เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้ายบทที่ 617 ความตายมาอยู่ตรงหน้า
บทที่ 617 ความตายมาอยู่ตรงหน้า
น่ารื่อซูกำลังคิดจะถามเซี่ยวั่งซูว่า ‘เจ้าเป็นตัวอะไร ถึงกล้ามาจองหองที่เผ่าปี้ลี่เก๋อ’
สุดท้ายแม่ทัพที่เป็นผู้นำของทหารต้าจิ้น กลับนำกองทัพบุกเข้ามาแล้ว
พวกน่ารื่อซูต้องดูแลผู้หญิงและเด็ก และยังต้องสู้กับศัตรูต่างแคว้น ไม่นานพวกเขาก็กรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ประกอบกับพวกกัวเซี่ยวที่เดิมก็รู้สึกรังเกียจชาวถู่เจียที่มารุกรานชาวต้าจิ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านี้อยู่แล้ว เมื่อมีองค์หญิงใหญ่คอยหนุนหลัง พวกเขายังจะต้องกลัวอะไรอีก!
บัญชีแค้นทั้งเก่าและใหม่จึงถูกเอามาคิดรวมทั้งหมด! บุกเข้าไปแล้วฆ่าให้หมดนั่นถูกต้องแล้ว!
เพียงพริบตาก็ทำให้เจ้าสารเลวพวกนั้นตกจากหลังม้าได้แล้ว น่ารื่อซูเห็นดังนั้นก็เผยแววตาหวาดกลัวออกมา และทำได้เพียงด่าทออาเอ่อร์ไท่ ด่าว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดที่ทรยศต่อถู่เจีย!
อาเอ่อร์ไท่รู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไป หมายจะขอสู้ตายกับน่ารื่อซู
“เจ้าคนหน้าไม่อาย ท่านข่านดีกับเจ้าเพียงนั้น แต่พวกเจ้ากลับโยนขี้ให้ราชสำนักของพวกเรา ตอนนี้ยังกล้าบอกว่าพวกเราเป็นฝ่ายมาหาเรื่องเจ้าก่อนอีกอย่างนั้นหรือ อย่าให้ข้าเจอเชลยต้าจิ้นในเผ่าของพวกเจ้าก็แล้วกัน!”
เอ่ยจบอาเอ่อร์ไท่ก็สู้กับน่ารื่อซูจนชุลมุนไปหมด
ส่วนซูตี๋หย่าที่ได้ยินเสียงก็คิดจะหนี เมื่อเห็นว่าด้านนอกมีคนบุกเข้ามาแล้ว ก็รีบเก็บห่อผ้าทันที และคิดว่าจะขี่ม้าไปตามหาปี้ลี่เก๋อที่ราชสำนัก
แต่เผอิญพบกับภรรยาและลูก ๆ ของปี้ลี่เก๋อที่มีเหล่านักรบคุ้มกันใกล้กับคอกม้าเสียก่อน
เป่าอินเห็นซูตี๋หย่าก็นึกถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของปี้ลี่เก๋อช่วงนี้ขึ้นมาทันที จึงจ้องหน้านางด้วยความโกรธแค้น “ซูตี๋หย่า! ที่แท้ก็เป็นนางปีศาจจิ้งจอกอย่างเจ้านี่เอง เด็ก ๆ จัดการนางผู้หญิงคนนี้ซะ!”
ซูตี๋หย่าไม่เห็นเป่าอินอยู่ในสายตา แม้อายุจะห่างกันไม่มาก แต่เป่าอินก็มีลูกให้ปี้ลี่เก๋อถึงสามคนแล้ว รูปร่างหน้าตาจึงเปลี่ยนแปลงไปตั้งนานแล้ว ที่สำคัญปี้ลี่เก๋อเป็นคนที่ชอบสาวงามอย่างยิ่ง ทั้งยังเคยพูดจาว่าร้ายเป่าอินให้ซูตี๋หย่าฟังไม่น้อย บอกว่ารูปร่างของนางน่าเกลียด และมีนิสัยโหดร้าย
ซูตี๋หย่าคิดมาตลอดว่าเพราะผู้หญิงไร้ความสามารถผู้ชายจึงกินไม่อิ่ม จึงไปหาเศษหาเลยข้างนอก
ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเป่าอิน นางจึงไม่มีอะไรต้องกลัว
“เจ้ากล้าหรือ คนที่ปี้ลี่เก๋อรักที่สุดคือข้า หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า ระวังปี้ลี่เก๋อกลับมาจะเอาชีวิตเจ้า อย่าลืมสิว่าพี่ชายข้าคือใคร!”
