หมอผีแม่ลูกติดบทที่ 343 แมลงวิปลาสด้ายแดง
บทที่ 343
แมลงวิปลาสด้ายแดง
ชวีเหยียนที่ยึดกับพื้นมั่นก็ได้พูดอย่างหนักแน่น “มหาอุปราช ท่านจะฝืนบังคับให้ข้ายอมรับในสิ่งที่ข้าไม่ได้ทำอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของเจียงหวายเย่ก็ได้มืดดำขึ้น ทั้งเสียงและน้ำเสียงของเขาก็เผยซึ่งความหนาวเย็นออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังดื้อรั้นอยู่สินะ”
“มหาอุปราช ทำไมท่านถึงได้คิดว่าข้าเป็นคนทำ? ไม่ใช่ข้าแค่คนเดียวเสียหน่อยที่เข้าไปในห้องครัวได้น่ะ บางทีอาจจะเป็นฝีมือท่านหรือไม่ก็คนอื่นที่อยากปรักปรำข้าก็ได้”
ชวีเหยียนกล่าวแล้วก็ชำเลืองไปมองหลินซีเหยียน หากใครที่มีวิสัยทัศน์สักหน่อยก็จะเข้าใจได้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็เหมือนกับเรื่องตลกเพราะต่อให้หลินซีเหยียนทำจริงๆ เจียงหวายเย่ก็คงไม่คิดจะต่อว่านางเลยแม้แต่สักเสี้ยวเดียว และอาจจะยื่นมีดของเขาให้เลยด้วยซ้ำหากจำเป็น
มองไปที่สีหน้าของเจียงหวายเย่ที่นิ่งเฉยแล้ว ชวีเหยียนก็ได้โมโหขึ้นมาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง “ข้าก็คิดว่ามหาอุปราชนั้นจะมีเยื่อใยกับเหยียนเอ๋อบ้าง แต่ก็นึกไม่ถึงว่ามหาอุปราชจะปฏิบัติกับข้าต่างจากที่คิดเช่นนี้ วันนี้ข้าชวีเหยียนช่างตาบอดนัก ข้าจะไปจากวังของมหาอุปราชเดี๋ยวนี้แหละ”
เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวดและไม่พูดอะไรปล่อยให้ ชวีเหยียนเดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นสักพักชวีเหยียนก็ได้กลับมาด้วยใบหน้าที่โมโห “มหาอุปราชมีคนมาขวางข้าและไม่ปล่อยให้ข้าออกไป ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“อันอี้ จากนี้ไปข้าจะให้เจ้าเป็นคนจัดการ” เจียงหวายเย่ก็ได้จูงมือของหลินซีเหยียนแล้วเดินจากไป
เดิมทีเขานั้นคิดว่าชวีเหยียนนั้นจะเป็นคนที่ฉลาดมากกว่านี้ เขาคิดว่าบางทีอาจจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาจากชวีเหยียนก็ได้ แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายนั้นจะโง่ที่อยากจะลองลิ้มรสความเจ็บปวดเสียก่อน
แล้วทั้งสองคนก็ได้เดินทางกลับไปในเมืองและชานเมือง ท่ามกลางความมืดนี้ซึ่งมีเพียงทหารเดินตรวจตราบนถนน และไม่มีใครอื่นอีกเลย
ภายใต้ค่ำคืนที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงดาวบนท้องฟ้านี้ เจียงหวายเย่นั่นมีวรยุทธ์ที่สูงส่งมาก เขาจึงสามารถมองเห็นได้แม้ในยามค่ำคืนแต่หลินซีเหยียนนั้นมองไม่เห็นอะไร
เจียงหวายเย่จึงได้หันหน้ามาแล้วกอดหลินซีเหยียน จากนั้นเขาก็ได้หยุดมือที่เอวของนางแล้วอุ้มตัวนางขึ้นมา จากนั้นริมฝีปากที่ซีดบางของเขาก็ได้เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความมืด “มันมืดมากเกินไป เราไม่รู้สึกวางใจได้ถ้าหากไม่อุ้มเสี่ยวเหยียนเอ๋อไว้เช่นนี้”
หลินซีเหยียนก็ได้ขัดขืน “วางข้าลงให้ข้าเดินตามท่านไปก็ได้นี่”
ถึงแม้ว่าจะเป็นคืนที่มืดมิด แต่นางก็ไม่อยากให้ เจียงหวายเย่นั้นมาอุ้มนางเช่นนี้ ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดเลยหัวใจของนางนั้นยังไม่พร้อมที่จะถูกอุ้มเช่นนี้
เจียงหวายเย่ก็ได้ทำเสียง“ชู่ว”ออกมาเบาๆ แล้วจากนั้นก็ได้อุ้มหลินซีเหยียนทะยานข้ามหลังคาและกำแพงไป
หลินซีเหยียนที่ได้ยินเสียงสายลมเย็นผ่านหูของนางไปนั้น นางจึงคิดได้ว่าอาจจะมีใครบางคนตามหลังพวกนางมา นางจึงได้ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
แต่ทว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางจนกระทั่งทั้งสองคนกลับมาถึงจวนมหาเสนาบดี ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนต้อง หรี่สายตาของนางลง แล้วมองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสายตาที่สงสัย
“มีคนตามพวกเรามางั้นเหรอ? หรือเป็นคนที่อยากจะฆ่าพวกเรา?”
เจียงหวายเย่ก็ได้ส่ายหัวแล้วตอบอย่างใสซื่อ “ไม่มี!”
“ถ้าเช่นนั้นท่านบอกข้าให้เงียบๆทำไม?”
“ก็ไม่ใช่ว่ามันสวยดีหรอกเหรอ ที่พวกเราจะปีนก้อนหินและเดินบนกำแพงไปกันไปอย่างเงียบๆท่ามกลางแสงจันทร์ที่สวยงามเช่นนี้น่ะ?”
“……” สวยงามบ้านท่านสิ!
หลินซีเหยียนก็ได้หันหน้าหนีและจากไปโดยไม่สนใจเจียงหวายเย่ จากนั้นก็ได้เดินกลับเข้าห้องของนางไป ด้วยเสียงปิดประตูที่ดังลั่นทำให้เจียงหวายเย่นั้นอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“มหาอุปราช”
เชียนอี๋สวมชุดสีเงินก็ได้ปรากฏตัวออกมา แม้ว่าตัวเขานั้นจะซ่อนตัวอยู่ในความมืด แต่ตัวเขาก็ยังโดดเด่นมากอยู่ดี เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและเข้าไปในห้องพร้อมกับเขา
“เจ้าพบเยี่ยจุนเจี๋ยแล้วหรือยัง?” ใบหน้าของ เจียงหวายเย่นั้นไม่ได้มีใบหน้าที่อ่อนโยนเหมือนกับหลินซีเหยียน เขานั้นคิดที่จะฆ่าทุกๆคนที่คิดจะมาพรากเสี่ยวเหยียนเอ๋อไปจากเขา
“พบขอรับ ท่านแม่ทัพได้บอกให้ข้ามาบอกกับมหาอุปราชว่าเขาไม่เป็นอะไรมากนอกจากถูกขังเอาไว้ และตัวเขาก็คิดว่าจงซู่เฟิงนั้นคิดที่จะต่อต้านรัฐเจียงขอรับ”
ต่อต้านงั้นเหรอ? เจียงหวายเย่ก็ได้นั่งลงที่เก้าอี้ด้วยใบหน้าที่จริงจัง “แล้วเจ้าพบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่?”
“ขออภัยด้วยข้าน้อยทำงานบกพร่อง ข้าน้อยไม่พบข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์เลยขอรับ
ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้ดำมืดขึ้นมา และก่นด่าในใจของเขา หลังจากที่ขับพิษพรุ่งนี้เสร็จแล้วเกรงว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นคงจะจัดเก็บกระเป๋าและออกเดินทางทันทีเป็นแน่ และเพราะฮ่องเต้องค์ใหม่ยังคงเยาว์วัยนัก เขาจึงจำเป็นต้องคอยดูแลเขาในวังหลวงและไม่อาจที่จะไปพร้อมกับเสี่ยวเหยียนเอ๋อได้
ช่างเป็นอะไรที่ทำให้เขาไม่รู้สึกสบายใจเลยเสียจริงๆ
แต่ช่างน่าเสียดายที่สายลมฤดูใบไม้ผลินั้นสั้นนัก แม้ว่าไม่อยากแต่ก็จะจากไปอย่างรวดเร็วอยู่ดี แล้วพระอาทิตย์ของวันใหม่ก็ได้โผล่หัวออกมาจากขอบฟ้าและยอมก้อนเมฆให้กลายเป็นสีแดง
สีแดงดั่งไฟนี้ก็ได้ทะลุผ่านท้องฟ้าเช่นนี้ ช่างดูน่าทึ่งนัก
“มหาอุปราช ตื่นเถอะแล้วเตรียมตัวขับแมลงวิปลาสออกจากตัวท่านกัน” หลินซีเหยียนก็มายืนอยู่หน้าห้องของ เจียงหวายเย่ แต่หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา “ท่านไม่ได้อยู่ในห้องเหรอ?”
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วเปิดประตูเข้าไปในข้างใน แล้วก็พบร่างคนรางๆอยู่ด้านหลังม่านเตียงนั้น
“เจียงหวายเย่ ถ้าท่านอยู่ทำไมถึงได้ไม่ตอบข้ากลับมาบ้าง?”
เมื่อนางไปที่เตียง นางก็พบใบหน้าที่ซีดเผือดและเต็มไปด้วยเหงื่อตรงหน้าของนาง ในเวลานี้เจียงหวายเย่นั้นได้หมดสติไปแล้ว นางจึงได้เอามือไปวางไว้ที่หน้าผากของอีกฝ่าย
อุณหภูมิที่ร้อนดั่งไฟนี้ก็ได้ทำให้หลินซีเหยียนต้องตกใจ “เมื่อคืนนี้ก็ยังอาการดีๆอยู่เลย จู่ๆก็มีไข้หนักขนาดนี้ได้อย่างไร?”
หรือว่าจะพิษจะกำเริบ?
หลินซีเหยียนก็ได้นั่งลงข้างๆเจียงหวายเย่ แล้วป้อนยาที่ช่วยเสริมพลังธาตุและกำลังภายในเข้าไปในปากของอีกฝ่าย แล้วจากนั้นก็ได้เริ่มจับชีพจรของเขา
ถึงแม้ว่าชีพจรนั้นจะแผ่วเบา แต่ก็ไม่ได้มีอาการของพิษกำเริบ ซึ่งในขณะที่นางกำลังสงสัยอยู่นั้น เส้นสีแดงที่อยู่ที่มือของเจียงหวายเย่นั้นก็ได้ปรากฏอย่างชัดเจนตรงหน้านาง
“หรือว่า?”
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้เย็นชาขึ้นมา แล้วนางก็ได้จับเจียงหวายเย่กางแขนและเริ่มถอดเสื้อผ้าของเขา แต่เพราะอีกฝ่ายนั้นหมดสติอยู่ จึงเป็นเรื่องยากนักที่จะทำได้สำเร็จ
หลังจากที่นางได้เปลือยท่อนบนของเจียงหวายเย่เสร็จแล้ว ก็พบเส้นสีแดงปรากฏตรงหน้านางอย่างชัดเจน
ถึงแม้ว่าวิปลาสด้ายแดงนั้นจะฝังตัวอยู่ใต้ผิวหนังของเขา แต่ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าหลินซีเหยียนอยากที่จะ เมินเฉย แต่นางก็ได้กัดฟันแน่นแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของ เจียงหวายเย่
“ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นท่านแล้วล่ะก็ ข้าคงจะปล่อยให้ท่านตายไปแล้ว”
วิปลาสด้ายแดงนั้นยังไม่ได้ไปถึงหัวใจของเขาดังนั้นจึงยังพอจะมีโอกาสช่วยอยู่ แต่นางก็ได้ช่วยชีวิตเจียงหวายเย่มาแล้วครั้งถึงสองครั้ง แต่นางนั้นคงไม่อาจที่จะช่วยเจียงหวายเย่ให้รอดจากอันตรายเช่นนี้ได้ทุกครั้งไป ดังนั้นเมื่อไรอีกฝ่ายถึงจะมีความคิดอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเสียที
นางก็ได้หยิบเอาแมงป่องเพลิงออกมา แล้วหลินซีเหยียนก็ได้กรีดแผลใกล้หน้าอกของมัน จากนั้นก็ได้ย้อมเลือดของ แมงป่องเพลิงด้วยเข็มแล้วปักเข้าไปในร่างของเขา
นางมองดูหนอนตัวสีแดงที่เริ่มสั่นไปมาแล้ว แต่มันก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อนออกมาเลยแม้แต่น้อย
เพราะพิษของแมงป่องเพลิงได้ทำให้วิปลาสด้ายแดงเข้าใจผิดและเชื่อว่ามีราชาวิปลาสอยู่ตรงหน้า และไม่กล้าที่จะขัดขืน แต่สิ่งที่นางจะต้องทำในเวลานี้คือต้องพยายามบังคับให้วิปลาสด้ายแดงออกมาจากมือของเขา
“อันอี้ เอาสมุนไพรทั้งหมดตามสูตรยานี้ไปต้มแล้วเอามาให้ข้าที”
อันอี้ก็ได้รีบออกไป ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นองครักษ์คนสนิทของมหาอุปราชและไม่ควรที่จะละทิ้งเจ้านายของเขาเอาไว้คนเดียว แต่เขาก็เชื่อมั่นในตัวขององค์หญิง
หลินซีเหยียนก็ได้กรีดข้อมือของเจียงหวายเย่ แต่กรีดบางๆแค่ผิวโดยไม่ให้ไปทำลายหลอดเลือดและเนื้อที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง แล้วจากนั้นก็หยิบเอาเข็มเงินที่ย้อมด้วยเลือดของราชาวิปลาสปักเข้าไปใกล้ๆวิปลาสด้ายแดงมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทว่าวิปลาสด้ายแดงนั้นอาศัยอยู่ในร่างของ เจียงหวายเย่และสูบเอาเลือดของเขามานานเกินไป แม้ว่ามันจะถูกกดดันโดยความทรงพลังของราชาวิปลาสก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ยอมที่จะออกมา
Comments