สามีข้าคือขุนนางใหญ่บทที่ 800-2 ความจริง (2)
บทที่ 800 ความจริง (2)
เมื่อคืนวาน ฮ่องเต้ถูกหันกุ้ยเฟยทำร้ายจนหมดสติ แต่วันถัดมา นางกลับปล่อยให้ฮ่องเต้ทรงงานต่อ มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
ดูจากการที่หยิบเรื่องจางเต๋อเฉวียนกับชิวเย่ว์ขึ้นมาพูด แสดงว่าตอนนี้ทั้งวังหลังถูกควบคุมโดยหันกุ้ยเฟยแล้ว
แต่จากที่ฟังข่าวของพ่อบ้านเจิ้ง หันกุ้ยเฟยยังพำนักอยู่ในตำหนักเย็นเหมือนเดิม
แปลว่าหันกุ้ยเฟยกำลังยืมมือฝ่าบาทอยู่อย่างนั้นรึ
เหตุใดฮ่องเต้ต้องทำตามคำสั่งของหันกุ้ยเฟยด้วย
พวกตระกูลหันกำลังกุมความลับอะไรบางอย่างของฮ่องเต้อยู่หรือไม่ หรือว่า…ทรงกำลังถูกหันกุ้ยเฟยควบคุมจิตใจอยู่
“เสด็จแม่วันนี้ไปเข้าเฝ้าที่วังแล้ว รอดูว่าจะได้คำตอบอะไรกลับมา”
หลังจาก ‘พักฟื้น’ มานานกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดซ่างกวานเยี่ยนก็ฟื้นตัวพอที่จะยืนและเดินได้ แต่นางยังคงเลือกที่จะเข้าไปในพระราชวังด้วยรถเข็นเพื่อแสดงความอ่อนแอให้ทุกคนได้เห็น
ซ่างกวานเยี่ยนนั่งรอเข้าเฝ้าอยู่ที่ห้องรับรอง
ทว่าเรื่องที่แปลกก็คือ ไม่มีนางข้าหลวงคนไหนเรียกนางเข้าไปด้านในเลยสักคน
บ่าวพวกนี้กล้าดีอย่างไรถึงทำตัวสามหาวกับองค์หญิงสามผู้เป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของฮ่องเต้ได้ลงคอ
“เจ้ามีนามว่าอะไร เหตุใดข้าถึงไม่เคยพบเจอเจ้ามาก่อน” ซ่างกวานเยี่ยนมองดูขันทีที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
ขันทีตัวน้อยตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้ามีนามว่าฮวันสี่ เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“จางเต๋อเฉวียนไปไหนแล้วล่ะ” ซ่างกวานเยี่ยนถาม
ฮวานสี่จึงตอบกลับไป “จางกงกงแอบหนีออกจากวังในยามวิกาลเพราะคดีชู้สาวพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ผู้ที่รับใช้ฝ่าพระบาทคือผู้ดูแลอวี๋พ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวานเยี่ยนขมวดคิ้ว “คนไหนรึ”
ฮวานสี่ตอบ “อวี๋ฉางโปพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวานเยี่ยนจำได้รางๆ ว่าคนผู้นี้เคยรับใช้ฝ่าบาทมาก่อน แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่โปรดปรานนัก
เหตุใดถึงได้เลื่อนขั้นเล่า
“แล้วเสี่ยวจ้าวล่ะ” นางถามต่อ
“ด้วยความที่เสี่ยวจ้าวกับจางกงกงสนิทกันจึงได้รับโทษทั้งคู่ เสี่ยวจ้าวถูกลดตำแหน่งให้ไปทำงานที่ห้องซักล้างพ่ะย่ะค่ะ”
ซ่างกวานเยี่ยนไล่ถามถึงชื่อทุกคนที่เคยรับใช้ฝ่าบาท และพบว่า พวกเขาไม่อยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว แล้วก็ให้เหตุผลว่าโดนลงโทษเหมือนกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขากลับเอาแต่ปล่อยให้ซ่างกวานเยี่ยนนั่งรอด้านนอก ไม่ยอมให้นางเข้าเฝ้าเสียที
ต่อให้เป็นบ่าวหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ แต่พวกเขาน่าจะรู้ดีว่าฝ่าบาทเอ็นดูนางเพียงใด
“พวกเจ้าเล่นปล่อยข้าให้รอข้างนอกนานขนาดนี้ ไม่กลัวฝ่าบาทลงโทษพวกเจ้าหรือย่างไร” ซ่างกวานเยี่ยนเอ่ยนิ่งๆ
ฮวานสี่คุกเข่าลงพร้อมกับรายงาน “ทูลองค์หญิง ฝ่าบาททรงมีคำสั่งไม่ให้ใครเข้าไปข้างในด้วยกิจส่วนตัว นี่เป็นประสงค์ของฝ่าบาทขอรับ ข้าแค่ทำตามบัญชาเท่านั้น”
จนแล้วจนรอด ซ่างกวานเยียนก็ไม่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้สักที พอลองไปทีตำหนักจงเหอเพื่อรอฝ่าบาททรงงานเสร็จ ก็ดันถูกปฏิเสธห้ามเข้าพบอีก
ซ่างกวานเยี่ยนเริ่มมึน “สวรรค์กำลังเล่นตลกอะไรอยู่ หรือว่าพวกหวังเสียนเฟยเอาความลับของข้าไปเผยแพร่อย่างนั้นรึ บ้าน่า ข้าน่ะไม่กลัวตายหรอก แต่พวกนางเนี่ยสิ”
ซ่างกวานเยี่ยนเดินทางออกจากวังด้วยความงุนงง
ตัดภาพมาที่กู้เจียวที่เพิ่งเสร็จงานทีค่ายทหาร ก็กำลังขี่เจ้าเฮยเฟิงมุ่งหน้ากลับไปยังจวนกั๋วกง
ส่วนเซียวเหิงออกไปรับจิ้งคง
จากนั้นกู้เฉิงเฟิงกับกู้เหยี่ยนก็เล่าเรื่องให้กู้เจียวฟังต่อ
กู้เจียวรู้ในทันทีว่า เรื่องแบบนั้นกำลังจะเกิดขึ้น
ในภาพที่กู้เจียวเคยฝันถึงก็เป็นฉากตำหนักเย็น ฮ่องเต้ถูกหันกุ้ยเฟยหักหลัง ส่วนผู้ที่ลงมือนั้นคือวิญญาณทมิฬ พอตระกูลหันคุมอำนาจ แคว้นเยี่ยนก็จะเริ่มเข้าสู่กลียุค ซึ่งย่ำแย่กว่าเหตุการณ์เมื่อสิบห้าปีก่อนเสียอีก
แคว้นจิ้น และแคว้นเหลียงใช้โอกาสนี้ในการโจมตีแคว้นเยี่ยน
ทั้งปัญหาภายในและภายนอก ส่งผลให้แคว้นเยียนประสบกับความหายนะอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงแต่จะสูญเสียเมืองถึงสิบสองเมือง แต่ยังสูญเสียทรัพยากรคนไปนับไม่ถ้วนด้วย
ทั้งมู่ชิงเฉิน
นักบวชชิงเฟิง
รวมถึงท่านชายเซวียนหยวนเจ็ด พวกเขาล้วนตายในศึกสงคราม!
…
กองทัพเซวียนหยวนซึ่งเหนื่อยล้าจากสงครามกลางเมืองมาตลอดสามปีก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ก่อนจะถูกกวาดล้างไปในที่สุด!
ในภาพฝัน สงครามทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นหลังจากหันกุ้ยเฟยจับฮ่องเต้ขังในคุกเป็นเวลาราวหกปี
กู้เจียวมองเซียวเหิงด้วยสายที่แน่วแน่ ก่อนจะเอ่ยกับเขา “ในวังนั้น ไม่ใช่ฮ่องเต้คนเดิมอีกต่อไป”
สีหน้าของเซียวเหิงเคร่งขรึมทันที “หมายความเช่นไร”
กู้เจียวไม่ได้บอกว่าเป็นความฝัน เพียงแต่เล่าในสิ่งที่เห็นให้เขาฟัง “มีคนสลับตัวเขา”
หันกุ้ยเฟยสั่งให้วิญญาณทมิฬเฟ้นหาคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นฮ่องเต้ นอกจากรูปลักษณ์ที่เหมือนกันแล้ว ทั้งน้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง ล้วนเลียนแบบฮ่องเต้ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และนี่ก็คือไพ่ลับของหันกุ้ยเฟย
วันก่อนที่วิญญาณทมิฬเดินทางไปเมืองชั้นนอก คงจะไปพบปะกับคนผู้นี้เป็นการส่วนตัว
เซียวเหิงไม่ได้คะยั้นคะยอถามกู้เจียวถึงต้นตอเรื่องนี้ เขาเลือกที่จะเชื่อกู้เจียว และจะไม่บังคับให้กู้เจียวเล่าในสิ่งที่นางไม่เต็มใจที่จะเปิดเผย
“คาดไม่ถึงเลยว่าหันกุ้ยเฟยจะใช้วิธีนี้” เขาเอ่ย ก่อนจะนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วถามถึงฮ่องเต้ “แล้ว…”
กู้เจียวตอบ “ฮ่องเต้ตัวจริงยังมีชีวิตอยู่”
หันกุ้ยเฟยทำเช่นนั้นไม่ลง จึงได้แต่จับฮ่องเต้ขังไว้ในคุก
หันกุ้ยเฟยในตอนนี้ไม่รู้ว่าอีกสามเดือนข้างหน้า ฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์ด้วยอาการประชวรในห้องใต้ดินมืดมิด ไร้ซึ้งแต่แสงจันทร์และแสงตะวัน
สุดท้ายนางต้องเสียเขาไปอยู่ดี
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหายนะเท่านั้น เมื่อไม่มีฮ่องเต้อยู่ ความสัมพันธ์ของหันกุ้ยเฟยกับคนตระกูลหันก็จะถึงคราวสะบั้น
“พวกเราต้องไปพาตัวฮ่องเต้ออกมาให้ได้” กู้เจียวเอ่ย
Comments