[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง 115.5 งานอ้างอิงของ “ไฟล์ 12 : เรื่องราวของฟาร์มนั้น” & [ฟาร์มในภูเขา]

Now you are reading [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง Chapter 115.5 งานอ้างอิงของ "ไฟล์ 12 : เรื่องราวของฟาร์มนั้น" & [ฟาร์มในภูเขา] at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

TN: นี่เป็นการเสริมข้อมูลเฉยๆ นะครับ ใครไม่สนใจสามารถข้ามได้เลย หรือใครที่อยากอ่านขำๆ ก็แวะอ่านดูได้นะครับ

แหล่งอ้างอิงจากเรื่องลี้ลับของจริงที่ถูกเล่าขานกันมา และตำนานในอินเตอร์เน็ตมากมายหลายเรื่อง ที่ถูกนำมาใช้ใน “ไฟล์ 12 : เรื่องราวของฟาร์มนั้น”

 

สำหรับเรื่อง [ฟาร์มในภูเขา (山の牧場 : Yama no Bokujou)] ขอให้ย้อนกลับไปอ่านที่ไฟล์ 11 นะ

มีรายงานเกี่ยวกับอาคารเลี้ยงสัตว์แปลกๆ บนภูเขาอีกหลายอันเลย ถึงฉันไม่ได้ใช้พวกมันตรงๆ แต่ฉันก็อยากจะหยิบพวกมันมาบอกในฐานะแหล่งแรงบันดาลใจอยู่ดีนะ

เรื่องนึงก็คือ “山間の町” (Sangan no Machi แปลว่า เมืองในภูเขา) ที่รวมอยู่ใน “奇々耳草紙 呪詛” (Kikimimizoushi Juso แปลว่า เรื่องเล่าแปลกประหลาด คำสาป) ของอากะสึมะ โทชิกิ (我妻 俊樹) เล่าถึงการไปเจอกับฝูงวัวในหมู่บ้านรกร้างแห่งนึงบนภูเขาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ภรรยาของผู้เล่าเรื่องที่นั่งรถไปกับเขาบอกว่าหน้าของวัวพวกนั้นดูเหมือนกับหัวหน้าของเธอเลย

อีกเรื่องหนึ่งไม่ได้เป็นงานเขียน แต่เป็นภาพยนตร์แทน เรื่อง “猫牧場” (Neko Bokujou แปลว่า ฟาร์มแมว) ใน “怪奇蒐集者: 朱雀門出” (Kaiki shuushuu-sha: Suzaku monidzuru แปลว่า รวมเรื่องลี้ลับ: นกกระจอกสีชาดเดินทาง) (楽創舎 Rakusosha, 2014) ระหว่างขับรถตัดผ่านภูเขาในฮอกไกโด ผู้เล่าเรื่องได้เข้าไปในเมืองร้าง และในยุ้งฉางของฟาร์มที่นั่น พวกเขาก็ได้เจอชายคนนึงกำลังลงไปคลาน 4 ขา อีกทั้งยังตัวใหญ่เกินกว่าจะเป็นมนุษย์ด้วย และได้สังเกตเห็นแมวตัวหนึ่งจ้องลงมาหาพวกเขาจากบนหลังคา แฟนสาวของผู้เล่าเรื่องที่อยู่ในรถคันเดียวกับเขาพูดขึ้นว่า ‘นั่นมันไม่ใช่แมว นั่นมันปีศาจ…’

เรื่องอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันต่างก็มีองค์ประกอบสำคัญๆ เกี่ยวกับการเรียบเรียงเหมือนกัน แต่พวกรายละเอียดต่างก็ทั้งแปลกประหลาด ทั้งแตกต่างไปจนขัดขวางการอธิบายอย่างง่ายได้เลย

 

[คุดัน (件 : Kudan)] วัวหน้าคน เป็นเรื่องที่ถูกเล่ากันหลากหลายที่ ในทางตะวันตกของญี่ปุ่น ในขณะที่ [สาวหน้าวัว (牛女 : Usshi-onna)] คนหน้าวัวจะมีการพบเห็นซ้ำๆ หลายครั้งรอบบริเวณภูเขารอคโค (ภูเขาอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น) ครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงทั้ง 2 สิ่งนี้เข้าด้วยกันก็น่าจะมาจาก “新耳袋 第一夜 現代百物語” (Shinmimibukuro Daiichiya Gendai Hyaku Monogatari แปลว่า 100 นิทานสมัยใหม่ ชินมิมิบุคุโระ คืนที่ 1) (ฮิโระคัตสึ คิฮาระ/อิชิโระ นาคายามะ, สำนักพิมพ์มีเดียแฟกโตรี, 1998 / คาโดคาวะ, 2002) ในงานชิ้นนี้อาจไม่ได้บอกถึงความแตกต่างระหว่างคุดันกับสาวหน้าวัว แต่นี่ก็เพราะคนเล่าเรื่องอย่างโซราโอะได้บอกเล่าเรื่องราวด้วยการคาดเดาเอาว่า 2 เรื่องนี้มาความเกี่ยวข้องกัน

ถึงจะมีชื่อเสียงอยู่แล้วก็ตาม แต่คุดันกับสาวหน้าวัวกลับไม่ได้ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าทางอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่นัก หนึ่งในตัวอย่างข้อยกเว้นก็มีอยู่ในเว็บ 2channel ในกระดานหมวดเรื่องลึกลับ/ปรากฏการณ์แปลกประหลาด หัวข้อ “<<山にまつわる怖い話 Part 4 <<<” (Yama ni Matsuwaru Kowai Hanashi Part 4 แปลว่า เรื่องน่ากลัวเกี่ยวกับภูเขา Part 4) โพสต์ที่ 311-313 (28/11/2003) ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราว 3 เรื่องเกี่ยวกับคุดันจากผู้ใช้ อิจิโกะ ไรเมย์ ที่เขารวบรวมมาจากแถบภูมิภาคชูโงคุ เป็นเรื่องน่าทึ่งดีที่ได้รู้ว่าคุดันไม่จำเป็นต้องเป็นวัวหน้าคนอย่างเดียว; สัตว์อื่นๆ ที่มีหน้าเป็นคนก็เรียกว่าคุดันเหมือนกัน

 

TN: จบจากส่วนของอาจารย์ผู้แต่งแล้วนะครับ คราวนี้มาที่ส่วนของผู้แปลบ้างดีกว่า

ตามสัญญาในไฟล์ที่แล้วนะครับ กับเรื่อง [ฟาร์มในภูเขา (山の牧場 : Yama no Bokujou)] เชิญเลยๆ https://w.atwiki.jp/aniwotawiki/pages/18863.html

 

หน้าร้อน ปี ’82

เพื่อจะถ่ายหนังจบการศึกษา พวกนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวมารวมตัวที่บ้านพ่อแม่ของเด็กคนนึงในจังหวัดเฮียวโงะกันอาทิตย์นึง

หลังจากที่ถ่ายไปเกือบจะเสร็จแล้ว ทีมงานส่วนใหญ่ก็กลับโอซาก้ากัน แต่ผู้กำกับ N, ตากล้อง U และคนอัดเสียง K ที่อยากจะถ่ายมุมมองของหมู่บ้านจากด้านบนที่ยังไม่ได้ถ่ายกันก่อน พวกเขาเลยให้ F เพื่อนของ N ช่วยขับรถพาขึ้นเขาลูกนั้น

…การจะหาตำแหน่งเหมาะๆ นี่มันยากมาก แถมรถก็ต้องเอาไปคืนแล้วด้วย แต่จู่ๆ ถนนขึ้นเขาแคบๆ ที่ไม่ได้ปูลาดยางอะไรก็โผล่มาให้กลุ่มๆ นั้นเห็นพอดี

 

“ลองไปดูมั้ย?”

 

เพื่อตามหามุมถ่ายภาพมุมสูงที่ดีที่สุด ทุกคนก็เริ่มขึ้นเขากันไปด้วยรถที่อัดกันจนพอจะนั่งเข้าไปได้คันเดียว

ไม่ว่าจะขับมานานขนาดไหน ถนนมันก็ไม่ได้กว้างขึ้นเลยซักนิด ถนนที่คดเคี้ยว แคบจนกลับรถก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทุกคนกลับไปทางกลับบ้านไม่ได้ และเริ่มจะตื่นตระหนกกันแล้ว แต่ เรื่องแปลกๆ ก็เกิดขึ้น…

 

พวกเขาขึ้นไปเกือบถึงยอดเขาแล้ว ก็มีถังเหล็กเก่าๆ เขียนตัวอักษรด้วยสีขาว วางเอาไว้ใกล้ๆ กับหัวเลี้ยว

 

[อีก 30 เมตร]

 

…เขียนเอาไว้แบบนั้น

 

“อีก 30 เมตร… จะถึงไหนล่ะเนี่ย?”
“ถนนอาจจะสิ้นสุดในอีก 30 เมตรก็ได้มั้ง? …ไปถึงตรงนั้นจะได้กลับรถแล้วกลับบ้านกันเหอะ”

 

ทุกคนในรถโล่งใจ แต่ที่สุดหัวเลี้ยวอีกอัน ก็มีถังน้ำมันอีกใบวางเอาไว้

 

[อีก 20 เมตร]

 

แล้วก็มีถังอีกใบที่อีกหัวเลี้ยวนึง

 

[อีก 15 เมตร]

 

แล้วก็อีกใบ

 

[อีก 10 เมตร]

 

…และถังอีกใบที่เหมือนจะวางขวางทางตรงขึ้นที่ราบนั่น

 

[ถึงที่หมาย]

 

…มันเขียนเอาไว้แบบนั้น

 

“จะลงไปดูกันหน่อยมั้ย?”

 

พวกเขา 4 คนลงมาจากรถยังกับโดนสุนัขจิ้งจอกหลอกล่อ ลึกเข้าไปจากต้นไม้หนาแน่นรอบตัวเขา มีอาคารหลังคาสีแดงสดตั้งอยู่

หลังคาทรงยาวแคบ ราวกับว่าไม่ใช่ที่อยู่อาศัยที่ใครจะมาอยู่เลย

มันเป็นคอกวัวที่ตั้งอยู่ตรงนี้หลายปีแล้ว แต่เพราะอะไรไม่รู้ ถึงดูเหมือนกับว่ามันไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อนเลย

 

“มีฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่ดูดีขนาดนี้มาอยู่ในที่แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? ถ้ามีอะไรแบบนี้ล่ะก็ ชาวบ้านเองก็น่าจะรู้เรื่องด้วยสิ…”

 

ทั้ง 4 คนสำรวจรอบๆ คอกวัวแปลกๆ นี่อย่างสนอกสนใจ…

เหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่ไม่มีคน หรือไม่เคยใช้งานแล้ว

หลังคามันดูยุบลงไปแบบแปลกๆ

ถึงตรงนั้นจะไม่มีอะไรเลย แต่กลับมีรถแทรกเตอร์ขนาดกลางๆ คันนึงที่พลิกคว่ำไปทางขวาของแนวรอยล้อรถจนล้อชี้ฟ้า

 

“มีบางอย่างแปลกๆ นะ”

 

หลังจากที่ทั้ง 4 คนออกมาจากคอกวัวนั่น ทุกคนก็ไปเจอกับตึกแปลกๆ อีกหลังตั้งอยู่ที่ใกล้ๆ กัน

 

ในตึกคอนกรีต ที่มองยังไงก็ดูเหมือนห้องปฏิบัติการ ที่ดูไม่ได้เข้ากับคอกสัตว์ข้างๆ นี่เลยแม้แต่นิดเดียว มีบีกเกอร์กับขวดแก้วร่วงลงมาแตกกระจายกับพื้น จนกองสุมเป็นเศษแก้วกองใหญ่…

 

ทุกคนยืนงงพร้อมกับเครื่องหมายคำถามเด้งขึ้นมาเหนือหัว ก่อนจะพากันเดินตรงเข้าไปที่อาคารคอนกรีตที่ดูคล้ายๆ โกดังนั่น

ที่ชั้น 1 มีกองหินอ่อนกองใหญ่สุมอยู่ในส่วนของโกดังเก็บของด้วยเหตุผลบางอย่าง

มันแปลกๆ ก็จริง แต่ยิ่งได้เห็นชั้น 2 ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่…

การจะขึ้นไปที่ชั้น 2 ที่สามารถเห็นได้จากนอกอาคารนั้น ที่ดูคล้ายกับพื้นที่อยู่อาศัยของลูกจ้าง มันกลับไม่มีบันไดหรืออะไรแบบนั้นที่จะช่วยให้ขึ้นไปบนเพดานไม้ได้เลยซักอย่างเดียว

 

…ทั้งสี่ยังคงเดินหน้าต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น พากันกระโดดจากทางลาดไปที่ชายคาของอาคาร จนพากันขึ้นไปที่ชั้น 2 กันได้สำเร็จ

 

สิ่งที่พวกเขาได้เจอ คือห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่มีทั้งตุ๊กตาฮินะ ตุ๊กตาฮากาตะ ตุ๊กตาอิชิมัทสึ ตุ๊กตาเซลูลอยด์คิวพี หรือแม้แต่ตุ๊กตาริกะจัง วางกระจายเกลื่อนไปทั่วพื้นไปหมด พร้อมกับแผ่นยันต์อีกหลายร้อยใบที่ดูราวกับว่าไปเก็บมาจากทั่วทั้งญี่ปุ่น แปะไปทั้งพื้น ทั้งกำแพง ทั้งเพดานห้องเลยเพราะอะไรไม่รู้ ส่วนแผ่นที่ไม่ได้แปะก็ยังมัดเป็นฟ่อนเอาไว้อีกต่างหาก

 

TN: 雛人形 (Hina ningyou) คือตุ๊กตาที่ใช้จัดเรียงบนแท่นวางปูพรมแดง ในวันฮินะมัตสึริ (雛祭り: Hina-matsuri) ที่แสดงถึงจักรพรรดิ, จักรพรรดินี, บริวาร และนักดนตรีในชุดศาลแบบดั้งเดิมของยุคเฮอัง

博多人形 (Hakata ningyou) เป็นตุ๊กตาดินเผาแบบไม่เคลือบที่ผลิตขึ้นในเมืองฮากาตะ จังหวัดฟุกุโอกะ มักทำออกมาเป็นรูปของหญิงสาวในชุดกิโมโน นักรบ เด็ก หรือนักซูโม่

市松人形 (Ichimatsu ningyou) เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย แต่ส่วนใหญ่จะทำออกมาเป็นรูปเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นมากกว่า ส่วนหัว มือ และเท้าทำจากไม้ ทาด้วยฝุ่นแป้งสีขาว ตั้งชื่อตามนักแสดงคาบุกิผู้มีชื่อเสียงในสมัยเอโดะนามว่า ซาโนกาวะ อิชิมัทสึ

ตุ๊กตาคิวพี เป็นสัญลักษณ์ของความน่ารักซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มาของชื่อ คิวพี มาจากคำแผลงของคำว่า ‘คิวปิด’ ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของคิวพี ตุ๊กตาตัวนี้จึงได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก รวมไปถึงในประเทศญี่ปุ่นด้วย

リカちゃん人形 (Rika ningyou) หรือในชื่อเต็ม ริกะ คายามะ (香山 リカ) เป็นตุ๊กตาแต่งตัวของญี่ปุ่น วางตลาดในปี 1967 โดยบริษัท Takara

 

มีก้อนหินก้อนโตที่วางปิดทางเข้าสำนักงานเอาไว้

 

ท่อที่มีน้ำหยดออกมาเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้ต่ออยู่กับอะไรเลยซักอย่าง

 

ห้องน้ำที่มีโถฉี่อัดอยู่มากเกินกว่าที่ควรจะเป็น

แถมยังแบ่งซอยโถส้วมไว้มากเกินไปด้วย

 

ส่วนชายคาที่หายไป

 

คอกวัวที่แบ่งเป็น 3 ช่อง กับเสลียงที่ผุไปหมดแล้ว ที่จู่ๆ ก็มาอยู่ข้างในอาคาร

 

รอยเท้าเล็กๆ บนหิมะยามเช้า ที่อยู่ตรงหน้าอพาร์ตเมนต์เจ้าหน้าที่ลงทะเบียน แล้วก็เดินหายไปที่ไหนไม่รู้

 

ใบปลิวที่เหมือนกับเพิ่งถูกปริ้นท์ออกมาในช่วงปี ’80 ที่เหมือนจะถูกปล่อยทิ้งเอาไว้

 

 

 

…แล้ว ทั้ง 4 คนก็ต้องยืนตัวแข็งค้างไปเลย พอได้เห็นกับตัวอักษรที่ใช้สีขาวเขียนเอาไว้ด้วยลายมือลวกๆ บนประตูบานเลื่อนที่ห้องข้างๆ

 

เป็นไปได้มั้ยว่า มันจะถูกเขียนเอาไว้ จากคนที่เคยถูกขังอยู่ที่นี่?

 

…ตัวอักษรที่เขียนอยู่ มันเป็นแค่คำง่ายๆ แค่ 2 คำ

 

 

 

[ช่วย ด้วย]

 

TN: ส่วนเรื่อง [คุดัน (件 : Kudan)] นั้น เป็นหนึ่งในโยไคที่โผล่มาในหลากหลายเรื่องมาก อย่าง “มืออสูรล่าปิศาจ” หรือ “ไขปมปริศนาภูติ” ก็มี หากใครเคยดูเรื่อง [ไขปมปริศนาภูต] ก็จะคุ้นเคยกับเจ้าโยไคตัวนี้อยู่แล้วแน่นอนครับ แต่ใครที่ไม่เคยดู เดี๋ยวผู้แปลจะอธิบายให้ฟังเอง รวมกับเรื่อง [สาวหน้าวัว (牛女 : Usshi-onna)] เลยนะ #ป้ายยา

 

คุดัน (件) ชื่อของมันเป็นการรวมกันระหว่างสองคำคือ “มนุษย์ (人 : Hito)” และ “วัว (牛 : Ushi)” ลักษณะภายนอกของมันดูคล้ายกับลูกวัวทั่วไป แต่มีใบหน้าเป็นมนุษย์ พวกมันเกิดขึ้นจากวัวและมีชีวิตอยู่เพียง 2-3 วัน ราวกับมันเกิดมาเพื่อมอบคำพยากรณ์ให้กับมนุษย์เท่านั้น

คุดันสามารถพูดภาษามนุษย์ได้นับตั้งแต่แรกคลอด ทันทีที่มันเกิด มันจะมอบคำพยากรณ์อย่างน้อย 1 คำให้กับมนุษย์ สำหรับเนื้อหาของคำทำนายนั้นก็จะแตกต่างกันออกไป อาจพูดถึงความอุดมสมบูรณ์ของการเก็บเกี่ยว, ความอดอยาก, ภัยพิบัติ, สงคราม หรือความแห้งแล้ง หลังจากที่มันให้คำทำนายเสร็จสิ้น มันก็จะตายในทันที

เชื่อกันว่าคุดันเป็นโยไคที่พึ่งถือกำเนิดมาเมื่อช่วงปลายยุคเอโดะ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การเมืองและการล่มสลายของระบบผู้สำเร็จราชการ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้เองที่ทำให้เกิดตำนานของคุดันขึ้น ท่ามกลางการเปิดประเทศญี่ปุ่นเพื่อทำการค้าขายกับชาติตะวันตก

การพบเห็นคุดันยังคงเกิดขึ้นไปจนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เชื่อกันว่ามีหลายเหตุการณ์ที่คุดันได้มอบคำทำนายเอาไว้ (เช่น สงครามระหว่างญี่ปุ่นกับรัสเซียในมหาสมุทรแปซิฟิก) ความแม่นยำในการทำนายเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งทำให้ในสมัยเอโดะ หนังสือพิมพ์ยังมีการใช้ประโยคเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเรื่องราวในบทความว่า “ราวกับคุดันกล่าว…” และยังคงมีการนำวลีดังกล่าวมาใช้ในการเขียนของญี่ปุ่นมาจนถึงปัจจุบันอีกด้วย

 

[สาวหน้าวัว (牛女 : Usshi-onna)] เป็นนิยายสั้น ตีพิมพ์โดยโอกาวะ มิเมย์ (小川 未明) ในช่วงการฟื้นฟูหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีข่าวลือเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของสาวหน้าวัวเริ่มปรากฏ ซึ่งค่อนข้างจะคล้ายกับคุดัน แต่มีหัวเป็นวัวและมีร่างกายเป็นมนุษย์แทน และสวมชุดกิโมโนแบบดั้งเดิม

โคมัตสึ ซาเคียวเองก็ได้เขียนนิยายเรื่องหนึ่งชื่อ “แม่ของคุดัน” (くだんのはは : Kudan no haha) (1968) ซึ่งอาจอิงจากความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของอุจิดะ ฮยักเคน (内田 百間) รวมกับองค์ประกอบของเรื่องเล่าปรัมปราที่รวบรวมเพิ่มเติม เชื่อว่าเรื่องนี้ของโคมัตสึน่าจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาของเรื่องสาวหน้าวัวในญี่ปุ่น

ตำนานสาวหน้าวัวได้รับการเผยแพร่ออกไป โดยเฉพาะในบริเวณใกล้กับเมืองโกเบ (เมืองนิชิโนะมิยะ กับแถบภูเขาคาบูโตะในจังหวัดเฮียวโงะ) และมีข่าวลือว่ามีผู้พบเห็นสาวหน้าวัวกำลังกินซากสัตว์อยู่ในซากปรักหักพังที่ถูกโจมตีทางอากาศมาอยู่ หลังจากที่ต้องเจอกับการโจมตีทางอากาศตลอดทางจากเมืองอาชิยะมาถึงเมืองนิชิโนะมิยะ ก็มีข่าวลือออกมาว่า สาวหน้าวัวคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกสาวของครอบครัวที่ถูกกักขังอยู่ในห้องขังแยกซาชิกิโร (座敷牢) เดินเตร่ไปที่บ้านของคนขายเนื้อที่ถูกไฟไหม้จนกลายเป็นซากปรักหักพัง ห่างไกลจากสายตาของผู้คน

 

แต่นักเขียนอย่างคิฮาระ ฮิโรคัตสึ กลับแย้งว่าคุดันและสาวหน้าวัวควรจะมีความแตกต่างกัน เนื่องจากความแตกต่างหลายข้อ กล่าวคือ คุดันเป็นลูกวัวที่เกิดจากวัว อุชิอนนะเป็นลูกสาวของพ่อแม่ที่เป็นมนุษย์; คุดันนั้นมีหน้าเป็นมนุษย์และมีลำตัวเป็นวัว ส่วนสาวหน้าวัวก็ตรงข้าม; คุดันนั้นจริงๆ สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ความสามารถในการพูดของวัวหญิงนั้นไม่มีการบันทึกเอาไว้ที่ไหนเลย

 

ส่วนถ้าเป็นคำอธิบายใน “ไขปมปริศนาภูต” ซึ่งอยู่ในมังงะเล่มที่ 2 กับเล่มที่ 3 นะครับ “คุดัน” คือสัตว์ประหลาดที่มีหัวเป็นคน แต่ตัวเป็นวัว มันสามารถพูดภาษาคนได้ หากมันพยากรณ์อะไรออกมา หลังจากนั้นมันก็จะตาย บางครั้งก็ทำนายเรื่องกสิกรรมที่ผลผลิตดี คนในบ้านอยู่อย่างผาสุก แต่บ่อยครั้งที่มันจะทำนายถึงเรื่องร้ายแรง อย่างเช่น ผลผลิตซบเซา ภัยพิบัติทางธรรมชาติ โรคระบาด และสิ่งนั้นจะเป็นจริงอย่างแม่นยำ

ในแง่หนึ่งนั้น อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่ได้จำกัดว่าจะมีแค่แบบเดียว แต่สาเหตุที่คุดันสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ ไม่มีความผิดพลาด นั่นก็เพราะคำทำนายของคุดันไม่ได้มาจากการเห็นอนาคตแล้วพูดออกมา แต่ใช้การกำหนดอนาคตที่ต้องการให้ดำเนินไปได้ เพื่อชดเชยต่อความสามารถนี้ เผาผลาญพลังงานชีวิตจนสิ้นเพื่อมองดูทุกอนาคตที่เกิดขึ้นได้ และรวบเข้าให้เหลือเพียง 1 แบบ คุดันจึงได้สิ้นชีวิตไปหลังจากใช้ความสามารถดังกล่าว

นี่อาจเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมคุดันจึงได้มักทำนายแต่เรื่องร้ายๆ นั่นอาจเป็นเพราะคุดันต้องแบกรับชะตากรรมต้องแบกรับชะตากรรมที่ต้องตายยามเมื่อกำหนดอนาคตมาตั้งแต่เกิด มันถึงได้โกรธเกลียดชาติกำเนิดของตัวเอง สาปแช่งโลกที่กำเนิดมันขึ้นมาให้พินาศไปด้วยก็ได้

 

TN: อืม… จบได้ค้างคามาก แล้วไหงคุดันถึงมาโผล่ใน [คอกวัว] ได้ล่ะเนี่ย?
แล้ว ยังจำเรื่อง [คนสีแดง] ได้หรือเปล่าครับ? มีการกล่าวถึงอยู่เมื่อตอนที่โซราโอะเล่าอดีตของตัวเองในไฟล์ 4 ตอนที่ 5 นะ ตกลงนี่ เขาเป็นใคร? หรือเป็นอะไรกันแน่? มาสืบเรื่องนี้ต่อกันเลยดีกว่าครับ

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด