ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1402 บัญชี
ตอนที่ 1402 บัญชี
ข้าก็ลำบากมากทีเดียว…
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ร้อนผ่าว เหมือนกับมีไฟไหม้
ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้นางหลับลึกมากเกินไป หรือว่าหรงซิวมือเบามากเกินไป คาดไม่ถึงว่านางจะไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“หรงซิว!”
ฉู่หลิวเยว่เขินอายขึ้นมาหลายส่วนอย่างหาได้ยาก
หรงซิวเห็นว่าอีกฝ่ายถูกเขาแกล้งจนใบหน้าแดงก่ำ จึงไม่ได้แกล้งต่อ และต้องถอยออกมาอย่างน่าเสียดาย
เขากุมมือของนางเอาไว้ สิบนิ้วประสาน
“พวกเราได้หมั้นหมายกันไว้แล้ว ขาดเพียงแค่งานแต่งงานเท่านั้น ไม่ใช่หรือ? ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่เหมาะ… ถ้าเช่นนั้น… ก็เปลี่ยนเป็นเจ้ามาช่วยข้าแทน?”
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้จะตอบรับประโยคนี้อย่างใด
จิตใจของคนผู้นี้เป็นสีดำจริงๆ ด้วย อีกทั้งใบหน้าก็ยังหนาขึ้นทุกวัน
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วแค่นหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะเงยหน้าจ้องมองเขา
“ฝันไปเถอะ!”
ในที่สุดนางก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้
ในตอนนี้นางถึงจะตระหนักได้ว่า เสื้อด้านในสีขาวราวกับหิมะนั้นเหมือนว่าจะไม่ใช่ของนาง
หรงซิวมองเห็นความสงสัยของนางจึงอธิบายขึ้นว่า
“ทางนี้มีเสื้อผ้าสำรองของเจ้าอยู่ แต่ว่า… มันเป็นชุดของหลายเดือนก่อน เมื่อนำมาใส่ตอนนี้… มันอาจจะไม่พอดีตัว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้สายตาของเขาก็กวาดไปมองรอบกายของนาง
แม้ว่าชุดนี้จะเหมือนกับของผู้ชาย ด้านในหลวมกว่า จึงยากจะซ่อนรูปร่างอันงดงามของสาวน้อยเอาไว้ได้
ความเงียบปกคลุมขึ้น ทำให้หัวใจสั่นไหว
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาเล็กน้อย จึงเบนสายตาออกไปทางอื่นด้วยตนเอง มือข้างหนึ่งคลายคอเสื้อโดยไม่รู้ตัว
“เอาตามนี้ไปก่อน อีกสักสองสามวันค่อยให้พวกเขาส่งชุดใหม่มาให้”
ฉู่หลิวเยว่ “… เจ้าช่วยข้าจัดเตรียมชุดมาตลอดเลยหรือ?”
แล้วก็ยังมีชุดด้านใน!
หรงซิวไม่ได้ปฏิเสธ เขาตอบรับอย่างตรงไปตรงมา
“ในตอนที่เจ้าโตขึ้น เสื้อผ้าเหล่านี้ต้องถูกเปลี่ยนเป็นประจำ เดิมทีเปลี่ยนเดือนละครั้ง เพียงแต่ช่วงนี้เจ้าอยู่ในสำนักตลอดเวลา ข้าจึงไม่ได้ให้พวกเขานำเสื้อผ้ามาส่ง”
ช่วงอายุสิบหกสิบเจ็ด ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์
หรงซิวขยับนิ้วอย่างไร้เสียง เหมือนว่าปลายเล็บที่เกลี้ยงเกลาเหมือนมีกลิ่นหอมแผ่กระจายออกมา
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าไม่สามารถอยู่ที่ห้องนี้ต่อไปได้อีกแล้ว!
นางมองหาไปรอบๆ จากนั้นก็พบว่าเสื้อผ้าที่นางใส่ก่อนหน้านี้ไม่อยู่แล้ว
เมื่อลองคิดไปมาก็ถูกต้อง เสื้อผ้าเหล่านั้นเลอะคราบเลือดสกปรก ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องทิ้งมันไป
นางหยิบเสื้อคลุมสีแดงออกมาจากแหวนเฉียนคุน พร้อมเข็มขัดหยกสีดำ
จากนั้นก็มัดผมสีดำขลับของนางขึ้น หากมองจากที่ไกลๆ คนที่นั่งอยู่ก็คือหนุ่มน้อยผู้หนึ่ง
ยกเว้นใบหน้าที่งดงามและน่าทึ่ง
ฉู่หลิวเยว่ส่องกระจกสัมฤทธิ์มองสำรวจใบหน้าของตนเอง
“การสวมหน้ากากไว้ตลอดนั้นไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นจึงมีแค่ตอนที่ผู้อาวุโสวั่นเจิงมาหา ข้าจึงช่วยใส่มันกลับลงไป”
หรงซิวพูดขึ้นพร้อมสะบัดมือเบาๆ หน้ากากบางๆ ก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าของฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือออกไปรับ
เดิมทีนางจะสวมใส่ในทันที แต่คิดไปคิดมาก็ชะงักการกระทำเอาไว้
นางเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้ง และมองไปยังตัวเองที่อยู่ในกระจกสัมฤทธิ์
เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ใบหน้าของนางเหมือนว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
คิ้วมีความละเอียดอ่อนและชัดเจนมากขึ้น ใบหน้าก็มีเค้าโครงเด่นชัดยิ่งขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้…
ยิ่งเหมือนกับซั่งกวนเยว่เมื่อกาลก่อนยิ่งนัก
นางจำได้ว่าเมื่อชาติก่อนตอนที่นางมีอายุเท่านี้ ใบหน้าของนางก็มีส่วนคล้ายกับตอนนี้ถึงเจ็ดแปดส่วนเลยทีเดียว
กอปรกับท่าทางเหล่านี้… ทำให้นางยิ่งดูเหมือนมากขึ้น
ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของนางอย่างรวดเร็ว
…ไม่รู้ว่าจะต้องผ่านไปอีกสักกี่ปี ใบหน้าของนางจะกลับกลายเป็นเหมือนกับเมื่อก่อนหรือไม่?
แต่บนโลกใบนี้ จะมีคนที่ใบหน้าเหมือนกันได้อย่างใด
ฉู่หลิวเยว่หลุบตาลงต่ำเล็กน้อย ปกปิดอารมณ์ของตนเอง จากนั้นก็สวมหน้ากากกลับไปอย่างระมัดระวัง
ใช่หรือว่าไม่ใช่…
เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เอง
หลังจากสำรวจทั่วทั้งร่างกายแล้วว่าไม่มีอันใดผิดปกติ ฉู่หลิวเยว่ถึงได้หันกลับไปมองหรงซิว
“เรื่องวุ่นวายก่อนหน้านี้ เป็นเจ้าที่คอยช่วยจัดการหรือ?”
นางกำลังพูดถึงเขาเฝิงหมิน
ลมหายใจของหรงซิวค้างไปเล็กน้อย จากนั้นก็มองนางด้วยรอยยิ้ม
“เยว่เออร์คิดจะตอบแทนสามีให้เต็มที่ใช่หรือไม่”
…
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็เดินทางไปหาผู้อาวุโสวั่นเจิงด้วยตนเอง
ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นอาจารย์ อีกทั้งช่วงเวลานี้ก็ลำบากเพื่อนางมามาก นางจึงต้องการไปคารวะเขาก่อน
อีกทั้งยังถือว่าต้องแจ้งเรื่องที่นางฟื้นแล้วในคราวเดียวกันด้วย รวมทั้งผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนด้วย
อีกทั้งเรื่องนี้ก็ให้หรงซิวมาบอกเขาด้วยตนเอง
“อันใดนะ? เจ้าอยากจะให้ฉู่เยว่เข้าไปในเขาเฝิงหมิน?”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนชะงักมือไปในทันที เขาปิดหนังสือเล่มหนาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เขาเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา ร่างกายน่าจะอ่อนแออยู่ไม่ใช่หรือ? ให้เขาไปเขาเฝิงหมินในตอนนี้ เกรงว่ามันจะไม่เหมาะสมละมั้ง? แล้วอีกอย่าง… ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่คุมขังศิษย์ที่มีความผิด เขาทำความดีขนาดนี้ จะเอาเหตุผลอันใด…”
“เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทะลวงด่านจอมยุทธ์ระดับเก้ามาได้ ท่านก็รู้นี่นา แล้วอีกอย่าง… หากบอกว่าเขาไม่มีความผิดเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เกรงว่าจะไม่ใช่ การเดินทางไปบุพกาลชายแดนเหนือในครั้งนี้ เดิมทีนางไม่มีคุณสมบัติที่จะติดตามผู้อาวุโสฮวาเฟิงไป แต่สุดท้ายนางก็ยังจะไป อีกทั้งหลังจากไปแล้ว ก็ยังก่อเรื่องไม่น้อย… การคุมขังที่เขาเฝิงหมิน ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการตักเตือน”
หรงซิวรู้อยู่แล้วว่าผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนจะไม่มีทางเห็นด้วยอย่างง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงเตรียมคำพูดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนเงียบเสียงไป ท่าทางลังเลเล็กน้อย
“แต่… เรื่องนี้หากพูดไปแล้ว ก็ควรจะโทษฮวาเฟิง ท้ายที่สุดแล้วหากไม่มีคำอนุญาตจากเขา ฉู่เยว่ก็ไม่สามารถไปได้ ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น… ความจริงแล้วไม่ใช่สิ่งที่ฉู่เยว่ยินยอมจะกระทำ…”
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนไม่ต้องการจะตำหนิฉู่หลิวเยว่เพียงคนเดียว
เขาขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันมองหรงซิวอย่างไม่มั่นใจ
“หรงซิว ที่เจ้าอยากให้ฉู่เยว่ไปเขาเฝิงหมินนั้น น่าจะมีเหตุผลอื่นใช่หรือไม่?”
ดูจากท่าทางที่หรงซิวปฏิบัติต่อฉู่เยว่ ครั้งนี้ไม่ใช่การลงโทษนางอย่างแน่นอน
หรงซิวผงะไปเล็กน้อย
“ขอรับ”
“เขาเฝิงหมินอันตรายมาก แต่… สถานที่ที่อันตรายที่สุด กลับเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“เพียงแค่… ขอเวลาช่วงหนึ่งเท่านั้น”
…
อีกด้านหนึ่ง เมื่อผู้อาวุโสวั่นเจิงเห็นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาจับตัวนางมาสำรวจอยู่หลายรอบ จนมั่นใจว่าร่างกายของนางนั้นฟื้นตัวแล้วจริงๆ อีกทั้งยังไม่มีปัญหาอื่นใดมาแทรกซ้อน ในที่สุดเขาก็สามารถปล่อยวางความกังวลได้
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น! เจ้าหลับไปครั้งนี้ ทำให้อาจารย์ของเจ้าต้องตกใจเกือบตาย!”
ปกติแล้วผู้อาวุโสวั่นเจิงเป็นคนที่เคร่งเครียด จากคำพูดของเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกฉู่หลิวเยว่กระตุ้นอย่างหนัก
ช่วยไม่ได้ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาสลบอยู่ในอ้อมแขนของหรงซิว ใบหน้าที่ซีดขาว ทำให้เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก
หลายปีมานี้ กว่าเขาจะได้ลูกศิษย์มาสักคนหนึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก เมื่อลูกศิษย์เกิดเรื่องเขาจะไม่รู้สึกปวดใจได้อย่างใด?
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้านั้นสบายดีมาก!”
“วั่นเจิง!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
ทั้งสองคนหันกลับไปมอง ชายชราเท้าเปล่าคนหนึ่งโบกพัดใบปาล์ม เดินมาจากกลางอากาศ
ผู้อาวุโสเมิ้งเย่!
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นแรงอย่างกะทันหัน
…ถ้าจำไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสเมิ้งเย่เคยพูดว่า รอผู้อาวุโสวั่นเจิงกลับมา เขาจะนำบัญชีไปให้อีกฝ่ายดู?
Comments