ชายาเคียงหทัย 350-3 การประนีประนอมของถานจี้จือ
‚หากว่าหลีอ๋องไม่แต่งงานกับตงฟางโยวเล่า‛
ช่วยเหลือจากตําหนักติ้ งอ๋องล่ะก็… ‚ได้ ข้ารับปากท่าน‛
เยี่ยหลีพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งให้นางพร้อมเอ่ยว่า ‚ในเมื่อ เจ้ายังอยากที่จะพบหน้าลูกของเจ้า ก็อย่าได้ร้องไห้ออกมาง่ายๆ เช่นนี้ เลย ตอนนี้ เจ้าน่าจะ เข้าใจแล้ว มีเรื่องต่างๆ มากมายที่ไม่อาจแก้ปัญหาได้ด้วยการร้องไห้ เจ้าวางใจเถิด ต่อให้ม่อ จิ่งหลีแต่งงานกับตงฟางโยวจริง ตําแหน่งของเจ้าในตําหนักหลีอ๋องก็จะไม่สั่นคลอนเด็ดขาด ข้า จะช่วยเจ้าเอง‛
‚ขอบคุณท่านมาก พี่สาม‛ เยี่ยอิ๋งเช็ดนํ้าตาแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มตํ่า ‚พระชายา หลีอ๋องขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ‛ เว่ยลิ่นเข้ามารายงาน เยี่ยหลีปรายตามองเยี่ยอิ๋งพลางยิ้ มทีหนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยออกมาอย่างเห็นขันว่า ‚พอดีเลย ข้ากําลังมีเรื่องที่อยากจะคุยกับหลีอ๋องอยู่พอดี เชิญเขาเข้ามาเถิด อิ๋งเอ๋อร์ เจ้า…‛ เยี่ยอิ๋งกัดริมฝีปากแล้วเอ่ยออกมาอย่างแค้นเคืองว่า ‚ข้าไม่อยากเจอเขา!‛
ชายาเคียงหทัย Page 458 of 1047
‚ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าไปนั่งรอที่หอภาพวาดก่อนก็แล้วกัน‛ ช่างเป็นเด็กที่โง่เง่าเสียจริง เจ้าคิด จริงๆ หรือว่าม่อจิ่งหลีจะมาเพื่อง้องอนเจ้า นางเรียกให้คนเดินนําเยี่ยอิ๋งออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ม่อจิ่งหลีจึงได้เดินเข้ามาจากอีกด้าน
ม่อจิ่งหลีมองเห็นสตรีชุดเขียวครามที่นั่งอยู่ข้างทะเลสาบจากที่ไกลๆ ชั่วพริบตาก็ผ่านไปตั้ง สิบปีแล้ว จู่ๆ ม่อจิ่งหลีก็พบว่าตนเองยังคงจดจํารูปร่างหน้าตาของเยี่ยหลีในครั้งแรกที่ได้พบ หลังจากที่ถอนหมั้นนางไปแล้วได้ ถึงแม้ครั้งนั้นเยี่ยหลีจะทําให้เขาต้องขายหน้าที่ร้านเซิ่น เต๋อเซวียนเพียงใด แต่ครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาเกิดความรู้สึกคลุมเครือบางอย่างขึ้ น ที่แท้เยี่ย หลีผู้นี้ ไม่เหมือนกับที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้เลย เวลาผ่านไปหลายปี หน้าตาของเยี่ยหลี ไม่ได้แตกต่างไปจากสมัยก่อนสักเท่าไร เพียงแค่เพราะมีลูกหลายคนแล้วจึงมีความรู้สึกสง่า งามและอ่อนโยนเพิ่มเติมขึ้ นมาบ้างเท่านั้น
‚หลีอ๋อง‛ เมื่อเห็นม่อจิ่งหลีที่กําลังเดินเข้ามา เยี่ยหลีเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้ลุกขึ้ น ต้อนรับแต่อย่างใด ‚หลีอ๋องเชิญนั่ง‛
