บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 978: การประลองระหว่างศิษย์กับอาจารย์
ตอนที่ 978: การประลองระหว่างศิษย์กับอาจารย์
…………………………………………………..
ตอนที่ 978: การประลองระหว่างศิษย์กับอาจารย์
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจคำท้าท้ายอันยโสโอหังของฮั่วเหยา
ซูอี้หยิบน้ำเต้าสุราออกมาดื่มเงียบ ๆ
เมื่อได้พบกับฮั่วเหยาในคืนนี้แล้ว เขาก็รู้สึกคาดไม่ถึงเช่นกัน
แต่หลังจากที่ได้พูดคุยกับอีกฝ่ายแล้ว ใจของเขากลับรู้สึกตระหนกและเศร้าสร้อยมากกว่า
ศิษย์อาจารย์พบกัน กลับกลายเป็นศัตรู!
ถึงแม้ซูอี้จะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้าขึ้นมาจริง ๆ ในใจก็ยังคงไม่อาจสงบนิ่งได้
“อาจารย์ เหตุใดจึงเงียบไปเสียเล่า? หรือว่า ท่านยังกังวลว่าศิษย์จะทำร้ายท่านเช่นนั้นหรือ?”
ห่างออกไป ฮั่วเหยายืนมือไพล่หลัง และกล่าวขึ้นมาเนิบ ๆ
การระบายอารมณ์เมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกสาสมแก่ใจ แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าซูอี้ที่มีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่านั้น เขาก็รู้สึกตัวเองสูงส่งและจิตใจก็ผ่อนคลายลง
แต่ก่อน เขาทำได้เพียงแหงนหน้ามองเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่ตนเองสามารถก้มหน้ามองดูอาจารย์ผู้ที่ทำให้ตนเองเกิดความเคียดแค้นขึ้นในใจเป็นเวลานานถึงเพียงนี้!
ซูอี้เก็บน้ำเต้าสุรา
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าต่อให้สุรามีฤทธิ์แรงเพียงใด เวลานี้กลับรู้สึกจืดจางไร้รสชาติขึ้นมา
“อาจารย์โปรดวางใจ ท่านเคยเป็นถึงบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในแดนดิน เป็นเทพเซียนชี้ทางสว่างในใจของศิษย์อย่างพวกเรา ศิษย์ขอรับรองจะไม่ทำร้ายท่านถึงแก่ชีวิต!”
ฮั่วเหยายิ้มพลางกล่าว “แต่ หากว่าอาจารย์ไม่ยอมกลับไปพร้อมกับศิษย์ ถ้าเช่นนั้นศิษย์ก็ทำได้เพียงต้องเชิญอาจารย์กลับไปด้วยมือตัวเอง”
เขาเน้นย้ำคำว่าเชิญ
เมื่อได้ฟังแล้ว เครื่องผูกรัดสุดท้ายในใจของซูอี้ราวกับถูกตีแตก สีหน้า สายตา และท่าทางล้วนสงบราบเรียบเป็นอย่างมาก
ดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นไร้ซึ่งความรู้สึก
“ฮั่วเหยา เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”
สีหน้าของซูอี้ราบเรียบ
“ผิดหวัง? อาจารย์ ท่านคิดว่าท่านในตอนนี้ยังมีสิทธิ์ผิดหวังอีกหรือ?” ฮั่วเหยาหัวเราะด้วยความสาสมแก่ใจ
เขาเก็บกดมานานมาก ในที่สุดจึงรอจนกระทั่งถึงวันนี้
เมื่อเห็นอาจารย์ผู้ที่ในอดีตเคยเป็นดุจผู้ชี้ชะตาแห่งแดนดินถูกตัวเองท้าทายแล้ว กลับทำได้เพียงแค่สะกดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ รสชาติเช่นนั้นทำให้ฮั่วเหยารู้สึกสาแก่ใจเป็นอย่างมาก
ซูอี้ไม่พูดพล่าม จากนั้นก็กล่าวตัดบท “มา ให้ข้าดูสิว่าคนเนรคุณอย่างเจ้าจะ ‘เชิญ’ ข้าเช่นใด!”
คำพูดราบเรียบดังก้องไปทั่วฟ้าดิน
เมื่อเห็นซูอี้สาวเท้าก้าวเข้ามาใกล้ เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันไร้ความรู้สึกนั้นแล้ว ฮั่วเหยาสะดุ้งขึ้นมาอย่างประหลาด ตัวแข็งทื่อ จากนั้นจึงถอยไปหลายก้าว
“เช่นนี้น่ะหรือ?” ซูอี้ดูแคลน
ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วเหยาเผยให้เห็นความขุ่นเคืองเล็กน้อย
นี่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ
สาเหตุก็เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความยิ่งใหญ่และไร้เทียมทานของอาจารย์ฝังรากลึกลงไปในใจของเขามานานแล้ว ทำให้เขาหวาดเกรงมาเป็นเวลานานมาก
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ความเคียดแค้นที่สั่งสมในใจของเขาจะเข้มข้นถึงเพียงนี้ได้เช่นใด?
ฉับพลัน ร่างของฮั่วเหยาก็ยืดขยาย เพลิงทรงพลังในกายพลันระเบิดอย่างแรง
“ซูเสวียนจวิน!!”
ฮั่วเหยาส่งเสียงร้องตวาดก้องฟ้องออกมา “เวลาผ่านไปนานมากแล้ว เจ้ายังคิดว่าตัวเองยังคงเป็นปรมาจารย์ดาบเสวียนจวินผู้ยิ่งใหญ่แต่เพียงผู้เดียวของมหาแดนดินเช่นนั้นหรือ? ผิดแล้ว! เจ้าในตอนนี้ ในใจของข้าเป็นเพียงแค่หนอนตัวน้อยขอบเขตวงล้อวิญญาณก็เท่านั้น!!”
“และตอนนี้ ข้าต้องการให้เจ้าคุกเข่าต่อข้า ก้มหัวให้กับข้า!!”
พูดจบ แขนเสื้อของฮั่วเหยาพองลม ฉับพลันยื่นมือขวาออกมาแล้วกดลงกลางอากาศ
ครืน!
อากาศยุบตัวลุกไหม้ขึ้นมา
เพลิงเทวะอันบาดตาประดุจคลื่นทะเลยักษ์เดือดพล่านกลายเป็นมือเพลิงอัคคีขนาดใหญ่บดบังแสงตะวันและท้องฟ้า ซัดเข้าใส่ซูอี้อย่างแรง!
ราตรีอันสงบเงียบถูกทำลายลงในทันใด มือเพลิงอัคคีขนาดใหญ่นั้นเต็มไปด้วยพลังกฎเกณฑ์ สร้างความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแก่อากาศในพื้นที่พันจั้ง ส่งเสียงร้องไม่หยุด
ซูอี้หรี่ตาลงเล็กน้อย
ผู้รู้ใจบุตรคือบิดา ในฐานะที่เป็นอาจารย์ผู้เลี้ยงดูฮั่วเหยาตั้งแต่เล็กจนโต ซูอี้จะไม่รู้พื้นฐานของฮั่วเหยาได้เช่นใดกัน?
เมื่อซัดฝ่ามือนี้มา ซูอี้ก็รู้สึกได้ในทันใดว่าศิษย์เนรคุณคนนี้มีระดับวิถีขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำที่เหนือกว่าคนธรรมดามาก!
ชิ้ง!
ในชั่วขณะนี้ พลังลมปราณในตัวซูอี้พุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุด ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ในมือส่งเสียงดังชิ้ง ๆ สร้างพลังดาบอันเจิดจ้าสีทองขึ้น
เพล้ง!!!
ประกายเทวะแตกระเบิดประกายแสงสาดกระเซ็น
ฝ่ามือเพลิงอัคคีขนาดใหญ่ที่ซัดลงมาจากท้องฟ้าถูกพลังดาบต้านทานเอาไว้!
ทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น พลังดาบก็ซัดฝ่ามือพังทลายจนแตกละเอียดราวกับกระดาษ
ซูอี้ไม่ได้หลบ
อานุภาพของฝ่ามือเพลิงอัคคียักษ์นี้ปกคลุมไปทั่วภูเขาลำเนาไพรในระยะพันลี้ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว พอล่าถอยออกไป อีกฝ่ายจะต้องอยู่ในสภาพเป็นรองอย่างช่วยไม่ได้
“ขึ้น!”
ประกายแสงในสายตาของชายหนุ่มระเบิดออก ฮั่วเหยามองเห็นลวดลายลึกลับในสายตาของเขาสั่นสะเทือนราง ๆ ทำให้ดวงตาของเขาราวกับกลายเป็นหมู่ดาวอันยิ่งใหญ่ ครอบคลุมไปถึงดวงเดือนดวงตะวันและดวงดาว!
ฉับพลัน ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ในมือของเขาแทงออกไปสามสิบหกครั้ง
แต่ละครั้ง เปรียบดั่งแสงรุ้งโฉบขึ้นสู่ท้องฟ้า สว่างเจิดจ้า ดุดันยิ่งใหญ่ แทงฝ่ามือเพลิงอัคคีของฮั่วเหยาทั่วทุกทิศทาง
นั่นคือจุดอ่อนของฝ่ามือเพลิงอัคคี
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปะทะอันน่าตื่นตระหนกจนขวัญเสียดังขึ้น พลังดาบแต่ละเล่มแทงทะลุฝ่ามือเพลิงอัคคีอย่างรุนแรง
ฝ่ามือเพลิงอัคคีสั่นสะท้านรุนแรงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า จากนั้นในจุดที่อยู่ห่างจากกระหม่อมของซูอี้เพียงแค่สามฉื่อก็ระเบิด!
ห่างออกไป ฮั่วเหยาถึงกับร้องอย่างตระหนก “ไม่เสียแรงที่อาจารย์เป็นผู้เป็นใหญ่คนแรกบนหนทางแห่งวิถีดาบมหาแดนดิน การโจมตีเช่นนี้ ยิ่งใหญ่รุนแรงไร้ที่ติ!”
ฉับพลัน เขาก็ส่ายหัวอีก “แต่เสียดาย ต่อหน้าพลังสุดยอด พลังดาบวิถีที่มีแต่ลวดลายเช่นนี้ อย่างไรเสียก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี”
ซูอี้ไม่ได้โต้เถียง
เพราะอย่างไรเสียก็ดี ระดับการฝึกตนของเขาในตอนนี้ยังอ่อนเกินไป ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยตรง ใช้ความแข็งปะทะความแข็งเป็นเรื่องที่โง่เขลามาก อีกทั้งยังมีโอกาสชนะไม่มากด้วย
“ก็จริงอยู่ อาจารย์ในตอนนี้มีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตวงล้อวิญญาณเท่านั้น แต่ข้าผู้เป็นศิษย์คนนี้ รู้ดีกว่าใครคนในโลกว่าวิชาที่ท่านสำเร็จนั้นมีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด”
ฮั่วเหยาก้าวเดินบนอากาศเข้ามาใกล้ซูอี้ หน้าตายิ้มแย้มชื่นบาน “ข้ารู้ ในมือท่านมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่ไม่น้อย แต่ข้าก็ไม่ประมาท และไม่มีทางให้โอกาสแก่ท่านได้พลิกตัวด้วย!”
เสียงยังคงดังกึกก้อง
ฮั่วเหยาก็สวนหมัดซัดใส่ซูอี้
ครืน!
หมัดเดียวเท่านั้น ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะเทือน ฟ้าดินสั่นหวั่นไหว สรรพสิ่งตื่นตระหนก
อานุภาพของหมัดนั้นราวกับกำลังจะดับทุกสรรพชีวิต สร้างความโกลาหลให้กับฟ้าดิน ทำลายทุกสรรพสิ่ง!
เมื่อเผชิญหน้ากับหมัดที่สามารถบดขยี้ผู้แข็งแกร่งขอบเขตรู้แจ้งลึกลับส่วนใหญ่ในโลกนี้แล้ว สายตาของซูอี้ยังคงราบเรียบเฉยเมยเหมือนเดิม
ทว่าในตัวของเขา ภาวะดาบซึ่งเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวกำลังปะทุขึ้นสูง!
มองเห็นได้ราง ๆ ว่าพลังลมปราณในตัวของเขาคล้ายกับไฟในเตาหลอมที่กำลังลุกไหม้ ระดับการฝึกตนระเบิดสูงขึ้นกว่าเดิม!
วิชาระเบิดพิฆาต!
นี่คือวิชาของเชื้อสายหยาจื่อ เมื่อสำแดงออกไป ระดับวิถีในตัวสามารถเพิ่มสูงเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาอันสั้น!
เพียงแต่ว่า หลังจากที่สำแดงเดชวิชานี้ออกไปแล้ว ผู้ที่สำแดงจะตกอยู่ในสภาวะอ่อนกำลังอย่างที่สุด
นับตั้งแต่กลับชาติมาเกิดใหม่จนถึงตอนนี้ ซูอี้ยังไม่เคยถูกบีบจนถึงขั้นนี้มาก่อน
นับก็เป็นเพราะไม่เคยใช้เคล็ดวิชานี้มาก่อนนั่นเอง
แต่เวลานี้ เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว
ไม่ว่าเขาจะยินดีหรือไม่ เขาก็ต้องยอมรับว่าฮั่วเหยาในเวลานี้เป็นศัตรูตัวร้ายกาจมากที่สุดคนหนึ่ง!
แข็งแกร่งจนกระทั่งตัวตนขอบเขตรู้แจ้งลึกล้ำส่วนใหญ่ในโลกทำได้แต่เพียงยอมก้มหัวให้!
“ไป!”
ซูอี้ขยับข้อมือ สะบัดดาบแทงออกไป
พลังดาบอันยิ่งใหญ่ดุจดั่งภูเขาถล่มมหาสมุทรล่มสลายโหมกระหน่ำออกไป
พลังหมัดอันรุนแรงของฮั่วเหยาบดขยี้เข้ามา ทลายพลังดาบที่กรูเข้ามา ทว่าพลังดาบกลับคล้ายคลื่นทะเลถาโถม คลื่นลูกหนึ่งผ่านพ้นไป คลื่นลูกใหม่ก็มาอีก ซ้ำ ๆ กันไม่จบสิ้น บั่นทอนพลังหมัดของฮั่วเหยาลงไปทุกที
เมื่อพลังหมัดของฮั่วเหยาพุ่งเข้าไปใกล้ซูอี้ก็หมดกำลังลงถึงเก้าส่วนแล้ว!
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็เถอะ มันยังคงสั่นสะเทือนจนร่างของซูอี้สั่นคลอน และเลือดลมในร่างกายเดือดพล่าน
แรงซัดสองลูกถูกขวางติดต่อกัน สีหน้ามุทะลุผุดขึ้นบนสายตาของฮั่วเหยา จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า “อาจารย์ ศิษย์ไม่มีเวลาจะมาล้อเล่นกับท่าน!”
ครืน!
เขาก้าวเดินไปบนอากาศ ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามา อานุภาพในตัวปกคลุมฟ้าดิน พลังกฎเกณฑ์อันไร้ขอบเขตกลายเป็นพลังเพลิงเทวะอันยิ่งใหญ่ รับกับอานุภาพที่ไม่ธรรมของเขามาก
ซูอี้ยังคงสงบเงียบเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็ตวัดดาบเข้าสู้อีกหน
ศึกใหญ่ปะทุขึ้นในบัดดล!
ฟ้าดินในแถบนี้สั่นสะเทือน แสงเทวะส่องสว่าง
พลังที่ฮั่วเหยาแสดงออกมาแข็งแกร่งจนทุกอากัปกิริยาล้วนเต็มไปด้วยอานุภาพอันยิ่งใหญ่ บดขยี้ท้องฟ้า หลอมละลายนภากว้าง
เขาซัดพลังออกไปอย่างเต็มที่
เพราะเขารู้ดีว่า ถึงแม้อาจารย์ที่อยู่ต่อหน้าจึงมีระดับการฝึกตนเพียงแค่ขอบเขตวงล้อวิญญาณ ทว่าหากผู้ใดกล้าดูแคลน คนผู้นั้นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เทียบกับฮั่วเหยาแล้ว สภาพการณ์ของซูอี้เลวร้ายกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อมองจากระยะไกล เขาเปรียบประดุจเรือใบไม้ที่ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ กำลังต้านรับการโหมกระหน่ำของคลื่นใหญ่ในทะเล
สามารถพลิกคว่ำได้ตลอดเวลา!
ความสามารถของเขาในเวลานี้ เพียงพอที่จะฆ่าผู้เป็นจักรพรรดิคนใดก็ได้ในขอบเขตหยั่งเห็นลึกล้ำ ทว่าตอนนี้ใช้เคล็ดวิชาประจักษ์ต้องห้ามระเบิดพิฆาตเช่นนี้แล้ว
ทว่าก็ยังไม่เพียงพอ
ในด้านการฝึกตน อย่างไรเสียก็ยังต่างกันมาก!
นี่คือจุดอ่อนที่อันตรายอย่างที่สุด
ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน กุมเคล็ดวิชามากมาย มีวิธีการเด็ด ๆ นับหมื่น ก็ยังคงไม่อาจกลบเกลื่อนส่วนบกพร่องเช่นนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ตื้นลึกหนาบางของฮั่วเหยา แต่ขณะเดียวกันฮั่วเหยาก็เข้าใจเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน!
การต่อสู้เช่นนี้อันตรายอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย
“อาจารย์ พลังของวิชาระเบิดพิฆาตสามารถประคับประคองไปได้เพียงแค่เวลาครึ่งเค่อเท่านั้น และระดับการฝึกตนของท่านก็อ่อนเกินไป ต่อให้ใช้เคล็ดวิชาที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ แต่อยู่ต่อหน้าพลังของข้าแล้วล้วนไร้ซึ่งประโยชน์”
ในการต่อสู้ ฮั่วเหยามีอานุภาพรุนแรงประดุจเทพ ก้มมองดูด้วยความสาแก่ใจ “มดตะนอยขย่มต้นไม้หมายความเช่นใด? ไข่กระทบหินหมายความเช่นใด? ก็คือสิ่งที่อาจารย์ทำอยู่!”
เสียงยังคงดังกึกก้อง ฉับพลันเขาก็เคาะนิ้วลงมา
ติ๊ง!!!
ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ส่งเสียงดังรุนแรง
อานุภาพในการเคาะของเขานี้เปรียบได้ดังค้อนยักษ์ของเทพกระแทกลงบนดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ พลังอันน่ากลัวแผ่กระจาย ทำให้ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ได้รับความเสียหายในฉับพลัน ตัวดาบปรากฏรอยร้าวเป็นแนวยาว ทำท่าจะแตกสลาย!
และในขณะเดียวกันนี้เอง ร่างของซูอี้ถอยออกไปอย่างแรงหลายสิบจั้ง ใบหน้าที่หล่อเหลาขาวซีด เลือดไหลซึมจากมุมปาก
เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ฮั่วเหยาก็ยิ่งตื่นตัว และส่งเสียงร้องออกมา “ศิษย์ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่า จะมีวันที่สามารถกดหัวอาจารย์ได้เช่นนี้… ฮ่า ๆๆๆ!”
เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าของซูอี้สงบนิ่งยิ่งกว่าเดิม ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าใด เพราะในชั่วชีวิตนี้ของเขาเคยผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ทั้งยังเคยผ่านความเป็นความตายไม่รู้เท่าใด เขาจะใส่ใจกับบาดแผลเพียงเท่านี้ได้อย่างไรกัน?
เขาเก็บดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ ทันใดหยิบค้อนทุบเซียนออกมาเคาะอย่างแรง
ติ๊ง!!!
ฟ้าดินประดุจฆ้อง ภูเขาลำเนาไพรสั่นสะเทือน
พลังกฎเกณฑ์มืดมิดดุจราตรีกาลแผ่ซ่านออกมาจากค้อนทุบเซียนซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกระบองไม้ไผ่ ทลายการบุกโจมตีของฮั่วเหยาจนราบคาบ
ท่ามกลางสะเก็ดแสง ร่างของฮั่วเหยาเซถลา กลางอากาศ เขาถอยหลังไปหลายจั้ง พลังกฎเกณฑ์รอบตัวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนแทบระเบิด
……….
Comments