ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา 357 คุกคามฟาร์มปลา
ชีวิตที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่มักจะสะดวกสบายเป็นพิเศษ
ในทุกๆ เช้าที่ตื่นมา แม่ก็เตรียมอาหารเช้าให้แล้ว ดื่มโจ๊กข้าวฟ่างและโจ๊กข้าวเจ้า กินผักดองที่แม่เป็นคนทำเอง ต่อด้วยหมั่นโถวอีกหนึ่งลูก ก็อิ่มไปทั้งเช้าแล้ว
ตอนเที่ยงและตอนเย็น บางครั้งที่พ่อทำอาหารบ้านเกิด บางครั้งก็กินปิ้งย่างทะเลด้วยกัน หากวันไหนอากาศดียังสามารถนั่งพูดคุยกันรอบกองไฟหน้าบ้าน หากวันไหนอากาศไม่ดีก็นั่งดูโทรทัศน์ในห้องรับแขกด้วยกัน
ฉินสือโอวรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้สมบูรณ์แบบแล้ว
เวลาว่างๆ พี่สาวและพี่เขยก็จะไปเที่ยวเล่นในตัวเมือง คนในเมืองต่างก็รู้ว่าทั้งสองเป็นญาติของฉินสือโอว ทุกครั้งที่กลับมาจากในเมืองก็จะได้ของฝากเล็กๆ น้อยๆ กลับมาด้วย บางครั้งมีพิซซ่าร้อนๆ ที่เพิ่งออกจากเตา บางครั้งก็จะเป็นเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ บางครั้งก็จะเป็นไม้แกะสลักชิ้นเล็กๆ
เสี่ยวฮุยและพี่ชายพี่สาวทั้งสี่คนก็คุ้นชินแล้ว ยังเคยตามไปที่ชั้นเรียน แต่ว่าฟังไม่รู้เรื่องว่าคุณครูพูดอะไร จากนั้นเขาจึงไม่ยอมไปอีกเลย
แต่ว่าตัวเด็กพอใจกับวิธีการสอนในห้องเรียนของโรงเรียนแกรนท์ หลังกลับมาก็บอกกับพี่สาวและพี่เขยว่า “โรงเรียนที่นี่สนุกกว่า เวลาเรียนยังสามารถกินขนมได้ด้วย คุยกันก็ได้ คุณครูไม่ดุเลยแม้แต่น้อย ยังพูดกับผมเป็นภาษาจีนด้วยนะ”
พี่สาวแกล้งเขา “ถ้าอย่างนั้นทิ้งให้อยู่ที่นี่ดีหรือเปล่า?”
เสี่ยวฮุยเบิกตากว้างถาม “แล้วทุกคนล่ะ? ทุกคนก็จะอยู่ที่นี่ใช่ไหม?”
พี่สาวพูดต่อว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ พวกเราจะกลับบ้าน”
เสี่ยวฮุยเศร้าขึ้นมาทันที “อย่างนั้นผมก็จะกลับบ้านด้วย ผมจะอยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ อ้อ ยังมีคุณตาคุณยายด้วย”
ที่บ้านไม่มีงานอะไรให้ทำ เดิมทีฉินสือโอวอยากจะให้พ่อแม่อยู่ที่นี่นานอีกสักหน่อย อยู่สักเดือนสองเดือน แต่สุดท้ายมาอยู่ได้แค่สองอาทิตย์กว่า พ่อและแม่ของฉินสือโอวก็ตัดสินใจจะกลับไปแล้ว
ฉินสือโอวยังอยากจะรั้งพวกเขาเอาไว้ พ่อของฉินสือโอวยืนยันว่าจะไม่อยู่ต่อแน่นอน “เสี่ยวโอว พ่อกับแม่อยู่ที่นี่ก็ไม่มีความหมายอะไร วันๆ ก็ดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านแค่นั้น ฉันอึดอัดจะแย่แล้ว จะอยู่ให้แม่แกอยู่ ฉันจะกลับ”
แม่ของฉินสือโอวยิ่งไม่พอใจ บอกว่า “ฉันจะอยู่ทำไม? ต้นอ่อนผักกาดขาวในไร่จะต้องเก็บเกี่ยวแล้ว เกี๊ยวซ่าของเสี่ยวฮุยก็ฝากคนอื่นเลี้ยงตลอดไม่ได้ พวกเรากลับไปจะดีกว่า”
ฉินสือโอวก็รั้งไม่อยู่ ครอบครัวพี่สาวไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ เสี่ยวฮุยลาหยุดแค่ครึ่งเดือน จำเป็นจะต้องกลับไปเรียนแล้ว
ฉินสือโอวรีบหาวิธีอื่นว่า “พ่อ พวกท่านอยู่ต่ออีกสักหน่อยสิ ที่นี่ยังมีที่ดีๆ หลายที่ยังไม่ได้พาพวกท่านไปเลย ขึ้นเขาล่าสัตว์เป็นยังไง? พรุ่งนี้พวกเราก็หยิบปืนขึ้นเขากันเลย”
แม่ของฉินสือโอวเบะปากว่า “ช่างเถอะ ทั้งชีวิตของพ่อแกไม่เคยจับปืนมาก่อน แกให้เขาจับฉันคนแรกที่ไม่อนุญาต”
พ่อของฉินสือโอวเองก็ไม่มีความสนใจ ส่ายหัวว่า “สมัยหนุ่มๆ ในหมู่บ้านให้ฉันเป็นทหารอาสาสมัครฉันยังไม่อยากเลย เล่นปืนมีอะไรสนุก? ขึ้นเขาล่าสัตว์ยังจะต้องปีนเขาอีก เหนื่อยเกินไปแล้ว ถ้าฉันมีเรี่ยวแรงนั้นฉันกลับบ้านไปไถดินดีกว่า”
พูดมาอย่างนี้ ฉินสือโอวก็หมดทางแล้ว เขามองไปทางวินนี่ วินนี่เองก็ยิ้มเจื่อนๆ ว่า “คุณลุงคุณป้าตั้งใจแล้วว่าจะกลับให้ได้ คุณจะทำยังไงได้?”
ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด พ่อแม่ก็อยู่อีกเพียงสองวัน ฉินสือโอวรีบพาพวกเขาไปช้อปปิ้งที่เซนต์จอห์น ไปเที่ยวซูเปอร์มาร์เก็ตมาหลายที่ติดกัน ซื้อของมาถุงเล็กถุงใหญ่เต็มไปหมด
วันที่ 18 ฉินสือโอวขับรถไปส่งพ่อแม่ที่สนามบินเซนต์จอห์น มีบัตรสมาชิกวีไอพีพันธมิตรสายการบินแคนาดาเปิดทาง มีพนักงานดูแลการขนส่งกระเป๋าโดยเฉพาะ พวกเขาเข้าไปรอยังห้องรับรองวีไอพีโดยตรง นักท่องเที่ยวที่เตรียมตัวกลับประเทศต่างก็หันมามอง คิดว่านี่เป็นครอบครัวเศรษฐีที่ไหนกัน
จากนครเซนต์จอห์นบินไปโทรอนโต ที่เหลือก็แค่บินกลับปักกิ่ง
การจากลาเศร้าที่สุด ฉินสือโอวกอดพ่อกับแม่ สุดท้ายพนักงานต้อนรับเดินมาบอกว่าได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว แม่ของฉินสือโอวน้ำตาคลอ พูดกำชับสั่งเสีย “อากาศหนาวแล้ว ตอนออกไปออกกำลังกายตอนเช้าใส่เสื้อผ้าหนาหน่อย เสี่ยวเวยไม่ชอบกินของหวานๆ แกก็ทำน้อยหน่อย ถ้าทำเขาก็จะต้องคล้อยตามแก ยังมีอีก อย่าให้หมีน้อยกินเนื้อสุก กินเยอะเกินไปแล้วกินเนื้อดิบมันจะท้องเสียได้…”
ฉินสือโอวพยักหน้ารับ กอดแม่เอวไว้พูดได้แค่ ‘ผมรู้แล้วผมรู้แล้วแม่วางใจเถอะแม่วางใจเถอะ’
ตอนที่เตรียมตัวขึ้นเครื่อง พ่อของฉินสือโอวหันกลับมาอย่างลังเล พูดเสียงอ้ำอึ้งว่า “เสี่ยวโอว ปีใหม่กลับบ้านเร็วหน่อย เก็บห้องที่บ้านให้แกกับเสี่ยวเวยแล้ว”
วินนี่จับมือพ่อของฉินสือโอวยิ้มอ่อนๆ “พวกเราจะกลับไปก่อนแน่นอน คุณลุงคุณป้าวางใจเถอะค่ะ”
พ่อของฉินสือโอวตบมือวินนี่เบาๆ พูดต่อว่า “เสี่ยวเวย ฉันไม่วางใจเสี่ยวโอว ลูกดูเขาหน่อย อย่าให้ไปทำเรื่องอะไรที่ผิดกฎหมายนะ”
ฉินสือโอว “…”
แอร์บัส A380 ขนาดใหญ่ส่งเสียงคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า ฉินสือโอวยืนมองท้องฟ้าอยู่นอกสนามบิน มองดูเครื่องบินหายลับไปในท้องฟ้านิ่งๆ ภายในใจโหรงเหรงวางเปล่า รู้สึกแย่มาก
วินนี่เดินไปคล้องแขนเขาเอาไว้ ยิ้มอ่อนๆ “พอแล้ว คุณลุงคุณป้าไปแล้ว ไปเถอะ อีกเดือนสองเดือนพวกเราก็กลับบ้านปีใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฉินสือโอวถอนหายใจว่า “รับไม่ค่อยได้กับบรรยากาศเวลาที่ต้องจากลากันเลย วินนี่ คุณอย่าไปจากผมได้ไหม? ถ้าวันไหนที่ผมทำเรื่องอะไรไปที่ทำให้คุณไม่พอใจ คุณรับปากผมได้ไหมว่าอย่าจากผมไป?”
วินนี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ยื่นมือโอบคอฉินสือโอวเอาไว้ ดวงตาราวกับมีประกายแสง พูดเสียงเบาว่า “ฉันจะจากคุณไปได้ยังไงล่ะ? ฉันจะเกาะเศรษฐีอย่างคุณแล้วล่ะ ถึงคุณจะไล่ฉันก็ไม่ไปหรอก! ถ้าคุณทำฉันไม่โกรธล่ะก็ ฉันก็จะให้หู่จือและเป้าจือกัดคุณ!”
ได้ยินคำรักของวินนี่ จุดที่อ่อนไหวที่สุดของฉินสือโอวถูกกระตุ้น กอดวินนี่เอาไว้แล้วจูบอย่างดูดดื่ม แขนทั้งสองข้างกอดรัดแน่น ราวกับจะกอดให้วินนี่ผสานเข้าไปในร่างกันตัวเองอย่างนั้น
กลับมาถึงฟาร์มปลา ฉินสือโอวไม่มีอารมณ์ทำอะไรสักอย่างสองสามวัน ตอนเช้าพาหู่จือเป้าจือไปเดินเล่นในฟาร์มปลา ตอนเย็นก็ไปท่องเที่ยวใต้ทะเลกับเฮยป้าหวัง ไร้จุดหมาย และก็ไม่มีผลเก็บเกี่ยวอะไร
ช่วงท้ายเดือน เขาพาหู่จือเป้าจือและเหล่าเด็กๆ เล่นอยู่บนท่า ชาร์คและซีมอนสเตอร์ขับเรือเข้ามาใกล้ หลังขึ้นบนก็ยกกล่องใบหนึ่งเตรียมเททิ้ง
ฉินสือโอวเข้าไปดู ข้างในมีแต่ปลาตาย ปลาบางตัวแทบจะเหลือแค่ครึ่งตัว อีกครึ่งหนึ่งเหลือแค่กระดูก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ชาร์ค “เป็นฝีมือของหมาป่าทะเล”
“หมาป่าทะเล?”ฉินสือโอวถาม
“ปลาแลมป์เพรย์และแฮ็กฟิชแอตแลนติก เพราะว่ามีนิสัยโหดร้าย ชอบมุดเข้าไปกินเครื่องในในท้องปลาจากเหงือกปลา ดังนั้นพวกมันจึงได้รับฉายาว่าหมาป่าทะเล” ซีมอนสเตอร์อธิบาย
ฉินสือโอวถามว่า “ปลาพวกนี้เป็นฝีมือของหมาป่าทะเลหมดเลย?”
ชาร์คพยักหน้าบอก “ใช่ ตั้งแต่ตอนต้นเดือน ผมกับซีมอนสเตอร์ขับเรือไปตรวจตรา ก็เห็นปลาตายแล้ว ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เมื่อสามวันก่อน จำนวนของปลาตายเพิ่มขึ้นมามาก ไปรวมอยู่ในบริเวณเดียว ผมกับชาร์คเก็บซากปลาพวกนี้ขึ้นมา เจอเข้ากับหมาป่าทะเลข้างในนี้”
ซีมอนสเตอร์ถอนหายใจว่า “พวกเราเห็นคุณไม่ค่อยสบายใจ เลยไม่อยากรบกวนคุณ คิดว่าจะจัดการพวกมันกันเอง แต่ว่าหมาป่าทะเลพวกนี้ดื้อยามาก พวกเราก็เคยใช้ปลาล่อ ตกขึ้นมาได้น้อยมาก พวกมันเหมือนจะเจ้าเล่ห์มากเลย”
“แล้วหมาป่าทะเลนั่นล่ะ?”ฉินสือโอวพลิกปลาพวกนี้ ไม่เจอเงาของแฮ็กฟิชและปลาแลมป์เพรย์เลย
รสชาติแฮ็กฟิชอร่อย ปลาแลมป์เพรย์เองก็เป็นอาหารรสเลิศอีกอย่างด้วย สังคมชนชั้นสูงในยุโรปเริ่มมองมันเป็นอาหารรสอร่อยที่มีค่าตั้งแต่กลางยุค แม้กระทั่ง พระเจ้าเฮนรีที่ 1 กษัตริย์อังกฤษตายเพราะว่าตะกละปลาแลมป์เพรย์
กระทั่งถึงวันนี้ หลายประเทศในยุโรปตอนใต้อย่างเช่น ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกสต่างๆ ปลาแลมป์เพรย์ก็ยังคงเป็นหนึ่งในอาหารขึ้นชื่อ
เพราะว่าในประเทศพวกนี้มีการจับปลามากเกินไป จำนวนของแฮ็กฟิชและปลาแลมป์เพรย์เลยลดลงเรื่อยๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เหมือนกันกับเพรียงตีนเต่า ที่มีเพียงร้านอาหารหรูบางแห่งเท่านั้นที่สามารถหากินได้
แต่ในอเมริกาเหนือ หมาป่าทะเลพวกนี้ถือว่าเป็นปลา ‘ภัยคุกคาม’ ที่แท้จริง เป็นศัตรูหลักของฟาร์มปลา
ชาร์คยักไหล่ พูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่ว่าจะเป็นแฮ็กฟิชหรือปลาแลมป์เพรย์ต่างก็เจ้าเล่ห์เกินไป หาพวกมันไม่เจอเลยในปลาตายที่ลอยขึ้นมานี้ ดังนั้นเลยพวกเราไม่ได้กิน”
เป็นถึงลูกน้องหมายเลขหนึ่งของฉินสือโอว ชาร์ครู้อย่างชัดเจนถึงระดับนักกินของบอสดี
ฉินสือโอวรีบไปค้นดูข้อมูล หมาป่าทะเลตัวเต็มไวจะคล้ายปลาไหลมีลักษณะเหมือนกับงูเล็ก พวกมันบางทีเหมือนปลาแลมป์เพรย์ที่สายตาไม่ดีหรือบางทีก็เหมือนแฮ็กฟิชที่ดวงตาเสื่อมสภาพไปเลย แต่อย่าดูถูกว่าสายตาไม่ดี ปลาแบบนี้มีอันตรายไม่น้อยเลย
ปลาแลมป์เพรย์จะใช้ปากคล้ายแว่นดูดเกาะบนปลาตัวอื่นและใช้ฟันและลิ้นครูดเอาเนื้อ ดูดกินเลือดและเนื้อของปลา บางครั้งปลาที่ถูกดูดกินเป็นอาหารเหลือเพียงแค่โครงกระดูกเท่านั้น
แฮ็กฟิชยิ่งโหด พวกมันอาศัยอยู่ในสิ่งมีชีวิต เป็นปรสิตในร่างกายชนิดเดียวของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง
แฮ็กฟิชเล็กมักจะมุดเข้าไปในร่างกายปลาผ่านเหงือก ดูดกินเลือดเนื้อและเครื่องใน สุดท้ายปลาก็จะถูกกินจนเหลือแค่กระดูกและผิวหนังที่ว่างเปล่าเท่านั้น เป็นหนึ่งในภัยคุกคามใหญ่ของธุรกิจประมง
ชาร์คติดต่อซื้อยาทีอีเอ็มเป็นยาชนิดหนึ่งที่วิจัยมาเพื่อรับมือกับตัวอ่อนแฮ็กฟิช สามารถทำให้ตัวอ่อนตายปลาเป็นจำนวนมาก ฉินสือโอวรีบห้ามปราม เขาไม่สามารถใช้ทีอีเอ็มได้ เพราะว่าในฟาร์มปลาของเขายังมีปลาไหลญี่ปุ่นและปลาไหลอเมริกันเหนือปลาหายากพวกนี้อาศัยอยู่
…………………………………………………………………
Comments