Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 770 ยังมีเวอร์ชันที่สาม

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 770 ยังมีเวอร์ชันที่สาม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 770 ยังมีเวอร์ชันที่สาม

……….

บนหน้าจอขนาดยักษ์

ตอนจบ

ดวงตาของพายจ้องมองไปยังนักเขียน

“ผมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอุบัติเหตุในทะเลทั้งสองเวอร์ชัน คุณชอบเวอร์ชันไหนมากกว่ากัน”

นักเขียนไม่ได้ตอบในทันที

หลังจากเงียบไปหลายวินาที

ผู้เขียนเอ่ยว่า “เวอร์ชันที่มีเสือ เวอร์ชันนั้นสนุกกว่า”

“ขอบคุณ”

พายดูโล่งใจขึ้นมา

อันที่จริง

คำถามของพายคล้ายกับกำลังถามผู้ชม มากกว่าถามนักเขียน

เรื่องราวทั้งสองเวอร์ชันนี้ คุณชอบเวอร์ชันไหนมากกว่า

ในโรงฉาย

ผู้ชมซึ่งกำลังตื่นตระหนกเงียบลงหลายวินาที ราวกับว่าพวกเขากำลังสำรวจหัวใจของตนเองอยู่

ทั้งสองเรื่องนี้ ตนเองชอบเรื่องใดมากกว่ากัน?

“ผมชอบเรื่องที่มีเสือมากกว่าเหมือนกับนักเขียน คนกับเสือกลายเป็นคู่หูคนละขั้นในทะเล เอาชีวิตรอดในโลกแฟนตาซีกว่าสองร้อยวัน ผมทำใจทำลายความยืนหยัดและมุ่งมั่นที่สวยงามแบบนี้ไม่ไหวหรอก”

“ฉันชอบเวอร์ชันที่ไม่มีเสือ”

“ถึงในหนังจะไม่ได้บอกไว้ชัดเจน แต่ปฏิกิริยาของพายบอกกับทุกคนว่าเรื่องที่สองเป็นเรื่องจริง แม้ว่าเรื่องจริงจะโหดร้าย แต่โลกความเป็นจริงก็โหดร้ายด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว ฉันคิดว่าการเลือกเสือคือการหลีกหนีจากความจริงอย่างหนึ่ง”

“หนังทั้งเรื่อง คือการหลอกลวง การหักมุมของพ่อเพลงอวี๋สุดยอดมาก!”

“ถ้าไม่มีคำอธิบายของจุดหักมุมในตอนท้าย ตอนที่ฉันเดินออกจากโรงหนัง ฉันอาจยังคิดว่าตัวเองดูหนังเกี่ยวกับการเดินทางในจินตนาการของพายจริงๆ ก็ได้…”

“ทั้งที่มีคำใบ้ให้เห็นตั้งแต่แรกเยอะขนาดนี้ แต่ฉันกลับนึกไม่ออกเลย!”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือฉันพบว่าตัวเองไม่ได้โกรธหลังจากถูกหลอก แต่กลับตกหลุมพรางด้วยความเต็มใจ เพราะมีลางคำใบ้หลายอย่างคนเขากลบไว้เป็นอย่างดี ถ้าลองคิดดีๆ ขณะที่ดู จะสังเกตได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ”

“…”

บางทีอาจเป็นเรื่องยากที่คำตอบจะเหมือนกัน

เจี่ยงจู๋ซึ่งเป็นนักเขียนบทก็มีคำตอบของเธอเอง

ในขณะนั้น จู่ๆ อันซวี่ก็หันหน้ามามองเจี่ยงจู๋ซึ่งกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด

“ซื้อตั๋ว”

“อะไร”

“อยากดูรอบสอง”

มีหลายอย่างที่อันซวี่อยากยืนยันอีกครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจอย่างถ่องแท้เมื่อดูเพียงแค่รอบเดียว

ภาพยนตร์เรื่องนี้คล้ายกับเป็นแนวสืบสวนสอบสวนรูปแบบผู้เล่าเรื่องที่เช่ือถือไม่ได้

เรื่องราวทั้งหมดเต็มไปด้วยการหลอกลวงจากผู้เขียนบท ฉากต่างๆ ผู้กำกับทำหน้าที่ปกปิดจนกระทั่งเกิดจุดพลิกผันที่ชวนตกตะลึงในช่วงสุดท้าย!

กล่าวได้ว่า

หากปราศจากจุดพลิกผันที่ทำให้ผู้ชมต้องอ้าปากค้าง ภาพยนตร์เรื่องนี้นับได้ว่าเป็นเพียงภาพยนตร์การเอาชีวิตรอดในท้องทะเลที่ยอดเยี่ยมเรื่องหนึ่งเท่านั้น

แต่ด้วยจุดพลิกผันนี้ ทุกสิ่งกลับแต่แตกต่างออกไป!

แทบทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้รับชมภาพยนตร์สองเรื่องพร้อมกัน!

สิ่งที่แน่นอนก็คือ คำวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะสูงถึงอีกหลายระดับหลังจากการพลิกผันในช่วงท้าย ทำให้ผู้ชมเชื่อว่ากลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิก หลังจากดูเรื่องราวในตอนสุดท้ายจบแล้ว จึงจะเป็นเป็นเสน่ห์ที่ลงตัวที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้!

“ได้!”

เจี่ยงจู๋พยักหน้า

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ขณะที่กำลังจะซื้อตั๋ว ก็พบว่ากลุ่มแช็ตของนักเขียนบทในเวลานี้คึกคักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

คนมากมายต่างกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้

เจี่ยงจู๋ไม่ได้กดเปิดกลุ่มแช็ต

เจี่ยงจู๋เริ่มซื้อตั๋วรอบที่สอง

เธอต้องการย้อนโครงเรื่อง ความแตกต่างคือตอนนี้เธอมีความคิดมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้ นี่คือบทภาพยนตร์ที่ควรค่าแก่การศึกษาโดยละเอียด!

แน่นอน

เจี่ยงจู๋และอันซวี่มีความเข้าใจตรงกันและไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับรางวัลดรากอนอวอร์ดในปีหน้า แม้ว่าหลังจากรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ทั้งสองจะรับรู้ได้ถึงผลกระทบที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีต่อดรากอนอวอร์ดก็ตาม

……

กลุ่มนักเขียนบทบลูสตาร์

ดังที่เจี่ยงจู๋สังเกตเห็น ทั้งกลุ่มกำลังเดือดพล่าน!

นักเขียนบททุกคนซึ่งได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ล้วนตกตะลึงกับตอนจบ!

‘บ้าชะมัด!’

‘พล็อตทวิสต์ตอนจบทำฉันกลัวแทบตาย!’

‘เหงื่อแตกพลั่ก หนังทั้งเรื่องเป็นการฉากลวง!’

‘นักปรับเสียงเปียโนในตอนนั้นหักมุมแล้วหักมุมอีก แต่การหักมุมของหนังเรื่องนั้นค่อนข้างสร้างสรรค์ การหักมุมของหนังเรื่องนี้กลับราบรื่นเป็นธรรมชาติ!’

‘หนังเรื่องนี้ต้องดังระเบิดแน่ๆ !’

‘การหักมุมในตอนท้ายเรียกได้ว่าน่าทึ่งมาก เซี่ยนอวี๋คือราชาแห่งการหักมุม!’

‘ก่อนดูนึกว่าเป็นหนังเชิงพาณิชย์ ดูไปสักพักถึงรู้ว่าเป็นหนังเชิงศิลปะ ดูไปครึ่งเรื่องคิดว่าเป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจ ดูจบถึงรู้ว่านี่มันหนังสยองขวัญชัดๆ !’

‘พลิกผันแค่จุดเดียวเปลี่ยนทั้งเรื่องเลย บ้าไปแล้ว!’

‘สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการตีความในตอนจบ ใครจะไปคิดว่าสัตว์เหล่านี้คือมนุษย์จริงๆ !’

‘ตอนต้นเรื่อง พ่อบอกว่าความแตกต่างระหว่างสัตว์กับคนคือคนสัตว์ ไม่มีความเป็นคน แต่หนังกลับบอกเราว่ามนุษย์เพียงแค่มีจุดต่ำสุดของมาตรฐานสูงกว่าสัตว์ก็เท่านั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังขึ้นมาจริงๆ มนุษย์ก็สามารถละทิ้งเรื่องเหล่านี้ได้!’

‘อย่าลืมว่ามนุษย์ก็เป็นสัตว์เหมือนกัน แน่นอนว่ามีความเป็นสัตว์อยู่ด้วย!’

‘ที่แท้เสือก็เป็นตัวแทนของธรรมชาติของสัตว์ในตัวเอก ดังนั้นเมื่อพายได้รับความช่วยเหลือ เสือจึงจากไปและความเป็นมนุษย์ก็กลับมา การอุปมานี้ยอดเยี่ยมมาก!’

……

ในโรงภาพยนตร์ชั้นนำแต่ละแห่ง

ผู้ชมกลุ่มแรกซึ่งดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบพร้อมกันต่างแตกตื่น ไม่มีใครคาดคิดว่าโฉมหน้าที่แท้จริงของภาพยนตร์เรื่องนี้จะน่ากลัวถึงเพียงนี้!

“คุกเข่าให้กับจินตนาการของพ่อเพลงอวี๋!”

“พ่อเพลงอวี๋เป็นคนอ่อนโยน กลับเขียนเรื่องที่โหดร้ายและน่ากลัวจนสิ้นหวังขนาดนี้ออกมาได้ยังไง !”

“ฉันไม่กลัวหนังสยองขวัญ แต่พอดูหนังเรื่องนี้จบแล้วฉัน กลัวขึ้นมาจริงๆ !”

“ขนลุกไปทั้งตัว!”

“ตอนที่พายเล่าเรื่องเวอร์ชันสอง ผมสมองชาขนหัวลุกซู่!”

“หลังจากดูจบและมานึกถึงเรื่องทั้งหมดแล้ว ฉันรู้สึกว่าภาพสวยๆ พวกนั้นคือตลกร้ายดีๆ นี่เอง!”

“ภาพสวยมาก ใครจะไปรู้ว่ามีความลับมากมายซ่อนอยู่ใต้ภาพนี้!”

“ไม่ต้องพูดถึงพล็อกเรื่องหรอก แค่สเปเชียลเอฟเฟ็กต์อย่างเดียวก็ขั้นสูงแล้ว!”

“นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อเพลงอวี๋สร้างหนังด้วยเงินลงทุนมหาศาล ผมรู้สึกว่าทั้งเวทีเหมาะสำหรับเซี่ยนอวี๋ที่จะแสดงฝีมือมากกว่า หนังทุนต่ำไม่มีทางสร้างความตกตะลึงได้มากขนาดนี้!”

……

บนโลกออนไลน์

ความคึกคักแบบเดียวกัน เสียงอึกแบบเดียวกัน ความตกตะลึงแบบเดียวกัน ทั้งปู้ลั่ว บล็อก และเว็บบอร์ดหลักต่างๆ ล้วนฮือฮาไม่แพ้กัน

คนนับไม่ถ้วนกำลังพูดคุยเรื่องนี้!

‘หนังเรื่องนี้สุดยอดมาก!’

‘สรุปว่าพายกินใคร’

‘คงเป็นแม่ของเขา พวกคุณอาจไม่ทันได้สังเกตว่าพอพายออกจากเกาะกินคน เกาะกินคนนั้นดูเหมือนจะมีรูปร่างเหมือนศพผู้หญิง และที่พายเจอฟันก็เพราะเขากินเจอส่วนของฟัน เพราะฉะนั้นเจาจึงตัดสินใจออกจากเกาะกินคน เพราะเขาตระหนักได้ว่าถ้าตัวเองทำแบบนี้ต่อไปจะต้องเสียสติอย่างแน่นอน!’

‘แม่เจ้าโว้ย เป็นแบบนั้นหรือ?’

‘ฉันคิดว่าเกาะกินคนคือแฟนสาว ดังนั้นเขาเลยผูกเชือกที่แฟนมอบให้กับเกาะกินคน แถมตอนที่เขาพูดถึงแฟนสาว เขาเคยพูดประโยคหนึ่งว่า ผมจำไม่ได้ว่าผมบอกลาเธอยังไง…คำใบ้ยังไม่ชัดเจนพออีกหรือ?’

‘มีการอุปมาเยอะมาก งั้นหนูหมายถึงใครล่ะ’

‘ผมว่าเกาะกินคนคือแม่ หนูคือแฟนสาว แฟนสาวน่าจะแอบขึ้นมาซ่อนตัวบนเรือล่วงหน้า เพราะพายจำไม่ได้ว่าบอกลากับแฟนยังไง แต่ความจริงคือเขาไม่ได้บอกลาแฟนสาว ทั้งสองคนขึ้นเรือมาด้วยมาด้วยกัน’

‘ให้ตายเถอะ คอมเมนต์ก็เทพกันเกินไป ผมไม่เห็นจะเข้าใจเลย!’

‘งั้นเมียร์แคตบนเกาะกินคนหมายความว่าอะไร ในเมื่อเกาะนี้ไม่มีอยู่จริง เมียร์แคตก็เป็นของปลอมหรือ?’

‘ยังไม่เข้าใจหรือ? เมียร์แคตไม่กลัวคน เกาะกินคนคือศพ บนศพมีอะไรที่ไม่กลัวคน?’

‘หนอน!?’

‘เมียร์แคตคือ…หนอน!?’

‘โอ่ย หยุดพูดได้แล้ว ผมจะกินข้าว!’

‘มุมมองทั้งสามพังทลาย ตอนที่ผมดูเรื่องนี้ยังบอกกับแฟนอยู่เลยว่าเมียร์แคตน่ารักมาก!’

‘เมียร์แคตเป็นสัตว์ในทะเลทราย บนเกาะจะมีเมียร์แคตได้ยังไง เพราะงั้นพายโกหก ถ้าคิดว่าเมียร์แคตบนเกาะไม่กลัวคน หนอนก็ไม่กลัวคนจริงๆ และหนอนก็มีโปรตีนด้วย ฉะนั้นเมียร์แคตเท่ากับหนอนก็สมเหตุสมผลอยู่นะ พวกเขาลอยอยู่ในทะเลมานานกว่าสองร้อยวันแล้ว ซากศพมีต้องมีหนอนอยู่แล้ว และสิ่งที่พายกินหลังจากนั้นน่าจะเป็นของเน่า อย่าลืมว่าเสือก็กินของเน่าได้!’

‘ฉันดูเรื่องนี้ไม่ไหวจริงๆ !’

……

เทพจากเว็บบอร์ดหนักปรากฏตัวบ่อยครั้ง การตีความมากมายทยอยปรากฏขึ้น และการตีความบางส่วนสอดคล้องกับเรื่องราวอย่างสมบูรณ์!

บางคนกระจ่าง!

บางคนคิดเห็นแตกต่าง!

ไม่ว่าคำตอบที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร การตีความเหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่า!

เนื่องจากการตีความเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย

แม้ว่าภาพยนตร์จะเว้นช่องว่างไว้มากมาย แต่ก็มีคำใบ้อยู่มากมายเช่นกัน!

เนื่องจากภาพยนตร์ไม่ได้อธิบายรายละเอียดไว้อย่างชัดเจน และเวอร์ชันที่สองใช้เวลาเล่าเพียงไม่กี่นาที จึงเหลือพื้นที่ทำให้ผู้ชมตีความได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

นี่คือซีรีส์สยองขวัญระดับตำราเรียน!

ถึงขั้นที่มีคนทะเลากันขึ้นมาว่าการตีความใดเป็นเรื่องจริง!

ต่างคนต่างมีทฤษฎีของตนเอง

ต่างคนต่างมีความคิดของคนเอง

ไม่ว่าจะเป็นความคิดใดก็ล้วนน่าสะพรึงกลัว และพลิกข้อสรุปทั้งหมดก่อนเกิดจุดพลิกผันของภาพยนตร์เรื่องนี้!

และเมื่อชาวเน็ตคิดว่าพวกเขาเข้าใกล้ความจริงมากแล้ว

ก็มีคนสังเกตว่า หลงหยางนักเขียนบทชื่อดังบนบลูสตาร์ก็โพสต์บนเว็บบอร์ดภาพยนตร์ โดยหัวข้อของโพสต์คือ

[ไร้เดียงสาเกินไป พวกคุณคิดว่าเรื่องที่สองของพายเป็นความจริงทั้งหมดหรือ?]

นักเขียนบทชื่อดังสายนักเขียนบทเป็นแกนหลัก ถึงกับเขียนบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง ‘ชีวิตอัศจรรย์ของพาย’

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ หลงหยางถึงกับบอกว่าเรื่องที่สองที่พายเล่าไม่ใช่ความจริงทั้งหมด?

ในขณะนั้น!

ชาวเน็ตต่างทำตาโตด้วยความตกตะลึง!

โอ้โฮ!

เวอร์ชันที่สองยังไม่ใช่ความจริงอีกหรือ?

พวกเราตีความกันอย่างน่าสยดสยองถึงขนาดนี้แล้ว เขายังบอกว่าไร้เดียงสาอีกหรือ?

คุณแน่ใจใช่ไหมว่าไม่ได้พยายามไม่ได้ปั่นกระแส

หากหลงหยางไม่ใช่นักเขียนบทแนวหน้า เขาคงถูกสาปส่งอย่างแน่นอน เมื่อคิดว่าคนคนนี้คือมืออาชีพชื่อดัง ชาวเน็ตจำต้องอดกลั้น เพียงแต่ลอบบ่นในใจอย่างอดไม่ได้

หลงหยางมีความตั้งใจที่จะคว่ำจุดพลิกผันของภาพยนตร์!

ต้องเข้าใจว่าไม่ว่าชาวเน็ตจะถกเถียงกันอย่างไร จุดยืนของพวกเขายังคงอยู่ที่เรื่องราวเวอร์ชันที่สอง ไม่มีใครเคลือบแคลงในความเป็นจริงของเวอร์ชันที่สองเลย!

เอาเถอะ

เมื่อพิจารณาว่าหลงหยางมีชื่อเสียงโดยรวมในทางที่ดี และเป็นนักเขียนบทฝีมือเยี่ยม ชาวเน็ตจึงคลิกเข้าไปยังโพสต์ของหลงหยางด้วยความสงสัย

ผลปรากฏว่า

ทันทีที่คลิกเข้าไปในโพสต์ ทุกคนก็เห็นบรรทัดแรก

[ก่อนอ่านการตีความนี้ โปรดตอบคำถามสามข้อของผม ที่จริงแล้วคำถามมีมากมาย แต่ผมไม่อยากสร้างความยุ่งยากให้กับทุกคน]

คำถามข้อที่หนึ่ง:

‘ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำไมพายไม่เคยอธิบายสาเหตุการอับปางของเรือโดยสาร เขาไม่รู้อะไรเลยจริงหรือ?’

คำถามข้อที่สอง:

‘ทำไมแม่ของพายทุบตีพ่อครัว แต่พ่อครัวไม่ตอบโต้ การออกแบบอุปนิสัยตัวละครก่อนหน้านี้ไร้ประโยชน์หรือ?’

คำถามข้อที่สาม:

‘ทั้งที่การเกริ่นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวเป็นเวลาสามสิบนาทีในช่วงต้นของภาพยนตร์น่าเบื่อปานนั้น ทำไมไม่ลบทิ้งไป ด้วยฝีมือระดับเซี่ยนอวี๋ เขาจะไม่รู้เชียวหรือว่าการเกริ่นเรื่องเป็นเวลาสามสิบนาทีนั้นนานเกินไป?’

ทำไมล่ะ

ชาวเน็ตสับสนกับคำถามสามข้อของหลงหยางขึ้นมา

ทันใดนั้นเอง!

ความคิดที่น่าสะพรึงกลัวผ่านเข้ามาในใจของทุกคน

เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องราวเวอร์ชันที่สองที่พายเล่าก็เป็นคำโกหกเช่นเดียวกัน?

ถ้าหากเรื่องราวเวอร์ชันแรกคือเรื่องโกหก แล้วใครจะกล้าเล่าเวอร์ชันที่สอง…

พายไม่ได้โกหกหรือ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด