มรรคาสู่สวรรค์ 22 สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว

Now you are reading มรรคาสู่สวรรค์ Chapter 22 สะบัดมือขวาเบาๆ ไม่มีฝุ่นแม้แต่นิดเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม้กระบอง​ เสือ​ ไก่​ แล้วก็​ยังมี​แมลง​

จิ๋งจิ่ว​ ปลา​ไน​เพลิง​ จักจั่น​ แล้วก็​มียุง​เหล่านั้น​

ใช้เล็ก​เอาชนะ​ใหญ่​ ปกติ​แล้ว​ล้วน​เป็นการ​เอาชนะ​ของ​พลัง​ใจ แต่​ถ้าหาก​เล็ก​มาก​ เช่นนั้น​ก็​จะยิ่ง​ชนะ​ได้​ง่าย​ขึ้น​

ด้วย​พลัง​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​ มัน​ไม่แน่​ว่า​จะหวาดกลัว​ยุง​เหล่านี้​ ถึงแม้ยุง​เหล่านี้​จะเป็น​ยุง​จาก​ใน​คุก​สะกด​มาร​ที่​กระทั่ง​หลิว​อา​ต้า​ยัง​รู้สึก​ว่า​รับมือ​ได้​ลำบาก​

สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​มัน​ไม่รู้​ว่า​สิ่งที่​มองไม่เห็น​เหล่านั้น​คือ​อะไร​

ความไม่รู้​จะขยาย​ความหวาดกลัว​ให้​ขยาย​ใหญ่​ขึ้น​ นับประสาอะไร​กับ​คน​ที่​ไม่เคย​ออกจาก​ใจกลาง​โลก​ ยัง​ไม่เติบโต​เต็มที่​ และ​หวาดกลัว​แม้กระทั่ง​เงาเหมือน​อย่าง​มัน​

จิ๋งจิ่ว​มิได้​พูด​อะไร​ ดูเหมือน​เขา​ไม่อยาก​จะพูด​อะไร​กับ​ปลา​ไน​เพลิง​มาก​นัก​

ปลา​ไน​เพลิง​สะบัด​หาง​ ถอย​ไป​ทาง​ด้านหลัง​สิบก​ว่าจ้าง​ ดู​ระแวง​อย่าง​เห็นได้ชัด​ เตรียมพร้อม​ที่จะ​กระโดด​กลับ​ลง​ไป​ใน​ลำธาร​ลาวา​ทุกเมื่อ​ มัน​กล่าวว่า​ “หาก​ข้า​เอาเรื่อง​ที่​เจ้าสมคบคิด​กับ​เผ่า​หมิง​พูด​ออก​ไป​ ชื่อเสียง​ของ​เจ้าจะต้อง​ย่อยยับ​ เจ้าจะต้อง​ตาย​อย่าง​ไม่มีที่​ฝังอย่าง​แน่นอน​!”

จิ๋งจิ่ว​ฟังคำขู่​ที่​ไร้​ซึ่งความ​น่ากลัว​นี้​ แต่​ใน​หัว​กลับ​คิดถึง​เรื่อง​อื่น​

ต่อให้​ทุก​หกร้อย​ปี​สำนัก​จงโจว​จะส่งคน​มาเยี่ยม​มัน​ แต่​เหตุใด​เจ้าปลา​ไน​เพลิง​ตัว​นี้​ถึงได้​พูดจา​คล่องแคล่ว​ถึงเพียงนี้​?

ที่​ไม่เข้าใจ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​เขา​มักจะ​รู้สึก​ว่า​น้ำเสียง​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​มัน​ค่อนข้าง​คุ้นเคย​

บรรยากาศ​ภายใน​ถ้ำมิได้​ยิ่ง​ตึงเครียด​จาก​การ​ที่​เขา​นิ่งเงียบ​ หาก​แต่​กระอักกระอ่วน​เล็กน้อย​

คน​ที่​กระอักกระอ่วน​ก็​คือ​ปลา​ไน​เพลิง​

ในเวลานี้​มัน​ไม่คิด​อยาก​จะลงมือ​แล้ว​

แต่​ปัญหา​อยู่​ที่ว่า​มัน​เป็น​ผู้รับใช้​ของ​สำนัก​จงโจว​ หา​ปล่อย​ให้​ศิษย์​ชิงซาน​หนี​ไป​โดย​ไม่พูด​อะไร​ เช่นนั้น​ก็​คล้าย​จะเสียหน้า​ไป​หน่อย​

ปลา​ไน​เพลิง​พลัน​คิด​วิธี​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ จึงตะโกน​ขึ้น​มาอย่าง​ดีใจ​ว่า​ “เฮ้ น้องชาย​ ถ้าอย่างนั้น​เอา​แบบนี้​ไหม​ เจ้าช่วย​ข้า​เรื่อง​หนึ่ง​ แบบ​นั้น​แล้ว​ข้า​ก็​ย่อม​ไม่สะดวก​ที่จะ​ทำร้าย​ผู้​มีพระคุณ​ พวกเรา​ก็​จากกัน​แบบนี้​เป็น​ยังไง​?”

