ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวยบทที่ 1576 เดาความคิดออก
บทที่ 1576 เดาความคิดออก
…………….
บทที่ 1576 เดาความคิดออก
อาจั่วก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรสักคำ ทำตัวราวกับว่าตนเองไม่ได้อยู่ตรงนี้
ฉินเย่จือไม่ได้อ่านเอกสารตรงหน้าอีกต่อไป เมื่อเห็นอาจั่วเข้ามาก็วางพู่กันลงแล้วเอ่ยถามว่า “มีเรื่องอันใดหรือ ทางด้านกู้เสี่ยวหวานเกิดเรื่องอะไรหรือไม่”
อาจั่วครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีเรื่องหรือไม่?
ดูเหมือนว่ามีและดูเหมือนว่าไม่มี
ในที่สุดอาจั่วก็พยักหน้า “นายท่าน วันนี้อารมณ์ของคุณหนูไม่คงที่เอามาก ๆ”
“หนิงอันและหนิงผิงส่งจดหมายมาหรือ กู้เสี่ยวหวานมีความสุขที่ได้อ่านมันหรือไม่” ฉินเย่จือกล่าวเคล้ารอยยิ้มที่พบได้ยาก
รอยยิ้มของนายท่านไม่ใช่เรื่องน่าแปลกของอาจั่ว แต่ภายในพระราชวัง แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นรอยยิ้มของเจ้านาย แต่ในตอนอยู่ในสวนชิง หาได้ยากมากที่จะมองไม่เห็นรอยยิ้มของนายท่าน
“คุณหนูมีความสุขมาก แต่หลังจากที่นางมีความสุข…” อาจั่วพยายามรวบรวมคำพูดและพยายามที่จะอธิบายออกมา “คุณหนูมีท่าทางกระสับกระส่ายเล็กน้อย ราวกับว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ”
“พูดว่าอย่างไร?” เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานดูเหมือนไม่สบาย ฉินเย่จือก็ขมวดคิ้วแน่น
ช่วงนี้มีเอกสารจำนวนมากที่ต้องจัดการ เขาเพิ่งกลับมาจากพระราชวังเมื่อครู่นี้ และตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาก็อยากจะไปดูแมวน้อยตัวนั้นด้วยตนเอง แต่เขาบอกนางเกี่ยวกับสถานะของตัวเองไปแล้ว และการไปหานางทุกวันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ฉินเย่จือรู้สึกท้อแท้เล็กน้อย ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้เขาคงจะไม่บอกนางออกไป
ตอนนี้ข้าต้องการพบนาง แต่ข้าไม่สามารถหาเหตุผลที่ดีได้
“คุณหนูมองของที่ท่านทิ้งไว้ให้แล้วก็เอาแต่เหม่อลอย” อาจั่วบอกว่ากู้เสี่ยวหวานนั่งมองแหวนหยกและปิ่นปักผมนานกว่าหนึ่งชั่วยาม ซึ่งทำให้ฉินเย่จือสับสนเล็กน้อย
“เจ้าหมายถึงเมื่อนางดูสองสิ่งนี้แล้วเดี๋ยวก็มีความสุขเดี๋ยวก็เศร้าหรือ” ฉินเย่จือขมวดคิ้ว ดวงตาเรียวยาวที่สวยงามของเขาดูเหมือนจะเย็นเยือกลงทันใด
อาจั่วพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นายท่าน”
อาจั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “นายท่าน ดูเหมือนว่าคุณหนูจะสนใจจดหมายรักที่นายน้อยรองส่งมาถึงฮู้กั๋วจวิ้นจู่เป็นพิเศษ”
“จดหมายรักหรือ?” ฉินเย่จือถามกลับ “มันคืออะไรกัน?”
“นายน้อยรองเขียนจดหมายที่ส่งถึงจวิ้นจู่เป็นพิเศษ คุณหนูแกล้งจวิ้นจู่โดยบอกว่านางต้องการเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน และต้องการดูว่านายน้อยรองเขียนอะไรถึงจวิ้นจู่”
หลังจากได้ยินคำพูดของอาจั่วแล้ว ฉินเย่จือก็ไม่ได้พูดอะไร และเพียงยื่นมือขวาออกไปหยิบถ้วยชาลายครามบนโต๊ะขึ้นมาจิบน้ำชา
ในถ้วยชาไม่มีชา มีแต่น้ำเปล่า
เจ้าแมวน้อยบอกเขาว่าอย่าดื่มชากลางดึก ไม่เช่นนั้นจะนอนไม่หลับและจะไม่ดีต่อสุขภาพของเขา
เขารักลูกแมวและร่างกายของเขาคือร่างกายของนาง ดังนั้นเขาจึงเชื่อฟังนางตามธรรมชาติและไม่มีทางทำให้นางรู้สึกกังวลใจอย่างแน่นอน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาเปลี่ยนนิสัยการดื่มชาตอนกลางคืนแล้ว
แม้ว่าจะสนทนากับฮ่องเต้ที่พระราชวังในคืนนี้เป็นเวลานาน ฮ่องเต้ก็ถามเขาด้วยความสงสัยว่า ทำไมเขาถึงไม่ดื่มชาที่ดีที่สุดที่เขานำมาเป็นเครื่องบรรณาการ ฉินเย่จือก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมา
เขาดื่มน้ำต้มในถ้วยชา และขนตายาวของเขาก็ทอดเงาหนาบนแก้ม
ผิวเนียนสะอาดดั่งหยก และดวงตาสีดำขลับแพรวพราวระยิบระยับคู่หนึ่งซึ่งเยือกเย็นราวกับดวงดาวและอ่อนโยนดั่งแสงจันทร์ในยามที่เผยรอยยิ้ม
ดั้งจมูกตรงและริมฝีปากเป็นสีแดงสด โครงหน้าชัดเจนดูหล่อเหล่า ในขณะนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในราชสำนักแล้ว และสวมเพียงเสื้อผ้าสีขาวซึ่งทำให้เขาดูผอมและสูง สันโดษและสง่างาม
อาจั่วประสานมือไว้ข้างหน้า รอให้ฉินเย่จือพูดบางอย่าง
บรรยากาศทั่วทั้งห้องเงียบสนิท เมื่ออาจั่วไม่คิดว่านายท่านจะเอ่ยอะไร ฉินเย่จือก็คลี่ยิ้มจางและพูดว่า “เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน” หลังจากได้ยินเช่นนี้ อาจั่วก็หันหลังและเตรียมจากไป นางนำเรื่องของคุณหนูมารายงาน และนายท่านจะหาทางแก้ไขได้อย่างแน่นอน
ร่างที่แข็งแรงกระโดดขึ้นแล้วหายไปกับความมืดยามค่ำคืน
ฉินเย่จือเอนกายลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านเพื่อพักผ่อน หากแต่ใบหน้ายังคงแสดงรอยยิ้มไร้เดียงสาที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นครั้งคราว
คงไม่มีใครเคยเห็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งจะยิ้มอย่างโง่เขลาแบบนั้นจริง ๆ
ลูกแมวตัวนี้
มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนที่มุมปากของฉินเย่จือ และอารมณ์เย็นชาของร่างกายทั้งหมดก็เจือลง ทำให้มีอารมณ์ที่น่าหลงใหลไปทั่วร่างกายของเขา
เมื่ออาโย่วเข้ามาก็เห็นว่าเจ้านายของตนมีท่าทางอ่อนโยนและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้อาโย่วรู้สึกประหลาดใจ
“ข้าได้ยินมาว่าทางราชสำนักได้ฝึกนกพิราบสื่อสารชุดใหม่ เจ้าไปนำมันมาให้ข้าสองตัว” ฉินเย่จือสั่ง
อาโย่วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย จากนั้นรีบพยักหน้าตอบรับและหันหลังกลับเพื่อจากไป แต่ฉินเย่จือก็พูดขึ้นอีกครั้ง “จับมาสองตัวที่ดูดีและดูเชื่องมากที่สุด”
อาโย่วตอบรับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมนกพิราบสื่อสารถึงต้องสวยงามและเชื่องด้วย แต่นางทำได้เพียงเชื่อฟังคำสั่งของนายท่าน ดังนั้นจึงออกไปนำนกพิราบมาทันที
หลังจากที่อาโย่วจากไป ฉินเย่จือก็ยิ้มราวกับพระจันทร์เสี้ยว ก่อนที่เขาจะผลักเอกสารทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าออกไป นำกระดาษจดหมายแผ่นหนึ่งออกมาและเริ่มเขียนข้อความลงไป
“หวานเอ๋อร์ เห็นตัวอักษรก็เหมือนเห็นหน้า”
กู้เสี่ยวหวานพลิกตัวไปมาบนเตียงเพราะนอนไม่หลับ เมื่อคืนก่อนนอนกอดแล้วก็หลับไป แต่มันก็เป็นเวลาแค่คืนเดียวเท่านั้น เป็นไปได้ไหมว่านางเคยชินกับการพักผ่อนในอ้อมแขนของเขา?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ก่นด่าตนเองในใจ
ตัวเองคุ้นชินกับอ้อมกอดนั้นเพียงแค่นอนในอ้อมกอดอบอุ่นแค่คืนเดียว มันไม่สมเหตุสมผลเลย
ดูเหมือนว่าจดหมายรักที่อวี้ซูได้รับในวันนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ
นางโตขนาดนี้
นอกจากถูกเพื่อนร่วมชั้นแอบส่งจดหมายรักมาให้ตอนเรียนหนังสือแล้ว นางก็ไม่เคยได้รับจดหมายรักจากคนรักเลย
จะรู้สึกอย่างไรเมื่อคนรักเขียนจดหมายรักถึงตัวเอง?
เฮ้อ…
นางพลิกไปพลิกมาอยู่นาน แต่ก็ยังหลับไม่ลง
ในขณะนี้นางไม่รู้ว่าข้างนอกบ้านมีนกพิราบสื่อสารสีดำบินเข้ามาในสวนชิง
…………….
Comments