เซียนหมากข้ามมิติ 502 ครบแล้ว

Now you are reading เซียนหมากข้ามมิติ Chapter 502 ครบแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 502 ครบแล้ว

……………………………………………………………………..

สิ่งของบางส่วนภายในมือจี้หยวนถือว่าเป็นสมบัติวิเศษอาวุธศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงพวกพู่กันขนหมาป่าหรือคันเบ็ดไผ่เขียวด้วย แต่ความจริงการหลอมของพวกนี้ไม่ได้ยึดตามวิธีหลอมสมบัติวิเศษอย่างแท้จริง แค่ปล่อยตามวาสนา จุดประสงค์การหลอมค่อนข้างธรรมดา อันหนึ่งเพื่อเขียนอักษร อันหนึ่งเพื่อตกปลา

แน่นอนว่าสุดท้ายผลลัพธ์ล้วนไม่เลว ทั้งติดตัวจี้หยวนมานาน ชะล้างด้วยกายไร้มลทินตลอด ทำให้สิ่งของหลอมตามวาสนากลายเป็นไม่ธรรมดา

ส่วนอาวุธเซียนอย่างกระบี่เซียนเครือเขียวเป็นของอีกระดับแล้ว เกี่ยวข้องกับความอัศจรรย์ฟ้าดิน ขาดแค่การเปลี่ยนแปลงจากคำบัญชาของจี้หยวน อาศัยฝักกระบี่เล่มนั้น รวมถึงด้ามเครือเขียวกับปราณวสันต์ กระทั่งหลอมจนสำเร็จด้วยตัวเองช้าๆ การบรรลุถึงระดับปัจจุบัน จี้หยวนมีผลสามส่วน กระบี่เครือเขียวมีผลหกส่วน อีกส่วนที่เหลือคือยามจั่วหลี ‘ฝึกตนหลอมกระบี่’ เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในใต้หล้าเมื่อตอนนั้น

จี้หยวนจึงเตรียมใช้เชือกไหมทองหลอมเป็นสมบัติวิเศษ ถือเป็นการใช้วิธีมาตรฐานหลอมสมบัติวิเศษครั้งแรกอย่างแท้จริง กอปรกับวัตถุดิบไม่ธรรมดา ความคาดหวังเลยค่อนข้างสูง แน่นอนว่าอยากทำให้ดีที่สุด

แม้ว่าข้อเสนอของขอทานชราดูเกินจริง แต่เมื่อจี้หยวนคิดอย่างละเอียด คล้ายว่าด้วยเส้นสายของเขาตอนนี้ ใช่ว่าทำไม่ได้

จูหยวนจื่อย่อมร่วมมือแน่ ขอทานชราบอกว่าจูหยวนจื่อถือว่ามีคุณสมบัติพอ แต่จี้หยวนรู้จักจูหยวนจื่อดีกว่าขอทานชรา พลังปราณคนผู้นี้อาจสู้ขอทานชราไม่ได้ แต่ชำนาญการศึกษาค้นคว้า แท่งหยกวิชาบัญชาเมื่อตอนนั้นทำให้จี้หยวนตื่นตะลึง เหมาะแก่การหลอมอาวุธซึ่งมีชั้นเชิงกับแบบแผนเช่นนี้มาก

ขอทานชรายิ่งไม่ต้องพูดถึง จี้หยวนถึงขั้นรู้สึกว่าขอทานชราเอาใจใส่ยิ่งกว่าเขาคนแซ่จี้อีก

ส่วนเกาะหมอกเซียนชื่อเสียงเลื่องลือ แม้แต่เทพหลักเมืองอำเภอหนิงอันยังเคยได้ยิน หากบอกว่าไม่มีบุคคลระดับเซียนแท้ จี้หยวนย่อมไม่เชื่อ ไม่แน่ว่าครั้งนี้อาจมาด้วย

ครั้งนี้สมมติว่าเกาะหมอกเซียนมีผู้ฝึกเซียนระดับเซียนแท้หรือมรรควิถีใกล้เคียงเซียนแท้มางาน จี้หยวนคิดว่าคงมีโอกาสเชิญอีกฝ่ายได้ไม่น้อย คราวนี้ก็สี่คนแล้ว

สี่คนนี้ล้วนมีวาสนากับจี้หยวน นับว่าเชื่อถือได้ คนที่ห้าดีต่องานชุมนุมเซียนพเนจรหรือไม่ยังไม่พูดถึง เชิญมาได้หรือไม่ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่จี้หยวนไม่กลัวสักนิด อย่างไรเขายังมีมังกรเฒ่า ระยะทางอาจไกลหน่อย แต่เขาคิดว่าด้วยมิตรภาพของตนกับมังกรเฒ่า อีกฝ่ายต้องมาแน่

ถ้าแม้แต่เกาะหมอกเซียนยังไม่ยอมช่วย ทั้งหาผู้เหมาะสมจากงานชุมนุมเซียนพเนจรไม่ได้ จี้หยวนยังมีวิธีเพื่อเชือกวิเศษ เดิมพันส่งข่าวบอกพระวิทยาราชอย่างหน้าไม่อาย ตอนนั้นร่วมกันเสวนามรรคจนต่างได้รับประโยชน์ แปดส่วนภิกษุชราย่อมมาแน่!

เมื่อขอทานชราพูดเรื่องการหาห้าคนมาร่วมกันหลอมจบ ภายในเวลาอันสั้นจี้หยวนใคร่ครวญผ่านสมองรอบหนึ่ง คิดหาวิธีหาคนร่วมกันหลอมสมบัติครบห้าคนแล้ว

“ผู้อาวุโสหลู่กล่าวไม่ผิด ยากมีโอกาสหลอมสมบัติร้ายกาจเช่นนี้ ไม่มีสาเหตุที่จะไม่ทำให้ดีที่สุด”

“ใช่ๆๆ อีกอย่างเชือกไหมทองนั่นไม่ได้อยู่ในห้าธาตุ เลือกใช้วัตถุนอกสังกัดห้าธาตุมาเป็นฐาน ฟื้นคืนหยินหยางเบญจธาตุ นี่คือการเบิกฟ้าดินใหม่ ต่อให้เป็นผู้ฝึกปราณอย่างท่านกับข้าก็มีโอกาสเช่นนี้ไม่กี่ครั้ง!”

ทั้งสองวิเคราะห์เล็กน้อย ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ความเร็วในการควบคุมเมฆของขอทานชราเร็วขึ้นไม่น้อยอย่างอดไม่ได้ เหินฟ้าแหวกชั้นเมฆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์เจิดจรัส พวกเขาเห็นยอดเขามายาเหนือเมฆเก้าชั้นอีกครั้ง

“เกรงว่างานชุมนุมเซียนพเนจรครั้งนี้คงยิ่งมีสีสันเพราะสมบัติวิเศษของท่านจี้แล้ว”

จี้หยวนยิ้มเล็กน้อย

“เรื่องนี้อย่าแพร่งพรายมากเกินไปดีกว่า”

“ก็จริง พวกเราล้วนไม่ใช่คนชอบเปิดตัว คนซักถามยิ่งน้อยยิ่งดี…”

ขอทานชรากัดฟันกล่าว

“หากไม่ได้จริงๆ ข้ายอมทุ่มสุดตัวไม่รักษาหน้า ไปเชิญเจ้าสำนักเซียนแท้แห่งสำนักฟ้าดั้งเดิม!”

เมื่อเอ่ยปากออกมา จี้หยวนอึ้งงันเล็กน้อยก่อนซาบซึ้งอยู่บ้าง เขารู้นิสัยขอทานชรา คาดเดาจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ เจ้าสำนักฟ้าดั้งเดิมน่าจะเป็นศิษย์พี่ของขอทานชรา แต่ขอทานชราแยกตัวจากสำนักแล้ว แม้ว่ายังให้ความสนใจสำนักฟ้าดั้งเดิม แต่ขอทานชรารักษาหน้ามาตลอด ถ้าไม่เอาใจใส่สมบัติวิเศษจริง ไม่มีทางคิดไปขอร้องศิษ์พี่เขาแน่

“ไม่รบกวนผู้อาวุโสหลู่เปลืองความคิดเช่นนี้ ต่อให้เลวร้ายเพียงใด ข้าคนแซ่จี้ยังส่งข่าวไปต้าเจินได้ เชิญประมุขมังกรแห่งแม่น้ำเทียมฟ้ามาช่วย อืม ข้าคนแซ่จี้ส่งข่าวเลยดีกว่า การหลอมสมบัตินี้คงไม่จบในสองสามวัน”

จี้หยวนพูดพลางล้วงนกกระดาษน้อยออกมาจากอก ก่อนแตะตัวมันเบาๆ จากนั้นค่อยประคองนกกระดาษน้อยวางลงบนกระบี่เครือเขียวซึ่งปรากฏตัวมาแล้ว

“รีบไปรีบกลับ”

วู้ม…

กระบี่เซียนสั่นสะเทือน ครู่ต่อมาค่อยกลายเป็นรุ้งพุ่งจากไป ชั่วพริบตาก็หายไปสุดสายตาแล้ว

ขอทานชรามองภาพนี้พลางตบศีรษะ

“ถูกต้องๆ ข้าเกือบลืมแล้ว ท่านจี้กับประมุขมังกรเป็นสหายคู่ใจ ขอเพียงท่านเอ่ยปาก เขาไม่มีทางไม่มา! คราวนี้สี่คนแล้ว! ไปๆๆ ไปถ้ำสวรรค์เก้ายอดกัน ฮ่าๆๆๆ…”

ขอทานชราหัวเราะเบิกบาน เสียงสะท้านท้องฟ้ากว้างใหญ่เหนือเมฆ โดยรอบมีเหล่าผู้ฝึกปราณเขาเก้ายอดต้อนรับแขกโดยควบคุมเรือใบไม้เขียวอยู่ พวกเขากำลังพาผู้ฝึกเซียนต่างแดนที่เพิ่งมาใหม่เข้าถ้ำสวรรค์เก้ายอด เหาะเหินเหนือเมฆหมอกด้วยใบไม้ขนาดใหญ่ ทันใดนั้นพลันได้ยินเสียงหัวเราะของขอทานชรา ทั้งหมดล้วนหันมามองอย่างอดไม่ได้

เห็นแค่บนหมอกมีเมฆขาวลอยมา ดูเหมือนเนิบช้าความจริงรวดเร็ว ผู้ฝึกปราณชุดเขียวบนเมฆ ไพล่หลังผมยาวสะบัดโบก ชายชราสวมเสื้อมอมแมมใบหน้าแดงฝาด เสียงหัวเราะคงมาจากผู้ท่าทางเหมือนขอทานคนนี้

“ฮ่าๆๆๆๆ…”

เพียงพริบตาเมฆขาวลอยแฉลบผ่านข้างเรือใบไม้เขียวสองสามลำ ผลุบเข้าค่ายกลแบ่งเขตแดนของเขาเก้ายอดชั่วพริบตา ทะลวงผ่านภาพมายาเหล่านั้น ทั้งเห็นเมฆขาวลอยห่างไปทางยอดเขาหนึ่ง สุดท้ายค่อยหายไปจากสายตา

บนเรือใบไม้เขียวลำหนึ่งภายในนั้น ผู้ฝึกปราณสิบกว่าคนซึ่งนับว่าสังกัดสำนักที่มาเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจรเป็นครั้งแรก ตื่นเต้นกับการมาร่วมงานชุมนุมมรรคเซียนเช่นนี้มากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งฮึกเหิมในใจอยู่บ้าง

“สมเป็นงานชุมนุมเซียนพเนจร ผู้สูงส่งมรรคเซียนนับไม่ถ้วน!”

บนเรือใบไม้เขียวผู้อาวุโสสำนักนั้นกล่าวทอดถอนใจ ทำให้ผู้ร่วมสำนักโดยรอบกล่าวคล้อยตามเสียงเบา

ขอทานชรากับจี้หยวนควบคุมเมฆท่องเหินมาตลอดทาง จุดแรกคือการไปสวนไผ่หยก

การโน้มน้าวจูหยวนจื่อไม่เปลืองน้ำลายดังคาด จี้หยวนแค่เอ่ยปากบอกว่าอยากเชิญเขามาช่วยหลอมสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง จูหยวนจื่อพลันรับปากทันที

จากนั้นขอทานชรากับจี้หยวนค่อยบอกรายละเอียดกับจูหยวนจื่อ หลังจากทราบว่าสมบัติวิเศษซึ่งต้องการหลอมเป็นอะไร จูหยวนจื่อที่สุขุมมาตลอดยังรู้สึกสนใจมาก ถึงขั้นไม่อยากรอตรงสวนไผ่หยก ต้องการไปเชิญสหายยุทธ์คนอื่นพร้อมกันสามคน

สำหรับจูหยวนจื่อเรื่องนี้ถือว่ามีนัยสามประการ หนึ่งคือยินดีช่วยเหลือจี้หยวนมาก สองคือสนใจสมบัติวิเศษชิ้นนี้อย่างยิ่ง หรือกล่าวคือสนใจกระบวนการหลอมสมบัติวิเศษนัก ข้อสามจริงแท้มากที่สุด การสานสัมพันธ์กับเหล่าผู้สูงส่งสำนักอื่นถือว่ามีประโยชน์กับเขาล้อมหยกอย่างมาก

“ท่านจี้ ไปหาเกาะหมอกเซียนก่อนจริงหรือ ท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับเกาะหมอกเซียนหรือ”

จูหยวนจื่อเอ่ยถามอย่างสงสัย คล้ายว่าแรกเริ่มยามคุยกับท่านจี้เป็นการส่วนตัว ท่านจี้ยังเคยถามเรื่องเกาะหมอกเซียน ตอนนั้นท่านจี้รู้เรื่องเกาะหมอกเซียนน้อยนัก

“อืม ไม่กี่ปีก่อนเคยผูกวาสนากัน”

ขอทานชราขมวดคิ้ว ลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าว

“ท่านจี้ คนของเกาะหมอกเซียนปณิธานสูงส่ง ถ้าแค่ผูกวาสนา ไม่ไปรบกวนดีกว่า เชิญคนไม่ได้ไม่พอ ทำให้คนอื่นรู้เรื่องหลอมสมบัติของพวกเราอีก”

“ลองไปก่อนเถอะ!”

ทั้งสามคนไปหาผู้ฝึกปราณรับแขกแห่งยอดเขาเซียนมาเยือน ได้ยินว่าผู้ฝึกปราณของเกาะหมอกเซียนมาถึงราวครึ่งวันแล้ว เมื่อทราบตำแหน่งที่พัก พวกเขาขับเคลื่อนเมฆไปยังสวนหมอกเมฆซึ่งผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนอาศัยอยู่

ยอดเขาเซียนมาเยือนถือเป็นหนึ่งในเก้ายอดเขา ยอดเขาขนาดใหญ่ ลอยอ้อมมาตรงมุมสูงแห่งหนึ่งค่อยถึงสวนหมอกเมฆ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันเช่นกัน แต่กลับมีเมฆหมอกล้อมรอบตลอด

จี้หยวนยังไม่เข้าใกล้ เขากล่าวเสียงดังออกไปแล้ว

“สหายยุทธ์เกาะหมอกเซียนสะดวกพบแขกหรือไม่ จี้หยวนมาเยี่ยมเยือน!”

เพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีแสงประกายลอยออกมา บนนั้นคือฉางอี้นั่นเอง

“ที่แท้เป็นท่านจี้กับผู้สูงส่งสองท่านมาเยือน เชิญเข้ามาก่อน! อาจารย์ลุงจู้ไปเยี่ยมเจ้าสำนักเขาเก้ายอด เขายังคิดว่ากลับมาแล้วจะไปหาท่านจี้ด้วย คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาด้วยตัวเอง!”

สีหน้ากับความกระตือรือร้นที่แสดงออกมาของฉางอี้ไม่ได้แสร้งทำ ขอทานชรามองจูหยวนจื่อที่อยู่ด้านข้าง ทำไมถึงรู้สึกว่าคล้ายคลึงอยู่บ้าง หรือว่าผูกวาสนากันจริง

เมื่อพวกจี้หยวนโรยตัวลงจากเมฆ ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนคนอื่นทยอยปรากฏตัว ภายในนั้นยังมีผู้อาวุโสคนหนึ่งที่จี้หยวนรู้จักออกมาทักทายอย่างกระตือรือร้น ผู้ฝึกปราณคนอื่นมีบางคนเคยร่วมสังหารมารปีศาจ พวกเขาคารวะจี้หยวนแต่ไกล

ภายในห้องรับแขกแห่งหนึ่งของสวนหมอกเมฆ ฉางอี้ชงชาให้แขกด้วยตัวเอง

“ท่านทั้งสาม เชิญชิมชาวิญญาณหมอกเมฆาของเกาะหมอกเซียน! ข้าส่งคนไปหาอาจารย์ลุงจู้แล้ว เขาย่อมกลับมาทันที!ท่านทั้งสองเชิญดื่มชา!”

“ไม่รีบร้อนๆ”

พวกเขากระตือรือร้นเช่นนี้ จี้หยวนทำได้แค่ตอบรับเช่นนี้ ขอทานชรากับจูหยวนจื่อยิ้มพลางผงกศีรษะ

รอไม่ถึงหนึ่งเค่อ มีแสงประกายลอยมาอย่างรวดเร็วแต่ไกล ดูท่าว่าคงกลับมาทันทีจริงๆ แสงประกายโรยตัวลงบนหน้าผา คนยังมาไม่ถึง เสียงกลับดังมาก่อน

“ท่านจี้ยังอยู่หรือไม่ ข้าคนแซ่จู้กลับมาแล้ว!”

เสียงดังถึงห้องรับแขกที่พวกจี้หยวนอยู่ เงาร่างอีกฝ่ายปรากฏตรงประตูโถงราวภาพฝัน ผู้มาเยือนร่างกำยำหน้าตาคมสัน มวยผมเคราสั้น

ผู้มาเยือนกวาดสายตามองรอบห้องก่อนหยุดตรงจี้หยวน

“คารวะท่านจี้ ข้าน้อยจู้ทิงเทาแห่งเกาะหมอกเซียน ครั้งนี้เดินทางมาร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจรเพื่อท่านเป็นการเฉพาะ หลายปีก่อนกระบี่ฟ้าทลายของท่านสังหารเหล่ามารปีศาจราบคาบ อยากเห็นภาพมารปีศาจร่วงหล่นดุจฝนตกอีกด้วยซ้ำ!”

ถ้าพูดถึงภาพจำที่มีต่อจี้หยวน นอกจากฉางอี้แล้ว ผู้ฝึกปราณเกาะหมอกเซียนคนอื่นกว่าเก้าส่วนนึกถึงท่ากระบี่ฟ้าทลาย

ยามขอทานชรานึกสงสัยเรื่อง ‘ท่ากระบี่ฟ้าทลาย’ ปากกลับกล่าวพึมพำอย่างอดไม่ได้

“ดูท่าว่าครบสี่คนแล้ว”

“สี่คนอะไรหรือ สหายยุทธ์ท่านนี้พูดถึงอะไร”

จู้ทิงเทามองขอทานชรา ฝ่ายหลังแค่ยิ้มให้เขาแต่กลับไม่ตอบทันที กลายเป็นว่าหันไปกล่าวกับจี้หยวน

“ท่านจี้ ในเมื่อประมุขมังกรอิงย่อมมาแน่ มิใช่ว่าเรื่องนี้มีกำหนดแน่ชัดแล้วหรอกหรือ”

จี้หยวนเผยรอยยิ้มเช่นกัน หันมาคารวะตอบจู้ทิงเทา ก่อนเล่าเรื่องให้ฟังอย่างละเอียด

“สหายยุทธ์จู้ ครั้งนี้ข้าคนแซ่จี้มาด้วยมีเรื่องปรึกษา…”

หลังจากนั้นครึ่งเค่อ สีหน้าจู้ทิงเทามีสีสันขึ้นมา

“ประเสริฐๆ เรื่องประเสริฐเช่นนี้ไม่มีข้าคนแซ่จู้ได้อย่างไร!”

บนหน้าขอทานชราแสดงออกว่าไม่เกินความคาดหมาย ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนกล่าวเสริม

“ถึงอย่างไรประมุขมังกรอิงก็เป็นเผ่าปีศาจ ช่วงงานชุมนุมเซียนพเนจร เขาเก้ายอดจะยอมให้เขาเข้ามาหรือ”

เพิ่งสิ้นเสียงจู้ทิงเทาซึ่งกำลังตื่นเต้นเอ่ยปากก่อน

“กลัวอะไร! พวกเราร่วมกันรับรอง เขาเก้ายอดจะไม่เห็นแก่หน้าเชียวหรือ ถ้าไม่ได้จริงๆ อย่างมากพวกเราแค่หาสถานที่อื่น ไม่เข้าร่วมงานชุมนุมเซียนพเนจรก็เท่านั้น!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด