เซียนหมากข้ามมิติ 482 ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง? ถูซือเยียน?

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 482 ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง? ถูซือเยียน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 482 ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง? ถูซือเยียน?

“นางปีศาจ ไม่รู้จักตายเลยจริงๆ!”

ขอทานชราถูกยั่วโมโหแล้ว พลังทั่วร่างกายเต็มเปี่ยม ทั่วร่างทอประกายหมอกเป็นระลอกๆ ยิ่งเกิดรัศมีแสงงดงามข้างหลังด้วย

แสงธรรมนี้อบอวลไปทั่วทั้งอาณาเขตเขาลาดชัน ก่อตัวเป็นภูเขามายาขนาดใหญ่บนท้องฟ้า อีกทั้งเคลื่อนลงเบื้องล่างอย่างเชื่องช้าด้วย หินผาที่ปริแตกนับไม่ถ้วนก่อนหน้านี้และยอดเขารอบๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเช่นกัน เพื่อรวมตัวกันตรงใต้เงาภูเขาลวง กลายเป็นอานุภาพภูเขาลูกใหม่แล้ว

“เจ้าดูสิว่าข้าต้านทานไหวหรือไม่ ข้าไม่เพียงกดภูเขา แม้แต่เจ้าก็จะถูกกดไปด้วยกัน ร้อยปีไม่อาจพลิกตัวได้! ไม่อาจพลิกตัวได้…พลิกตัว…”

ขอทานชราเอ่ยวาจาไม่น่าฟังอย่างหาได้ยาก คำพูดที่ออกจากปากเหมือนกับเสียงอสนีจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้า นำมาซึ่งเสียงสะท้อนรุนแรง ฝุ่นและหินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายากจะบดบังแสงธรรมจ้าตา ความกดดันอันเกิดจากวิชากดภูเขายิ่งมายิ่งมากขึ้น

จี้หยวนยืนอยู่บนท้องฟ้า แม้ลอบใช้ยันต์หยกว่างเปล่าแล้ว ทว่าวิชาของขอทานชราทำเอาเขาตะลึงงันไปเลยทีเดียว

‘นี่ก็คือ…เขาห้านิ้ว!?’

จี้หยวนไม่รู้ว่าอ่านตำนานไซอิ๋วมาแล้วกี่รอบ แน่นอนว่าฉากที่พระพุทธเจ้าตถาคตปราบซุนหงอคงยังคงอยู่ในความทรงจำของตนเอง ตอนเด็กๆ เขารู้สึกโกรธและเสียใจกับพี่ลิง แต่ตอนนี้กลับเข้าไปพัวพันกับความลึกลับของระดับมรรคอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

ตอนนี้มองเห็นวิชาของขอทานชรา ไปจนถึงคำพูดปนเสียงอสนี ความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในใจจี้หยวนมีมากเท่าไหร่แค่คิดก็รู้แล้ว สิ่งที่สลักลึกในความทรงจำจี้หยวนมากที่สุดคือวิชาภูผาสยบมารที่พระวิทยาราชร่างแปลงใช้รับมือกับเจ้าภูเขาลู่ในตอนนั้น แต่สำหรับวิชากดภูเขาที่ขอทานชราใช้ในตอนนี้นับว่าแตกต่างราวฟ้ากับเหว

กลางเขาลาดชัน คนในหมู่บ้านที่เดิมทีรู้สึกได้ว่าพื้นดินสั่นภูเขาสะเทือนพากันวิ่งออกจากบ้านแล้ว

“หนีเร็วๆ มังกรดินพลิกตัว!”

“อ๊า…ท่านพ่อ!”

“ท่านแม่!”

“รีบออกมาจากในบ้าน!”

“เอาธนูมาๆ!”

“ฮือๆๆ…ท่านแม่ ข้ากลัว…”

นอกจากเสียงสะเมือนฟ้าดินรอบๆ ในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงตะโกนและร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว ทุกคนพาเด็กและคนแก่พากันออกจากบ้านไป

เหล่านายพรานยิ่งไม่ลืมคันธนูและหอกยาว ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว หากไม่มีอาวุธอยู่ในมือ หนีไปอยู่ข้างนอกอาจเจอสัตว์ป่าซุ่มโจมตีก็ได้

ครืน…

โครม…

บ้านดินเก่าแก่ในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งพังถล่ม แต่เทียบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ควรค่าให้พูดถึงเลย หลังจากคนในหมู่บ้านหนีออกมาแล้ว ส่วนใหญ่มองไปทางป่าลึกของเขาลาดชันอย่างุนงงใจกลางพื้นที่ว่าง

ตรงนั้นมีหินผาปริแตก ยิ่งมีแสงสว่างหมื่นจั้งเกิดขึ้น ในกลางฝุ่นดินตลบอบอวล บนท้องฟ้ามีเงาลวงของภูเขาลูกยักษ์ เสียงอสนีดังเปรี๊ยะๆ ขอขอทานชราดังมาเหมือนเสียงฟ้าผ่าจากสวรรค์อย่างแท้จริง

“หนึ่งร้อยปีไม่พลิกตัว…”

คนชราในหมู่บ้านยื่นมือสั่นเทาชี้ไปไกล

“ปีศาจเทพภูขา ปีศาจเทพภูเขา รีบทำความเคารพเร็ว!”

“สาธุ!”

“ใช่ๆ รีบทำความเคารพ!”

เมื่ออยู่ต่อหน้าความยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจอธิบายได้ ชาวบ้านในหมู่บ้านเลือกทำความเคารพ กอปรกับภาพอานุภาพภูเขาที่อยู่ตรงหน้า พาให้พวกเขานึกถึงเทพภูเขาง่ายดายนัก

แต่สิ่งที่เหล่าชาวบ้านไม่รู้คือสิ่งที่อยากเชื่อมปราณพิภพกลายเป็นเทพภูเขาของเขาลาดชันแห่งนี้ ตอนนี้กำลังหลบอยู่ใต้ดินตัวสั่นงันงก

‘เซียนกับมารรีบประชันมรรคแล้วไปเถอะ ละเว้นภูตตัวเล็กๆ อย่างข้าด้วย ข้าไม่เคยทำอะไรผิดทั้งนั้น!’

กระนั้น ถึงภูตภูเขาอยากกลายเป็นเทพภูเขาหวาดกลัวมากเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ แต่ยังคงแบ่งพลังส่วนหนึ่งออกมา คอยดูแลหมู่บ้านไม่เล็กไม่ใหญ่กลางเขาลาดชัน ยังไม่พูดถึงที่อื่น ปกป้องชาวบ้านที่ตะโกนเรียกเทพภูเขาแล้วคารวะก็พอแล้ว

ขอทานชราลงมือเต็มที่เพราะโทสะ ถูซือเยียนแม้เป็นปีศาจจิ้งจอกแปดหางก็ยังคงต้านไม่ไหว ภูเขาใหญ่ลวงตากลางท้องฟ้ายิ่งมายิ่งชัดเจนแจ่มแจ้ง

“อ๊า…ท่านเซียนจะประมือกับข้าเช่นนี้จริงหรือ ข้าถูซือเยียนเป็นเพียงจิ้งจอกวิญญาณแปดหางจากถ้ำสวรรค์จิ้งจอกหยก ไม่เคยทำเรื่องผิดต่อสวรรค์หรือศีลธรรม ครั้งนี้เป็นเพราะพบว่ามีเผ่ามนุษย์ฆ่าเจ้าตัวเล็กจากเผ่าจิ้งจอกของข้าพอดี จึงลงมือช่วยเหลืออย่างอดไม่ได้ หรือว่านี่ก็นับว่าเป็นปีศาจทำร้ายมนุษย์เช่นเดียวกัน”

ถูซือเยียนคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น หางทั้งแปดกลายเป็นความยาวปกติ หดลงแล้วส่ายไปมาอยู่ข้างหลัง ขณะเดียวกันบนใบหน้านางเผยให้เป็นสีหน้าสิ้นหวัง ตะโกนถามท้องฟ้าด้วยรู้สึกไม่เป็นธรรม

“ท่านเซียน! หากข้ารับรองว่าครั้งหน้าจะไม่ประมาททำร้ายคน ท่านเซียนจะปล่อยข้าไปสักครั้งหรือไม่ ท่านไม่เห็นแก่หน้าข้า ก็เห็นแก่หน้าบรรพบุรุษของข้าได้หรือไม่”

“นางมาร เจ้าพูดมากเกินไปล้วนไร้ประโยชน์ ต่อให้จิ้งจอกเก้าหางอยู่ต่อหน้า เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบลงเช่นนี้ได้!”

หากถูซือเยียนพูดแบบนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ขอทานชราอาจลังเลจริงๆ แต่ก่อนหน้านี้นางปีศาจต้องการทำลายทั้งเขาลาดชันแห่งนี้โดยไม่สนใจคนและสัตว์บนภูเขาเลย ตอนนี้ต่อให้พูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์แล้ว

อีกอย่างจี้หยวนมองดูอยู่ข้างๆ ก่อนหน้านี้ถูกนางปีศาจตนนี้ใช้กลยุทธ์จักจั่นลอกคราบแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาถูกนางปั่นหัวจนเกือบเสียแผน ตอนนี้หากติดกับดักอะไรอีก จากนั้นให้จี้หยวนลงมือเก็บหางอีก เช่นนั้นตนเองจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน นั่นคงไม่เหลือเกียรติอะไรแล้วกระมัง!