ม่อจิ่งหลีนั่งลงเงียบๆ เมื่อเห็นชิงซวงเดินถือถาดนํ้าชาเข้ามา ก็ถามออกไปด้วยนํ้าเสียงสงบ นิ่งว่า ‚เด็กคนนี้ ยังติดตามเจ้าอยู่อีกหรือ‛
เยี่ยหลีตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าผู้ที่ไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตาอย่างม่อจิ่งหลีจะจดจํา เด็กรับใช้ข้างกายของนางได้ จึงได้แต่ยิ้ มบางๆ ออกมาก่อนเอ่ยว่า ‚ชิงซวงอายุไม่น้อยแล้ว คง จะติดตามรับใช้ข้าได้อีกไม่นาน‛ งานแต่งงานระหว่างชิงซวงและอาจิ่นตกลงกันเกือบจะ เรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าถูกใจหัวหน้าพ่อบ้านม่ออย่างยิ่ง อาจิ่นและชิงซวงเองก็ไม่มีความเห็น อันใด เพียงแค่รอเวลาให้ว่างลงค่อยจัดงานแต่งงานก็เท่านั้น
คล้ายกับว่าไม่มีสิ่งใดจะเอ่ย จึงเกิดความเงียบขึ้ นชั่วขณะ
เยี่ยหลีเองก็ไม่รีบร้อนที่จะเอ่ยปาก ในเมื่อม่อจิ่งหลีไม่เอ่ยนางก็นั่งดื่มนํ้าชาไปอย่างเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง ม่อจิ่งหลีก็เริ่มทําตัวไม่ถูก ถึงได้เอ่ยปากออกมาว่า ‚อิ๋งเอ๋อร์อยู่ที่นี่หรือ‛
เยี่ยหลีก็ไม่ได้ปฏิเสธ พนักหน้าก่อนจะเอ่ยว่า ‚เมื่อครู่เพิ่งจะมาคุยกับข้าเอง ตอนนี้ ออกไป พักผ่อนแล้ว หลีอ๋องมาหาน้องสี่ของข้าหรือ‛
‚เจ้าเอ่ยอันใดกับนาง‛ ม่อจิ่งหลีเอ่ยถามขึ้ นเสียงแข็ง ในนํ้าเสียงแฝงไว้ด้วยความร้อนใจ เยี่ยหลีเหล่มองไปที่เขาแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ย ‚จะมีเรื่องใหม่อันใดได้อีกเล่า ก็แค่เรื่องที่หลีอ๋อง จะหย่าขาดจากภรรยาแล้วไปแต่งงานใหม่เท่านั้นเอง‛
‚ข้าไม่ได้คิดจะหย่า!‛ ม่อจิ่งหลีเอ่ยขึ้ นด้วยความโมโห เยี่ยหลีพยักหน้าแล้วเอ่ยยิ้ มๆ ว่า ‚ข้ารู้ หลีอ๋องเพียงคิดที่จะลดฐานะชายาเอกเป็นชายารอง จะได้เว้นตําแหน่งชายาเอกให้กับแม่ นางตงฟางก็เท่านั้น‛ ม่อจิ่งหลีมองหน้านางก่อนจะเอ่ยว่า ‚ข้าลดเยี่ยอิ๋งไปเป็นชายารอง ไม่ทํา
ชายาเคียงหทัย Page 459 of 1047
ให้เจ้าดีใจหรอกหรือ‛ เยี่ยหลีรู้สึกประหลาดใจจึงถามออกไปว่า ‚เหตุใดข้าต้องดีใจที่น้องสี่โดน ลดฐานะเป็นชายารองด้วย หรือการที่มีน้องสาวเป็นพระชายาน่าขายหน้ายิ่งกว่าเป็นชายารอง อย่างนั้นหรือ‛
‚ตอนนั้นนางช่วงชิงตําแหน่งพระชายาหลีอ๋องของเจ้าไป เจ้าไม่นึกแค้นนางหรือ‛ ม่อจิ่งหลี จ้องเยี่ยหลี แล้วถามออกมาด้วยนํ้าเสียงทุ้มตํ่า
เยี่ยหลีตกใจแล้วถามกลับไปอย่างน่าขันว่า ‚หลีอ๋องกําลังจะบอกว่าท่านแก้แค้นให้ข้าหรือ หรือว่าหลีอ๋องกําลังวางแผนที่จะใช้ข้อแก้ตัวประหลาดๆ อันใดเพื่อมาเป็นข้ออ้างในการลด ฐานะชายาเอกเป็นชายารองอย่างไร้เหตุผลกันแน่‛ ม่อจิ่งหลีมิได้เดือดดาลดั่งเช่นปกติ หากแต่ มองเยี่ยหลีพลางเอ่ยว่า ‚หากเจ้าเป็นพระชายาหลีอ๋อง ต่อให้ต้องทําเพื่อเขาซางหมาง ข้าก็จะ ไม่แต่งงานกับตงฟางโยว‛
‚แค่กๆ…‛ เยี่ยหลีเกือบสําลักนํ้าชาแล้ว นางมองไปที่ม่อจิ่งหลีด้วยสีหน้าประหลาดใจเป็น อย่างยิ่ง นี่มันอะไรกัน ยามนั้นสลัดนางทิ้ งเยี่ยงรองเท้าเปื้ อนโคลน มายามนี้ กลับมาสารภาพ รักอย่างหวานซึ้ ง ตอนนั้นรักดั่งอัญมณีลํ้าค่า ตอนนี้ กลับไร้ค่าเสียยิ่งกว่าดอกหญ้าริมทาง เมื่อ เห็นสีหน้าจริงจังของม่อจิ่งหลี เยี่ยหลีก็พลันรู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้ นมาเป็นที่สุด
‚เจ้าไม่เชื่อใช่หรือไม่‛ ม่อจิ่งหลีถลึงตาถามนางออกไป
เยี่ยหลีส่ายศีรษะแล้วเอ่ยว่า ‚เชื่อหรือไม่ก็ไม่มีความหมายอันใดอีกแล้ว ต่อไปขอท่านอ๋อง อย่าได้เอ่ยคํากล่าวเช่นนี้ อีกจะดีที่สุด อีกอย่าง ถึงอย่างไรน้องสี่ก็ติดตามท่านอ๋องเป็นเวลาถึง สิบปี ลําบากมาก็ไม่น้อย ขอท่านอ๋องได้โปรดสงสารนางด้วย ให้นางได้มีที่ให้พักพิง‛ ม่อจิ่งหลี เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ ‚เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ได้จะทิ้ งนางสักหน่อย นี่นางเป็นคน บอกเจ้ากระนั้นหรือ‛
เยี่ยหลีเอ่ยอย่างสงบว่า ‚ต่อให้ท่านอ๋องไม่ได้หมายความเช่นนี้ แล้วอย่างไร ท่านอ๋องเกิดใน ราชวงศ์ เรื่องการประจบผู้มีอํานาจ ทําร้ายผู้เสียอํานาจเคยเห็นมาน้อยเสียเมื่อไร น้องสี่อยู่ที่ เจียงหนานไร้ญาติขาดมิตร ยิ่งไม่มีคนคอยสนับสนุน หากถูกปลดจากพระชายาเอกเป็นพระ ชายารอง ท่านอ๋องคิดว่านางจะใช้ชีวิตต่อไปเยี่ยงไร‛
‚เจ้าช่างดีต่อนางเสียเหลือเกินนะ!‛ ม่อจิ่งหลีกัดฟันเอ่ย ความจริงการที่เยี่ยหลีเอ่ยแทน เยี่ยอิ๋งก็ไม่ได้มีอะไร แต่พอม่อจิ่งหลีได้ฟังแล้วกลับรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก
เยี่ยหลีอมยิ้ มพลางเอ่ย ‚ต่างก็เป็นสตรีด้วยกัน ไฉนจะต้องทําร้ายกันด้วย บนโลกนี้ เดิมที สตรีก็มีชีวิตที่ลําบากมากพออยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีวาสนาเยี่ยงเยี่ยหลี‛ เมื่อได้เห็นรอยยิ้ ม เจ้าเล่ห์บนใบหน้าของเยี่ยหลี ม่อจิ่งหลีก็ยิ่งรู้สึกขัดตายิ่งนัก จึงเอ่ยออกไปอย่างหงุดหงิดว่า ‚ข้า
ชายาเคียงหทัย Page 460 of 1047
รู้แล้ว ข้ารับประกันได้ว่าเยี่ยอิ๋งจะได้เป็นพระชายาเอกตลอดไป เพียงแต่…ข้าจะได้ประโยชน์อัน ใดเล่า‛
‚เหรินฉีหนิงจะไม่มีวันได้แต่งงานกับตงฟางโยว เช่นนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์หรือไม่‛ เยี่ยหลี เอ่ยด้วยนํ้าเสียงสงบนิ่ง
สีหน้าของม่อจิ่งหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า ‚คําไหนคํานั้น‛ เหริน ฉีหนิงเรียกตนเองว่าเป็นผู้สืบทอดจากราชวงศ์เก่า ไม่ว่าเขาจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม อย่าง น้อยก็เป็นคนที่อันตรายที่สุดและเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาด้วย
‚ม่อซิวเหยายอมสละภูเขาซางหมางเพื่อเจ้า ในอนาคตเขาจะไม่รู้สึกเสียดายจริงๆ หรือ‛ เมื่อรู้สึกไม่ชอบใจในรอยยิ้ มบนใบหน้าของเยี่ยหลี ม่อจิ่งหลีจึงได้ถามออกไปด้วยเจตนาที่ไม่ หวังดี เยี่ยหลียยิ้ มขึ้ นเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป ‚ข้าเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ตนได้ ตัดสินใจไปแล้ว‛ การที่ม่อซิวเหยาไม่มีพระชายารองนั้นเป็นเพราะนางจริงๆ แต่การที่ปฏิเสธ ตงฟางโยวและภูเขาซางหมางกลับไม่ใช่เพราะนางทั้งหมด สําหรับตําหนักติ้ งอ๋องแล้ว ภูเขาซาง หมางไม่ได้เป็นประโยชน์แต่เป็นภาระเสียมากกว่า
ม่อจิ่งหลีส่งเสียงเย็นชาในลําคอหนึ่งทีก่อนจะถามต่อ ‚ว่าอย่างไรนะ บางทีตอนนี้ ม่อซิว เหยาอาจจะไม่รู้สึกเสียใจ แต่ต้องมีสักวันที่เขาจะเสียใจ เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะยิ่งเกลียดเจ้า‛
‚หลีอ๋องเอ่ยถึงข้าอย่างนั้นหรือ‛ นํ้าเสียงอันเกียจคร้านของม่อซิวเหยาดังขึ้ นมาจาก ด้านหลัง ม่อจิ่งหลีตกใจจนต้องรีบหันไปดู ก็เห็นว่าม่อซิวเหยายืนห่างจากตัวเขาไปเพียงสาม ก้าวเท่านั้น เขาแทบจะไม่เห็นสีหน้าอับอายของม่อจิ่งหลีอยู่ในสายตา ม่อซิวเหยาเดินไปยืนอยู่ ข้างกายเยี่ยหลีแล้วหอมแก้มนางทีหนึ่ง โอบบ่าเยี่ยหลี แล้วหัวเราะอย่างได้ใจก่อนเอ่ยขึ้ นว่า ‚เพื่ออาหลีแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเด็ดขาด‛
‚เพื่ออาหลีแล้ว ข้าจะไม่มีวันเสียใจเด็ดขาด‛ ม่อซิวเหยายืนอยู่ด้านหลังเยี่ยหลี ก่อนจะมอง มาที่ม่อจิ่งหลีอย่างคนที่เหนือกว่า
เมื่อได้ฟังคํากล่าวของม่อซิวเหยา เดิมทีม่อจิ่งหลีที่สีหน้าไม่สู้ดีอยู่แล้วก็ยิ่งบึ้ งตึงเข้าไปใหญ่ ได้แต่หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า ‚อย่างนั้นหรือ‛ ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ วก่อนจะเอ่ย ‚แน่นอน ข้าไม่ใช่พวกมีตาหามีแววไม่เสียหน่อย‛ เขานั่งลงบนเก้าอี้ ตัวที่อยู่ข้างกายเยี่ยหลีอย่างเกียจ คร้าน ม่อซิวเหยาไม่สนใจสีหน้าอับอายของม่อจิ่งหลีอีกต่อไป เขามองไปที่เยี่ยหลีอย่างไม่พอใจ พลางเอ่ย ‚อาหลี เหตุใดเจ้าจึงได้มาสนทนากับคนอื่นอยู่ที่นี่เพียงลําพังหรือ‛
เยี่ยหลีเลิกคิ้ ว มองไปที่เขาด้วยสีหน้ากึ่งยิ้ มกึ่งบึ้ งก่อนจะตอบ ‚หรือว่าข้ามิอาจสนทนากับ ผู้ใดได้ตามลําพังอย่างนั้นหรือ‛
ชายาเคียงหทัย Page 461 of 1047
ม่อซิวเหยารีบยิ้ มเอาใจก่อนจะเอ่ย ‚จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า อาหลียอมคุยกับใคร ก็ ถือเป็นเกียรติของพวกเขาแล้ว เพียงแต่ในสมองของใครบางคนเอาแต่คิดเรื่องร้ายกาจ อาหลี จะต้องระวังตนเองให้มาก‛
เยี่ยหลีอมยิ้ มแต่มิได้เอ่ยสิ่งใดออกไป ได้แต่มองเขาที่กําลังยิ้ มด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง หาก กล่าวถึงเรื่องร้ายกาจเต็มสมอง บนโลกนี้ จะมีใครเอาชนะท่านอ๋องไปได้อีกเล่า ม่อซิวเหยาก็ไม่ ใส่ใจสายตาล้อเลียนของเยี่ยหลี เพียงเอียงศีรษะซบเยี่ยหลีแล้วถามว่า ‚หลีอ๋องยังมีอันใดที่ อยากจะพูดอีกอย่างนั้นหรือ‛ ต่อให้เดิมทีม่อจิ่งหลียังมีสิ่งที่อยากจะเอ่ย แต่ตอนนี้ เมื่อถูกม่อซิว เหยายั่วโมโหจึงลืมไปเกือบหมดสิ้ น เขาสบถเสียงเบา ก่อนจะลุกขึ้ นเอ่ย ‚ข้ามารับอิ๋งเอ๋อร์กลับ โรงพักม้า‛
‚เช่นนี้ นี่เอง‛ ม่อซิวเหยาพยักหน้าแล้วกล่าวว่า ‚เช่นนั้นเชิญหลีอ๋องตามสบายเถิด จริงสิ… หลีอ๋อง โบราณได้กล่าวไว้ว่าเมียที่ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกันไม่อาจทิ้ งได้ ถึงแม้พระชายาหลีอ๋องจะ ไม่นับว่าเป็นเมียที่ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกันก็ตามที แต่ว่านางก็ติดตามหลีอ๋องมาหลายปี ตอนนี้ เพื่อแม่นางจากภูเขาซางหมางแล้ว หลีอ๋องไม่ลังเลเลยที่จะปลดชายาเอกเป็นชายารอง เช่นนี้ จะทําให้คนทั่วแผ่นดินรู้สึกว่าหลีอ๋องรักคนรวยเกลียดคนจน จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของหลี อ๋องนะ‛
ม่อจิ่งหลีกัดฟันเอ่ยว่า ‚ติ้ งอ๋องคิดมากไปแล้ว ข้ามิได้มีเจตนาเช่นนั้น‛
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ วขึ้ นอย่างไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อในคําพูดของม่อจิ่งหลี ม่อจิ่งหลีเองก็ ไม่มีแก่ใจจะอธิบายให้เขาฟัง จึงหันหลังเดินจากไปด้วยใบหน้าบี้ งตึง
เมื่อเห็นแผ่นหลังของม่อจิ่งหลีเดินจากไปไกลแล้ว เยี่ยหลีจึงหันไปเอ่ยยิ้ มๆ กับม่อซิวเหยา ว่า ‚ท่านอ๋องมาได้ถูกจังหวะจริงเชียว‛ ม่อซิวเหยายิ้ มกว้างก่อนจะบอกว่า ‚ก็ข้ารู้ว่าอาหลีไม่ อยากสนทนากับม่อจิ่งหลี‛ เยี่ยหลีมองขึ้ นฟ้าอย่างเอือมระอา นางไม่ได้ชมเขาสักหน่อย
‚อาหลี เจ้าว่าโอกาสที่ม่อจิ่งหลีจะแต่งงานกับตงฟางโยวมีมากหรือไม่‛ ม่อซิวเหยาถามขึ้ น ด้วยความสงสัย
คิ้ วสวยของเยี่ยหลีขมวดเข้าหากันเล็กน้อยพลางเอ่ย ‚หากม่อจิ่งหลีไม่ใช้กลอุบายอะไร เกรงว่าโอกาสคงจะมีไม่มาก‛ ตงฟางโยวไม่ใช่คนฉลาด แต่ว่าตงฟางฮุ่ยกลับเป็นคนที่ยากจะ รับมือ เมื่อมีตงฟางฮุ่ยคอยดูอยู่ข้างๆ ม่อจิ่งหลีก็คงไม่อาจสมปรารถนาได้ ม่อซิวเหยากล่าวขึ้ น ด้วยนํ้าเสียงราบเรียบ ‚เมื่อครู่ตงฟางฮุ่ยให้คนมาส่งข่าว เรื่องการแต่งงานของตงฟางโยวสามา รถทําเหมือนไม่เคยเกิดขึ้ นได้ ภูเขาซางหมางยังยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตําหนักติ้ งอ๋อง‛
‚ท่านปฏิเสธไปแล้วหรือ‛ เยี่ยหลีถามออกไปโดยไม่นึกสงสัย
ชายาเคียงหทัย Page 462 of 1047
‚ย่อมต้องปฏิเสธไปแล้วสิ‛ ม่อซิวเหยาพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบ ‚ต่อไปไม่ว่าข้าและ ตําหนักติ้ งอ๋องจะทําการใด ล้วนไม่เคยคิดให้ภูเขาซางหมางเข้ามาข้องเกี่ยวด้วย‛ บางทีตงฟาง ฮุ่ยอาจเป็นคนฉลาด แต่ถ้าเทียบในบรรดาตระกูลใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าร้อยปี ภูเขาซางหมางก็ยังแตกต่างกับตระกูลสวีอยู่ อํานาจบารมีของตระกูลสวีอาจไม่สู้ภูเขาซางหมาง แต่ทว่าคนในตระกูลสวีมีความใกล้ชิดกับผู้คนมากกว่า ช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา ก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปอยู่ในใจของชาวประชา ดั่งที่ว่าวีรบุรุษให้ความช่วยเหลืออย่างเงียบเชียบ ต่อให้ ตระกูลสวีล่มสลาย แต่ในจารึกประวัติศาสตร์จะยังคงมีร่องรอยของพวกเขา ทว่าภูเขาซางหมาง วางตนเองไว้ในตําแหน่งที่สูงเกินกว่าคนธรรมดาจะเข้าถึง ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็ดูคล้ายจะ สั่นสะเทือนไปทั่วใต้หล้า ทั้งยังทําตัวลึกลับดั่งมีผ้าสีปกคลุมไว้ แต่ก็เป็นเพราะพวกเขาทําตัว สูงส่งเกินไป จึงคุ้นชินกับความรู้สึกสูงส่ง ต่อให้เป็นตงฟางฮุ่ยที่ฉลาดสักเพียงใด ก็ไม่เคยวาง ตนเองไว้ในตําแหน่งเดียวกับประชาชนทั่วไป
‚ตงฟางฮุ่ยจะต้องโกรธมากเป็นแน่‛ ตงฟางฮุ่ยเป็นคนมากแผนการและฉลาดหลักแหลม ทว่าตั้งแต่เกิดมานางก็ได้เป็นผู้สืบทอดภูเขาซางหมางแล้ว ทั้งยังเป็นผู้นําแห่งภูเขาซางหมางมา หลายสิบปี ความจริงแล้วนางไม่อาจยอมรับคําปฏิเสธและการต่อต้านจากคนอื่นได้เท่าตงฟาง โยวด้วยซํ้า
‚โกรธแล้วอย่างไร‛ ม่อซิวเหยาเลิกคิ้ ว
เยี่ยหลียิ้ มหวาน ‚ถูกต้อง โกรธแล้วอย่างไร‛ ตําหนักติ้ งอ๋องไม่เคยเกรงกลัวต่อความ แข็งแกร่งของศัตรูอยู่แล้ว
Comments