หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 336 ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่

Now you are reading หมอผีแม่ลูกติด Chapter บทที่ 336 ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    บทที่ 336

    ต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่

    

    เมื่อเปิดประตูออกมา หลินซีเหยียนก็ได้มองเข้าไปในห้องแต่ก็ไม่พบใครเลย แต่ทว่ามองดูข้าวของที่ระเกะระกะใน ห้องเก็บฟืนนี้แล้วก็ยืนยันได้ว่าเคยมีคนถูกขังอยู่ที่นี่เป็นแน่

    

    หรือว่าจะมีลูกน้องของไทเฮามาย้ายเทียนเอ๋อไปแล้ว?”

    

    หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่ผีเสื้อแกะรอยที่อยู่ข้างๆนาง ก็พบว่าผีเสื้อแกะรอยนั้นยังคงบินวนไปรอบๆเพื่อตามกลิ่นอยู่ แสดงว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ขัดขวางการดมกลิ่นของมันแน่ๆ

    

    นางเดินเข้าไปในห้องแล้วมองดูแต่ละจุดอย่างละเอียด จากนั้นหลินซีเหยียนก็พบผงยาสีน้ำตาลเหลืองอยู่ในซอกหนึ่ง นางจึงบิดริมฝีปากขึ้นมา ผงยานี้เป็นของที่พวกนางแม่ลูกใช้เพื่อไล่แมลงและกันการแกะรอย

    เมื่อเห็นเช่นนี้หลินซีเหยียนก็ได้รู้สึกโล่งอก ดูเหมือน เทียนเอ๋อจะหนีออกไปได้เองแล้ว ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าตัวแสบนั้นจะกลับไปบ้านแล้วหรือยัง แต่ก็คงจะดีกว่าอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูล่ะนะ

    

    เมื่อคิดเช่นนี้แล้วหลินซีเหยียนก็ได้กลับไปที่ห้องรับแขกมือเปล่า

    

    เมื่อไทเฮาเห็นเช่นนั้น ถึงแม้ว่านางนั้นจะสงสัยแต่ก็ได้พูดออกไปอย่างประชดประชัน “ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว เจ้าไม่มีทางหาเจ้าเด็กผีนั่นพบหรอก”

    

    “ท่านว่าใครเป็นเด็กผีนะ?” หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปหาไทเฮาด้วยสายตาที่ดุดันแล้วก็ตบหน้าของอีกฝ่าย ท่ามกลางสายตาไม่อยากจะเชื่อของอีกฝ่าย จากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากของนางอย่างช้าๆ “หน้าของไทเฮานี่ช่างหนาเสียจริง ทำเอาข้าเจ็บมือเลย”

    

    “นังนี่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

    

    ไทเฮานั้นมีฐานะที่สูงส่งนัก ถึงแม้ว่านางนั้นจะไม่ค่อยได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนก็ตามที แต่นางก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเลย แล้วนางก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดง ซึ่งดูน่ากลัวมาก บางทีนั่นคือเห็นผลที่ว่าทำไมถึงไม่สามารถตบไปที่หน้าของอีกฝ่ายได้ เพราะมันคือการดูถูกอย่างรุนแรง

    

    ซึ่งไทเฮาก็คิดว่าการทำเช่นนี้จะทำให้หลินซีเหยียนกลัว แต่หลินซีเหยียนนั้นไม่เคยนึกกลัวเลย ภายใต้สายตาที่คุกคามของอีกฝ่าย นางก็ได้หันหน้าไปหาชิงอวี่แทน “มือข้าเจ็บไปหมดแล้ว ชิงอวี่เจ้าช่วยข้าจัดการนางแบบไม่ปรานีให้ทีสิ”

    

    “กล้าดียังไง? ข้าเป็นถึงไทเฮาของรัฐเจียงเลยนะ” ไทเฮาก็ได้จ้องไปที่ชิงอวี่ด้วยความโมโห “เจ้าเป็นใครกัน? หากว่าเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผมล่ะก็ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้ง่ายๆ

    

    “ไทเฮาทำได้แค่พูดเท่านั้นเองเหรอ?” หลินซีเหยียนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้นั้น ก็ได้มีแววตาหมดความอดทนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง แล้วจากนั้นท่ามกลางสายตาของหลินรั่วจิ่งและ ชิวฉุ่ย ปากแดงๆของนางก็ได้กล่าวอย่างอ่อนโยน “ลงมือ”

    

    ชิงอวี่นั้นไม่ใช่ข้ารับใช้แต่เป็นหน่วยอัน ซึ่งโดยปกติหน่วยอันนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งแค่เพียงองค์ชายเย่และบุตร แต่ในเมื่องเจียงหวายเย่นั้นได้มอบนางให้หลินซีเหยียนแล้ว คนที่นางฟังจึงมีเพียงแค่หลินซีเหยียนคนเดียว ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจะยิ่งใหญ่หรือสูงส่งมาจากไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนาง

    

    แล้วเสียงดัง “เพียะ, เพียะ, เพียะ” ก็ได้ดังก้องไปทั่วทั้งห้องเงียบๆแห่งนั้น ไม่นานนักหน้าของไทเฮาก็ได้ปูดบวมและมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนาง

    

    สายตาขององค์ไทเฮาก็ได้เต็มไปด้วยความกลัว “หยุดเถอะ ข้าจะยอมคืนลูกชายให้เจ้าก็ได้”

    

    เมื่อได้ยินที่กล่าวหลินซีเหยียนก็ไม่ได้พูดอะไร ชิงอวี่ที่นิ่งไปพักหนึ่งก็ได้ลงมือขยับมือของนางต่อ หากเจ้านายไม่สั่งให้หยุดแล้วนางก็ไม่มีทางหยุด

    

    ไม่นานนักหลังจากนั้นหลินซีเหยียนก็ได้กล่าว “พอเถอะ ข้าคิดว่ามือของเจ้าคงจะเจ็บแล้ว”

    

    หลังจากที่พูดจบนางก็ได้โยนยาขวดหนึ่งให้ชิงอวี่แล้วกล่าว “ทายานี้ที่มือของเจ้า มันจะช่วยลดอาการบวมได้”

    

    ชิงอวี่ก็ได้เชื่อฟัง จากนั้นนางก็ได้ทายานั้นต่อหน้าไทเฮา แล้วกลิ่นยานั้นก็ได้ลอยไปทั่วทั้งห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งตัวนางนั้นกล้าพูดเลยว่ายาที่คุณหนูให้มานั้นดีมาก ทำให้มือของนางหายเจ็บได้ในเวลาไม่นาน

    

    ถึงแม้ว่าอาการเจ็บมือนี้มันเล็กน้อยนักสำหรับนางก็ตาม

    

    ไทเฮาก็ได้สลบไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นการกระทำของนายบ่าวคู่นั้น หลินซีเหยียนที่เห็นว่าหมดสนุกแล้วจึงได้จากไป แล้วหลินรั่วจิ่งก็ได้พูดขึ้นมา “ท่านพี่ไม่กลัวว่าไทเฮาจะเอาคืนบ้างเลยเหรอ?”

    

    หลินรั่วจิ่งนั้นรู้ดีว่าไทเฮานั้นเคียดแค้นขนาดไหนในหลายวันมานี้เมื่อนางได้มาพบกับไทเฮา ซึ่งนางจะต้องเอาคืนเรื่องในวันนี้เป็นสองเท่าแน่ และเมื่อถึงเวลานั้นหลินซีเหยียนคงไม่อาจทนได้แน่

    

    หลินซีเหยียนก็ได้หยุดเดินแล้วหันกลับมาจากนั้นก็ได้ผงกหัวให้หลินรั่วจิ่ง “นี่ถ้าเจ้าไม่เตือนข้า ข้าคงลืมไปแล้วนะเนี่ย ทำไมข้าถึงได้ความทรงจำแย่ขนาดนี้น้า!”

    

    แล้วหลินซีเหยียนก็ได้หยิบกระถางธูปออกมา แล้วหยิบเอาธูปเล็กๆปักลงไป แล้วจากนั้นค่อยเดินจากไป

    

    หลินรั่วจิ่งนั้นไม่รู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นทำอะไรลงไป ในเวลานี้นางได้รอเฝ้าดูการเอาคืนที่เกรี้ยวกราดของไทเฮาและดูหลินซีเหยียนต้องทรมาน

    

    เมื่อออกมานอกวังหลวงชิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่ถาม “คุณหนูเจ้าคะ ทำไมถึงได้ปักธูปให้พวกเขาล่ะเจ้าคะ?”

    

    “ธูปนั่นน่ะไม่ใช่ธูปธรรมดาหรอกนะแต่มันทำมาจากต้นโรสแมรี่ที่ข้าพัฒนาขึ้นมาเป็นอย่างดี กลิ่นของมันแม้จะบางเบามาก แต่ก็ทำให้คนคนนั้นสามารถมึนเมาไม่ได้สติและเห็นภาพหลอน แล้วเมื่อถึงตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ใกล้ตัวบ้างก็ไม่รู้”

    

    “คุณหนูช่างน่าทึ่งยิ่งนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงอวี่นั้นได้ยินว่ามีเครื่องหอมพิเศษเช่นนี้อยู่ในแผ่นดินนี้ด้วย” ชิงอวี่นั้นชื่นชมคุณหนูหลินมากขึ้นเรื่อยๆ นางนั้นรู้สึกว่าคุณหนูของนางกับ องค์ชายนั้นช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมยิ่งนัก

    

    แล้วหลินซีเหยียนก็ได้เดินทางกลับไปที่วังรัตติกาล แต่แล้วนางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ และแมงป่องน้อยในแขนเสื้อของนางก็รู้สึกตื่นเต้นและโผล่ออกมา

    

    ด้วยแววตาที่เยือกเย็นของนาง หลินซีเหยียนก็ได้กระซิบกับชิงอวี่ “ตามข้ามาเงียบๆ”

    

    ชิงอวี่นั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากสีหน้าของคุณหนูหลินแล้ว นางรู้ดีว่าสถานการณ์นี้คับขันมาก นางจึงได้ทำตามอย่างเงียบๆ

    

    หลังจากนั้นสักพักเมื่อนางเข้ามาในวัง ก็พบคนในชุดขาวอยู่ต่อหน้าผู้คน ชุดสีขาวนั้นเปื้อนเลือดอยู่ด้วย แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของชุดนั้นกลับดูน่ากลัวยิ่งกว่า

    

    “เจ้าคือเจียงอี๋สินะ”

    

    คำพูดนี้ไม่ใช่คำถาม แต่เป็นประโยคบอกเล่า หลินซีเหยียนก็ได้มองดูคนที่อยู่ตรงหน้านางจากบนจรดล่าง แล้วนางก็ได้กล่าวด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเจ้าถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้? ถูกทำร้ายอย่างนั้นเหรอ?”

    

    เจียงอี๋ที่ได้ยินคำพูดที่เหมือนประชดประชันนางนั้น ตัวนางที่เก็บอารมณ์ของนางเอาไว้ก็ได้ปลดปล่อยออกมาราวกับน้ำพุ “หลินซีเหยียนที่ข้าต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

    

    ถ้าไม่ใช่เพราะตัวตนของหลินซีเหยียน นางก็คงได้เป็นนักบุญหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมีชีวิตที่ทุกคนต้องเคารพไปแล้ว แต่ในเวลานี้ตัวนางนั้นไม่อาจกลับไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้ว และผู้ชายที่นางต้องการจะพึ่งพาด้วยนั้นก็ไม่ได้มีความหมายกับนางแล้ว

    ยิ่งนางคิดมากเท่าไรก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น เจียงอี๋ก็ได้สะบัดมือของนางแล้วก็มีเหล่าข้ารับใช้ในวังเดินเข้าไปหา หลินซีเหยียน

    

    หลินซีเหยียนกับชิงอวี่นั้นไม่นึกฝันว่าจะได้เห็นภาพเช่นนี้ ชิงอวี่ก็ได้พูดกับคนเหล่านี้ด้วยใบหน้าที่เย็นชา “พวกเจ้าดูให้ชัดๆสิ นี่คือว่าที่องค์หญิงนะ”

    

    แต่ดวงตาของเหล่าข้ารับใช้นั้นว่างเปล่าและไม่มีการตอบสนองต่อคำพูดของชิงอวี่ ชิงอวี่จึงได้ชักมีดที่อยู่ที่เอวของนางออกมาและคิดที่จะพาหลินซีเหยียนฝ่าวงล้อมออกไป

    

    หลินซีเหยียนนั้นยังไม่คิดที่จะหนีไป และชี้ให้ชิงอวี่ดู “คนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าจะฆ่าเขาไม่ได้นะ”

    

    เจียงอี๋ก็ได้พ่นลมออกทางจมูกแล้วพูดอย่างเยาะเย้ย “เจ้าจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของพวกเขานี่แหละ”

    

    หลังจากที่กล่าวจบเจียงอี๋ก็ได้ปรบมือ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ข้ารับใช้ในวัง แต่ยังมีเหล่าทหารที่ซุ่มอยู่ก็ยังถูกควบคุมโดยนาง ซึ่งถือดาบเล่มใหญ่ไว้ในมือของพวกเขาแล้วเดินเข้ามาหา หลินซีเหยียนเรื่อยๆ

    

    หลังจากนั้นสักพักหลินซีเหยียนกับชิงอวี่ก็ได้ถูกล้อมโดยให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งดูเหมือนว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะแย่มาก

    

    

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด