หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 328 งานเลี้ยงในวังหลวง

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter บทที่ 328 งานเลี้ยงในวังหลวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    บทที่ 328

    งานเลี้ยงในวังหลวง

    

    หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างตั้งใจ “ไม่ใช่ว่าในฐานะองค์ชายแล้วจะเป็นเรื่องดีกว่าเหรอที่จะมีภรรยา 3 สนม 4 น่ะ? แล้วท่านก็มีพวกเหล่านกกระจิบและนกนางแอ่นมากมายรออยู่แล้วในวังหลังน่ะ? ทำไมท่านถึงได้เกาะติดอยู่กับข้านัก?”

    

    จู่ๆก็มีสายลมพัดมา แล้วผมที่ยาวนุ่มของหลินซีเหยียนก็ได้ลอยไปตามลม แล้วเหมือนกับว่าเวลานั้นได้หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง

    

    เจียงหวายเย่ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แล้วดึงหลินซีเหยียนมาไว้ในอ้อมกอดของเขาแล้วก้มหัวลงจูบนาง หลังจากที่การจูบลงดวงตาที่เย็นชาของหลินซีเหยียนนั้นก็ได้เต็มไปด้วยน้ำในดวงตา

    

    ราวกับว่าดวงตาที่เกรี้ยวกราดนั้นได้ผสมไปกับความเย้ายวน จนสูญเสียซึ่งความน่ากลัวเมื่อสักครู่ไป

    

    ในขณะที่หลินซีเหยียนได้เผยเข็มเงินในมือของนางและคิดที่จะสั่งสอนเจียงหวายเย่อยู่นั้นเอง เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อเจ้าคือสิ่งที่เรายึดมั่นเพื่อให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปนะ”

    

    เพราะเขาไม่อาจจะนึกภาพถึงนางออกได้ยามที่นางต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่น

    

    เขาไม่อยากที่จะยอมรับ วันที่นางต้องไปเป็นภรรยาของคนอื่น

    

    เจียงหวายเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ แต่ดวงตาสีดำสนิทของเขาได้จ้องมาที่หลินซีเหยียนอย่างอ่อนโยน บางทีแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรออกมา อีกฝ่ายก็น่าจะเข้าใจได้!

    

    แล้วใบหน้าของหลินซีเหยียนก็ได้แดงขึ้นมาแล้วนางก็ได้หันหน้าหนีด้วยดวงตาที่ว้าวุ่นใจ ตลอดมานี้นางก็ยอมรับอยู่แหละว่าตัวนางนั้นมีความรู้สึกดีๆให้กับเจียงหวายเย่ แต่นางนั้นไม่อยากที่จะยอมรับมันจนกว่านางนั้นจะรู้ถึงหัวใจจริงๆของนาง

    

    แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยแล้วจากหัวใจที่เต้นเร็วเรื่อยๆภายใต้หน้าอกของนาง ซึ่งมันได้เร่งเร้าบอกให้หลินซีเหยียนบอกความรู้สึกที่แท้จริงของนางออกไป

    

    “จริงๆแล้วข้า…….”

    

    แต่ก่อนที่นางจะได้พูดจนจบ มหาเสนาบดีหลินก็ได้โผล่มาพอดี

    

    จากลางสังหรณ์ของเขา เจียงหวายเย่รู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นได้พลาดสิ่งที่สำคัญมากไปเสียแล้วเพราะการปรากฏตัวของมหาเสนาบดีหลิน เขาจึงได้จ้องมองอย่างไม่พอใจจนแทบอยากจะฆ่าทิ้ง

    

    มหาเสนาบดีหลินก็ได้หยุดและลังเลก่อนที่จะย่างเท้าเข้ามาในเรือนเชียนเหยียน แล้วเขาก็ได้กระแอมสองหนเพื่อเป็นการเบี่ยงเบนจากบรรยากาศที่น่าอายเมื่อสักครู่ และในขณะเดียวกันเขาเองก็ต้องการที่จะเตือนเจียงหวายเย่ว่าที่นี่คือจวนของเขานะไม่ใช่วังรัตติกาล

    

    อย่างไรก็ตามเจียงหวายเย่นั้นไม่สนใจ และจ้องไปที่เขา “ท่านมหาเสนาบดีหลินมาที่นี่ตอนค่ำมืดเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไร?”

    

    “คือว่าไทเฮานั้นทรงมีรับสั่งมาว่าท่านนั้นอยากที่จะพบองค์ชายน้อย จึงได้มีรับสั่งให้ซีเหยียนนั้นพาเทียนเอ๋อไปในงานด้วยน่ะขอรับ” เนื่องจากมหาเสนาบดีหลินนั้นชราแล้วจึงได้เริ่มมีอาการหลงๆลืมๆ ซึ่งจริงๆแล้วเรื่องนี้เขาได้รับทราบมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่เขาก็ดันลืมเสียได้ แล้วจนป่านนี้ถึงได้นึกขึ้นมาได้

    

    แต่ทว่ามันก็ได้สายเกินไปเสียแล้ว

    

    เมื่อได้ยินที่กล่าว หลินซีเหยียนกับเจียงหวายเย่ก็ได้หันมามองหน้ากัน แล้วทั้งคู่ก็ได้มองไปเห็นถึงความรอบคอบในดวงตาของอีกฝ่าย

    

    “ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าท่านมหาเสนาบดีหลินไม่มีธุระอะไรก็กลับไปได้แล้ว!”

    

    สำหรับมหาเสนาบดีหลินแล้ว หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้มีความรู้สึกอะไรให้เขาเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากว่ามีนางก็คงจะทิ้งมันไปนานแล้ว

    

    ในขณะเดียวกันที่เรือนของฮูหยินอวี้นั้นได้เร่าร้อนขึ้นมา เพราะองค์หญิงรั่วจิ่งนั้นยังไม่ได้กลับไปที่วังหลวงแต่ยังอยู่ที่ จวนมหาเสนาบดี เพื่อที่นางจะได้อยู่กับฮูหยินอวี้ในวันที่เข้าร่วมงานเลี้ยงของไทเฮา

    

    การที่หลินรั่วจิ่งทำเช่นนี้ก็เพราะนางนั้นตั้งใจที่จะเพิ่มพูดฐานะของฮูหยินอวี้โดยการใช้ฐานะของนาง

    

    แต่ในขณะเดียวกันเวลาก็ได้เริ่มนับถอยหลังแล้ว บางทีอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ฮูหยินอวี้ก็จะต้องรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อพบว่าผมของนางเริ่มร่วงและการรับรสก็จะเริ่มหายไปอย่างช้าๆแล้วตามมาด้วยการได้ยิน, การมองเห็น, และความรู้สึกจนกระทั่งนางมีสภาพเหมือนกับเป็นคนตายทั้งเป็น

    นี่คือบทลงโทษของนางที่หลินซีเหยียนเป็นคนมอบให้!

    

    แล้วค่ำคืนก็ได้มืดสนิทแล้ว และบรรยากาศเมื่อสักครู่ก็ได้หายไปแล้วด้วย หลินซีเหยียนจึงได้กลับไปที่ห้องอย่างเสียใจเล็กน้อย ส่วนเจียงหวายเย่นั้นก็ได้ยืนอยู่ตามลำพังกลางค่ำคืนแล้วมองดูดวงดาว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่

    

    หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ๆ เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าว “เชียนอี้เจ้าช่วยไปประกาศล่ารางวัลในนามของหอพันกลให้เราหน่อย หากว่าใครก็ตามที่พบดอกบัวทองคำแล้ว จะขออะไรก็ได้จากหอพันกลหนึ่งอย่าง”

    

    หอพันกลในเวลานี้นั้นมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างมากไปทั่วทั้งแผ่นดินเจียง และการกระทำครั้งนี้ก็ให้เกิดซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะแต่ก่อนนั้นเจียงหวายเย่ไม่ได้คิดอยากที่จะมีชีวิตอยู่

    

    แต่ในเวลานี้เป็นเพราะเขามีเสี่ยวเหยียนเอ๋อกับเทียนเอ๋อแล้ว ไม่ว่าเขาจะต้องดิ้นรนเพียงใด เขาก็จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพราะปกป้องคนที่เขารักจากโลกอันแสนโสมมนี้ให้ได้

    ในอดีตเขาคิดว่าโชคชะตานั้นมันไม่ยุติธรรมกับเขาเลย แต่ในเวลานี้เขาคิดว่ามันเริ่มคุ้มค่าขึ้นมาแล้ว เพราะความผิดหวังต่างๆที่เขาได้รับมาก่อนหน้านี้ ทำให้ตัวเขานั้นได้มีวันที่ได้พบกับเสี่ยวเหยียนเอ๋อเช่นนี้

    

    แล้วดวงตาของเชียนอี๋ก็ได้ส่องประกายขึ้นมา เขานั้นหวังมานานแล้วที่จะให้องค์ชายนั้นทำเช่นนี้ เขาจึงได้ไม่คิดที่จะรอช้าแล้วเชียนอี๋ที่ถึงแม้สวมชุดสีเงินอยู่นั้นแต่ก็ได้หายลับไปในยามราตรีทันที

    

    แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ถึงวันงานเลี้ยงในวังหลวงในชั่วพริบตา

    

    ในตอนรุ่งเช้าหลินซีเหยียนก็ได้สวมชุดตัวเดิมอย่างเช่นเคย และไม่ได้ตกแต่งอะไรบนใบหน้าของนางและพร้อมที่จะไปวังหลวงแล้ว แต่ทันทีที่นางออกมาจากห้อง ดวงตาของหลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างจ้าตรงหน้าของนาง

    

    นางนั้นเห็นเทียนเอ๋อที่สวมชุดสีม่วงที่ดูดีไม่หยอก และด้วยใบหน้าที่น่ารักของเทียนเอ๋อแล้ว เกือบทำให้หัวใจของนางนั้นได้กลายเป็นสระน้ำบริสุทธิ์ไป

    

    ส่วนเจียงหวายเย่นั้นก็ได้ยืนอยู่ข้างๆเทียนเอ๋อ และหน้ากากหยกขาวบนใบหน้าของเขาก็ได้ส่องสว่างออกมา และตัวเขาเองก็ได้สวมชุดสีม่วงด้วย

    

    “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ชุดที่เราให้เจ้าไปเมื่อคืนหายไปไหนแล้วล่ะ?”

    

    หลินซีเหยียนก็นึกถึงชุดสีม่วงที่ดูหรูหรามากในหัวของนาง และทำให้นางรู้สึกต่อต้านขึ้นมา “ชุดนั้นมันดูหรูหราเกินไปสำหรับข้า ข้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น”

    

    “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เจ้าอยากให้เราสวมชุดให้เจ้าไหม?” เจียงหวายเย่ก็ได้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรานั้นยินดีมากที่จะช่วยเจ้านะ”

    

    ทันทีที่พูดจบเขาก็ได้พาหลินซีเหยียนเข้าไปในห้อง เทียนเอ๋อนั้นรู้สึกสงสัยและคิดที่จะเข้าไปดูข้างใน แต่เขาก็ถูกปิดประตูใส่ไม่ให้เข้ามา

    

    เทียนเอ๋อที่อยู่ข้างนอกก็ได้โมโหและต่อว่าพ่อของเขาเป็นพันหนอยู่ “ใช่ซี้ พอท่านได้ท่านแม่แล้ว ท่านก็เลยไม่สนเทียนเอ๋อแล้ว ที่ข้ายังพูดดีกับท่านด้วยเนี่ยก็โชคดีแค่ไหนแล้ว!”

    

    แล้วเทียนเอ๋อก็ได้งอนแก้มป่อง แล้วนั่งลงที่ม้านั่งหินอ่อนที่สวนรออย่างไม่พอใจ

    

    ได้มีเสียงเอะอะดังมาจากในห้องนั้น แต่เพราะอยู่ไกลออกไปเทียนเอ๋อจึงไม่ได้ยิน แต่ในขณะที่เขากำลังเริ่มหมดความอดทนอยู่นั้นเองประตูก็ได้เปิดออกมา

    

    ในชั่วขณะที่ทั้งสองคนออกมา แม้แต่แสงอาทิตย์ก็ยังต้องหมองเมื่อเจอกับคู่ชายหญิงที่งดงามคู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นเจียงหวายเย่หรือหลินซีเหยียนทั้งคู่นั้นต่างก็งดงามและสุดยอด ถึงแม้ว่ารูปโฉมของเจียงหวายเย่จะถูกบดบังอยู่ภายใต้หน้ากากหยกขาวก็ตามที แต่ทั้งตัวของเขานั้นก็ยังเผยให้เห็นถึงความสูงส่งและความพิเศษเหนือใครของเขา

    

    ส่วนหลินซีเหยียนนั้นเดิมทีก็งดงามเหนือเป็นอันดับต้นๆของแผ่นดินโดยไม่ต้องแต่งหน้าอยู่แล้ว แต่ในเวลานี้ด้วยการโปะเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย ก็ได้ทำให้นางนั้นสวยงามกว่าเดิมมากโดยเฉพาะคิ้วคู่นั้นที่ไม่รู้ว่าใครเขียนแต่ประณีตมาก

    

    ตอนแรกเทียนเอ๋อก็ได้ตกตะลึง แล้วจากนั้นก็ได้หยิกแก้มของตัวเอง ด้วยความรู้สึกอับอายขึ้นมา แล้วก็ได้ตั้งมั่นว่าต่อจากนี้ไปเขาจะลดน้ำหนัก

    

    เขานั้นอยากที่จะแสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นก็เป็นคนที่ดูดีมากเช่นกัน แล้วจากนั้นเขาก็ได้จะได้ดึงดูดเหล่าสาวงามมากมายแล้วเขาก็ได้จะได้ขนมหวานมากมายมาทาน

    

    เขานั้นยังจำสมัยที่เขาเคยได้รับขนมหวานมาจากเหล่าสาวๆในหุบเขาอวิ๋นหยา

    

    “คิดถึงคนพวกนั้นจังเลยน้า” เทียนเอ๋อก็ได้เช็ดน้ำลายแล้วพูดออกมาเบาๆ

    

    จากนั้นก็ได้พากันขึ้นรถม้า แล้วทั้งครอบครัวก็ได้มุ่งหน้าไปยังวังหลวงอย่างราบรื่น และในขณะเดียวกันนั้นเอง เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้คอยคุ้มกันจงซู่เฟิงไปจนถึงชายแดนรัฐจงแล้ว

    

    ในเวลานี้พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะคลายความระวังตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะระหว่างทางนั้นพวกเขาได้พบกับเหล่ามือสังหารมากมายตลอดทาง

    

    

    

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด