ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่งบทที่ 846 มนุษย์เงือก
บทที่ 846 มนุษย์เงือก
……….
ทะเลตงไห่ยามเช้าตรู่ปกคลุมด้วยหมอกบาง แสงอรุณหลากสีสันแยกผืนฟ้าและทะเลออกจากกัน
ดาวประกายพรึกโดดเดี่ยวอยู่กลางท้องฟ้าสีครามเข้ม นกทะเลสองสามตัวโบยบินเอ้อระเหยอย่างอิสระท่ามกลางทะเลสีฟ้าอมม่วง
สวี่ชีอันยืนอยู่หัวเรือ หันหน้าหาลมทะเลและก้าวไปข้างหน้าราวกับจะตัดผ่านคลื่น
ห่างออกไปไม่กี่จั้งด้านหลังของเขา จิ้งจอกเก้าหางซึ่งสวมขนสัตว์เป็นกระโปรงพันรอบเอวเล็กคอดกำลังนั่งอยู่ที่กราบเรือ พลางหรี่ตามองทะเลในระยะไกลอย่างทรงเสน่ห์
ท่ามกลางลมทะเลพัดปะทะ ขนตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย ใบหน้าด้านข้างงดงามละเอียดอ่อน เป็นความสง่างามที่ไร้ผู้ใดเทียมเทียบ
เรือซึ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาลำนี้เป็นอาวุธเวทมนตร์ของสำนักโหราจารย์ แต่ละวันสามารถแล่นได้หลายพันลี้ กำลังขับเคลื่อนของเรือมาจากค่ายกลของธาตุน้ำและธาตุลมซึ่งซุนเสวียนจีสลักไว้ใต้ท้องเรือ ด้วยวัสดุที่สร้างเรือลำนี้ ทำให้เรือมีอายุการใช้งานได้ประมาณสองเดือน
หากนานกว่านั้น จำเป็นต้องให้โหรทำการบำรุงรักษาและเปลี่ยนค่ายกล รวมถึงวัสดุที่ใช้รับน้ำหนักค่ายกลต่างๆ ด้วย
“อัศจรรย์มากเลยใช่หรือไม่”
รอยยิ้มของจิ้งจอกเก้าหางเหมือนนางคณิกาเฒ่าคนหนึ่ง ที่กำลังหยอกล้อน้องชายตัวน้อยซึ่งยังไม่จบการศึกษา “ไหมอเวจีอยู่ห่างจากซินเจียงตอนใต้ไม่นับว่าไกล ครั้งนี้เป็นการออกทะเลอย่างแท้จริงของเจ้า เจ้าอยากไปโพ้นทะเลมากไม่ไม่ใช่หรือ”
เขายืนอยู่ที่หัวเรือเป็นเวลาหลายชั่วยาม
สวี่ชีอันทำไขสือและนิ่งมองไปไกล เนิ่นนานผ่านไป เขาจึงชี้ที่ปลายขอบฟ้าแล้วเอ่ยเสียงต่ำ
“รู้หรือไม่ว่าอีกฟากของทะเลคืออะไร”
จิ้งจอกเก้าหางตะลึงงัน ก่อนตอบตามสัญชาตญาณ
“ลูกหลานของเทพมาร”
“ไม่ใช่!”
สวี่ชีอันส่ายหัว ก่อนหันกลับมาด้วยแววตาเร่าร้อน
“เดิมข้าคิดว่าอีกฝั่งของทะเลคืออิสรภาพ ต่อมาจึงพบว่าคือศัตรู และต่อมาถึงรู้ว่าที่แท้ก็คือตัวเชื้อโรค!”
น่าเบื่อ ไม่เข้าใจมุกตลกของข้า!
เวลานี้เอง จิ้งจอกเก้าหางจึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง และเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า
“เจ้าพูดเหลวไหลอีกแล้วนะ”
สวี่ชีอันถามกลับ
“อีกแล้วอะไร”
ดูเหมือนเราจะรู้จักกันเป็นอย่างดี
เห็นชัดว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางมิใช่สตรีที่เชื่อฟังและตอบทุกคำถาม นางกะพริบตาแล้วเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ว่า
“เจ้าทายสิ!”
นอกจากฝูเซียงแล้วจะยังมีใครอีก…สวี่ชีอันไม่สนใจนางทั้งคร้านเกินกว่าจะตอบ เขามองผิวน้ำทะเลต่อไปแล้วเอ่ยว่า
“เล่าประสบการณ์ในโพ้นทะเลของท่านให้ข้าฟังหน่อยสิ”
นางปีศาจโฉมสะคราญผมขาวเก็บท่าทีเยินยอแล้วมองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้พลางเอ่ยว่า
“ล่องเรือไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อีกห้าร้อยลี้ จะมีเกาะที่เต็มไปด้วยถ้ำ ซึ่งเป็นที่พักของมนุษย์เงือก ราชินีเงือกอยู่สภาวะเหนือมนุษย์ คาดว่ามีความแข็งแกร่งช่วงขั้นสามระดับต้น และที่นั่นคือพิกัดแรกของเราหลังจากออกทะเล
“เมื่อถึงเกาะมนุษย์เงือก เราจะล่องไปทางทิศใต้”
มนุษย์เงือกรึ ด้อยกว่าขั้นเหนือมนุษย์อยู่บ้าง ถึงจะดูดแก่นโลหิตของนางจนแห้งก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า…สวี่ชีอันพลันสะดุดใจ
“พวกเขาร้องเพลงได้ใช่หรือไม่ ใช้เพลงหลอกล่อชาวประมงออกทะเล หลอกให้พวกเขาลงทะเลแล้วจับกินสินะ”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางส่ายหัว
“หากพวกเขาอยากกินคน จำเป็นต้องใช้เสียงเพลงล่อลวงรึ แค่ก่อคลื่นลมให้เรือล่มก็จบแล้ว”
นี่ไม่เหมือนมนุษย์เงือกในจินตนาการข้าเลย…สวี่ชีอันถามอย่างไม่พอใจว่า
“หน้าตาพวกเขาเป็นอย่างไร”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางให้ความรู้ทางชีววิทยาประหนึ่งคุยเรื่องมโนสาเร่
“ตัวเป็นคนหางเป็นปลา ส่วนหางปกคลุมไปด้วยเกล็ดแข็งสีเขียวหรือสีดำ มนุษย์เงือกมีรูปโฉมงดงาม ไม่ว่าหญิงหรือชายต่างมีรูปลักษณ์โดดเด่นยิ่งนัก อ้อ ว่ากันว่าพวกเขาจงรักภักดีต่อคู่ชีวิตมาก ทันทีที่สร้างความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาแล้ว ก็จะยึดมั่นกับคู่ของเขาหรือนางเท่านั้น
“และเมื่อคู่ชีวิตตายไป มนุษย์เงือกจะไม่มองหารักใหม่อีก และจะแยกตัวอยู่อย่างโดดเดี่ยว มนุษย์เงือกที่มีอายุถึงสามร้อยปี จะมีไข่มุกชนิดหนึ่งก่อตัวขึ้นในร่างกาย หากพบคนในดวงใจขณะที่ถือไข่มุก ไข่มุกก็จะเรืองแสง”
ท่านทำให้ข้านึกถึงความเดือดร้อนที่สร้างปัญหาให้หนุ่มสาวส่วนใหญ่ คือจะเลือกหัวหรือก้อย…สวี่ชีอันร่ำร้องในใจพลางเอ่ยแสดงความเห็นว่า
“เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่น่าสนใจมาก”
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือร่างกายเป็นมนุษย์แต่หางเป็นปลา เป็นเครื่องประดับที่งดงามมาก ทว่าใช้งานจริงไม่ค่อยได้
“นอกจาก ‘เส้นทางเดินเรือ’ ที่คุ้นเคยแล้ว ท่านเคยพยายามขยายอาณาเขตเส้นทางน้ำหรือไม่” สวี่ชีอันเอ่ย “ท่านไม่เคยพบเผ่าพันธุ์ที่คล้ายคลึงกัน เป็นไปได้มากว่ามันจะไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่ท่านคุ้นเคย”
“ดังนั้นถึงได้บอกว่าเจ้าไม่เคยออกทะเล ประสบการณ์จึงมีจำกัด”
นางปีศาจผมขาวยิ้มหวาน ในรอยยิ้มมีความรู้สึกเหนือกว่า ราวกับนกอินทรีสยายปีกอยู่บนท้องฟ้าและกำลังก้มมองกบที่ก้นบ่อน้ำ
“โพ้นทะเลมิได้เรียบง่ายอย่างที่เจ้าคิด แม้ตอนนี้เจ้าจะสามารถเดินทางไปยังภูเขามู่จิ้งในดินแดนประจิมทิศได้ ทว่าจิ่วโจวก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ หาใช่ทั้งหมด เจ้าไม่รู้หรอกว่าโลกภายนอกจิ่วโจวนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน
“และไม่รู้ด้วยว่ามหาสมุทรนั้นยิ่งใหญ่และกว้างใหญ่เพียงใด เมื่อใดที่เดินผิดเส้นทางก็มีโอกาสสูงที่จะพลัดหลงอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ แม้เจ้าจะเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ก็มีโอกาสพลัดหลงสูญหายเช่นกัน
“ข้าจะบอกความลับบางอย่างซึ่งผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ธรรมดาไม่รู้ ครั้งหนึ่งมีทายาทของเทพมารออกทะเลไปผจญภัย และสูญหายไปในมหาสมุทรอันไร้ขอบเขต รอจนมันกลับมาจิ่วโจวอีกครั้งก็เป็นเรื่องของสิบกว่าปีให้หลังแล้ว
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันกลับมาได้อย่างไร สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความลับหนึ่งของโลกเลยนะ”
พูดจบ สายตาของนางปีศาจผมขาวก็จับจ้องมายังสวี่ชีอัน พยายามค้นหาความประหลาดใจและความอยากรู้อยากเห็นจากในแววตาของเขา
“ความลับอะไร!”
สวี่ชีอันถามอย่างไม่ใส่ใจนัก
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเดินทางรอบโลกแล้วค้นพบว่าโลกกลมหรอก…เขาโอดครวญในใจ
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางไม่พอใจท่าทีของเขาจึงส่งเสียงฮึดฮัด และเปลี่ยนความตั้งใจ ตัดสินใจที่จะไม่บอกเขาแล้วว่าโลกที่แท้จริงเป็นอย่างไร
ตัวอย่างเช่น บนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นอกจิ่วโจว ไม่ได้มีเพียงเกาะต่างๆ เท่านั้น ยังมีแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตอีกด้วย
หรือเช่น หลังจากที่ทายาทของเทพมารผู้นั้นระเหเร่ร่อนอยู่หลายปี ก็ได้บินไปในทิศทางเดียว เป็นผลให้กลับมายังจิ่วโจวได้ และพบว่าที่แท้แล้วโลกเป็นทรงกลม
แม้เรื่องเหล่านี้มิใช่ความลับสำคัญ แต่กลับเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติพื้นฐานของฟ้าดิน
หลังจากเจ้าหนุ่มสวี่หนิงเยี่ยนผู้นี้เลื่อนขึ้นขั้นหนึ่ง ท่าทีก็ยโสโอหังเช่นนี้ นางจึงไม่ยินดีที่จะบอกเรื่องพวกนี้กับเขา
ปล่อยให้เขาเป็นชาวจิ่วโจวผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวไป
“ในบรรดาเส้นทางที่ท่านรู้ มีทายาทเทพมารขั้นสองบ้างหรือไม่” สวี่ชีอันถาม
นางปีศาจโฉมสะคราญผมขาวส่ายหัว
“ข้าคนเดียวจะรู้ถิ่นฐานสาแหรกวงศาทั้งหมดของทายาทเทพมารเลยรึ”
เรื่องนี้ลำบากใจบ้างแล้ว เหลือไว้แต่พวก ‘แตงคดพุทราแตก’ ไม่มีประโยชน์สักนิด สวี่ชีอันขมวดคิ้วมุ่น
หากจะอาศัยแก่นโลหิตของขั้นสามเลื่อนขึ้นครึ่งก้าวเทพยุทธ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย แม้การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ทว่าสวี่ชีอันเองก็ไม่รู้ว่าขีดจำกัดของปริมาณนี้อยู่ตรงไหน
บางทีการสังหารขั้นสามทั้งหมดในจิ่วโจวรวมทั้งทายาทเทพมาร ก็มิอาจผลักดันให้เขาเลื่อนขึ้นครึ่งก้าวเทพยุทธ์ได้
“เดิมการออกทะเลนั้นเป็นการลองเสี่ยงโชค เจ้าก็อย่าคาดหวังอะไรมาก แต่ว่านะ หลังผ่านเกาะมนุษย์เงือกไปทางใต้แปดร้อยลี้ บางทีอาจจะได้รางวัล ที่นั่นเป็นสถานที่ที่น่าสนใจมากทีเดียว”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเอ่ยปลายเปิด
“สถานที่อะไรรึ” สวี่ชีอันถือโอกาสถาม
ทว่านางปีศาจผมขาวไม่บอกเขา เป็นการกระตุ้นความสนใจใครรู้
ทั้งสองคนรอนแรมไปในทะเลเช่นนี้ได้สามวัน ในวันที่สี่ จิตสำนึกของสวี่ชีอันก็จมดิ่งอยู่ในเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี และพบว่าท่ามกลางอวกาศขมุกขมัว กลุ่มแสงที่ตอบสนองกับเศษชิ้นส่วนแปดอันนั้นมืดสลัวลงอย่างมาก
ซึ่งหมายความว่าการเชื่อมต่อของเศษชิ้นส่วนนี้ในมือเขากับเศษชิ้นส่วนอื่นอีกแปดอันนั้นเบาบางถึงขีดสุด ใช้คำพูดคนยุคนี้พูดได้ว่า ไม่มีสัญญาณแล้ว
รู้สึกได้ว่าอีกไม่กี่วัน ข้าก็จะขาดการติดต่อแล้ว…เขาซึ่งจิตสำนึกจมอยู่ในหนังสือปฐพี เมื่อใบหูขยับก็ได้ยินเสียงอันนุ่มนวลอ่อนหวานของนางปีศาจผมขาว
“ตรงนั้นก็คือเกาะมนุษย์เงือกแล้ว”
สวี่ชีอันรีบลืมตา เห็นร่างสูงเพรียวของจิ้งจอกเก้าหางยืนอยู่ที่หัวเรือ และชี้ไปทางเส้นขอบฟ้า
ตรงนั้นมีเค้าโครงรางๆ ของอีกเกาะหนึ่ง
เนื่องจากเหตุผลด้านองศาและระยะทาง จึงเห็นได้เพียงมุมหนึ่งของหมู่เกาะ และวิเคราะห์ไม่ออกว่าเกาะนี้ใหญ่เพียงใด
นางปีศาจโฉมสะคราญผมขาวยิ้มพลางว่า
“มนุษย์เงือกนิสัยค่อนข้างอ่อนโยน พวกเราสามารถไปเป็นแขกที่นั่นได้ และถือโอกาสดูด้วยว่ามีทายาทของเทพมารอาศัยอยู่ใต้ทะเลหรือไม่ เจ้าก็รู้นี่ ทายาทเทพมารที่สังกัดธาตุน้ำชอบอาศัยอยู่ในทะเล
“และใต้ท้องทะเลก็ไม่ใช่เขตแดนที่พวกเราคุ้นเคย มนุษย์เงือกนั้นใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและใต้ท้องทะเล”
แม้นางจะออกทะเลมาหลายครั้ง ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่เคยเข้าไปสำรวจใต้ท้องทะเล
จิ้งจอกจำแลงไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ทางน้ำ หากเคราะห์ร้ายพบกับระดับเหนือมนุษย์เหมือนกันแต่เป็นธาตุน้ำ ก็มีโอกาสสูงที่จะพลิกคว่ำ
แน่นอนว่าจอมยุทธ์คนหยาบไม่ได้กังวลในด้านนี้ แม้จะถูกโจมตีจากระดับเหนือมนุษย์ธาตุน้ำ จอมยุทธ์ก็สามารถอาศัยความหยาบเฉพาะตนกลับสู่ผิวทะเลอย่างปลอดภัย หลังจากถูกโจมตีอย่างดุเดือด
“อ้อ หากจำไม่ผิด ราชินีเงือกยังไม่ได้แต่งงาน ฆ้องเงินสวี่สามารถพิชิตใจนางได้ และเก็บไว้ข้างกาย เพื่อหาความสุขในเวลาเหงา” จิ้งจอกจำแลงยิ้มพราวเสน่ห์
“การยั่วเย้าข้าทำให้ท่านมีความสุขรึ” สวี่ชีอันปรายตามองนางแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“เอาละ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา พวกเรารีบไปเกาะมนุษย์เงือกเพื่อสืบข้อมูลเถอะ”
ขณะกำลังเอ่ยปาก คลื่นสีฟ้าครามก็ม้วนศพร่างหนึ่งลอยขึ้นมา ร่างนี้แช่อยู่ในน้ำจนซีดขาว ร่างกายส่วนบนคล้ายคลึงกับมนุษย์ผู้หญิง ผมสีเขียวเข้ม มีครีบเล็กๆ เรียงเป็นแถวอยู่บนหลัง
ลำตัวส่วนล่างน่าจะเป็นหางปลา ที่พูดว่าน่าจะเพราะส่วนหางนั้นขาดไปถึงเอว มีรอยบาดเป็นสภาพมองไม่ออก ราวกับถูกสัตว์ประหลาดบางชนิดกัดขาด
ร่างของมนุษย์เงือกผู้นี้สวมเกราะเบาที่ทอจากเถาวัลย์ ร่างซึ่งระบุรูปพรรณได้ยากในเกราะเบาเสียชีวิตไปนานแล้ว
“เอ๊ะ!”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางตรวจดูศพครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า
“นี่เป็นหน่วยองครักษ์ประจำกายของราชินีเงือกนี่ อืม ดูท่าเหล่ามนุษย์เงือกจะประสบปัญหาเข้าแล้ว”
………………………………………….
……….
Comments