เสียงเข่นฆ่าทางด้านนอกดังขึ้นเรื่อย ๆ ซูตี๋หย่าจึงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก คิดแต่จะรีบขึ้นม้าและหนีไป
เป่าอินเห็นเผ่าของตัวเองถูกคนทำลาย อีกทั้งทหารของต้าจิ้นเหล่านั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะซูตี๋หย่า ดังนั้นจึงพุ่งเข้าหาซูตี๋หย่าด้วยความเดือดดาล “นางสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!”
ทว่าซูตี๋หย่าย่อมไม่ยอมให้คนรังแกง่าย ๆ ดังนั้นจึงสู้กับเป่าอินอย่างอุตลุดทันที
ลูกชายของเป่าอินเห็นดังนั้น ก็หยิบมีดเล่มเล็กที่ปี้ลี่เก๋อทำให้เขาขึ้นมาแล้วพุ่งเข้าไปหาพวกนาง แต่กลับทำให้ซูตี๋หย่าโมโหยิ่งกว่าเดิม นางเตะเป่าอินออกไป จากนั้นก็คว้าเปียของเด็กคนนั้นมา และผลักเขาไปทางก้อนหินที่มีม้าผูกอยู่
“เจ้าเด็กสารเลว เจ้ากล้าตีข้าอย่างนั้นหรือ! เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน!”
ซูตี๋หย่าผลักเด็กออกพร้อมกับด่าทอไปด้วย เสียงร้องของลูกกระตุ้นเป่าอินขึ้นมาทันที และภาพตรงหน้านี้ก็ทำให้เป่าอินโมโหอย่างที่สุด
นางรู้ว่านักรบข้างกายนางไม่มีใครกล้าทำอะไรซูตี๋หย่า เพราะกลัวมู่เหรินจะมาล้างแค้น ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ พวกเขากลัวปี้ลี่เก๋อจะโกรธ
แต่นางไม่กลัว! ไม่ว่าแม่คนใดเมื่อเห็นคนทำร้ายลูกของตัวเองเช่นนี้ ก็จะมีความกล้าและมีพลังมหาศาลขึ้นมาเพื่อปกป้องลูก!
เป่าอินชักดาบวงพระจันทร์ของนักรบข้างกายออกมา แล้วพุ่งไปทางซูตี๋หย่า “ตายซะเถอะ!!!”
…
ทางฝั่งเซี่ยวั่งซูนั้นก็ถูกคนกลุ่มหนึ่งคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังสุด หลังจากอาเอ่อร์ไท่กดน่ารื่อซูลงได้แล้ว ก็จับเขามัดเอาไว้และเชิญนางเข้าไปในเผ่า
แม่ทัพกัวเซี่ยวได้นำคนบุกเข้าไปในค่ายเพื่อค้นหาเชลยก่อนแล้ว และจับคนของปี้ลี่เก๋อทั้งหมดออกมา
สุดท้ายก็เจอของที่ถูกพวกเขาปล้นมาจากในหมู่บ้านจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นของของต้าจิ้น และในเผ่าของปี้ลี่เก๋อยังมีเด็กสาวจำนวนไม่น้อยถูกขังอยู่ที่นี่ด้วย
ผู้หญิงเหล่านี้ก็คือพยานที่ดีที่สุด!
“องค์หญิงใหญ่ เป็นคนพวกนี้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
เซี่ยวั่งซูมองไปที่ผู้หญิงกลุ่มนั้น แล้วสั่งการทันที “มัดคนของเผ่าปี้ลี่เก๋อเอาไว้”
นางลงจากหลังม้า จากนั้นก็ยื่นกระบี่ในมือให้พวกนาง
“ใครรังแกพวกเจ้า ใครฆ่าครอบครัวของพวกเจ้า หยิบอาวุธขึ้นมา มีแค้นก็ล้างแค้น วันนี้ข้าอยู่ที่นี่จะให้ความเป็นธรรมกับพวกเจ้าเอง”
พวกผู้หญิงต่างมองนางด้วยความตื่นตระหนก จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ และเห็นว่าพวกเขาเป็นทหารของต้าจิ้น น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ จากนั้นก็คว้ากระบี่ที่เซี่ยวั่งซูยื่นให้ และพุ่งตัวเข้าไปฟันคนพวกนั้นอย่างสะเปะสะปะ
“ท่านพ่อ! ท่านแม่! ลูกล้างแค้นให้พวกท่านแล้ว!!!”
อาเอ่อร์ไท่เห็นเช่นนั้นก็เบนสายตาหนี
และในที่สุดน่ารื่อซูก็นึกออกแล้วว่าเซี่ยวั่งซูเป็นใคร ผู้หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าผู้นี้ก็คือเค่อตุนที่เพิ่งแต่งเข้ามา
“อาเอ่อร์ไท่ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าหากพวกเจ้าทำลายเผ่าปี้ลี่เก๋อ พวกเจ้าก็อาจจะสูญเสียความไว้ใจจากราษฎรชาวถู่เจียได้!?”
อาเอ่อร์ไท่หัวเราะเสียงเย็น ก่อนจะเหวี่ยงหมัดลงไปหนึ่งที “ข้าฟังแค่คำสั่งของท่านข่านและเค่อตุนเท่านั้น พวกเจ้าได้ใจราษฎรถู่เจียก่อนเถอะ ค่อยมาพูดเรื่องสูญเสียความไว้วางใจกับข้า”
ทหารของต้าจิ้นกำลังวิ่งไปทั่วเผ่า ทว่าตอนที่พวกเขาเห็นซูตี๋หย่าก็ต้องหมุนกายไปอาเจียนทันที
อาเอ่อร์ไท่ได้ยินดังนั้นจึงเดินไปดู
คิดไม่ถึงว่าจะเห็นภาพซูตี๋หย่าถูกตัดหัว ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ?
และภรรยาของปี้ลี่เก๋อก็กำลังชำแหละร่างของซูตี๋หย่าอยู่!
“ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้ว เจ้าตั้งท้องอยู่อย่างนั้นหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตั้งท้องกัน ในนี้ไม่มีอะไรจริง ๆ ด้วย!” เป่าอินโยนอาวุธทิ้ง เมื่อเห็นอาเอ่อร์ไท่นางก็ชี้ไปที่ซูตี๋หย่าแล้วพูดขึ้นมา “ผู้หญิงคนนี้เป็นคนยุยงปี้ลี่เก๋อให้บุกไปยึดราชสำนัก!”
อาเอ่อร์ไท่มองเป่าอินด้วยความรู้สึกสับสน ก่อนจะให้คนช่วยกันจับพวกเขามัดเอาไว้ อย่างไรเสียนางก็เป็นภรรยาของปี้ลี่เก๋อ ถึงเวลาก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ส่วนซูตี๋หย่านั้นนับว่าทำชั่วได้ชั่วจริง ๆ
เมื่อก่อนเขาคิดว่านางเป็นแค่คนเจ้าอารมณ์ แต่คิดไม่ถึงว่านางอยากจะให้ท่านข่านตายจริง ๆ
เวลานี้อาเอ่อร์ไท่จึงหมดคำจะพูดกับซูตี๋หย่า
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของซูตี๋หย่า อาเอ่อร์ไท่รีบวิ่งไปหาเซี่ยวั่งซูและเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง
ทว่าเซี่ยวั่งซูไม่คิดจะพาทหารของต้าจิ้นไปที่ราชสำนัก แต่ก็อดเป็นห่วงชางฉีไม่ได้ ในใจจึงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
“เค่อตุน แม้ว่าข้าจะไม่สามารถพาทหารต้าจิ้นเข้าไปยังที่ตั้งของราชสำนักได้ แต่สามารถเข้าไปใกล้ ๆ ได้ ถึงเวลาให้ข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ที่ราชสำนักดูก่อน หากท่าไม่ดีจริง ๆ ท่านข่านย่อมไม่มีทางตำหนิท่านอย่างแน่นอน”
เซี่ยวั่งซูก็ไม่ใช่คนที่จิตใจโลเล ดังนั้นจึงขอให้กัวเซี่ยวจัดเตรียมกำลังคนและติดตามอาเอ่อร์ไท่กลับไปที่ราชสำนักก่อน
หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับราชสำนัก!
…
ราชสำนัก
คำพูดของปี้ลี่เก๋อไม่เพียงบอกว่าเซี่ยวั่งซูทรยศชางฉีเท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่มน้ำลายใส่หน้าทุกคนในราชสำนักอีกด้วย
เพราะเซี่ยวั่งซูเป็นทั้งนายหญิงของพวกเขา และเป็นตัวแทนของถู่เจียด้วย!
ปี้ลี่เก๋อบอกว่านางหนีไป นี่มัน…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่
ต่าลาจึงสั่งให้คนประคองเขาขึ้นมา และเอามือกุมบาดแผลเอาไว้ แล้วพูดด้วยเสียงอันดังลั่นว่า “เหลวไหล! ท่านข่าน ท่านอย่าไปเชื่อคำพูดของปี้ลี่เก๋อนะขอรับ เค่อตุนไม่ได้ทรยศท่าน แต่เป็นเพราะกองทัพต้าจิ้นจับตัวกลุ่มคาราวานของพวกเราไป นางจึงได้ออกหน้าไปพาคนกลับมาด้วยตัวเองขอรับ!”
.
.
.
Comments