คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 697 ตัดไฟแต่ต้นลม
ตอนที่ 697 ตัดไฟแต่ต้นลม
ประโยคที่ว่าตระกูลซ่งจะให้ซ่งอวี่เยียนและน้องสาวกลับไปแต่จะไม่สามารถกลับมาได้อีก ทำเอาฉินเหมยเหนียงตกใจจนลืมร้องไห้
สะใภ้หวังเป็นผู้นำเรือนใน หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งก็รู้ถึงความหมายของคำพูดฉินหลิวซี คิ้วขมวดแน่น รู้สึกกังวลเล็กน้อย
ฉินหลิวซีมองไปยังซ่งอวี่เยียนพลางเอ่ย “ข้าจำได้ว่า นอกจากเจ้ากับอวี่ชิงแล้ว พวกเจ้ามีน้องชายเพียงสองคนใช่หรือไม่”
ซ่งอวี่เยียนพยักหน้า
“หากเอ่ยอย่างไม่น่าฟัง ตอนนั้นตระกูลซ่งเลอะเลือน จึงได้ปล่อยให้ท่านอาหญิงพาพวกเจ้ากลับมา มิเช่นนั้น คาดว่าเจ้าคงจะได้แต่งงานในไม่ช้า” ฉินหลิวซีลดสายตาลง เอ่ยประชดประชันว่า “เลี้ยงพวกนางมาจนโตขนาดนี้ กลับปล่อยพวกนางไปโดยเปล่าประโยชน์ หากเอาไว้ ไม่ว่าแต่งกับใคร ก็นับว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวดอง ไม่แน่อาจจะช่วยพี่น้องทางฝั่งตระกูลเดิมได้”
คำกล่าวของนางนั้นร้ายแรงมากจริงๆ ซ้ำยังเต็มไปด้วยการเสียดสี แต่ทุกคนที่นี่ล้วนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
ใช่แล้ว เดิมทีซ่งอวี่เยียนก็ถึงวัยต้องเอ่ยเรื่องการหมั้นหมายแล้ว เพียงแต่ท่านพ่อของนางเป็นบุตรชายคนโตจากอนุ แม้ว่านางจะเป็นบุตรสาวคนโตจากภรรยาเอก แต่สถานะในจวนก็ไม่ได้ดีไปกว่าลูกพี่ลูกน้องของนาง แต่บุตรสาวคนโตจากภรรยาเอกแม้จะเป็นเชื้อสายบุตรชายของอนุ ก็นับว่าเป็นบุตรภรรยาเอก นางเองก็รูปร่างหน้าตาไม่แย่ แม้ว่าจะไม่สามารถแต่งงานเป็นภรรยาเอกของขุนนางผู้มีอำนาจใหญ่โต แต่ก็เป็นอนุภรรยาหรือภรรยาเอกคนถัดไป[1]ได้ อย่างน้อยบรรดาขุนนางเล็กๆ เหล่านั้นก็สามารถเกี่ยวดองได้
แต่ตระกูลซ่งปลดฉินเหมยเหนียงแล้ว ดันปล่อยให้บุตรสาวทั้งสองที่สามารถเอ่ยเรื่องการหมั้นหมายได้แล้วถูกไล่ออกไปด้วย ทำให้เสียความสัมพันธ์กับผู้ที่จะได้เกี่ยวดองด้วยไปโดยเปล่าประโยชน์ถึงสองคน หากไม่ใช่เพราะเลอะเลือนแล้วจะเป็นอะไรได้อีก
ซ่งอวี่เยียนตื่นตระหนก จึงเอ่ย “เช่นนั้นท่านว่าหากพวกเขาให้พวกเราสองคนพี่น้องกลับไปร่วมพิธีศพ แล้วจะให้อยู่ที่นั่นจริงๆ หรือ”
“คนเราล้วนแสวงหาผลกำไร พวกเจ้าสองคนพี่น้องล้วนหน้าตาดี แต่งกับใครมีหรือจะไม่ได้ผลประโยชน์ เจ้าถามคำถามนี้ ไม่สู้ลองคิดแทนคนตระกูลซ่งดู หากเจ้าเป็นพวกเขาจะทำอย่างไร หากปฏิบัติต่อพวกเจ้าดีจริงๆ เช่นนั้นจะทอดทิ้งทำไม” ฉินหลิวซีน้ำเสียงเย็นชา
ใบหน้าเล็กๆ ของซ่งอวี่เยียนซีดลงกว่าเดิม นางก็ไม่ใช่คนโง่ ท่านแม่ถูกปลด เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ไปเข้าร่วมพิธีศพของตระกูลซ่งด้วย เช่นนั้นก็มีเพียงพวกนางสองคนพี่น้อง แต่หากเข้าไปในตระกูลซ่งจริงๆ พวกนางที่เดิมทีก็ไม่ได้รับความโปรดปรานอยู่แล้ว เมื่อไม่มีทั้งบิดาและมารดาเคียงข้าง จะไม่ถูกคนรังแกตามอำเภอใจหรือ
เมื่อนางปักปิ่นแล้ว สามารถกำหนดการแต่งงานได้ทุกเมื่อ ตระกูลซ่งต้องการเพียงผลประโยชน์ สามารถ ‘ขาย’ นางในราคาที่ดีได้ตลอดเวลา ไม่ได้จะมองหาคู่ครองที่ดีอย่างแท้จริง
ฉินเหมยเหนียงก็ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกเช่นนั้น มองฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหรือ ตอนนั้นเห็นได้ชัดว่านางแพศยาผู้นั้นกลัวว่าพวกนางสองพี่น้องจะแบ่งสินสอดจึงได้โน้มน้าวท่านพ่อสารเลวของพวกนางให้ไล่พวกนางสองพี่น้องออกไป ตอนนี้อยากจะให้กลับไป ย่อมไม่มีทาง”
นางกอดซ่งอวี่เยียนไว้แน่น กัดฟันด้วยความเกลียดชัง แม้ว่าจะยังไม่ได้รับข่าวที่แน่นอน แต่นางก็เชื่อแล้วว่าคนอายุสั้นซ่งลี่หยางผู้นั้นเสียชีวิตแล้ว
ฉินหลิวซีเอ่ย “คนเราล้วนมีช่วงที่ได้สติ เมื่อบุรุษในตระกูลไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงบุตรกำพร้าและแม่ม่าย แน่นอนว่าจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อดึงกำลังเสริมให้กับตัวเอง อย่างเช่นการเกี่ยวดอง บุตรชายยังเล็ก จึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่บุตรสาว อย่างน้อยก็ได้รับของขวัญหมั้นหมาย ไม่มีอะไรให้สูญเสีย”
“ฝันไปเถิด!” มือของฉินเหมยเหนียงโอบซ่งอวี่เยียนแน่นยิ่งขึ้น น้ำเสียงแหลมด้วยความตื่นตระหนก
สะใภ้หวังเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ซีเอ๋อร์วิเคราะห์ไม่ผิด หากซ่งลี่หยางเสียแล้วจริงๆ เกรงว่าตระกูลซ่งจะทำได้จริงๆ”
หากคนเราไม่ทำเพื่อตัวเองก็จะถูกโชคชะตาทำลาย ซ่งอวี่เยียนและน้องสาวแซ่ซ่งเป็นสตรีตระกูลซ่ง ด้วยนิสัยที่โหดเหี้ยมของตระกูลซ่ง ขายพวกนางแลกกับผลประโยชน์ มีหรือจะทำไม่ได้
ฉินเหมยเหนียงสีหน้าซีด
สะใภ้เซี่ยมองฉินหลิวซีด้วยสีหน้าซับซ้อน ถามว่า “เจ้าเติบโตในอารามเต๋ามาตั้งแต่ยังเด็กไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงรู้เรื่องสกปรกของเรือนในเหล่านี้มากขนาดนี้”
ฉินหลิวซีมองไปที่นาง สายตาราวกับว่า ‘ข้าไม่ได้โง่เหมือนเจ้านะ’
สะใภ้เซี่ยสบถด้วยความโกรธ
เมื่อฉินหลิวซีเอ่ยถึงอนาคตของซ่งอวี่เยียนและน้องสาวก็รู้สึกชีวิตมืดมน ความโศกเศร้าจากการเสียชีวิตของท่านพ่อเบาบางลงทันที เมื่อเทียบกับการตายของท่านพ่อทรยศที่ความรู้สึกห่างเหินซ้ำยังทอดทิ้งพวกเขา ตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือชีวิตของนางจะถูกควบคุม หากกลับไปที่ตระกูลซ่งจริงๆ เช่นนั้นก็ราวกับกระโดดเข้าไปในกองไฟ
“ท่านแม่ พวกเราจะทำอย่างไรดี” ซ่งอวี่เยียนสีหน้าเป็นกังวล จะแต่งงานช้าหรือไม่นางไม่สนใจแล้ว แต่นางไม่อยากถูกกระทำอย่างกับสินค้าที่ถูก ‘ขาย’ ให้กับคนที่ไม่รู้จัก ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด
ในเวลานี้สะใภ้เซี่ยก็เอ่ยขึ้นมาว่า “จะทำอย่างไรได้อีก ข้าศึกมาใช้ทหารต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านรับ[2] ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดนั้นเลย ไม่แน่นางหนูซีอาจจะทำนายผิด…แค่ก”
ฉินหลิวซีรู้สึกขบขัน “ที่แท้ท่านอาสะใภ้รองก็เจ้าสำบัดสำนวนเหมือนกัน เมื่อถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ เกรงว่ายากที่จะลงจากหลังเสือแล้ว”
สะใภ้กู้เอ่ย “อย่างไรเสียอวี่เยียนและน้องสาวก็เป็นบุตรสาวภรรยาเอกอย่างแท้จริง หากตระกูลซ่งส่งคนมารายงานพิธีศพจริงๆ พวกนางก็คงจะไม่ไปไม่ได้แล้ว หลังจากกลับไป พวกเราก็ปกป้องไม่ได้อย่างเช่นตอนนี้แล้ว ถึงเวลานั้นค่อยวางแผนก็สายเกินไปแล้ว แต่หากไม่กลับไป คำว่าอกตัญญูก็จะกดทับพวกนางจนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้”
สะใภ้เซี่ยเบ้ปาก
ฉินเหมยเหนียงสับสนเล็กน้อย
“หากไม่อยากถูกบงการ ก็ต้องชิงอำนาจมาไว้ในมือก่อน ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก ประการแรกคือท่านอาหญิงใหญ่แต่งงานใหม่แล้วเปลี่ยนแซ่ให้พวกนางด้วย ประการที่สอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตั้งเรือนของสตรี ในเมื่อตระกูลซ่งเป็นคนทอดทิ้งฝ่ายหญิงก่อน ท่านอาหญิงใหญ่สามารถตั้งครัวเรือนสตรีได้ด้วยตัวเอง จัดเตรียมเอกสารให้พร้อม ให้พวกนางแซ่ฉินเหมือนกับท่าน หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อให้พวกนางกลับไปร่วมพิธีศพที่ตระกูลซ่ง คิดจะบงการเรื่องการหมั้นหมายของพวกนางก็ก้าวข้ามมารดาแท้ๆ อย่างท่านไปไม่ได้ อย่างไรเสียพวกนางก็ติดตามท่าน”
การเปลี่ยนแซ่ คือการให้ซ่งอวี่เยียนและน้องสาวตัดความสัมพันธ์กับเชื้อสายตระกูลของพ่อ
ใจเด็ดอย่างมาก
นางฉินผู้เฒ่ามองไปยังฉินหลิวซี สายตามีความสลับซับซ้อนเล็กน้อย หลานสาวผู้มีนี้มีความเด็ดขาด และมีความโหดเหี้ยม
ฉินเหมยเหนียงตกตะลึง ตั้งครัวเรือนสตรีใช้แซ่เดียวกันกับนาง?
เรื่องแต่งงานใหม่จนตอนนี้นางก็ไม่เคยคิดมาก่อน ประการแรกไม่มีคนที่เหมาะสม ประการที่สองบุตรสาวทั้งสองก็โตแล้ว กลัวจะทำให้พวกนางต้องน้อยใจ
แต่การตั้งครัวเรือนสตรี?
นางถูกปลดภรรยา ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องอาศัยอยู่ที่ตระกูลเดิม แต่ตอนนี้ตระกูลเดิมมีลูกสะใภ้สามคน ในภายภาคหน้าหลานๆ ก็ต้องแต่งภรรยา ในจวนมีคนมากมาย นางจะยังคงหน้าหนาอาศัยอยู่ตระกูลเดิมได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ทำอะไรก็ต้องดูสีหน้าของผู้อื่น ซ้ำยังง่ายที่จะเกิดความขัดแย้ง
เข้ากันได้ง่ายแต่อยู่ด้วยกันยาก และอีกอย่างนางก็เป็นบุตรสาวที่ถูกปลดภรรยา
ดังนั้นการก่อตั้งครัวเรือนสตรีของตัวเองอยู่คนเดียว ทำให้นางรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
สะใภ้หวังคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ย “คำแนะนำของซีเอ๋อร์ไม่เลวเลย ตั้งครัวเรือนสตรี เด็กทั้งสองเปลี่ยนมาใช้แซ่เดียวกับเจ้า แม้ว่าตระกูลซ่งจะมีแผนไม่ดีก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเราต้องตัดไฟแต่ต้นลม”
“เปลี่ยนแซ่ดีหรือไม่” ฉินเหมยเหนียงก้มลงมองซ่งอวี่เยียน
ซ่งอวี่เยียนกัดฟันพลางเอ่ย “ท่านแม่ ไม่ว่าจะแซ่ซ่งหรือว่าแซ่ฉิน พวกเราก็จะอยู่กับท่าน เป็นตระกูลซ่งที่ทอดทิ้งพวกเราก่อน”
“ดี พวกเขาโหดเหี้ยม ก็อย่าโทษที่พวกเราใจร้าย เช่นนั้นข้าจะตั้งครัวเรือนสตรี” ฉินเหมยเหนียงเม้มริมฝีปาก ท่าทางอ่อนแอเมื่อก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นความแข็งแกร่ง เอ่ย “หากพวกเขากล้าเอาเปรียบพวกเจ้าจริงๆ ต่อให้ข้าต้องเสี่ยงชีวิต ก็จะทำให้ตระกูลซ่งต้องเจอกับความวุ่นวาย”
ในเมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ไม่รอช้า ฉินหลิวซีเข้าทางอวี๋ชิวไฉ ไม่ช้าก็ช่วยพวกนางสามคนแม่ลูกซื้อบ้านหลังเล็กๆ ตั้งครัวเรือนสตรี ซ่งอวี่เยียนและน้องสาวก็เปลี่ยนแซ่เป็นฉินอวี่เยียนแล้ว
และหลังจากที่พวกเขาได้รับเอกสารไม่ถึงสามวัน ก็มีคนจากตระกูลซ่งมารายงานพิธีศพ ให้ฉินอวี่เยียนและน้องสาวกลับไปสวมชุดไว้ทุกข์ สิ่งนี้ทำให้ฉินเหมยเหนียงและคนอื่นๆ ให้ความเคารพและขอบคุณฉินหลิวซีมากขึ้น แม้แต่สะใภ้เซี่ยก็ไม่กล้าหาเรื่องต่อหน้านางแล้ว
[1] ภรรยาเอกคนถัดไป หมายถึงภรรยาเอกที่แต่งกับพ่อม่าย
[2] ข้าศึกมาใช้ทหารต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านรับ เปรียบถึงไม่ว่าจะมาวิธีไหนก็สามารถรับมือได้
Comments