แม่ปากร้ายยุค 80 1011 สถานสงเคราะห์เสร็จสมบูรณ์
ตอนที่ 1011 สถานสงเคราะห์เสร็จสมบูรณ์
ตอนที่ 1011 สถานสงเคราะห์เสร็จสมบูรณ์
ในวันที่คุณปู่หลี่และภรรยาเดินทางกลับ ทั้งครอบครัวก็มารวมตัวกันรับประทานอาหารค่ำ ก่อนที่คุณปู่ฟางจะหยิบยกหัวข้อเรื่องคุณปู่หลี่และคุณย่าหลี่ขึ้นมา
เขาบอกว่าสภาพครอบครัวของอีกฝ่ายดูไม่ค่อยดีนัก และต้องการที่จะช่วยเหลือ ทว่าผู้เฒ่าทั้งสองคนยืนกรานว่าตนเองมีชีวิตที่ดี และปฏิเสธที่จะรับเงินสนับสนุน
คุณปู่ฟางต้องการให้หลินม่ายส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ หากคุณปู่หลี่และคุณย่าหลี่สบายดีก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เขาก็อยากให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นักปฏิวัติรุ่นเก่าที่หลั่งเลือดเพื่อประเทศชาติตั้งแต่ยังเยาว์วัย สมควรได้รับการดูแลบ้างเมื่อแก่ตัวลง หลินม่ายจึงตอบตกลงทันที
หลังอาหารเย็น หลินม่ายไม่รอดูข่าวที่ออกอากาศด้วยซ้ำ เธอรีบกลับไปที่ห้องและต่อสายถึงจินฉี่คัง
ในช่วงเย็นวันที่ 2 มกราคม จินฉี่คังโทรมาหาหลินม่าย
โดยบอกเธอว่านับตั้งแต่มีการคืนสินค้าตู้เย็นเซิงซื่อในครั้งแรก ยอดขายตู้เย็นเซิงซื่อก็เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และยังช่วยผลักดันยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ เช่น โทรทัศน์และเครื่องซักผ้า
แต่ในวันที่ 1 มกราคม ลูกค้าอีกสองรายก็อ้างว่ามีปัญหากับทีวีเซิงซื่อและเครื่องซักผ้าที่พวกเขาซื้อในซิงกวงพลาซ่า และต้องการนำมาส่งคืน
คุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านยี่ห้อเซิงซื่อจัดอยู่ในขั้นดีมาก แม้ว่าหลินม่ายจะไม่สามารถรับประกันได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้นที่ออกจากโรงงานจะไร้ที่ติก็ตาม
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนี้ทำให้เธอสงสัย เชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นฉวินกวงพลาซ่าคู่แข่งของพวกเขาที่กำลังวางแผนต่อต้าน
แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานใด พวกเขาจึงไม่สามารถทำอะไรกับฉวินกวงพลาซ่า และทำได้เพียงรอดูเท่านั้น
หลังจากนั้นจินฉี่คังไม่ได้โทรกลับมาอีก และหลินม่ายก็ไม่ได้โทรไปถาม เธอต้องการรู้ว่าจินฉี่คังจะแก้ปัญหานี้อย่างไร
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่จินฉี่คังก็ยังไม่โทรมา ซึ่งทำให้หลินม่ายร้อนใจเล็กน้อย และรีบโทรหาเขาทันที
จินฉี่คังเพิ่งกลับมาจากเลิกงานเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากหลินม่าย
เขาบอกหลินม่ายว่าตอนที่ลูกค้าสองคนอ้างว่าทีวีและเครื่องซักผ้าเซิงซื่อที่ซื้อจากซิงกวงพลาซ่ามีปัญหาด้านคุณภาพ และแสดงความต้องการขอคืน เขาตกลงรับคืนโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่เขาขอเวลาสองวันทำการจึงจะเสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามเบื้องหลังเขาได้แจ้งความว่าเป็นการพยายามขู่กรรโชก และขอให้ตำรวจติดตามสอบสวนลูกค้าทั้งสองราย
สองวันต่อมา ลูกค้าทั้งสองคนส่งคืนสินค้า รับเงิน จากนั้นพวกเขารวมตัวกันไปพบกับผู้บริหารระดับกลางชื่อจี้กั๋วโหย่วจากฉวินกวงพลาซ่า เพื่อรับผลประโยชน์หลังแผนการสำเร็จ ทว่าตำรวจตามจับกุมพวกเขาได้ทั้งหมด
จี้กั๋วโหย่วพยายามปฏิเสธข้อกล่าวหาในตอนแรก แต่ “ลูกค้า” ทั้งสองคนขี้ขลาดและสารภาพอย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่การจับกุมในที่สุด
พวกเขาให้ปากคำกับตำรวจว่า จี้กั๋วโหย่วว่าจ้างพวกเขาไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเซิงซื่อจากซิงกวงพลาซ่า จากนั้นสั่งให้จงใจสร้างความเสียหายปลอมขึ้นมา และเรียกร้องขอคืนเงิน
เป้าหมายของพวกเขาคือการสร้างข่าวลือผิด ๆ ในหมู่ลูกค้ารายอื่นว่า คุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้าเซิงซื่อนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน
หลังจากเสร็จสิ้นงาน จี้กั๋วโหย่วจะตอบแทนด้วยเงินคนละ 500 หยวน
เมื่อเห็นว่าลูกค้าปลอมทั้งสองสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก จี้กั๋วโหย่วจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสารภาพความผิด
เพื่อที่จะได้รับการลดโทษ เขายังสารภาพด้วยว่าก่อนหน้านี้เขาเคยติดสินบนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กสองคนจากร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อให้ไปก่อปัญหาที่ซิงกวงพลาซ่า และอ้างว่าแผนการทั้งหมดนี้มีประธานหวงเป็นผู้ยุยง
หลินม่ายถามด้วยความสนใจ “แล้วสุดท้ายตำรวจจัดการเรื่องนี้อย่างไรคะ? ใครถูกตั้งข้อหากรรโชกทรัพย์ ใช่ประธานหวงจากฉวินกวงพลาซ่าหรือเปล่า?”
“ไม่ครับ ยังคงเป็นจี้กั๋วโหย่ว”
หลินม่ายค่อนข้างประหลาดใจ “ทำไมต้องเป็นเขาล่ะ?”
“ประธานหวงอ้างว่าเขาไล่จี้กั๋วโหย่วออกในวันเดียวกับที่เขาซื้อแอปเปิลคุณภาพต่ำ เพื่อตอบโต้เขา จี้กั๋วโหย่วจ่ายเงินจ้างผู้คนให้ไปซิงกวงพลาซ่าเพื่อก่อปัญหา ตั้งใจทำลายชื่อเสียงของซิงกวงพลาซ่าและโรงงานเซิงซื่อ จากนั้นก็กล่าวโทษว่าเขาเป็นคนบงการ ประธานหวงยังกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่จี้กั๋วโหย่วถูกไล่ออกจากบริษัท พฤติกรรมใด ๆ ของคนผู้นี้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉวินกวงพลาซ่า นี่ถือเป็นการกระทำส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับฉวินกวงพลาซ่าโดยสิ้นเชิง”
หลินม่ายรู้สึกว่าสองถึงสามประโยคหลังนั้นฟังดูคุ้นเคย ฟังดูเหมือนเป็นข้อแก้ตัวที่ใช้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตก่อน ยามเมื่อองค์กรต่าง ๆ พยายามโยนความผิดให้กับพนักงานชั่วคราวสำหรับการกระทำที่ผิดกฎหมาย
เธอถามว่า “แล้วปฏิกิริยาของจี้กั๋วโหย่วเป็นอย่างไร?”
“จี้กั๋วโหย่วจำเป็นต้องยอมรับ เพราะเงินได้ถูกส่งมอบไปแล้ว”
“แล้วห้างสรรพสินค้าซิงกวงพลาซ่าของเราและโรงงานเซิงซื่อได้รับผลกระทบมากหรือเปล่า? ยอดขายลดลงรุนแรงไหม?”
“เราจัดการมันได้ทันท่วงที และมีการตีพิมพ์รายงานคดีนี้ในหนังสือพิมพ์ด้วย ดังนั้นจึงไม่ส่งผลเสียต่อเรามากนัก ตรงกันข้ามกับยอดขายของฉวินกวงพลาซ่า ทีวียี่ห้อไฉ่หงและตู้เย็นยี่ห้อเจียนจวินลดลงอย่างรวดเร็ว”
หลินม่ายถามว่าเกิดอะไรขึ้น
จินฉี่คังบอกเธอว่า ทีวียี่ห้อไฉ่หงและตู้เย็นยี่ห้อเจียนจวินมีคุณภาพไม่ดี และคนที่ซื้อไปมักเจอปัญหาจนต้องเอามาคืน
ตั้งแต่คริสต์มาสจนถึงตอนนี้ ตามข้อมูลที่จินฉี่คังรวบรวม เขาบอกว่าฉวินกวงพลาซ่าขายทีวียี่ห้อไฉ่หงมากกว่า 600 เครื่อง ตู้เย็นยี่ห้อเจียนจวินมากกว่า 400 เครื่อง ซึ่งมีจำนวนกว่า 30 ชุดที่มีปัญหาด้านคุณภาพ
เมื่อผู้บริโภคที่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีปัญหาเรียกร้องขอเงินคืน ทั้งฉวินกวงพลาซ่าและผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างก็โยนความผิดให้กันและกัน
ผลลัพธ์ของการโยนความผิดดังกล่าว ทำให้ชื่อเสียงที่ย่ำแย่ของผู้ผลิตยี่ห้อไฉ่หงและยี่ห้อเจียนจวินนั้นลงเหวกว่าเดิม ในขณะเดียวกันมันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและยอดขายของฉวินกวงพลาซ่าด้วย
หลินม่ายถามถึงยอดขายสินค้าอื่น ๆ
จินฉี่คังบอกเธอว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทั้งสองห้างสรรพสินค้ามีเหมือนกันนั้นมียอดขายพอกัน
สินค้าที่พวกเขามี แต่ฉวินกวงพลาซ่าไม่มี เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย พวกมันมียอดขายค่อนข้างดี
จินฉี่คังถอนหายใจและบอกว่า กำลังซื้อของนักศึกษาและอาจารย์นั้นน่าประทับใจจริง ๆ!
เขาแทบไม่ต้องอธิบายเรื่องนี้เพิ่มเติม
ในชีวิตชาติก่อน คุณสามารถหาซื้อกระโปรงจากร้านบนถนนเจียงฮั่นในฮั่นโขวในราคาเพียง 400 กว่าหยวน ขณะที่ร้านตามข้างถนนราคา 800 หยวน
อาจารย์ในวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมีรายได้สูง ให้ความสนใจเรื่องรสนิยมการแต่งตัว และต่อรองราคาไม่เก่ง ดังนั้นการซื้อสินค้าของพวกเขาล้วนตรงไปตรงมา
หากชอบของบางสิ่งและมีกำลังซื้อ พวกเขาจะซื้อโดยไม่ลังเล
เดิมทีหลินม่ายวางแผนที่จะบินกลับไปเมืองเจียงเฉิงในอีกสองวัน เพื่อดูแลธุรกิจของซิงกวงพลาซ่า
แต่ในเมื่อจินฉี่คังบริหารจัดการได้ดี เธอจึงไม่บินกลับไปก่อนคนเดียวล่วงหน้า และรอหลังจากวันหยุดเพื่อที่ทุกคนในครอบครัวจะได้ไปเยี่ยมชมห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเธอด้วยกัน
หลังจากคุยโทรศัพท์กับจินฉี่คังแล้ว หลินม่ายต่อสายถึงเสิ่นเสี่ยวผิงและมอบหมายให้หล่อนทำหน้าที่ช่วยเหลือคุณปู่หลี่อย่างลับ ๆ ตามคำแนะนำของคุณปู่ฟาง เธอย้ำอีกฝ่ายว่าต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี
หลังจากวางสายแล้ว หลินม่ายและฟางจั๋วหรานก็กลับไปห้องของตัวเองพร้อมกับเสี่ยวมู่ตง
ฟางจั๋วหรานทำท่าราวกับใช้เวทมนตร์ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือสมัยเก่าขนาดเท่าก้อนอิฐและยื่นให้หลินม่าย “แปลกใจไหม ไม่คาดคิดใช่ไหม?”
หลินม่ายรับโทรศัพท์มือถือขนาดเท่าก้อนอิฐมา เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและอุทานออก “มีของพวกนี้ขายอยู่ในเมืองหลวงแล้วหรือคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ทันทีที่ผมได้ยินว่ามันวางขายในเมืองหลวง ผมก็ขอให้คนรู้จักไปซื้อมาให้ทันที และก็ได้หมายเลขที่ดีที่สุดมาให้คุณด้วย”
เสี่ยวมู่ตงหยุดให้ความสนใจกับของเล่นและเอนพิงหลินม่าย ขณะที่ดูแม่ศึกษาวิธีใช้โทรศัพท์มือถือขนาดเท่าก้อนอิฐนั้น
ไม่กี่วันต่อมา เสิ่นเสี่ยวผิงโทรมารายงานหลินม่ายเกี่ยวกับการแอบช่วยเหลือคุณปู่หลี่และภรรยา
ในฐานะนักปฏิวัติเก่า คุณปู่หลี่ได้รับเงินช่วยเหลือมากมายจากรัฐบาล ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขาและภรรยาใช้ชีวิตวัยชราได้อย่างไม่ลำบากนัก
แต่คุณปู่หลี่ยอมสละเงินช่วยเหลือทั้งหมด แม้จะอายุมากแล้ว เขาก็ยังอาศัยการทำเกษตรกรรมเพื่อหาเลี้ยงชีพ และใช้ชีวิตที่เรียบง่าย
หลินม่ายถาม “ลูกของผู้เฒ่าทั้งสองอยู่ไหน ลูกของพวกเขาเพิกเฉยต่อพ่อแม่ชรางั้นเหรอ?”
เสิ่นเสี่ยวผิงเงียบไปครู่หนึ่งและตอบว่า “คุณปู่หลี่และภรรยามีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเสียชีวิตระหว่างสงครามต่อต้านประเทศเกาะ”
หลินม่ายลอบถอนหายใจ หลังจากนั้นไม่นานก็ถามว่า “คุณแอบช่วยคุณปู่หลี่อยู่หรือเปล่า?”
“ช่วยค่ะ โดยส่งสิ่งของปีใหม่จำนวนมากให้พวกเขาผ่านทางผู้ว่าราชการเทศมณฑล และเรายังซื้อเสื้อผ้าใหม่สำหรับผู้เฒ่าทั้งสองด้วย” เสิ่นเสี่ยวผิงอธิบาย “แต่พวกเขาไม่ต้องการเงิน”
หลินม่ายขอให้หล่อนดูแลคุณปู่หลี่และภรรยาอย่างลับ ๆ ต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน หลินม่ายและเสี่ยวเหวินต่างก็ไปเที่ยวพักผ่อนช่วงฤดูหนาว และอีกไม่นานก็จะเป็นวันปีใหม่จีน
ผู้อาวุโสเจิ้งและผู้อาวุโสอวี๋ไม่ได้กลับไปเมืองเจียงเฉิงเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟใต้ดินและห้องสมุด
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในปีนี้ หลินม่ายตั้งใจพาพวกเขากลับไปเมืองเจียงเฉิงพร้อมกับครอบครัว
หลินม่ายต้องการตอบแทนพวกเขาด้วยการมอบเรือนสี่ประสานให้พวกเขาพักอาศัยในเมืองขณะนี้
แต่ทั้งคุณเจิ้งและคุณอวี๋ต่างก็ลังเล พวกเขาถามหลินม่ายด้วยความเขินอายว่า มันเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนเรือนสี่ประสานในเมืองหลวงเป็นคฤหาสน์หรูในเมืองเจียงเฉิงแทน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขา
พวกเขาอายุมากขึ้น และวางแผนที่จะกลับไปเมืองเจียงเฉิงในอีกสี่ถึงห้าปีข้างหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงอยากมีบ้านอยู่ที่นั่น
ไม่ว่ามูลค่าของคฤหาสน์หรูในเมืองเจียงเฉิงจะเพิ่มขึ้นเท่าใดในอนาคต แต่มันไม่มีทางเทียบเทียมกับเรือนสี่ประสานในเมืองหลวง
หลินม่ายตัดสินใจมอบเรือนสี่ประสานให้พวกเขาตามแผนที่วางไว้ในตอนแรก และยังช่วยเติมเต็มความปรารถนาของผู้เฒ่าทั้งสอง โดยการมอบคฤหาสน์หรูแบบสามห้องนอนและสองห้องนั่งเล่นในเมืองเจียงเฉิงเป็นรางวัล สิ่งนี้ทำให้ชายสูงอายุสองคนมีความสุขอย่างมาก
ไม่กี่วันต่อมา โม่เจี้ยนอันโทรมาบอกหลินม่ายว่าสถานสงเคราะห์ในเมืองซื่อเหม่ยเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผ่านการตรวจสอบการยอมรับ และพร้อมใช้งาน
หลินม่ายพาคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ กลับไปยังชนบท โดยพาหวางไฉไปด้วย
คุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ ไปเที่ยวพักผ่อนในชนบท ขณะที่หลินม่ายกำลังเตรียมเปิดสถานสงเคราะห์
ขั้นแรกเธอสั่งให้กรมประชาสัมพันธ์ลงประกาศรับสมัครงานในหนังสือพิมพ์ สำหรับบุคลากรฝ่ายบริหารสถานสงเคราะห์และพนักงานจำนวนไม่มาก ตลอดจนรับสมัครอาสาสมัครจำนวนมาก
บุคลากรฝ่ายบริหารและพนักงานจำนวนไม่มากถือเป็นแกนหลักของสถานสงเคราะห์ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น บุคคลเหล่านี้เป็นพนักงานที่จะได้รับค่าจ้าง
ในทางกลับกัน อาสาสมัครที่มาช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์จะไม่ได้รับเงินค่าจ้าง
เธอทำการกุศลและไม่จำเป็นต้องรับเงินบริจาคเพื่อสังคม แต่เธอยังต้องการอาสาสมัครอยู่
หลินม่ายไม่รับเงินบริจาคจากสังคม เพราะกลัวว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้ ชีวิตชาติก่อนเธอเคยเห็นตัวอย่างแบบนี้มามากมาย
ในชาติก่อนผู้คนที่ทำงานการกุศลอย่างแท้จริงกลับถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริจาคเพียงเพราะพวกเขารับเงินบริจาคจากสาธารณะ
แม้ข้อกล่าวหาเหล่านี้จะถูกคลี่คลายในที่สุด แต่ชื่อเสียงของพวกเขาก็มัวหมองไปแล้ว รวมถึงกระบวนการชี้แจงก็ทำให้เสียเวลา มีค่าใช้จ่ายสูง และสิ้นเปลืองพลังงาน
หลินม่ายไม่ต้องการเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าไปกับการแก้ต่างให้ตัวเอง
ด้วยเวลาและพลังงานเหล่านั้น เธอพาครอบครัวไปเที่ยวไม่ดีกว่าหรือ?
แต่การมีอาสาสมัครนั้นแตกต่างออกไป
อาสาสมัครเพียงสละเวลาและความพยายามโดยไม่มีส่วนร่วมทางการเงินใด ๆ ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่มีเจตนาแอบแฝงจะทำให้ชื่อเสียงของเธอเสื่อมเสีย
เมื่อโฆษณาถูกเผยแพร่ คนหนุ่มสาวที่กระตือรือร้นหลายพันคนได้สมัครเข้ามาเป็นอาสาสมัคร แต่มีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือก
หลินม่ายไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดเลือกอาสาสมัคร เพียงใส่ใจกับการรับสมัครบุคลากรฝ่ายบริหารของสถานสงเคราะห์เท่านั้น
เธอต้องการให้ฝ่ายบริหารทุกคนต้องมีความเห็นอกเห็นใจ ความอดทน และความสามารถ คุณสมบัติเหล่านี้ไม่สามารถขาดได้
เธอกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์การทารุณกรรมผู้สูงอายุ และเชื่อว่าการมีความเห็นอกเห็นใจและอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว
แต่การขาดความสามารถในการบริหารจัดการก็เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เช่นกัน เนื่องจากสถานสงเคราะห์จะไม่สามารถดำเนินไปอย่างถูกต้องหากไม่มีการจัดการที่มีประสิทธิผล
หลินม่ายใช้เวลาสองวันในการสรรหาผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ และบุคลากรสำคัญอื่น ๆ จากนั้นเธอมอบหมายให้พวกเขาคัดเลือกผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจากพื้นที่เมืองซื่อเหม่ย
ผู้สูงอายุในเมืองได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลมากกว่าผู้สูงอายุในชนบท ส่งผลให้ผู้สูงอายุในชนบทน่าสงสารกว่ามาก
ทันทีที่มีข่าวแพร่สะพัด ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจำนวนมากซึ่งโดดเดี่ยวหรือเป็นหม้าย ต่างก็รีบมาลงทะเบียนโดยหวังว่าจะได้ย้ายเข้าสถานสงเคราะห์
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แพ้ภัยตัวเองโดยที่ม่ายจื่อไม่ต้องลงแรงอะไรเลย ความซื่อสัตย์มันสำคัญก็ตรงนี้แหละ
ไหหม่า(海馬)
Comments