เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 616 แผนการล้มเหลว
บทที่ 616 แผนการล้มเหลว
ราชสำนัก
ต่าลาให้คนมาช่วยช่างฝีมือจากต้าจิ้นเหล่านั้นสร้างกระโจมสำหรับปลูกผักและผลไม้
อาหารที่ชาวต้าจิ้นทำนั้นมีความหลากหลายและอร่อยเป็นอย่างมาก เครื่องปรุงรสและเครื่องเทศก็เป็นแบบที่พวกเขาไม่มี
พวกเขาที่คุ้นเคยแต่กับอาหารบนทุ่งหญ้า เมื่อได้ลองกินอาหารของพวกเขา ก็เริ่มติดใจขึ้นมาเล็กน้อย
ต่าลาคิดว่าท่านข่านและเค่อตุนคงไม่ได้กลับมาเร็ว ๆ นี้ จึงตั้งใจช่วยงานอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเค่อตุนไม่อยู่
“ต่าลา!”
มีนักรบลาดตระเวนชั้นผู้น้อยกลับมา “ท่านแม่ทัพต่าลา คนของเผ่าปี้ลี่เก๋อมาขอรับ”
“อะไรนะ?” ต่าลาคืนเมล็ดพืชในมือให้กับช่างฝีมือต้าจิ้น
ก่อนจะตามนักรบลาดตระเวนเดินออกมาจากกระโจม “น่าแปลก ปี้ลี่เก๋อเพิ่งมาไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงกลับมาอีก?”
“ไม่ทราบขอรับ แต่พาคนมาด้วยจำนวนมาก จนมืดฟ้ามัวดินเลยขอรับ!”
ต่าลามีสีหน้าเปลี่ยนไป “ไป เจ้าไปรวบรวมนักรบทั้งหมดในราชสำนักมา และรีบไปบอกให้ผู้หญิงที่ยังคงเก็บเห็ดอยู่ข้างนอก รวมถึงเด็ก ๆ ที่วิ่งออกไปเล่นข้างนอกให้กลับมา!”
“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ข้าไม่รู้ แต่ผู้นำเผ่าไม่สามารถพาคนมาราชสำนักมากมายเพียงนั้นได้ เจ้ามองดีแล้วใช่หรือไม่ว่าคนพวกนั้นเป็นนักรบ?”
“ดูดีแล้วขอรับ แตกต่างจากที่มาครั้งก่อนเลยขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปทำตามที่ข้าสั่ง”
จากนั้นต่าลาก็ให้คนเป่าแตรสัญญาณ ทุกคนที่ได้ยินต่างก็รีบกลับมาอย่างรวดเร็ว พวกผู้หญิงและเด็กต่างก็หลบเข้าไปอยู่ในกระโจม ส่วนชาวต้าจิ้นก็ถูกพากลับไปที่กระโจมทางทิศตะวันตก
สาวทอผ้าถามด้วยความหวาดกลัว “มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
หญิงสาวที่แต่งงานมาอยู่ที่นี่จึงตอบไปว่า “คาดว่าคงมีคนมาราชสำนัก แค่พวกเราไม่ออกไปก็พอ”
ต่าลาเตรียมพร้อมแล้ว และกำลังรอการมาถึงของปี้ลี่เก๋อ
…
“ย่ะ!” ชางฉีควบม้าด้วยความรวดเร็วอยู่ด้านหน้าสุด ทำให้คนที่ตามหลังมาถูกทิ้งห่างอยู่ไกล ๆ
“ท่านข่าน ยังเหลือระยะทางอีกครึ่งวันกว่าจะกลับถึงราชสำนัก พวกเราพักสักหน่อยเถอะขอรับ ข้าจะไม่ไหวแล้ว”
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ม้าไม่ได้หยุดพักเลย คงใกล้หมดเรี่ยวแรงแล้วเป็นแน่
ชางฉีก็ไม่ได้ฝืนเดินทางต่อ หลังจากลงมาจากหลังม้าก็ยืนอยู่ตรงนั้น และเอาแต่มองไปทางราชสำนัก
“ท่านข่าน ท่านยังกังวลอยู่หรือขอรับ?”
ชางฉีรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก “บางทีข้าอาจจะคิดมากไป”
เพราะก่อนที่เขาจะแต่งงาน น้อยครั้งที่เขาจะรู้สึกพะว้าพะวังเช่นนี้
“เค่อตุนฉลาดเพียงนั้น จะมีอันตรายได้อย่างไรกัน และราชสำนักก็ยังมีต่าลาอยู่ด้วยไม่ใช่หรือขอรับ ท่านวางใจเถอะขอรับ”
ชางฉีพยักหน้ารับรู้ “หวังให้เป็นเช่นนั้นก็แล้วกัน”
…
น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ฟังคำอธิษฐานของเขา
สิ่งที่ควรมาอย่างไรก็ต้องมา
ต่าลามองปี้ลี่เก๋อที่นำนักรบมา เส้นเลือดที่ขมับของเขาถึงกับเต้นตุบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยความโมโห “ปี้ลี่เก๋อ เหตุใดถึงพานักรบมาราชสำนักเช่นนี้!”
ปี้ลี่เก๋อนั่งอยู่บนหลังม้า แม้จะได้ยินดังนั้นทว่าเขาก็ยังไม่ยอมลงจากหลังม้า มองท่าทีเตรียมพร้อมรับมือรอบ ๆ ราชสำนักแล้วก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา “ทำไม ต่าลา เจ้าต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเช่นนี้อย่างนั้นหรือ?”
ต่าลาไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเขา “ปี้ลี่เก๋อ ไม่มีคำสั่งของท่านข่าน พานักรบมาราชสำนักโดยพลการ เจ้ารู้หรือไม่ว่าต้องชดใช้เช่นไร!?”
ปี้ลี่เก๋อหรี่ตาลง “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้พานักรบมาโดยไร้เหตุผล”
ต่าลาจ้องเขาด้วยสายตาเย็นชา และไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ก็ไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว
ปี้ลี่เก๋อมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขา ก็พบว่าล้วนเป็นคนที่ติดตามชางฉีทำศึกมาแล้วทั้งนั้น แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงต้อนฝูงสัตว์อยู่ที่นี่ไปวัน ๆ
ไม่ได้เรื่องจริง ๆ
“เค่อตุนเล่า?”
ต่าลาชักดาบวงพระจันทร์ออกมา “เรื่องเหลวไหลไม่ต้องพูดให้มากความ ปี้ลี่เก๋อ ในเมื่อเจ้าฝ่าฝืนกฎของราชสำนัก เช่นนั้นวันนี้ข้าจะเป็นตัวแทนของท่านข่านฆ่าเจ้าซะ!”
ปี้ลี่เก๋อได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “ชางฉีแต่งกับผู้หญิงต้าจิ้น เขาเพิ่งจะออกไป ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้อยู่ราชสำนัก ไม่แน่อาจจะไปลอบส่งข่าวให้พวกต้าจิ้นอยู่ก็เป็นได้!”
ต่าลารู้ดีว่าเหตุใดเซี่ยวั่งซูถึงออกจากราชสำนักไป แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกเขาก็มองไปทางต่าลาด้วยความงุนงงเล็กน้อย
ต่าลารู้ว่าไม่สามารถให้ปี้ลี่เก๋อพูดพล่ามต่อไปได้อีก จึงถืออาวุธพุ่งเข้าใส่ปี้ลี่เก๋อทันที คนของทั้งสองฝ่ายจึงเปิดฉากต่อสู้กัน
“ปี้ลี่เก๋อ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ พี่น้องทั้งหลาย ปี้ลี่เก๋อคิดจะก่อกบฏ เขาอยากเป็นข่าน!”
คนของราชสำนักได้ยินดังนั้นก็โมโหขึ้นมา จิตวิญญาณการต่อสู้พลันพวยพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า
ข้างหลังมีลูกเมียของพวกเขาอยู่
พวกเขาไม่มีวันยอมถอยอย่างแน่นอน!
ปี้ลี่เก๋อเป็นคนป่าเถื่อน ชอบใช้วิธีการชั่วช้า หากเผชิญกับต่าลาซึ่ง ๆ หน้า เขาไม่สามารถเอาชนะได้แน่
ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถูกใช้ให้ไปอยู่เผ่าที่ไกลที่สุด
แต่เขาเป็นคนมือสกปรก ดังนั้นจึงอาศัยตอนที่ต่าลากำลังจะจัดการเขา หยิบกริชออกมาแทงเข้าที่ท้องของต่าลาสุดแรง
“ต่าลา!”
ปี้ลี่เก๋อแทงเขาอย่างแรงไปสองครั้ง เมื่อต่าลาเริ่มหมดแรง เขาจึงเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเสียงดังลั่น “เหล่านักรบ ยึดราชสำนักซะ! แล้วข้าจะแต่งตั้งพวกเจ้าเป็นผู้นำเผ่า!”
ขณะที่เขากำลังได้ใจอยู่นั้น ลูกธนูดอกหนึ่งก็พุ่งมาตรงหน้าของเขา
หากไม่ใช่เพราะคนที่อยู่ด้านหลังของปี้ลี่เก๋อดึงเขาเอาไว้ ลูกธนูดอกนั้นคงจะยิงเข้าหัวของเขาไปแล้ว!
เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่า กลุ่มคนที่ขี่ม้ามาแต่ไกลนั่นมันชางฉีไม่ใช่หรือ!
“ท่านข่านกลับมาแล้ว!”
“ท่านข่านมาแล้ว!”
สถานการณ์เมื่อครู่พลันกลับตาลปัตรอย่างกะทันหัน ประกอบกับชื่อเสียงของชางฉี หลายคนที่ปี้ลี่เก๋อพามาด้วยจึงเริ่มล่าถอย
ปี้ลี่เก๋อรู้ว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ต้องสู้กับเขาจนตายไปข้าง เพราะเขาคงไม่สามารถหนีได้แล้ว ไม่สู้ทุ่มสุดตัวเสียยังจะดีกว่า
ชางฉีชักอาวุธออกมา แล้วพุ่งเข้าไปหาปี้ลี่เก๋อทันที
“ปี้ลี่เก๋อ ข้าปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีอย่างนั้นหรือ!?”
ปี้ลี่เก๋อมองใบหน้าที่หล่อเหลาของชางฉี ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ “มาสู้กัน!”
กลุ่มที่ออกไปล่าสัตว์ก็เข้ามาสมทบกับกลุ่มของราชสำนักทันที ชางฉีต้องการลากปี้ลี่เก๋อลงจากหลังม้า ทว่าฝีมือการขี่ม้าของปี้ลี่เก๋อนั้นนับว่าไม่เลว เขาห้อยตัวอยู่ใต้ท้องม้าเพื่อรอโอกาสที่จะลอบทำร้ายชางฉี
ชางฉีจะไม่รู้วิธีการของเจ้าสารเลวผู้นี้ได้อย่างไรกัน เขาเตะจนม้าหงายท้อง ปี้ลี่เก๋อที่คิดจะลอบทำร้ายเขา สุดท้ายกลับถูกม้าล้มทับ เมื่อชางฉีลงมาจากหลังม้าก็ลากตัวเขาออกมา ทว่าปี้ลี่เก๋อกลับบอกว่า มาเพื่อช่วยราชสำนัก!
เหตุผลก็คือ องค์หญิงต้าจิ้นได้กลับต้าจิ้นเพื่อไปรายงานเกี่ยวกับที่ตั้งของราชสำนัก!
…
และเวลานี้เซี่ยวั่งซูก็ได้มาถึงเผ่าของปี้ลี่เก๋อแล้วโดยใช้ทางลัด ซึ่งมีอาเอ่อร์ไท่เป็นผู้นำทาง
ผู้ชายที่ร่างกายแข็งแกร่งส่วนใหญ่ถูกปี้ลี่เก๋อพาไปด้วย ตอนนี้ในเผ่านอกจากผู้หญิงและเด็กแล้ว ก็เหลือผู้ชายเพียงบางส่วนกำลังต้อนสัตว์อยู่
น่ารื่อซูก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกัน จึงพาคนรีบวิ่งออกมาจากในเผ่า เมื่อเขาเห็นธงกองทัพต้าจิ้น ตอนแรกก็ต้องการจะเข้าไปสู้ ทว่ากลับเห็นอาเอ่อร์ไท่รวมอยู่ในกลุ่มด้วย
“อาเอ่อร์ไท่! เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน เจ้าพากองทัพต้าจิ้นมาเผ่าข้าทำไมกัน?!”
อาเอ่อร์ไท่โยนอาวุธที่แบกอยู่ด้านหลังลงบนพื้น “น่ารื่อซู! เจ้าช่วยอธิบายให้ข้าฟังหน่อย ว่าอาวุธพวกนี้ใช่อาวุธของเผ่าพวกเจ้าหรือไม่?! เป็นพวกเจ้าใช่หรือไม่ที่ไปปล้นชาวบ้านต้าจิ้น และโยนความผิดให้ราชสำนัก”
น่ารื่อซูชะงักไป ก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่มีทาง ท่านข่านมีคำสั่งแล้ว พวกเราจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดมากอีก หลีกทางให้ข้าเข้าไปดู หากไม่พบอะไร ข้าจะพาคนไปทันที”
“ไปอย่างนั้นหรือ? ทหารต้าจิ้นรู้ที่ตั้งของเผ่าข้าแล้ว จะปล่อยพวกเขาไปได้อย่างไรกัน!”
“อาเอ่อร์ไท่” เซี่ยวั่งซูเอ่ยเรียก
อาเอ่อร์ไท่จึงเอ่ยด้วยความนอบน้อมทันที “เค่อตุน”
“ในเมื่อพวกเขาสุราคำนับไม่ดื่ม จะดื่มสุราลงทัณฑ์ เช่นนั้นก็บุกเข้าไปดูให้รู้ไปเลย”
.
.
Comments