จิ๋งจิ่ว​คิดในใจ​ว่า​วิธี​นี้​มีเหตุผล​อย่าง​มาก​ จึงถามว่า​ “เรื่อง​อะไร​?”

ปลา​ไน​หมุนตัว​กลางอากาศ​ เผย​ให้​เห็น​ครีบ​ด้านหลัง​ จากนั้น​กล่าวว่า​ “เมื่อวาน​ข้า​อาบน้ำ​อยู่​ใน​ลำธาร​ แต่​ดีใจ​เกินไป​หน่อย​ ก็​เลย​เผลอไป​กัด​ถูก​หลัง​ของ​ตัวเอง​ เจ้าเอง​ก็​รู้​ว่า​ราชา​อย่าง​ข้า​ นอกจาก​ตัวเอง​แล้วก็​ไม่มีอะไร​จะทำร้าย​ข้า​ได้​….”

จิ๋งจิ่ว​กล่าวว่า​ “ให้​ข้า​รักษา​ท่าน​?”

ปลา​ไน​เพลิง​หมุนตัว​กลับมา​ กล่าวว่า​ “ใช่ๆ เจ้าก็​แค่​รักษา​ง่ายๆ​ ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​เจ้าจะรักษา​หาย​อยู่แล้ว​ ก็​เหมือน​เป็นการ​แสดงน้ำใจ​นั่นแหละ​”

จะไป​กัด​ถูก​หลัง​ตัวเอง​ได้​อย่างไร​? มัน​ไม่ใช่ยีราฟ​สักหน่อย​

นี่​ต้อง​เป็น​คำ​พูดโกหก​อย่าง​แน่นอน​

มัน​แค่​ไม่อยาก​บอ​กว่า​ตนเอง​แพ้​ให้​กับ​ธงประหลาด​และ​น่ากลัว​อันนั้น​ แบบ​นั้น​มัน​น่าขายหน้า​เกินไป​

สิ่งที่​ราชา​ปลา​ไน​เพลิง​ไม่ชอบ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​ความ​ขายหน้า​

ที่​มัน​ให้​จิ๋งจิ่ว​รักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ให้​ตัวเอง​ก็​เป็น​เหตุผล​แบบ​เดียวกัน​ ไม่จำเป็นต้อง​รักษา​ให้​หาย​ ขอ​แค่​ทั้งสองฝ่าย​มีข้ออ้าง​ที่​สมเหตุสมผล​ ต่าง​คน​ต่าง​ถอย​คนละ​ก้าว​

นับแต่​นี้​ต่าง​คน​ต่าง​เดิน​ ไม่พบ​เจอกัน​อีก​

จิ๋งจิ่ว​เดิน​ไป​ยัง​ริม​ลำธาร​ มองดู​แผ่น​หลัง​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​ พบ​ว่า​ครีบ​หลัง​ของ​มัน​ได้รับบาดเจ็บ​จริงๆ​ เกล็ดปลา​ที่อยู่​รอบ​ๆ เผ​ยอขึ้น​มาเล็กน้อย​ แล้วก็​มีเกล็ด​บาง​เกล็ด​ที่​มีรอยไหม้​

เขา​รู้สึก​ไม่ค่อย​เข้าใจ​ ใน​ใจครุ่นคิด​ว่า​ใคร​กันที่​สามารถ​ลง​มายัง​ใจกลาง​โลก​ที่อยู่​ใต้​หุบเขา​จวี้​หุน​แล้ว​ทำร้าย​มัน​ได้​ ยิ่งไปกว่านั้น​ยัง​ใช้วิชา​เพลิง​เหมือนกัน​ด้วย​

จิ๋งจิ่ว​รักษา​อาการป่วย​ไม่เป็น​ แต่​ถ้ารักษา​อาการ​บาดเจ็บ​นั้น​มีประสบการณ์​อยู่​ เพราะ​อันที่จริง​เขา​ก็​ลับ​กระบี่​มาตั้ง​นาน​ขนาด​นี้​แล้ว​

เขา​เหยียบ​อากาศ​ทะยาน​ขึ้นไป​ ก่อน​จะเหยียบ​ลง​ไป​บน​หลัง​ปลา​ไน​เพลิง​เบา​ๆ

ปลา​ไน​เพลิง​ค่อนข้าง​ตกใจ​ ใน​ใจคิด​ว่า​หรือ​เจ้าจะรักษา​อาการ​บาดเจ็บ​ได้​จริงๆ​?

จิ๋งจิ่ว​ยื่น​มือขวา​ออก​ไป​ แล้ว​เริ่ม​ดึง​เกล็ดปลา​ที่​เสียหาย​และ​มีรอยไหม้​เหล่านั้น​

เกล็ดปลา​เหล่านั้น​มีความแข็ง​เป็นอย่างมาก​ ถึงแม้จะเป็น​มือขวา​ของ​เขา​ แต่​ถ้าคิด​จะกำจัด​มัน​ก็​ต้อง​ใช้เวลา​อยู่​เหมือนกัน​

เขา​รู้สึก​ว่า​เกล็ดปลา​เหล่านี้​มีความ​คุ้นตา​เป็นอย่างมาก​ กระทั่ง​เห็น​ตรง​ด้านหน้า​มีรอยแผล​แห่ง​หนึ่ง​ที่​เห็นได้ชัด​ว่า​เป็น​แผลเก่า​ ในที่สุด​จึงคิด​เข้าใจ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ขึ้น​มา

ที่แท้​อาวุธ​วิเศษ​ที่​ตัวเอง​ชิงมาจาก​มือ​ของ​ผู้​บำเพ็ญพรต​วิถี​มาร​ผู้​นั้น​ทำ​มาจาก​เกล็ด​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​ตัว​นี้​นี่เอง​

……

……

บน​อากาศ​เหนือ​ลำธาร​ลาวา​มีปลา​ไน​สีทอง​ตัว​ใหญ่​ยักษ์​ลอย​อยู่ตัว​หนึ่ง​

บน​หลัง​ของ​ปลา​ไน​สีทอง​มีคน​คุกเข่า​อยู่​คน​หนึ่ง​

คน​ผู้​นั้น​กำลัง​ทำ​อะไร​บางอย่าง​โดย​ไม่หยุด​มือ​

ภาพ​นี้​ดู​น่าประหลาด​และ​มหัศจรรย์​เป็นอย่างมาก​ แต่​ถ้าหาก​คิด​ดูดี​ๆ ความจริง​แล้ว​มัน​ก็​ไม่ได้​ต่าง​อะไร​กับ​นกเอี้ยง​ที่​ไป​ช่วย​กิน​เห็บ​หมัด​อยู่​บน​หลัง​ควาย​ป่า​เลย​

เมื่อ​คิดถึง​สถานะ​ของ​จิ๋งจิ่ว​แล้ว​ นี่​ออกจะ​ขายหน้า​ไป​หน่อย​ อย่าง​น้อย​ก็​เรียก​ได้​ว่า​น่า​หงุดหงิด​ แต่​เขา​ก็​ยัง​ทำ​มัน​อย่าง​เงียบๆ​ เพราะ​เขา​ต้องการ​ข้ออ้าง​ที่จะ​ออก​ไป​ ความปลอดภัย​คือ​เรื่องสำคัญ​อันดับ​หนึ่ง​เสมอ​ ยิ่งไปกว่านั้น​เกล็ด​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​ก็​ช่วย​เขา​ลับ​กระบี่​ได้​ด้วย​ แล้ว​ทำไม​ถึงจะไม่ทำ​ล่ะ​?

สิ่งที่​ทำให้​เขา​รู้สึก​เสียดาย​จริงๆ​ ก็​คือ​เขา​ไม่สามารถ​ใช้เกล็ดปลา​ที่​สมบูรณ์​มาลับ​กระบี่​ได้​ เห็นได้ชัด​ว่า​เกล็ดปลา​ที่​เปล่งประกาย​แวววาว​เหมือน​โลหะ​เหล่านั้น​มีความแข็ง​เป็นอย่างมาก​ แต่​มัน​กลับ​ติด​แน่น​อยู่​กับ​ลำตัว​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​ อย่า​ว่าแต่​ลับ​กระบี่​เลย​ ต่อให้​ออกแรง​ขยับ​มัน​เพียง​เล็กน้อย​ก็​จะทำให้​ปลา​ไน​เพลิง​เจ็บปวด​เป็นอย่างมาก​แล้ว​ ดังนั้น​เขา​จึงได้​แต่​ต้อง​ถือโอกาส​ลับ​มือขวา​ของ​ตนเอง​เล็กน้อย​ใน​ตอนที่​กำจัด​เกล็ดปลา​ที่​มีรอยไหม้​และ​ตายซาก​เหล่านั้น​ แต่​เกล็ด​เหล่านั้น​ได้​ถูก​เพลิง​บางอย่าง​ทำให้​เสียหาย​ แห้ง​กรอบ​เป็นอย่างมาก​ มิอาจ​สู้อาวุธ​วิเศษ​ของ​ผู้​บำเพ็ญพรต​วิถี​มาร​ผู้​นั้น​ได้​

ใช้เวลา​ไม่นาน​ เขา​ก็​กำจัด​เกล็ดปลา​บน​หลัง​ปลา​ไน​เพลิง​ที่​เสียหาย​และ​ทำให้​มัน​รู้สึก​ไม่สบาย​ตัว​หรือ​เจ็บปวด​ออก​ไป​จน​หมด​ ก่อน​จะกลับ​ลง​มายัง​ริมฝั่ง​

ปลา​ไน​เพลิง​สะบัด​หาง​ หมุน​ตัวอย่าง​รวดเร็ว​สอง​สามรอบ​ รู้สึก​ตัวเบา​ขึ้น​กว่า​เดิม​อย่าง​มาก​ จึงอด​ดีใจ​ขึ้น​มาไม่ได้​ กล่าวว่า​ “ถือโอกาส​ตอนที่​ข้า​ยัง​อารมณ์ดี​รีบ​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ซะ ถึงแม้การ​ที่​ไม่ได้​กิน​เจ้าจะทำให้​ข้า​รู้สึก​เสียดาย​อยู่​บ้าง​”

จิ๋งจิ่ว​เอง​ก็​รู้สึก​เสียดาย​อยู่​บ้าง​ หาก​ปลา​ไน​เพลิง​ตัว​นี้​บำเพ็ญ​เพียร​อยู่​ใน​เพลิง​ใต้ดิน​ไป​อีก​หก​พัน​กว่า​ปี​จน​เติบโต​เต็มที่​ เขา​ก็​จะสามารถ​ใช้เกล็ดปลา​บน​ร่างกาย​อีก​ฝ่าย​มาลับ​กระบี่​ได้​ แบบ​นั้น​มัน​ก็​จะไม่บาดเจ็บ​ เพียงแค่​รู้สึก​เจ็บ​เล็กน้อย​เท่านั้น​ แค่​ปลอบ​นิดหน่อย​ก็​หาย​

เขา​พลัน​คิดถึง​ความเป็นไปได้​หนึ่ง​ขึ้น​มา กล่าวถาม​ว่า​ “ท่าน​บอ​กว่า​ไม่เคย​ไป​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​ อย่างนั้น​ท่าน​เคย​ไป​ที่อื่น​หรือเปล่า​?”

ใน​ดวงตา​ของ​ปลา​ไน​เพลิง​มีแววตา​เศร้าสร้อย​ปรากฏ​ขึ้น​มา มัน​กล่าวว่า​ “ก่อนที่​ข้า​จะโต​เต็มที่​ ข้า​ได้​แต่​ต้อง​อยู่​ใน​เพลิง​ใต้ดิน​ มิอาจ​ไป​ที่ไหนได้​ทั้งนั้น​”

อย่างนี้​นี่เอง​

จิ๋งจิ่ว​คิดในใจ​ว่า​ด้านล่าง​ยอดเขา​ซั่งเต๋อ​มีเส้น​ปราณ​แผ่นดิน​ที่​เย็นยะเยือก​อย่าง​มาก​อยู่​ แต่​ใน​ชิงซาน​กลับ​ไม่มีเส้น​ปราณ​เพลิง​ เลี้ยง​เอาไว้​ไม่ได้​จริงๆ​ ด้วย​

ช่างน่าเสียดาย​

ไม่อย่างนั้น​ตัวเอง​ก็​ไม่ต้อง​ไป​ถามอาจารย์​อา​ไท่หลู​ที่​อารมณ์ไม่ดี​แล้ว​ ยอดเขา​เสินม่อ​ก็​จะมีปลา​เพิ่ม​มาตัว​หนึ่ง​ ชิงซาน​ก็​จะมีผู้พิทักษ์​เพิ่มขึ้น​มาอีก​หนึ่ง​

ปลา​ไน​เพลิง​รับรู้​ได้​ถึงอารมณ์​ของ​เขา​ แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​เขา​ถึงได้​มีอารมณ์​นั้น​ มัน​นึก​ว่า​เขา​กำลัง​รู้สึก​เศร้าใจ​แทน​ตนเอง​อยู่​ ใน​ใจจึงคิด​ว่า​ศิษย์​ชิงซาน​ผู้​นี้​ไม่เลว​เลย​จริงๆ​

จิ๋งจิ่ว​ชูมือขวา​ บิน​ขึ้นไป​ด้านบน​ ใน​ตอนที่​เข้าไป​ใน​เพดาน​ถ้ำ เขา​เหลียว​หน้า​กลับมา​มองดู​ปลา​ไน​เพลิง​อย่าง​รู้สึก​เสียดาย​

ปลา​ไน​เพลิง​สะบัด​หาง​เล็กน้อย​ รู้สึก​อาลัยอาวรณ์​เช่นเดียวกัน​

……

……

ภูเขา​เห​ลิ่ง​ซาน​ที่อยู่​ใน​ช่วงต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ยังคง​หนาวเย็น​ ทุ่ง​รกร้าง​ยังคง​รกร้าง​ รอบด้าน​เต็มไปด้วย​ความ​แห้งแล้ง​และ​ตายซาก​ อย่า​ว่าแต่​ควาย​ป่า​กับ​นกเอี้ยง​เลย​ กระทั่ง​แมลง​สัก​ตัว​ก็​ยัง​มองไม่เห็น​

ที่​มัน​ดู​แห้งแล้ง​วังเวง​เช่นนี้​ย่อม​มิได้​มีความเกี่ยวข้อง​กับ​อากาศ​ไป​เสีย​ทั้งหมด​ หาก​แต่​มีความเกี่ยวข้อง​กับ​ศิษย์​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​กระจาย​ตัว​อยู่​ใน​ทุ่ง​กว้าง​เหล่านั้น​

วิหาร​ใหญ่​ของ​นิกาย​เฟิงเตา​อยู่​ใน​เมือง​จวี้เย่​ แต่​ในเวลานี้​พวกเขา​ต้อง​เอา​กำลัง​ทั้งหมด​ไป​เฝ้าระวัง​ความเคลื่อนไหว​ของ​ทาง​ที่ราบ​หิมะ​ ส่วน​สำนัก​คุณ​หลุน​ที่​ดูดี​เพียง​เปลือกนอก​ แต่​ความจริง​แล้ว​อ่อนแอ​ก็​ไม่สามารถ​มาจัดการ​กับ​การเคลื่อนไหว​ของ​ทาง​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​ได้​ หลังจาก​สำนัก​เสวียน​อิน​เปลี่ยน​ชื่อ​เป็น​นิกาย​เสวียน​อิน​ อิทธิพล​ของ​พวกเขา​ก็​ขยาย​ออก​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ นับวัน​จะยิ่ง​เหิมเกริม​อวดดี​ มีความรู้สึก​คล้าย​สำนัก​เสวียน​อิน​เมื่อ​ใน​อดีต​

ตาม​หลัก​แล้ว​ เมื่อ​ทางเหนือ​มีร่องรอย​ว่า​จะมีสำนัก​ฝ่าย​อธรรม​ฟื้นตัว​กลับมา​มีอำนาจ​ สำนัก​จงโจว​ใน​ที่​ฐานะ​ที่​เป็น​ผู้นำ​ฝ่าย​ธรรมะ​ควรจะ​ยื่นมือ​เข้ามา​จัดการ​ แต่​หลาย​ปี​มานี้​เขา​อวิ๋นเมิ่ง​เกิดเรื่อง​อย่าง​ต่อเนื่อง​ ชางหลง​ตาย​ ฉีหลิน​ได้รับบาดเจ็บ​ ถงเหยียน​ทรยศ​ ยันต์​เซียน​ตกเป็นของ​จิ๋งจิ่ว​ คันฉ่อง​ฟ้ากระจ่าง​หนี​ไป​ นักพรต​ถาน​และ​นักพรต​ไป๋​ไหน​เลย​จะมีใจมาสนใจ​เรื่อง​เหล่านี้​

แล้ว​ใน​ช่วงนี้​ที่ราบ​หิมะ​ยังมี​ความเคลื่อนไหว​แปลก​ๆ อีก​ นิกาย​เสวียน​อิน​เริ่ม​กระทำการ​เหิมเกริม​ใน​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​อย่าง​ไม่ปิดบัง​ และ​ครั้งนี้​ ประมุข​นิกาย​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​หมิง​หวัง​ผู้​นั้น​ก็ได้​พา​ยอด​ฝีมือ​ส่วนใหญ่​ใน​นิกาย​และ​สาวก​อีก​พัน​คน​วาง​ข่าย​พลัง​ที่​ร้ายกาจ​อย่าง​มาก​บน​ทุ่ง​รกร้าง​แห่ง​นี้​ พร้อมกับ​กระจาย​กำลัง​ค้นหา​ คล้าย​ว่า​กำลัง​หา​อะไร​บางอย่าง​อยู่​

ศิษย์​นิกาย​เสวียน​อิน​ผู้​หนึ่ง​ยืน​อยู่​บน​ทุ่งหญ้า​สีเหลือง​ มือ​ขยี้​ดวงตา​ที่​อ่อนล้า​ เมื่อ​ตรวจสอบ​ดู​แล้ว​ว่า​ไม่มีร่องรอย​ใดๆ​ เขา​ก็​ทอดตา​มองออก​ไป​สิบ​กว่า​ลี้​ พร้อมทั้ง​ใช้เครื่องมือ​วิเศษ​ส่งเสียง​ออก​ไป​ว่า​ “ทาง​เจ้าเจอ​อะไร​ไหม​?”

ใน​เครื่องมือ​วิเศษ​มีเสียง​ของ​ศิษย์​ร่วม​สำนัก​ดัง​ขึ้น​มา “ไม่เจอ​อะไร​เลย​”

จากนั้น​ก็​มีเสียง​ของ​ศิษย์​ร่วม​สำนัก​อีก​คน​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​มา “ได้ยิน​ว่า​เจ้านั่น​มัน​ซ่อนตัว​อยู่​ใต้ดิน​มาเกือบ​สอง​ปี​แล้ว​ อย่างนั้น​พวกเรา​จะไปหา​เจอ​ได้​อย่างไร​ล่ะ​?”

สาวก​นิกาย​เสวียน​ทั้ง​สามคน​อยู่​กลุ่ม​เดียวกัน​ รับผิดชอบ​ค้นหา​พื้นที่​แถบ​นี้​

จาก​กฎ​ที่​ประมุข​นิกาย​ตั้งขึ้น​มา ครั้งนี้​สาวก​นิกาย​สามคน​ห้าม​อยู่​ใกล้​กัน​เด็ดขาด​ ทุกคน​ต้อง​อยู่​ห่าง​กัน​มากกว่า​สิบ​ลี้​

นี่​มิใช่เพื่อ​ป้องกัน​พวกเขา​แย่ง​ผลงาน​กัน​ หาก​แต่​ป้องกัน​ไม่ให้​เกิด​เหตุการณ์​ถูก​ศัตรู​สังหาร​ไป​ทั้ง​สามคน​ จน​ไม่สามารถ​แจ้งเตือน​กลุ่ม​อื่นๆ​ ได้​

สาวก​ทั้ง​สามคน​นี้​ก็​เหมือนกับ​สาวก​ทุกคน​ พวกเขา​ค้นหา​อยู่​ใน​เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​มาเป็นเวลา​หลาย​วัน​แล้ว​ แต่​ก็​ยัง​ไม่พบ​อะไร​ เหนื่อยล้า​เป็น​อย่างยิ่ง​ จึงอด​บ่น​ออกมา​ไม่ได้​

หาก​เป็น​เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ พวกเขา​จะต้อง​มาจับกลุ่ม​กัน​ จุดไฟ​ขึ้น​มาแล้ว​ดื่ม​สุรา​เล็กน้อย​ จากนั้น​ก็​นินทา​ผู้อาวุโส​ใน​นิกาย​ วัน​เวลา​คงจะ​มีความสุข​มากขึ้น​ไม่น้อย​

แต่​ตอนนี้​พวกเขา​ไม่มีวัน​เวลา​ดี​ๆ แบบ​นั้น​แล้ว​ เครื่องมือ​วิเศษ​ที่อยู่​บน​ตัว​พวกเขา​สามารถ​ระบุ​ตำแหน่ง​และ​บันทึก​ตำแหน่ง​ของ​พวกเขา​เอาไว้​ได้​ หาก​ภายหลัง​ถูก​หัวหน้า​ระดับสูง​รู้​เข้าว่า​พวกเขา​เคย​อยู่​ใกล้​กัน​ สิ่งที่​รอ​พวกเขา​อยู่​คงจะ​ต้อง​เป็นการ​ลงโทษ​ที่​โหดร้าย​ทารุณ​จน​ยาก​ที่จะ​จินตนาการ​ได้​อย่าง​แน่นอน​

โชคดี​ที่​เครื่องมือ​วิเศษ​สามารถ​ใช้พูดคุย​ได้​ พวกเขา​สามารถ​ใช้การ​พูดคุย​มาฆ่าเวลา​ และ​เนื่องเพราะ​ไม่รู้​ว่า​เครื่องมือ​วิเศษ​สามารถ​บันทึกเสียง​ได้​หรือไม่​ พวกเขา​จึงย่อม​ไม่กล้า​นินทา​เหล่า​ผู้อาวุโส​อีก​ เช่นนั้น​ก็ได้​แต่​ต้อง​คุย​เรื่อยเปื่อย​กัน​เท่านั้น​

“เจ้าจะไป​รู้​อะไร​? ท่าน​ประมุข​ลงมือ​ด้วยตัวเอง​ ว่า​กัน​ว่า​กระทั่ง​ราชา​เพลิง​ก็​ยัง​ต้อง​ตกใจ​ ถึงได้​บีบ​คน​ผู้​นั้น​ออก​มาจาก​พื้นดิน​ได้​ พวกเรา​ถึงต้อง​มาหา​ที่นี่​ไง”

“จะว่า​ไป​แล้ว​ ทำไม​สำนัก​จงโจว​ถึงได้​ไล่​คน​ผู้​นั้น​ออกจาก​สำนัก​ล่ะ​? ได้ยิน​ว่า​คน​ผู้​นั้น​มีชื่อเสียง​อย่าง​มาก​นี่​นา​”

“ใคร​จะไป​รู้​ล่ะ​ แต่​ข้า​ว่า​น่าจะเป็น​เพราะ​เจ้านั่น​มัน​ขโมย​เครื่องมือ​วิเศษ​อะไร​บางอย่าง​มาจาก​สำนัก​จงโจว​แน่​”

“ฮ่าๆๆๆ! ข้า​ว่า​ไม่ใช่ว่า​ขโมย​เครื่องมือ​วิเศษ​หรอก​ คงจะ​ขโมย​เมีย​อาจารย์​มามากกว่า​”

“เจ้านี่​เหมือน​กบ​ใน​กะลา​จริงๆ​! อาจารย์​ของ​เขา​คือ​นักพรต​ไป๋​ มีเมีย​อาจารย์​ที่ไหน​กัน​ล่ะ​ แล้ว​อีก​อย่าง​ คน​ทางเหนือ​มีใคร​ไม่รู้​บ้าง​ว่า​เขา​ชอบ​เซียน​ไป๋​เจ่า”

“แล้ว​เขา​หนี​ทำไม​? ต่อไป​กลายเป็น​ลูกเขย​ อยาก​จะได้​อะไร​ก็ได้​มิใช่หรือ​”

“ถึงได้​บอ​กว่า​เจ้ามัน​กบ​ใน​กะลา​ไง ไม่รู้เรื่อง​อะไร​เลย​! ทั่ว​ทั้ง​แผ่นดิน​เฉาเทียน​มีใคร​ไม่รู้​บ้าง​ว่า​คน​ที่​เซียน​ไป๋​เจ่าชอบ​คือ​จิ๋งจิ่ว​แห่ง​ชิงซาน​”

สาวก​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ทั้ง​สามคน​คุย​กัน​อย่าง​ออกรส​ออก​ชาติ​จน​ลืม​เรื่อง​ที่​อาจจะ​ถูก​บันทึกเสียง​เอาไว้​ไป​เสีย​สนิท​

ทันใดนั้น​เอง​ เสียง​พูดคุย​ภายใน​เครื่องมือ​วิเศษ​พลัน​หยุด​ไป​ หลังจากนั้น​ครู่หนึ่ง​ถึงดัง​ขึ้น​มาใหม่​

“พวก​เจ้ารู้สึก​ไหม​ว่า​พื้นดิน​มัน​ไหว​?”

“ใช่…ไหว​ค่อนข้าง​แรง​ทีเดียว​”

“ของ​ข้า​ทาง​นี้​ยัง​ไม่มีอะไร​ ดูเหมือน​จะมีแต่​ของ​เจ้าทาง​นั้น​ เจ้าระวัง​หน่อย​แล้วกัน​”

“ไม่ต้อง​พูด​แล้ว​! ข้า​เริ่ม​กลัว​จริงๆ​ แล้ว​นะเนี่ย​”

“ฮ่าๆๆๆ มีอะไร​น่ากลัว​เล่า​ ด้านล่าง​ภูเขา​เห​ลิ่ง​ซาน​เต็มไปด้วย​เส้น​ปราณ​เพลิง​ มีวัน​ไหน​ไม่ไหว​ล่ะ​?”

“เจ้าจะไป​รู้​อะไร​ล่ะ​! ได้ยิน​ว่า​ท่าน​ราชา​แห่ง​ไฟก็​อยู่​ใต้ดิน​ตรงนี้​! แต่​อย่า​ลืม​เสีย​ล่ะ​ว่า​เมื่อ​หลาย​วันก่อน​เขา​เพิ่งจะ​ถูก​ท่าน​ประมุข​เล่นงาน​ไป​”

“เจ้าพูด​มีเหตุผล​ ประมุข​และ​เหล่า​ผู้อาวุโส​ย่อม​ไม่กลัว​ แต่​ถ้าพวกเรา​โชคไม่ดี​ไป​เจอ​เข้า​ล่ะ​ อย่างนั้น​เรา​มิเท่ากับ​ว่า​ต้อง​กลายเป็น​เถ้าถ่าน​ทันที​หรอก​หรือ​”

“เมิ่งเหล่า​ซื่อ​เจ้าพูด​อย่างนี้​ ข้า​ชักจะ​กลัว​ขึ้น​มาจริงๆ​ แล้ว​นะเนี่ย​ เฉียว​เสิ่น​ ใน​เมื่อ​ทาง​เจ้าไหว​แรง​กว่า​ อย่างนั้น​ก็​ระวังตัว​หน่อย​ล่ะ​”

“เฉียว​เสิ่น…​เจ้าได้ยิน​ไหม​?”

“เหล่า​เฉียว​? เจ้าไม่เป็นไร​ใช่ไหม​?”

“เหล่า​เฉียว​!”

……

……

สาวก​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​ชื่อ​เฉียว​เสิ่น​มิได้​ตอบ​กลับมา​ เพราะ​ในเวลานี้​เขา​ค่อนข้าง​ตกตะลึง​ ไม่ได้ยิน​เสียง​ที่​ดัง​ออก​มาจาก​ใน​เครื่องมือ​วิเศษ​

บน​พื้น​ของ​ทุ่ง​กว้าง​รกร้าง​ที่อยู่​ตรงหน้า​เขา​พลัน​มีรู​กลม​สีดำ​ปรากฏ​ขึ้น​มารู​หนึ่ง​ ปา​กรู​มิใหญ่​นัก​ พอดี​ให้​คน​คน​หนึ่ง​เข้าไป​ ไม่มาก​ไม่น้อย​

ฝุ่น​ควัน​ค่อยๆ​ ร่วง​ตก​ลงมา​ คน​ผู้​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ขึ้น​ตรงหน้า​เขา​

คน​ผู้​นั้น​สวม​ชุด​สีขาว​ ทั่ว​ทั้งตัว​เต็มไปด้วย​คราบ​ดิน​ ดู​กระเซอะกระเซิง​

“ที่นี่​คือ​ที่ไหน​?”

คน​ผู้​นั้น​กระโดด​อยู่​บน​พื้นดิน​

เศษดิน​เศษหิน​เหล่านั้น​คล้าย​หยด​น้ำค้าง​ที่อยู่​บน​ใบ​บัว​ ไม่สามารถ​ติด​อยู่​บน​ร่างกาย​ของ​เขา​ได้​ ไหล​กลิ้ง​ตก​ลงมา​

ถึงแม้จะเป็น​เศษฝุ่น​ที่​เล็ก​แค่​ไหน​ก็​ไม่สามารถ​ติด​อยู่​บน​ตัว​ของ​เขา​ได้​

“ที่นี่​คือ​…เขา​เห​ลิ่ง​ซาน​”

เฉียว​เสิ่น​กล่าว​ด้วย​เสียง​สั่นเครือ​ จากนั้น​เขา​มองเห็น​ใบ​หน้าที่​สะอาดสะอ้าน​ของ​คน​ผู้​นั้น​ ทันใดนั้น​พลัน​ได้สติ​ขึ้น​มา เขา​ตะโกน​ใส่เครื่องมือ​วิเศษ​ว่า​ “หนี​ไป​ จิ๋ง…”

มือขวา​ของ​จิ๋งจิ่วสะ​บัด​ออก​ไป​

เสียง​ของ​เขา​หยุด​ลง​

ทันใดนั้น​ ศีรษะ​ของ​เขา​ร่วง​ตก​ลงมา​ ก่อน​จะกลิ้ง​กระเด็น​ไป​ไกล​

กระบี่​คม​จักรวาล​ออก​มาจาก​ใน​จักรวาล​ ทะลวง​อากาศ​พุ่ง​ออก​ไป​ เพียง​พริบตา​ก็​บิน​ออก​ไป​ไกล​สิบ​กว่า​ลี้​ ฟัน​ลง​บน​ศีรษะ​ของ​สาวก​นิกาย​เสวียน​อิน​อีก​คน​หนึ่ง​

เหมือนกับ​คน​แรก​

ร่างกาย​ของ​จิ๋งจิ่วหา​ย​ไป​จาก​ที่​เดิม​

ใน​ตอนที่​เขา​มาถึงนอก​ระยะ​สิบ​กว่า​ลี้​ใน​อีก​ทิศทาง​หนึ่ง​ สาวก​ของ​นิกาย​เสวียน​อิน​ที่​ชื่อ​เมิ่งเหล่า​ซื่อ​ยังคง​เอา​หู​แนบ​กับ​เครื่องมือ​วิเศษ​เพื่อ​ฟังเสียง​เพื่อน​อยู่​

สาวก​สำนัก​เสวียน​อิน​ที่​ชื่อ​เฉียว​เสิ่น​ตาย​ไป​แล้ว​ แต่​เสียง​กลับ​เพิ่งจะ​ดัง​ออก​มาจาก​ใน​เครื่องมือ​วิเศษ​

“….จิ๋ง”

จิ๋งจิ่วสะ​บัด​มือ​

เมิ่งเหล่า​ซื่อ​ก็​ตาย​ไป​แล้ว​

จิ๋งจิ่ว​มองดู​มือขวา​ของ​ตัวเอง​ ก่อน​จะพยักหน้า​อย่าง​พึงพอใจ​

ลับ​ตั้งแต่​ฤดูร้อน​มาถึงฤดูใบไม้ร่วง​ จากนั้น​ลับ​ตั้งแต่​ฤดูใบไม้ร่วง​จน​มาถึงฤดูหนาว​ แล้วก็​ลับ​จน​มาถึงต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ ลับ​มานาน​ขนาด​นี้​ ในที่สุด​ก็​ลับ​จน​คม​ขึ้น​มาหน่อย​

กระบี่​ยิ่ง​คม​ กระบี่​เซียน​แห่ง​ยมโลก​ของ​เขา​ก็​ยิ่ง​เร็ว​

กระบี่​คม​จักรวาล​บิน​กลับมา​อย่าง​เงียบๆ​

เขา​ยื่นมือ​ไป​หยิบ​กระบี่​ สืบเท้า​เดิน​ต่อไป​ข้างหน้า​

……………………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด