอมชัดๆ

 

ไม่คิดจะเปิดเผยชื่อจริงตั้งแต่เริ่มเลย? คำถามผุดขึ้นมาในหัวของโนโซมุ แต่ก็รีบคิดอย่างรวดเร็ว

 

ทั้งร่างกายของโนโซมุต่างตื่นตัวไปด้วยความตึงเครียด

 

ปัญหาที่ยิ่งกว่าชื่อจริงของชายคนนี้คือจิตสังหารที่ปล่อยใส่เขาอย่างชัดเจน

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้นคอและลูกตาของโนโซมุ

 

หากลดความระมัดระวังตัวลงแม้แต่นิดเดียวตายแน่ จิตสังหารมันแรงถึงขนาดนั้นเลยล่ะ

 

 

 

「…………」

 

 

 

โนโซมุเข้าสู่โหมดพร้อมรบเรียบร้อย

 

เปลี่ยนไปโหมดต่อสู้เนื่องจากจิตสังหารที่ถูกปล่อยออกมาหาเขา

 

ความจริงที่ว่าเขาระแวงชนชั้นสูงเมื่อกี้หายไปสิ้นเชิงและตอนนี้เขานึกถึงใบหน้าของชายที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปกลาง

 

ตอนนี้จิตวิญญาณของเขานั้นพร้อมที่จะต่อต้านความตายอย่างสุดความสามารถ

 

บางทีอาจสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของโนโซมุชายที่บอกว่าตัวเองชื่อจอห์นก็ยกมือขึ้น

 

ความไร้เดียงสาราวกับรอคอยของเล่นมาเป็นเวลานานรวมกับผิวซีดๆจนน่ากลัว ไม่มีอะไรที่มันดูสยดสยองไปได้อีกแล้ว

 

 

 

「หยุดได้แล้ว ที่นี่ไม่ใช่สนามรบนะ」

 

 

 

เม็กเลียขัดจังหวะและตักเตือนชายคนนั้น

 

ชายคนนั้นยักไหล่ราวกับว่าช่วยไม่ได้ และหยุดปล่อยจิตสังหารออกมา

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะคะท่านโนโซมุ เขาเป็นคนคุ้มกันของดิฉัน และก็มีทักษะ แต่อย่างที่เห็น เป็นพวกไร้สามัญสำนึก และมักจะไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน」

 

 

 

เม็กเลียโค้งคำนับ

 

โนโซมุตอบกลับด้วยการพยักหน้าเพียงเล็กน้อย แต่ความสนใจของเขายังคงจดจ่อกับชายคนนั้น

 

นอกจากนี้ยังเป็นความจริงที่เขาฝึกมาดี ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเห็นเขาเลยว่าแฝงตัวอยู่ในห้องมานานแล้ว นับประสาอะไรกับจิตสังหารที่ถูกปลดปล่อยออกมา

 

ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้มันค่อนข้างน่ากลัวเลย

 

โนโซมุตระหนักถึงชายคนนี้ว่าเขามีเจตนาจะฆ่าโนโซมุ

 

โนโซมุแน่ใจว่าชายคนนี้กำลังทดสอบว่าเขาจะทำได้จริงๆรึเปล่า

 

เม็กเรียดิ่มไวน์ที่หยิบมาและถามโนโซมุ

 

 

 

「เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเถอะค่ะ ท่านโนโซมุจะร่วมมือกับดิฉันไหมคะ?」

 

 

 

「……หมายความว่ายังไงให้ผมไปรับใช้ตระกูลเฟบูรัลงั้นเหรอครับ?」

 

 

 

「ใช่แล้วค่ะ อันที่จริงฉันยังต้องการความช่วยเหลือจากคุณอีกด้วยค่ะ」

 

 

 

คำกล่าวของเม็กเลียทำให้โนโซมุสงสัย

 

นั้นเป็นเพราะหัวหน้าตระกูลเฟบูรัลนั้นดูไม่ชอบใจโนโซมุอย่างรุนแรง

 

 

 

「แต่เจ้านายเธอดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้นนะ?」

 

 

 

「ถ้าให้พูดตรงๆ มันมีคำอธิบายได้ค่ะสำหรับ “ตอนนี้”เห็นได้ชัดว่าท่านโนโซมุยังไม่ตัดสินใจเรื่องอนาคต」

 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของโนโซมุก็กระตุกทันที

 

โนโซมุคิดว่าเขาก็ได้ยินอีกอร์ตพูดเรื่องนี้กับเขา แต่มันไม่ตลกเลยที่จะบอกว่าเขากำลังเผชิญหน้าอะไรอยู่ตอนนี้

 

ในทางกลับกันเม็กเลียตอบสนองปฏิกิริยาของโนโซมุด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของเธอ

 

 

 

「ถึงแบบนั้น สำหรับดิฉันแล้ว ดิฉันอยากให้ท่านมาเข้าร่วมกับพวกเราโดยไม่ต้องสนใจเจตนาที่แท้จริงของนายท่านดิฉัน」

 

 

 

「ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็เหมือนการทรยศไม่ใช่เหรอ?」

 

 

 

「ใช่แล้วค่ะ แต่ว่า การรักษาทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าแบบคุณมันมีประโยชน์มากกว่าเยอะค่ะ」

 

 

 

「…………」

 

 

 

「นายท่านอีกอร์ตเป็นพวกอนุรักษ์นิยมค่ะ แม้ว่าจะเอาคนนอกเข้ามาร่วมกับเขาก็ต้องใช้เวลาพอสมควร อย่างไรก็ตามต่อให้ท่านทำงานให้กับเขาดีแค่ไหนก็จะไม่มีการตบรางวัลให้เลย」

 

 

 

อีกอร์ต เฟบูรัลเป็นพวกอนุรักษ์นิยม

 

แม้ในกรณีของการรุกรานครั้งใหญ่เมื่อสิบปีที่แล้ว ก็ได้ยินว่าสนับสนุนด้านเสบียงไม่ส่งกองกำลัง

 

เขายังปฏิเสธถึงการก่อตั้งสถาบันโซลมินาติโดยกล่าวว่ามันจะเร่งการสูญเสียทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยีของประเทศ

 

ในทางกลับกันเขาไม่ได้รับการยกย่องจากประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่คอยรับใช้จะเคารพเขามากๆ นอกจากนี้ยังเป็นข้อพิสูจน์ว่าเขารู้วิธีปฏิบัติต่อคนที่เขาคิดว่าเป็นญาติตนเองอย่างเหมาะสม

 

 

 

「แล้วท่านคิดยังไงคะ? ถ้าท่านยอมมากับดิฉัน ดิฉันจะให้ทรัพย์สินมากมายจนกว่าท่านจะพอใจเลยค่ะ」

 

 

 

เม็กเรียเชิญชวนโนโซมุด้วยน้ำเสียงเย้ายวน

 

 

 

「ไม่ว่าจะเป็นเงิน เกียรติยศ ผลประโยชน์ รวมถึงร่างกายของดิฉัน……」

 

 

 

「เอ๊ะ!?」

 

 

 

ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเม็กเรียก็เข้าจู่โจมโนโซมุอย่างรวดเร็ว

 

ร่างกายของโนโซมุโดนกลิ่นหอมหวานราวกับน้ำผึ้งล้อมรอบ

 

ในขณะเดียวกันสมองของโนโซมุก็เริ่มชา

 

อาการใจสั่นเริ่มเต้นเร็วขึ้น และขอบเขตการมองเห็นนั้นแคบลง สะท้อนให้เห็นเฉพาะความงามผมสีม่วงตรงหน้าเขา

 

ความรู้สึกของผ้าไหมที่เสียดสีมันเริ่มปลุกสัญชาตญาณของเขาในฐานะผู้ชาย

 

มันคล้ายกับลักษณะของสัตว์ป่าที่หิวโหยกำลังจะล่าเหยื่อ

 

ถูกเชิญชวนด้วยกลิ่นอันหอมหวาน เสนอน้ำหวานเพื่อเป็นอาหาร และจะดูดกลืนอีกฝ่ายเป็นการตอบแทน

 

และตอนนี้เม็กเลียก็มีเสน่ห์ทางเพศอย่างมากพอที่จะคิดว่าผู้ชายหลายคนถ้าโดนแบบนี้เข้าไปได้จับกดเธอ

 

 

 

「……ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมไม่ต้องการรับใช้ตระกูลเฟบูรัล」

 

 

 

แต่โนโซมุไม่สนใจสิ่งเหล่านั้น

 

มันอาจจะโชคดีที่เขาระมัดระวังเม็กเลียตั้งแต่แรก

 

เขากัดลิ้นตัวเองเพื่อให้รับรู้ความเจ็บปวดไม่ให้โดนกลิ่นของเม็กเลียล่อลวงให้เขามีอารมณ์ทางเพศอยากจะจับกดเธอ

 

สิ่งต่อไปที่พุ่งเป้าไปที่เม็กเลียไม่ใช่ชายที่ท่าทางดูโกรธแค้น แต่เป็นดาบอันเย็นชาที่พุ่งเป้าไปหาศัตรู

 

มันไม่ใช่ความเร่าร้อนที่พุ่งเป้าไปหาเช่นเดียวกับอีกอร์ต แต่เป็นความหนาวเหน็บอันแสนเย็นชาในฤดูหนาว

 

 

 

「งั้นเหรอคะ น่าเสียดายจริงๆ」

 

 

 

เม็กเลียยอมถอยออกห่างจากโนโซมุอย่างเป็นธรรมชาติ

 

โนโซมุพยายามลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างเงียบๆ

 

พูดตามตรงโนโซมุไม่อยากจะคุยกับเธออีกแล้ว

 

 

 

「แต่เนื่องจากมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ ทำไมพวกเราไม่มาคุยกันต่ออีกสักหน่อยค่ะ? เกี่ยวกับเพื่อน……」

 

 

 

อย่างไรก็ตามเม็กเลียหยุดโนโซมุที่กำลังจะลุกขึ้น

 

โนโซมุไม่สามารถเพิกเฉยคำพูดของเธอได้

 

 

 

「พูดว่าไงนะ?」

 

 

 

「กำลังพูดถึงเคน โนทิส ไงคะตอนนี้สภาพเขาเหมือนตัวตลกน่าสมเพชที่ถูกอบิสกลืนกิน……」

 

 

 

หัวใจของโนโซมุที่เต็มไปด้วยความเย็นชากลับมาเดือดดาลอีกครั้ง

 

ความจริงคดีที่เกิดขึ้นจากเคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหาของอบิสยังไม่ได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณชน

 

นอกจากนี้สิ่งเดียวที่โนโซมุรู้คือเคนโดนปิดผนึกไว้ที่สถาบันวิจัย

 

นอกจากนี้ แม้แต่ในหมู่อาคาร์ซัมก็ถือเป็นความลับระดับชาติ

 

 

 

「ท่านโนโซมุได้รับความสนใจมากกว่าที่คิดนะคะ ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่เขาก่อขึ้น เพราะงั้นถ้าเป็นท่านคงรู้ดีใช่ไหม? ฉันไม่สนใจหรอกนะคะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากนั้น?」

 

 

 

ในทางกลับกันเม็กเลียพยายามสะกิดประเด็นสำคัญของโนโซมุอย่างแม่นยำ

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโนโซมุอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องของเคนมาก

 

เขาเผชิญหน้ากับเพื่อนของเขา แทงดาบเล่มนี้ด้วยมือของตัวเอง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่สนใจ

 

นอกจากนี้เม็กเลียยังเร่งเร้าโนโซมุไปอีก

 

 

 

「สำหรับอบิสเห็นได้ชัดว่ามีการค้นพบใหม่ที่นี่เช่นกัน บางทีฉันอาจจะช่วยท่านโนโซมุได้……」

 

 

 

「……หมายความว่ายังไงครับ?」

 

 

 

ความสงสัยเกิดขึ้นกับโนโซมุทันที

 

ผู้หญิงคนนี้รู้เรื่องของเขามากแค่ไหน สามารถช่วยให้รอดจากอบิสได้หมายความว่ายังไง

 

คำถามและข้อสงสัยผุดขึ้นมาเหมือนฟองสบู่

 

สีหน้าซีดของชายที่อยู่ข้างๆเธอก็เป็นปัจจัยที่ยั่วโมโหโนโซมุเช่นกัน

 

เม็กเรียมองมาทางโนโซมุด้วยความพึงพอใจ

 

 

 

「เฮ้อ น่ารักจริงๆเลยนะคะท่านเนี่ย แต่ว่าไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าอยากจะรู้ความลับก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน」

 

 

 

「…………」

 

 

 

เป็นลูกไก่ในกำมือ

 

จากจุดเริ่มต้นผู้หญิงคนนี้จะใช้โอกาสนี้พูดอะไรบางอย่างกับโนโซมุ

 

เมื่อเทียบกับขุนนางก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเธอมีทักษะการพูดที่เด่นกว่า

 

เธอค้นคว้าเกี่ยวกับตัวโนโซมุมาอย่างดี มองเห็นความหงุดหงิดในใจเขา พยายามปลุกเร้าอารมณ์ และใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนอย่างชำนาญ

 

ในทางกลับกัน โนโซมุไม่สามารถตอบโต้เม็กเรียได้เลย

 

การที่โดนโนโซมุตอบปฏิเสธดูเหมือนเธอก็รู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จึงหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมา

 

จำนวนและคุณภาพของไพ่ในมือของอีกฝ่ายนั้นเยอะกว่ามาก

 

 

 

「แหม แหม พอคิดถึงสิ่งที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็กในโลกแห่งนี้มันไร้ยางอายล่ะก็คิดผิดแล้วนะคะเกี่ยวกับสถานที่มีฐานะทางสังคมเป็นที่ตั้ง」

 

 

 

ในขณะนั้นก็มีเสียงขัดจังหวะระหว่างโนโซมุและเม็กเลีย

 

โนโซมุมองไปทางเสียงที่ดังขึ้นและเห็นมาดามพัลรีนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น แต่งกายในชุดหรูหราและมีเมดสองคนอยู่ข้างหลัง

 

 

 

「อาระ มาดามพัลรีน นานแล้วนะคะที่ไม่ได้เจอท่าน」

 

 

 

มาดามพัลรีนเหลือบมองไปที่เม็กเลียที่ทักทายเธอด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จับมือโนโซมุพร้อมกับยิ้ม

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะคะ แต่ว่าดิฉันมีธุระกับชายคนนี้นิดหน่อย ไว้ค่อยคุยกันในครั้งหน้านะคะ」

 

 

 

มาดามพัลรีนดึงมือเขาและเอวของโนโซมุก็ลอยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

ในทางกลับกันเม็กเลียยังคงยิ้มแย้ม

 

 

 

「เอ๊ะ จะรีบไปไหนเหรอคะ ภรรยาหน้าด้านที่เข้ามาขโมยสามีคนอื่นและไม้ต่อจากตระกูล ไม่ดูใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอคะ?」

 

 

 

「ดิฉันไม่ถือสากับคำพูดของหญิงสาวที่ขนาดใช้น้ำหอมเหม็นๆแล้วยังมัดใจชายให้มีอารมณ์ร่วมกับเธอไม่ได้ ช่างน่าขันเหลือเกินคะ」

 

 

 

ทั้งสองฝ่ายต่างถากถางกัน

 

เมื่อเผชิญหน้ากับคำพูดที่เหมือนกับพิษโนโซมุถูกผลักออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

 

 

 

「ขอโทษด้วยนะ คุณเองก็มีผู้ชายที่พร้อมจะเป็นคู่ให้แล้วไม่ใช่เหรอไงคะ หรือว่าคนเดียวไม่พอ หิวขนาดนั้นเลย?」

 

 

 

「อ๋อ ดิฉันเข้าใจแล้วค่ะ ถ้างั้นก็ขอให้โชคดีในงานเต้นรำไม่เหยียบชายกระโปรงของตัวเองจนกลายเป็นตัวตลกของงานไปหรอกนะคะ?」

 

 

 

มาดามพัลรีนโอบแขนของโนโซมุด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ

 

จากนั้นเมื่อไขว้แขนกันก็พาโนโซมุออกจากที่แห่งนี้

 

 

 

「มาดามพัลรีน เดี๋ยวก่อนสิครับ……」

 

 

 

「อยากจะเป็นข่าวฉาวหรือไงคะ “โดนผู้หญิงแปลกหน้าจับตัวและถูกล่อลวงด้วยน้ำหอมของอิททาร์”」

 

 

 

「น้ำหอมของอิททาร์?」

 

 

 

「มันเป็นเหมือนกับยาโด๊ปนั่นแหละคะที่จะทำให้คุณมีอารมณ์ทางเพศเมื่อได้กลิ่นของมัน มันจะทลายเหตุผลของคุณจนต้องร่วมรักฟัดเหวี่ยงกับเธอ」

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ทางเพศของโนโซมุที่พุ่งสูงขึ้นมาจากน้ำหอมของเม็กเลีย

 

ยิ่งไปกว่านั้นมันทรงพลังมาก

 

คำถามคือวัตถุอันตรายแบบนั้นเอามาใช้ในงานเลี้ยงสาธารณะเช่นนี้ไม่แย่เหรอ

 

 

 

「เมดที่อยู่ข้างๆฉันจะใช้เวทย์ป้องกันเพื่อไม่ให้กลิ่นเข้ามาแตะจมูก นอกจากนี้วิธีแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกนะคะในสังคมขุนนาง」

 

 

 

มาดามพัลรีนตอบคำถามโนโซมุ

 

นั่นคือวิธีดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม และเทคนิคการชิงไหวพริบในหมู่ขุนนาง

 

ในการทำเช่นนี้ขุนนางจะใช้ทุกวิธีทางเพื่อให้ได้คนที่ต้องการมาอยู่ร่วมกับตระกูล ใช้คมคุ้มกันชั้นยอดบวกกับข้อมูลจำนวนมากของฝ่ายตรงข้ามทำให้อีกฝ่ายหัวหมุน

 

จากนั้นไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็จะสามารถเข้าสู่ประเด็นหลักได้อย่างแม่นยำ

 

แม้ว่าโนโซมุจะไม่คุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ แต่ก็เป็นวิธีการต่อสู้ที่ทำให้หวาดกลัวหน่อยๆ

 

 

 

「…………」

 

 

 

มาดามพัลรีนมองโนโซมุที่กำลังเงียบ

 

แววตาของโนโซมุเต็มไปด้วยความคลุมเครือ

 

 

 

「ไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณมีปัญหาอะไร และไม่รู้ว่าเธอคนนั้นรู้เรื่องของคุณมากแค่ไหน」

 

 

 

「เอ๋ ผมอ่านออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?」

 

 

 

「ง่ายมากค่ะ ดิฉันคิดว่าอย่างน้อยควรผ่อนคลายลงมากกว่านี้นะคะ หากเป็นสุภาพบุรุษแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหน ก็ต้องไม่ตื่นตระหนกและมีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ」

 

 

 

ต้องยิ้มและทำตัวให้สง่างามอยู่เสมอ แม้ว่าในใจจะร้อนรนมีเรื่องชวนหงุดหงิดมากแค่ไหนก็ตาม

 

มาดามพัลรีนบอกกับโนโซมุ ราวกับเตือนเด็กน้อย

 

 

 

「ได้โปรดจำเอาไว้นะคะ เหล่าผู้หญิงเมื่อเห็นผู้ชายเดือดร้อนได้ยาก พวกเธอจะทุกข์ใจกว่าคุณมากกว่าเป็นไหนๆ หากไม่อยากให้คนที่คุณรักต้องกังวล พยายามสร้างความมั่นใจและให้เวลากับพวกเขาอย่างเพียงพอค่ะ」

 

 

 

「…………」

 

 

 

ในใจของโนโซมุนึกถึงหน้าของไอริสและซีน่าที่ส่งเสียงกระวนกระวายใจตอนเห็นเขาบาดเจ็บ

 

พวกเธอนั้นทุกข์กว่าเป็นไหนๆ คำพูดนั้นสลักลึกไปในใจของโนโซมุ

 

 

 

「นั่นก็คือวิธีการรับมือปัญหาในอนาคตค่ะ แต่มีสิ่งอื่นที่คุณต้องทำในวันนี้นะคะ และมันสำคัญมากด้วย」

 

 

 

「เอ๋……」

 

 

 

มาดามพัลรีนพูดเช่นนั้นพร้อมทำสีหน้าจริงจัง

 

ในทิศทางที่เธอชี้ไปมีเทพธิดาที่ชวนให้นึกถึงดวงจันทร์ ยืนอยู่ด้วยชุดสีขาวบริสุทธิ์พร้อมเครื่องประดับสีเงิน ไอริส

 

ไอริส ยิ้มอย่างสดใสเมื่อเห็นโนโซมุ

 

ในฐานะขุนนางมาดามพัลรีนที่รู้จักไอริสเป็นเวลานาน เข้าใจรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความปรารถนาที่แสนสดชื่นนั่น

 

การปรากฏตัวที่เหมือนกับลูกสาวที่กำลังตกหลุมรักทำให้ริมฝีปากของเธอยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

 

「เอาล่ะ ดิฉันอุตสาห์คุ้มกันตัวเอกของงานในครั้งนี้มาอย่างดีแล้ว และเธอเองก็รอมาค่อนข้างนานแล้วด้วย」

 

 

 

เมื่อพูดเช่นนี้มาดามพัลรีนก็ไปหาไอริสและตบหลังโนโซมุ

 

 

 

「ครับ ! เอ่อ มาดามพัลรีน!」

 

 

 

「ว่ายังไง? มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

 

 

「ขอบคุณมากนะครับ!」

 

 

 

โนโซมุหันกลับไปหาเธอและโค้งคำนับด้วยความขอบคุณ และวิ่งไปหาไอริส

 

มาดามพัลรีนยืนยิ้มส่งพวกเขา

 

ขุนนางและสามัญชน ในฐานะปัญหาความเลื่อมล้ำสถานะทางสังคมมาดามพัลรีนเข้าใจความรักต้องห้ามนี้อย่างดี

 

ไม่สิ ถ้าเขาพลาดขึ้นมาจะประสบปัญหาขั้นรุนแรงยิ่งกว่าที่เธอเคยพบมาอีก

 

 

 

「ในฐานะสุภาพบุรุษ………..พยายามอย่างเต็มที่ล่ะ พ่อหนุ่มน้อย」

 

 

 

ถึงกระนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาสองคนที่จะผ่านเรื่องแบบนั้นไป

 

ขณะที่เธอจ้องมองโนโซมุและไอริสด้วยความคิดเหล่านี้ หัวใจของเธอจะคอยต้อนรับความยินดีของทั้งสอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด