ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ 1411 เกล็ดสีม่วง
ตอนที่ 1411 เกล็ดสีม่วง
ตระกูลเหลี่ยงรีบเร่งเดินทางไปยังพระราชวังเมฆาสวรรค์ด้วยความเร็วสูงสุด และตอนนั้นได้เจอกับเจียงเห่อเทียนที่กำลังจะจากไปพอดี
ศัตรูพบหน้า ดวงตาแดงก่ำ
เพราะว่าการตายของเหลี่ยงเส่าคัง ในตอนนี้เหลี่ยงอีเยี่ยและเหลี่ยงเซียวเซียว จึงถือว่าเซียนสุ่ยหลิงทั้งหมดเป็นศัตรูกับพวกเขาไปแล้ว
และแน่นอนว่ารวมถึงเจียงเห่อเทียนที่เป็นประมุขของตระกูลเจียงด้วย!
เมื่อเห็นว่าพวกเขามาด้วยท่าทางโหดร้าย ในใจของเจียงเห่อเทียนจึงเข้าใจสถานการณ์ได้เจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว
เพราะว่าก่อนที่จะมาถึงที่นี่ เขาได้ให้เจียงจื่อหยวนเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับบุพกาลชายแดนเหนือให้เขาฟังโดยละเอียดแล้ว
เจียงจื่อหยวนรู้ว่าในตอนนี้ มีเพียงบิดาของตนเองเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้มากที่สุด ดังนั้นนางจึงเล่าออกไปทั้งหมดอย่างไม่ปิดบัง
และเรื่องของเหลี่ยงเส่าคังก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“ประมุขตระกูลเหลี่ยง”
เจียงเห่อเทียนประสานมือทำความเคารพ ด้วยท่าทีเกรงใจ
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบรับมารยาทนี้ เขากวาดตามองโดยรอบ และพบว่าที่แห่งนี้มีเพียงเจียงเห่อเทียนคนเดียว เจียงจื่อหยวนไม่ได้อยู่ที่นี่ หัวใจพวกเขาจึงดำดิ่ง
“เจียงจื่อหยวนล่ะ?”
“ท่านถามถึงลูกสาวของข้าหรือ? อ่า เมื่อครู่นี้นางเพิ่งติดตามผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกและผู้อาวุโสอวี๋จิ้งเข้าไปในพระราชวังเมฆาสวรรค์เอง นางไปที่เขาว่านจงเพื่ออยู่เป็นเพื่อนท่านประมุข”
เจียงเห่อเทียนพูดขึ้นเสียงเรียบ
แต่อย่างไรก็ตามเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง ตอนนี้เจียงจื่อหยวนได้รับการคุ้มครองจากพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว!
สีหน้าของเหลี่ยงอีเยี่ยและลูกสาวเปลี่ยนไปเล็กน้อยในทันที
ที่เขารีบเร่งขนาดนี้ ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดสถานการณ์แบบนี้ขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่า
“หึ เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากจริงๆ เจียงจื่อหยวนถูกไล่ออกจากสำนักหลิงเซียว ตามหลักการแล้ว ไม่มีทางที่พระราชวังเมฆาสวรรค์จะรับนางเข้าไปในช่วงนี้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึง…ยังปล่อยให้นางเข้าไป?”
เหลี่ยงเซียวเซียวไม่ได้มีความอดทนมากขนาดนั้น ดังนั้นจึงพูดออกมาเสียงเย็น
ในใจของเจียงเห่อเทียนเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่อีกฝ่ายมีฐานะสูงส่งกว่าเขา เขาจึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้ แล้วหัวเราะออกมาหนึ่งครั้ง
“แม้ว่าจื่อหยวนจะเป็นธิดาของข้า เจียงเห่อเทียน แต่นางก็เติบโตขึ้นมาในพระราชวังเมฆาสวรรค์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับท่านประมุข และผู้อาวุโสในพระราชวังเมฆาสวรรค์ทุกท่านก็เห็นนางเป็นเด็กที่อยู่ใกล้ชิดมาโดยตลอด หากนางจะเข้าไปในพระราชวังเมฆาสวรรค์ดั่งเช่นตอนนี้ จะมีเรื่องอะไรน่าแปลกกัน”
เหลี่ยงเซียวเซียวหัวเราะเสียงเย็น
เจียงจื่อหยวนคู่ควรหรือไง?
อีกทั้งท่านประมุขของพระราชวังเมฆาสวรรค์ก็ยังปิดด่านฝึกอยู่ เรื่องที่จะออกมาพูดแทนเจียงจื่อหยวนนั้นเป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ตอนนี้พระราชวังเมฆาสวรรค์มีพระชายาตัวจริงนั่งอยู่ในตำแหน่ง! จะมีที่ว่างให้เจียงจื่อหยวนวิ่งไปมาโดยรอบได้อย่างไร?
ไม่รู้จริงๆ ว่านังบ้าผู้นั้นใช้วิธีการใดกันแน่…
“ประมุขตระกูลเหลี่ยง หากพวกเจ้าอยากพบจื่อหยวนละก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แค่เดินตรงไปรายงานกับผู้คุ้มกันก็ได้แล้ว แต่ว่า…ที่จื่อหยวนมาที่นี่ในครั้งนี้ ก็เพื่ออยู่เป็นเพื่อนท่านประมุขยามออกจากด่านฝึก จะสามารถออกมาได้หรือไม่นั้น…ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
เมื่อจัดการเรื่องราวเสร็จสิ้น ความกล้าของเจียงเห่อเทียนก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยแล้ว
“เจ้า…” เหลี่ยงเซียวเซียวโมโหอย่างมากจนสาวเท้าก้าวเข้าไปด้านหน้า
“เซียวเซียว”
เหลี่ยงอีเยี่ยนับว่าใจเย็นอย่างมาก พร้อมตะโกนเรียกชื่อนางหนึ่งเสียง
เหลี่ยงเซียวเซียวระงับเพลิงความโกรธที่อยู่ในใจลงอย่างไม่ยินยอม
“ในเมื่อนางเข้าไปในพระราชวังเมฆาสวรรค์แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ขอรบกวนแล้ว”
เหลี่ยงอีเยี่ยตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
แต่พวกเขาก็ยังจะทำ
ด้านในน่าจะมีเรื่องที่ปิดบังอยู่แน่นอน
“ท่านพ่อ…” เหลี่ยงเซียวเซียวไม่ยินยอม
เหลี่ยงอีเยี่ยส่งสายตามองนางอย่างมีความหมาย พร้อมหมุนตัวจากไป
เหลี่ยงเซียวเซียวกระทืบเท้าติดตามไปอย่างไม่มีทางเลือก
เจียงเห่อเทียนมองแผ่นหลังที่จากไปของพวกเขา ในที่สุดหัวใจที่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ก็สามารถวางลงได้สักที
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม…ครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่มาได้แล้ว
เมื่อมีพระราชวังเมฆาสวรรค์อยู่ เซียนสุ่ยหลิงของพวกเขา…จะไม่มีทางมีปัญหาแน่นอน!
…
“ท่านพ่อ เมื่อครู่นี้เหตุใดท่านต้องขวางข้าเอาไว้ด้วย? ข้าจะไปถามคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์ว่าคนเหล่านั้นสมองมีปัญหาไปหมดแล้วหรือ! คนเลวเช่นนี้มีค่าพอให้พวกเขาปกป้องด้วยหรือ?”
ระหว่างทางกลับเหลี่ยงเซียวเซียวยังคงโกรธไม่หาย
เมื่อเทียบกันแล้วเหลี่ยงอีเยี่ยใจเย็นกว่ามาก
“เหตุผลเช่นนี้เจ้ายังเข้าใจ เจ้าคิดว่าคนของพระราชวังเมฆาสวรรค์เหล่านั้นจะไม่เข้าใจงั้นหรือ?”
เหลี่ยงเซียวเซียวผงะไป
“ท่านหมายความว่า…”
“เห็นได้ชัดว่าในมือของพ่อลูกตระกูลเจียงยังมีไพ่ไม้ตายใบอื่นอยู่ ถึงจะสามารถปราณีประนอมกับพระราชวังเมฆาสวรรค์ได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่า…มันคือสิ่งใดกันแน่?”
เหลี่ยงอีเยี่ยพึมพำเสียงต่ำ พร้อมพูดขึ้นด้วยความมึนงง
“เซียวเซียว ก่อนหน้านี้เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง เจ้ารู้อันใดบ้างหรือไม่?”
เหลี่ยงเซียวเซียวหัวเราะขึ้นมา
“ผู้หญิงคนนั้น ทำเพื่อตัวเองเป็นเท่านั้น อีกทั้งยังระมัดระวังรอบคอบอย่างยิ่ง หากนางมีไพ่ไม้ตายเช่นนั้นจริงๆ ท่านคิดว่านางจะปล่อยให้ข้ารู้หรือ?”
เหลี่ยงอีเยี่ยขมวดคิ้วขึ้น
“หากเป็นเช่นนั้นละก็…ถ้าคิดไปหาเรื่องนาง เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าประมุขแห่งพระราชวังเมฆาสวรรค์จะออกจากด่านฝึกเมื่อใด? แล้วอีกอย่าง หากเขาออกจากด่านฝึกมาแล้ว เขายิ่งปกป้องเจียงจื่อหยวนมากกว่าเดิมจะทำอย่างใด?”
เหลี่ยงเซียวเซียวเงียบไปครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“น่าแปลกมาก ถ้าจะว่าไปแล้วเจียงจื่อหยวน เป็นเพียงแค่ขุนนางคนหนึ่งในพระราชวังเมฆาสวรรค์ นางมีสถานะสูงส่งเช่นนั้นได้อย่างใด? ได้ยินมาว่าท่านประมุขรักและเอ็นดูนางมาตั้งแต่เด็ก และยังรับนางมาเลี้ยงที่พระราชวังเมฆาสวรรค์โดยเฉพาะ หากไม่เช่นนั้น ชีวิตของนางคงไม่สดใสอย่างนี้แน่”
เหลี่ยงอีเยี่ยส่ายหน้า
“เรื่องนี้มีเงื่อนงำ และเกรงว่าจะมีแต่พวกเขาเท่านั้นที่รู้”
“ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อ พวกเราควรจะทำอย่างใดต่อไป? เราคงไม่ปล่อยนางไปเช่นนี้จริงๆ หรอกมั้ง?”
เหลี่ยงเซียวเซียวไม่ยินยอมให้เป็นเช่นนี้แน่นอน
เหลี่ยงอีเยี่ยครุ่นคิดพิจารณาอยู่นาน
“ก่อนอื่นต้องส่งคนไปตรวจสอบว่าสามารถหาหลักฐานอันใดได้หรือไม่ แล้วอีกอย่าง…ช่วงนี้คนจำนวนไม่น้อยกำลังสืบข้อมูลเกี่ยวกับฉู่เยว่ เจ้ารู้เรื่องอันใดเกี่ยวกับเขาบ้างหรือไม่?”
“ฉู่เยว่? เขาสนิทกับหรงซิวมากไม่ใช่หรือ? แต่มากกว่านี้…ข้าเองก็ไม่รู้แล้ว”
แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาหนึ่ง แต่ชื่อเสียงของฉู่เยว่ก็ดังมากในสำนัก แต่ภูมิหลังของเขานั้นยังคงเป็นความลับ
“ดูเหมือนว่าหรงซิวจะต้องการปกป้องเขาอย่างมาก…แต่ว่าได้ยินมาว่าฉู่เยว่ผู้นั้นไปที่บุพกาลชายแดนเหนือเพียงแค่ไม่กี่วัน ก็สามารถเลื่อนขั้นจากจอมยุทธ์ระดับแปดเป็นระดับเก้าได้ อีกทั้งยังถูกกลุ่มคนลึกลับพาตัวไป ต้องบอกว่าในการไปครั้งนี้มีคนตระกูลใหญ่มากมายที่ต้องขาดทุนกับที่แห่งนี้”
ไม่มีใครได้ครอบครองหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร?
ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วปัญหาเหล่านี้อาจจะกองอยู่บนศีรษะของฉู่เยว่
เหลี่ยงอีเยี่ยพิจารณาอยู่สักพัก
“เจ้ากลับไปที่สำนักก่อน จับตาดูฉู่เยว่ผู้นั้น ดูว่านี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่ ข้าจะไปสอบถามกับตระกูลอื่นๆ ดูว่าพวกเขาวางแผนกันอย่างใด บางที…อาจจะหาเบาะแสของเส่าคังจากคนเหล่านั้นได้ก็เป็นได้”
แม้ว่าเหลี่ยงเซียวเซียวอยากจะรีบจัดการเจียงจื่อหยวนให้โดยเร็วที่สุด แต่ก็รู้ว่าหากพระราชวังเมฆาตสวรรค์ออกหน้าเช่นนี้แล้ว จะต้องไม่ใช่เรื่องที่สามารถแก้ไขได้ภายในวันสองวัน
แผนการในตอนนี้เหมาะสำหรับแผนการระยะยาวเท่านั้น
“เจ้าค่ะ”
…
สำนักหลิงเซียว
หอระฆังบูรพกษัตริย์
ผู้อาวุโสปั๋วเหยี่ยนนั่งอยู่ภายในห้องคนเดียว ในมือของเขามีหนังสือเล่มหนา
หลังจากที่เจ้าสำนักจากไป เขาก็เป็นผู้เก็บรักษารายชื่อของศิษย์ในสำนักมาโดยตลอด
บนนั้นได้จดบันทึกรายชื่อของศิษย์และผู้อาวุโสทุกคนมานานนับหมื่นปี
และแน่นอนว่ามีรายชื่อของอดีตเจ้าสำนักด้วย
เขาจ้องลวดลายที่อยู่บนหนังสือเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา และเลือกที่จะเปิดมันขึ้น
บนหน้าหนังสือนั้น ได้บันทึกชื่อสกุลของเจ้าสำนักทุกคนเอาไว้
เขากวาดสายตามองรายชื่อทีละคน จนกระทั่งหยุดที่รายชื่อด้านบนสุด
ที่แห่งนั้นไม่ได้เขียนชื่อเอาไว้ มีเพียงเกล็ดสีม่วงเท่านั้น
Comments