จี้หยวนมองด้านข้างคอยพยักหน้าอยู่เรื่อยๆ ขอทานชราอย่างไรก็เป็นขอทานชรา ผู้สูงส่งมรรคเซียนตัวจริง จิตวิญญาณนั้น นอกจากชอบเถียงกับตนเองในเรื่องไม่เป็นเรื่องบางครั้งแล้ว เรื่องอื่นยังคงยอดเยี่ยมมาก

สีหน้าของถูซือเยียนอ่อนลงบ้างแล้ว ยิ่งปรากฏหนวดสั้นๆ ของจิ้งจอก พลังปีศาจทั่วตัวรวมกลุ่ม ปราณปีศาจยิ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทว่าถูกวิชากดภูเขาของขอทานชราตรึงปราณเอาไว้ จึงมีความรู้สึกว่าไม่รู้จะปล่อยพลังไว้ที่ไหนอยู่บ้าง

“ขอทานชรา เจ้าใจดำนัก!”

ถูซือเยียนเอ่ยเสียงต่ำ ในใจท่องว่า ‘บรรพบุรุษช่วยด้วย!’

หนึ่งในบรรดาแปดหางแกว่งมาข้างหน้า ขนยาวๆ เส้นหนึ่งลอยออกมาจากส่วนลึกของขนตรงปลายหาง เรียกได้ว่าเหมือนกับผมสีขาวเส้นหนึ่งมากกว่า

เมื่อผมเส้นนี้ออกมา พลังปีศาจบนกายถูซือเยียนรวมตัวกันตรงนั้นในพริบตาเดียว แทบจะเป็นพริบตานั้นที่แสงสีขาวรุนแรงส่องสว่าง หลังจากนั้นผมเส้นนั้นหมุนวนเป็นวงกลมก่อนลอยไปถึงตรงกระดูกหาง

เสียงซ่าดังขึ้น ผมสีขาวเกิดความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางแสงสว่าง ด้านหลังของถูซือเยียนนั้น หางเส้นที่เก้าค่อยๆ งอกออกมาแล้ว

ความเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเกิดขึ้นในพริบตาเดียวสั้นๆ กอปรกับปราณปีศาจเทียฟ้าและฝุ่นตลบทั่วภูเขาแต่เดิม แม้กระทั่งขอทานชราที่กำลังสำแดงวิชาจึงไม่สังเกตเห็นเช่นกัน

“โฮก…”

วินาทีที่หางจิ้งจอกใหม่ปรากฏ เสียงคำรามของถูซือเยียนดังขึ้นตามปราณปีศาจแก่กล้า แสงธรรมจากวิชากดภูเขาของขอทานชราล้วนได้รับความกระทบกระเทือนรุนแรง ภูเขาที่มั่นคงรอบข้างเริ่มสั่นไหวอีกครั้ง

ครืน…

ทั้งใบหน้าของถูซือเยียนกลายเป็นใบหน้าจิ้งจอกยาวและมีจมูกแหลม กรงเล็บยาวเกือบเท่าเรียวนิ้วยาว ทั้งร่างกายยิ่งปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวเข้มข้น

“ขอทานชรา ข้าจะทำให้เจ้าตาย! โฮก…”

ท่ามกลางเสียงคำรามที่มีพลังรุนแรง แสงปีศาจตัดสลับกับแสงธรรมของขอทานชราเป็นที่เรียบร้อย ถึงขนาดเอาชนะได้อยู่กลายๆ ภูเขาใหญ่อันเกิดจากวิชากดภูเขาส่ายไหวไม่มั่นคง วิชาระดับนี้คล้ายกับวิชาผนึกร่างของจี้หยวน จำต้องมีระดับมรรควิถีสูงกว่าอีกฝ่ายถึงจะใช้งานได้ ไม่เช่นนั้นจะควบคุมยากเป็นอย่างยิ่ง แม้วิชากดภูเขานี้เป็นวิชาที่สำเร็จผลแล้ว แต่ตอนนี้กลับเจอปัญหาอยู่เหมือนกัน

“ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง? เป็นไปไม่ได้! ต่อให้วิกฤติประชิดตัว เจ้าก็ไม่อาจฝึกฝนจนเกิดหางที่เก้าได้ในเวลานี้ นี่ไม่ใช่พลังฝึกปรือของเจ้า!”

“ไม่ใช่แล้วอย่างไร เขาลาดชั้นนี้และเจ้าขอทานชราวันนี้ล้วนหนีไม่รอด ข้าไม่ใช่คนโง่เช่นกัน!”

วันนี้ถูซือเยียนเรียกได้ว่าถูกบีบจนค่อนข้างน่าเวทนา ยิ่งทำให้นางใช้วิชาปกป้องชีวิตที่เก็บไว้ลึกที่สุด แน่นอนว่านางรู้ว่าตนเองไม่ใช่จิ้งจอกเก้าหางที่แท้จริง ต่อให้ตอนนี้เอาชนะขอทานชราที่พลังลึกล้ำยากหยั่งคาดได้ ก็ไม่มีทางสังหารอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน ทว่าอย่างไรก็ต้องขู่ไว้ก่อน อย่างน้อยก็ต้องทำให้เขาอับอายหรือบาดเจ็บบ้าง จากนั้นค่อยหนีไปก็ยังไม่สาย!

“ตายเสีย!”

นางตะโกนเสียงดัง หางทั้งเก้าตั้งขึ้นแล้วฟาดออกไปยังเก้าทิศทาง ความยาวหางยิ่งยืดยาวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปกคลุมพื้นดินและท้องฟ้าทั้งเขาลาดชันได้รางๆ

ท่าไม่ค่อยดีนัก ตรงที่จี้หยวนอยู่ถูกหางเส้นหนึ่งเฉียดผ่านจนเกิดเสียงปึง ทำให้คนแซ่จี้ซึ่งอยู่ข้างหลังยันต์หยกว่างเปล่าเผยตัวออกมา

แม้เป็นช่วงที่บีบคั้นเป็นอย่างยิ่งสำหรับทั้งสองฝ่ายในการประชันมรรค แต่เมื่อจี้หยวนปรากฏตัวก็ยังคงดึงดูดความสนใจของพวกเขา ถึงแสงมรรคและปราณปีศาจยังคงอยู่ ทว่าเกิดเค้าลางว่าสถานการณ์จะสงบลงในทันที

“เอ่อ ฮ่าๆ ผู้อาวุโสหลู่ ตอนนี้ข้าคนแซ่จี้ลงมือได้แล้วกระมัง”

สายตาราบเรียบของจี้หยวนกวาดมองถูซือเยียน สบตากับดวงตายั่วยวนชวนหวั่นไหวสำหรับคนอื่นของนาง ดวงตาของจี้หยวนก็ชวนประหวั่นเช่นเดียวกัน ขณะที่พูดนั้น มือซ้ายจับบนด้ามกระบี่เครือเขียวแล้ว

“จี้หยวน…!?”

เสียงของถูซือเยียนแทนที่จะประหลาดใจ มิสู้พูดว่าแหลมสูงเพราะหวาดกลัว

ทุกอย่างในตอนนี้เรียกได้ว่ากระจ่างแจ้ง นี่เป็นกับดักอย่างแท้จริง แต่กลับไม่ใช่กับดักที่สำนักปรมาจารย์ราชวงศ์ต้าซิ่ววางไว้ เป็นกับดักของจี้หยวนต่างหาก แค่ขอทานชราคนเดียวก็เปลืองแรงแล้ว เพิ่มจี้หยวนที่น่ากลัวยิ่งกว่ามาอีกคนหนึ่ง ตอนนี้นับว่าหมดหนทางรอดโดยสิ้นเชิงแล้ว

พอความรู้สึกสิ้นหวังเกิดขึ้น พลังปราณปีศาจเทียมฟ้าพลันลดลง หางจิ้งจอกที่เก้าซึ่งสำคัญที่สุดเกิดความปั่นป่วนที่ไม่สู้ดีเล็กน้อย

เดิมก็ไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางอยู่แล้ว พิรุธในพริบตานี้จะรอดพ้นจี้หยวนที่จับจ้องถูซือเยียนเขม็งไปได้อย่างไร จะรอดตาทิพย์คู่นั้นไปได้อย่างไร

‘โอกาส!’

ความคิดขับเคลื่อน มือพลันชักกระบี่ออกมา

ชิ้ง

กระบี่เซียนออกจากฝักส่องสว่างทั้งฟ้าดิน ท่ามกลางประกายกระบี่สีขาวเหมือนหิมะเปล่งประกาย เจตกระบี่และปราณกระบี่เพิ่มขึ้นในวินาทีที่จี้หยวนสะบัดกระบี่

“อ๊า…”

เสียงร้องน่าเวทนาของถูซือเยียนดังขึ้นโดยพลัน ยิ่งกระอักเลือดออกจากปากด้วย ทั้งร่างอ่อนยวบล้มลงกับพื้น หางจิ้งจอกสีขาวเส้นหนึ่งลอยหวือขึ้นฟ้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด