คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า 777 เจ้าอาวาสน้อยก้าวหน้าแล้ว
ตอนที่ 777 เจ้าอาวาสน้อยก้าวหน้าแล้ว
ขณะที่เถาเหวินเฉิงและภรรยากำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ฉินหลิวซีก็ได้ฝังเข็มกำจัดความเย็นให้อวี๋เหมี่ยว พลางตอบคำถามของเขา
“ที่บ้านไม้หลังนั้นตอนที่เด็กคนนั้นคลอดออกมาได้ดึงดูดวิญญาณร้ายมาไม่น้อย เป็นเพราะชะตาชีวิตของนางหรือ”
ฉินหลิวซีหมุนเข็มเงิน เอ่ยว่า “ท่านเป็นถึงขุนนางใหญ่ เหตุใดจึงได้เชื่อเรื่องอำนาจลี้ลับ”
“เห็นมากับตา ไม่อยากเชื่อก็คงยาก” ผู้เฒ่าอวี๋หัวเราะเบาๆ เอ่ย “ปัญญาชนบอกว่าขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับ นั่นเป็นเพราะมีความรู้น้อย ข้าก็อายุปูนนี้แล้ว มีอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น”
“อาจไม่ใช่เช่นนั้นเสมอไป คนลัทธิขงจื้อในวัยเช่นท่านที่ยังคงเอาแต่บอกว่าขงจื้อไม่สอนเรื่องอำนาจลี้ลับนั้นมีเยอะแยะทีเดียว”
ผู้เฒ่าอวี๋ “…”
เอาเถิด เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น!
“แล้วเจ้าว่าที่ข้าเอ่ยมานั้นถูกหรือไม่”
“ถูก” ถูกก็ถูกอยู่หรอก แต่ฉินหลิวซีไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะความสูงส่ง หรือเป็นร่างกายนี้ของนาง
เมื่อผู้เฒ่าอวี๋เห็นว่านางไม่ได้ลงรายละเอียดก็ไม่ได้ซักไซ้ถามหัวข้อนี้ต่อ เรื่องชะตาชีวิตไม่อาจเอ่ยตามอำเภอใจได้ และพิสูจน์ได้ว่าฉินหลิวซีเป็นคนปากหนัก
เข็มบนร่างกายราวกับไฟกำลังลุกไหม้ จนเขาถอนหายใจด้วยความรู้สึกสบาย
“วิชาแพทย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมากจริงๆ เพียงแค่ฝีมือการฝังเข็มนี้ ก็เก่งกาจไม่น้อยไปกว่าท่านหมอที่มีชื่อเสียงหลายคน” ผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยชมจากหัวใจ อายุเพียงเท่านี้ ฝังเข็มมั่นคงและรวดเร็ว ซ้ำยังมีประสิทธิภาพ เห็นได้ว่านางมีพรสวรรค์
ฉินหลิวซีตอบด้วยรอยยิ้ม “ต่อให้ท่านชมจนข้าลอย ก็ยังต้องจ่ายค่ารักษาให้ข้าอยู่ดี”
ผู้เฒ่าอวี๋ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี “วางใจเถิด ขาดไปไม่ได้อย่างแน่นอน แต่หากต้องการเพียงแค่ค่ารักษา เท่ากับว่าข้าติดค้างน้ำใจอันใหญ่หลวงของเจ้า ไม่อยากได้อย่างอื่นหรือ”
“หากท่านไม่ขาดแคลนเงิน เช่นนั้นหล่อร่างทองให้เจ้าลัทธิเต๋าอารามชิงผิงของพวกเราได้หรือไม่”
ผู้เฒ่าอวี๋มุมปากกระตุก เจ้าเด็กซื่อคนนี้
มู่เหนียนก็ส่ายหน้า น้ำใจของเจ้านายเขาต้องล้ำค่ามากแค่ไหน เจ้าขอร่างทอง หยาบคายไปหน่อยกระมัง
ฉินหลิวซีกลับคิดว่าหยาบคายเล็กน้อย ยังคงสบายใจดี!
ขณะที่คาเข็มทิ้งไว้ นางได้เขียนใบสั่งยาปรับสมดุลหยินหยางหนึ่งใบ จากนั้นจึงเอ่ย “อาวุธที่ซ่อนอยู่บนสะบักไหล่ของท่านเอาออกมาไม่ได้ หากรู้สึกปวดจนทนไม่ไหว ที่ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะมียาลูกกลอนชนิดหนึ่งเรียกว่ายาตู๋หัว ช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตบรรเทาอาการปวด กินเข้าไปแล้วจะรู้สึกดีขึ้น”
มู่เหนียนรับใบสั่งยามาแล้วจำไว้
เมื่อเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว ฉินหลิวซีก็ดึงเข็มออก เอ่ย “ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง ก่อนที่ข้าจะจากไปในวันพรุ่งนี้จะฝังเข็มให้ท่านอีกหนึ่งครั้งก็พอแล้ว”
ผู้เฒ่าอวี๋ถูกมู่เหนียนพยุงมานั่งลง จัดแจงเสื้อผ้า เอ่ยว่า “รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย”
“ที่ร่างกายหนักหน่วงเนื่องจากความเย็นและความชื้นในร่างกายมีมาก วิธีการฝังเข็มของข้าเหมือนกับไฟเผาภูเขา สามารถขจัดความเย็นและความชื้นได้ ดังนั้นท่านจึงรู้สึกเบาสบาย” ฉินหลิวซีเก็บเข็มเงิน เอ่ยต่อ “ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามค่อยอาบน้ำ ข้าไม่ขอรบกวนการพักผ่อนของท่านแล้ว”
ผู้เฒ่าอวี๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เมื่อฉินหลิวซีไปแล้ว เขาก็กำชับมู่ซินว่า “ดูว่าในเขตนี้มีร้านรับฝากเงินหรือไม่ หากไม่มีก็ไปแลกทองคำมาสักหน่อย”
“นายท่าน ต้องใช้เงินทองเหล่านี้มาเป็นค่าตอบแทนจริงๆ หรือ” ดูเหมือนหยาบคายเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เจ้ายังไม่เห็นกิมเซียมซูตัวนั้นที่อยู่ในรถม้าของพวกเขา นั่นเป็นทองคำแท้ นางคงจะชอบทองคำและเงินมากจริงๆ”
หยาบคายแล้วอย่างไร สิ่งที่สำคัญที่สุดในการมอบสิ่งตอบแทนคือการส่งให้ถึงจิตใจคน นั่นจึงจะเป็นของขวัญที่ดี
ฉินหลิวซีกลับไม่รู้ว่าผู้เฒ่าอวี๋ได้เห็น ‘ธาตุแท้’ ของตัวเองแล้ว เมื่อกลับมาในห้อง เอาพระพุทธรูปมารองค์นั้นออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะ มองดูรูปลักษณ์ของพระอย่างละเอียด
เป็นเจ้าหรือไม่ ซื่อหลัว?
นางหลับตาลงเล็กน้อย หากต้องการเป็นเทพเจ้า จะต้องได้รับพรแห่งความศรัทธา หากไม่มีใครศรัทธา ก็จะไม่มีเทพเจ้า
และการใช้วิธีนี้ดึงดูดให้ผู้คนมาสักการะ ย่อมได้ผลเช่นกัน
ฉินหลิวซีจ้องมองไปที่พระพุทธรูปด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็ใช้ยันต์ตบลงบนเศียรของพระพุทธรูปองค์นั้น
น่ารำคาญ
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินหลิวซีจับชีพจรให้อวิ๋นเหนียง รับค่าตอบแทนมา จากนั้นก็ฝังเข็มให้ผู้เฒ่าอวี๋อีกครั้ง รับกล่องทองคำแท่งจากเขา จากนั้นก็ขอตัวลาไปพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ส่วนสองคนนี้ ย่อมจะได้พบกันอีกครั้ง
รถม้าขับไปถึงอารามชิงผิง เมื่อยกกิมเซียมซูทองตัวใหญ่ไปไว้ที่วิหารใหม่ นักพรตเต๋าและผู้ศรัทธาทุกคนในอารามต่างพากันตื่นเต้น กิมเซียมซูสามขาจากทองคำบริสุทธิ์เชียวนะ แม้ว่าข้างในจะกลวง แต่ก็เป็นทองคำแท้ก็แล้วกัน
ชิงหย่วนเบิกบานใจเป็นอย่างมาก วิ่งไปจุดธูปบูชาตรงหน้าเจ้าลัทธิเต๋าเป็นพิเศษ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านเจ้าอาวาสน้อยของพวกเราก้าวหน้าแล้ว!”
กิมเซียมซูสามขามีความหมายที่ดี คงจะสามารถดึงดูดผู้ศรัทธามาที่อารามชิงผิงของพวกเขาได้มากขึ้น
เจ้าลัทธิเต๋า ‘แม้ว่าจะไม่มีหลักฐาน แต่ลูกศิษย์ผู้นี้จะต้องอิจฉานางอยู่แน่ๆ’
ซานหยวนมองดูกิมเซียมซูสามขาด้วยความกังวลใจเป็นอย่างมาก ทองคำแท้เชียวนะ ตำหนักแห่งนี้คงขาดคนไม่ได้แล้วกระมัง มิเช่นนั้นหากหัวขโมยเหล่านั้นเห็นเข้าจะไม่ยกมันไปหรือ
จะยกไปนั้นเป็นไปไม่ได้ ฉินหลิวซีได้วางค่ายอาคมเล็กๆ ไว้ที่โต๊ะตั้งกิมเซียมซูสามขา ดูได้แต่จับไม่ได้ เพียงแต่ทำให้คนอยากได้ก็เท่านั้น
ซานหยวน ‘นางช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ!’
ฉินหลิวซีคนเจ้าเล่ห์ได้เดินเข้าไปในห้องเต๋าของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน
“ข้าได้เตรียมยาปี้กู่ไว้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะส่งท่านไปที่เส้นเลือดมังกร” เมื่อฉินหลิวซีเปิดบทสนทนาก็เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
เมื่อนักพรตเฒ่าชื่อหยวนได้ยินเรื่องกักตัวก็รู้สึกปวดหัว เอ่ยขึ้น “ที่จริงอาจารย์ก็อายุปูนนี้แล้ว คงไม่ต้องกักตัวแล้วกระมัง”
ฉินหลิวซีสีหน้ามืดครึ้ม “ก็เป็นเพราะอายุปูนนี้แล้ว จึงจำเป็นต้องสร้างรากฐาน”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนถอนหายใจ “ศิษย์ข้า ชะตาชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว อาจารย์หวังว่าเจ้าจะจำไว้ อายุขัยของคนล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว หากวันนั้นของอาจารย์มาถึงแล้วจริงๆ เจ้าต้องรู้จักปล่อยวาง ทุกคนล้วนต้องตาย…”
“อย่ามาไร้สาระ” ฉินหลิวซีลุกขึ้น เหลือบมองพลางเอ่ย “เป็นเรื่องจริงที่ชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว แต่ชะตาชีวิตของข้า ข้ากำหนดเอง ท่านก็อย่าเอ่ยคำพูดที่น่าหดหู่เหล่านี้ ไปกักตัว รอโอกาสมาถึงก็พอ เมื่อก่อนท่านได้แตะธรณีประตูขั้นสร้างรากฐาน เหตุใดตอนนี้จะทำไม่ได้”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยว่า “ต้องโทษที่อาจารย์อายุมากแล้ว”
“เช่นนั้นก็เปลี่ยนจากคนแก่มาเป็นเด็ก เมื่อขั้นสร้างรากฐานสำเร็จ บางทีท่านอาจจะหาอาจารย์หญิงให้ข้า แล้วก็ให้กำเนิดศิษย์น้องสักคน”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนใบหน้าร้อนระอุ ชี้ไปที่นางพลางดุว่า “ศิษย์เนรคุณ บังอาจนัก ใครให้ความกล้าเจ้ามาหยอกล้ออาจารย์”
“นอกจากเทพเจ้าแล้วจะยังมีใครอีก”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนโกรธจนเคราสั่น “ไปไกลๆ อาจารย์ไม่อยากเห็นเจ้า”
ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะมารับท่านวันพรุ่งนี้”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวนอยากจะบอกว่าไม่ไป แต่เมื่อคิดดูแล้ว หากไปที่เส้นเลือดมังกรซึ่งไม่มีใครอยากไป แล้วใครจะมายุ่งกับเขาได้ จะกักตัวหรือไม่ จะกักตัวนานเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับตัวเองไม่ใช่หรือ
เมื่อไปถึงที่นั่น ท้องฟ้ามหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลจะแหวกว่ายไปไหนก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ ดีจะตายไป
เมื่อนักพรตเฒ่าชื่อหยวนนึกถึงสิ่งนี้ เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแต่ก็ยังคงทำเป็นตาแก่สีหน้านิ่ง แสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างรังเกียจว่า “ไปๆๆ อย่ามารกหูรกตาข้า กักตัวก็กักตัว อย่างไรเสียอาจารย์ก็ไม่อยากเห็นศิษย์เนรคุณอย่างเจ้า”
ท่าทีของตาเฒ่าเปลี่ยนไปแล้ว
ฉินหลิวซีมองสำรวจเขาอย่างสงสัย แอบซ่อนลูกเล่นไม่ดีอะไรไว้หรือไม่
“ยอมไปจริงๆ หรือ แต่ขอบอกคำไม่น่าฟังไว้ก่อนว่า ไปแล้วก็ต้องฝึกบำเพ็ญอย่างตั้งใจ หากท่านอาศัยโอกาสที่ข้าไม่อยู่ก่อเรื่องหรือหนีไป ท่านคิดเอาก็แล้วกันว่าข้าจะทำลายอารามนี้จนสิ้นซากหรือไม่”
นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ‘ฟังเถิด นี่เป็นคำพูดของคนหรือ เป็นท่าทีของคนเป็นที่ศิษย์งั้นหรือ สุนัขยังไม่ขี้ระแวงเหมือนนางเลย’
Comments